เส้นทางก่อนบวช (ไม่สึก?) ของ “พระแจ๊ส”

เดินเข้าสู่เส้นทางธรรมไปแล้วสำหรับ “พระมหาวิริโยภิกขุ” พร้อมกับความตั้งใจแน่วแน่ที่จะไม่ขอสึก แต่ดูเหมือนกระแสเสียงที่มีอยู่กับนามสมมติทางโลกของ “แจ๊ส สรวีย์ นัดที” อดีตมิสทิฟฟานี่ปี 2009 จะยังคงเป็นประเด็นที่หลายคนให้ความสนใจ

วันนี้ Super บันเทิง อาสาพาไปรับรู้เรื่องราวอีกหนึ่งแง่มุมที่มาจากคนใกล้ชิดอย่าง “หนุ่ม จีสตาร์” คนดังที่บรรดาชาวสีม่วงต่างรู้จักกันดีและเป็นผู้บริหาร “จีสตาร์ พาวิลเลี่ยน” อภิมหาผับเกย์ชื่อดังย่านแยกเหม่งจ๋าย หนึ่งในคนสำคัญกับการเข้าสู่ร่มกาสาวพัสตร์ของพระแจ๊สในครั้งนี้

“จริงๆ ท่านจะบวชนานแล้ว ก่อนหน้าก็อยู่วัดมา 2 ปีแล้ว คือท่านทำงาน 3 วันอัดเป็นเทป แล้วก็ไปอยู่วัด 4 วัน เหมือนกับว่าท่านชินแล้ว ซึ่งมีช่วงหนึ่งที่ผมมีปัญหาท่านก็พาผมไปถือศีล 8 นุ่งขาวห่มขาวที่วัดที่วังน้ำเขียว เราก็รู้สึกว่าท่านเปลี่ยนไปเยอะ ท่านไม่เหมือนคนเดิม”

“กับการที่เราเป็นพี่มีอะไรต้องสอนน้อง แต่กลายเป็นเวลาเราคุยอะไรกับท่าน ท่านก็จะสอนเราเรื่องธรรมะเยอะขึ้น อยู่ด้วยกันที่วัดสักพัก ก็กลับมามีช่วงนึงท่านก็มาขอบวช ท่านก็บอกว่าถ้าจะบวชก็ได้ แต่ติดที่แม่ เพราะแม่ไม่ยอม”

ลางบอกเหตุ
“คือตอนนั้นพ่อผมป่วยมากอยู่ไอ.ซี.ยู.อาการหนักมาก แล้วท่านก็โทร.มาขอให้ผมไปถือศีล 3 วันได้ไหม พระพุทธเจ้าขอ ท่านพูดอย่างงี้ แล้วในช่วงเวลานั้นเราต้องทำเพื่อพ่อเราไว้ก่อน เราก็เลยลองไปทำดู ปรากฏว่าพ่อผมกลับบ้านได้ อาการดีขึ้น ซึ่งหมอก็ยังงงเลย ทั้งฟอกไต ทำนู่นทำนี่เยอะมาก”

“อีกสักพักท่านก็บอกเราอีกว่าเดี๋ยวแม่ผมจะป่วยอีก หลังจากนั้น 7 วันน้องสาวก็โทร.มาบอกว่าแม่ป่วยต้องไปโรงพยาบาลอีกแล้ว ซึ่งทุกๆ อย่างเป็นสิ่งที่ท่านเคยพูดซึ่งท่านไม่ใช่คนก้าวร้าวที่จะมานั่งบอกสอนเราอย่างงี้ อยู่ดีๆ ท่านก็พูดออกมา ท่านบอกอีกว่าเราทำธุรกิจเกี่ยวกับเหล้าด้วยมันก็เลยมีผลกระทบกับพ่อแม่ ซึ่งท่านก็พูดตรงหลายอย่าง”

อีกฝ่ายไปไกลกว่าที่คิด
“คือเวลาที่เราไปนั่งสมาธิกัน เราแค่นั่งแล้วสงบใจ แต่ท่านไปไกลเยอะ ได้รับรู้อะไรดีไม่ดีอยู่ตรงไหน แล้วมีความสุข แล้วเวลาไปอยู่ที่วัดท่านไม่มีคราบของมิสทิฟฟานี่เลย เพราะอยู่ที่วัดต้องทำงานหนักๆ เช่น ยกกระถางปลูกต้นไม้ ซึ่ง 2 ปีที่ท่านทำอยู่อย่างงี้ แรกๆ กลับมาก็งงๆ ว่าท่าเป็นอะไรมากหรือเปล่า คุยกับท่านไม่ค่อยรู้เรื่อง ทำไมไปคุยเรื่องพระเรื่องเจ้ามากจัง”

“มีวันหนึ่งก่อนที่จะกลับจากวัดเราก็พูดกับท่านว่าถ้าคิดจะบวชให้บอก เดี๋ยวจะจัดการให้ ซึ่งผมคิดว่าถ้าท่านไม่บวชก็ควรจะไปเป็นนักการเมือง หลังจากนั้นเดือนกว่าท่านก็โทร.มาบอกพร้อมแล้วพ่อแม่อนุญาตแล้ว เหลือแต่ผมกับการเอาหน้าอกออก”

วางแผน...
“หลังจากที่ตัดสินใจจะบวชแล้วท่านก็ได้ขอเราขายรถ (รางวัลจากการประกวดมิสทิฟฟานี่) จะเอาเงินก้อนนี้เป็นก้อนสุดท้ายให้แม่เก็บไว้ เพราะจะไม่มีรายได้จากลูกแล้ว เพราะพระแจ๊สมีพี่ชายอีกหนึ่งคน แต่ไปเป็นทหารที่ภาคใต้แล้วถูกยิงเสียชีวิตแล้ว ท่านจึงคิดว่าขายรถดีกว่าจะได้เห็นเงินแม่ไว้เป็นก้อนสุดท้าย”

“ส่วนเรื่องผ่าหน้าอก ตอนนั้นมันฉุกละหุกมากหาเงินไม่ทัน รถก็ยังขายไม่ได้ พระแจ๊สก็โทร.มาขอยืมเงินก่อน 25,000 บาท เพื่อที่จะไปเอาหน้าอกออก หลังจากนั้นพอท่านขายรถได้ก็ส่งเงินกลับมาพร้อมกับส่งข้อความมาบอกว่าจะบวชแล้ว ซึ่งตอนนั้นงานผมยุ่งมากเลยไม่ได้ไปร่วมงาน”

“ผมเป็นคนบอกท่านเองว่าให้ไปบวชเถอะ แต่ถ้าบวชก็ไปอยู่วัดที่จนๆ เราจะไปช่วยทำนุบำรุงพุทธศาสนา คือจากการที่ได้คุยกันเรารับรู้ได้เลยว่าเค้าควรจะบวช เราก็ได้บอกท่านไป ท่านก็บอกว่าท่านก็คิดอยากจะบวชนานแล้ว แต่ก็กลัวเสียงสะท้อนจากทุกคน ขนาดแม่ของพระ พระโทรไปบอกว่าจะบวชตอนแรกๆ ท่านก็รับไม่ได้ โดยท่านก็ใช้เวลาถึง 1 เดือน แม่ท่านถึงยอมให้บวช”

“ก็รู้สึกดีและปลื้มใจ ผมรู้สึกว่าถ้าเป็นผู้ชายแท้ๆ หรือเป็นเกย์การตัดสินใจจะบวชเป็นเรื่องที่ง่าย แต่ถ้าเป็นสาวประเภทสองถ้าจะตัดสินใจบวชมันยากมาก ไหนจะห่วงผม ห่วงหน้าอก คนๆ นั้นต้องตัดกิเลสได้จนหมดถึงจะบวชได้”

วอนสังคมให้โอกาส
“การจะไปขีดกรอบให้เกย์หรือสาวประภทเลย มันไม่ยุติธรรม ถ้าคนๆ นึงจะเอาดีทางด้านนั้นก็อนุโมทนาบุญไปเถอะ อย่าไปมองมุมไม่ดีเลย และอีกอย่างช่วง 2 ปีที่ผ่านมาพระแจ๊สช่วยงาน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาตลอด เพราะอย่างที่บอกว่าพี่ชายของท่านถูกยิงเสียชีวิต ท่านก็เลยไปช่วย แม้กระทั่งช่วงน้ำท่วมศิริราชท่านก็ไปช่วยยกกระสอบทรายมา”