พ่อนักแสดงสาว “กรีน อัษฏาพร” โพสต์คลิปหลังหนุ่ม “เคลลี่” ยื่นเรื่องฟ้อง บอกถ้าใครจะด่าลูกสาวให้มาด่าตนแทน ถามนักแสดงหนุ่มถ้ารักรอให้สาวกรีนเรียนจบได้หรือไม่?
กลายเป็นเรื่องขึ้นมาจนได้ จากกรณีที่นักแสดงหนุ่ม “เคลลี่ ธนพัฒน์” พร้อมแฟนสาว “กรีน อัษฏาพร” ได้พากันไปยื่นเรื่องฟ้องนาย “ลิงค์ ฉัตรฎรัฐ สิริวัฒน์ธนกุล” ซึ่งเป็นบิดาของสาวกรีน โดยให้เหตุผลว่า ถูกอีกฝ่ายนั้นข่มขู่มานานหลายเดือน ขณะที่ตัวของสาวกรีนเองต้องถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น
ล่าสุด ทางด้านของนายฉัตรฎรัฐ ซึ่งเป็นนักธุรกิจชื่อดังเจ้าของสงขลา อะควาเรียม ก็ได้โพสต์คลิปเพื่อเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว โดยบอกว่า หากใครจะต่อว่าลูสาวตนก็ให้มาว่าตนแทนดีกว่า
“ในโซเชียลมีเดียนี่ลูกสาวผมก็โดน ผมก็ต้องขอโทษประชาชนทุกคนที่ดูนะฮะ แล้วในสื่อโซเชียลมีเดียทั้งหมดนี่ ผมขอโทษแทนลูกสาวผม ยังไงให้ว่าในโซเชียลมีเดียทั้งหมดนี่ ถ้าจะว่าลูกสาวผมมาว่าผมแทนแล้วกันครับ ที่ผมต้องมาชี้แจงวันนี้ เป็นเพราะว่าลูกสาวผมก็ดี คุณเคลลี่ก็ดี สิ่งที่เขาทำกันทั้งสองคน ที่เขามักจะใช้ว่าสองคนมีความรักต่อกันนี่ มันเป็นความดีงามนะครับ ไม่ใช่ไม่ดีงาม แต่จำกัดความว่าสองคนรักกัน ก็ต้องมีครอบครัวด้วยครับ คุณก็มีครอบครัวของคุณ ผมก็มีครอบครัวของผมเหมือนกัน มั้งต้องลงรอยทั้งสองฝั่ง เพราะว่าชีวิตของคนเราถ้าเลือกที่จะอยู่กันสองคนในโลกนี้ แล้วผู้ใหญ่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย มันไม่น่าเป็นความรักที่สวยงามได้”
“เล่าตั้งแต่เรื่องเลี้ยงดู เขาเป็นลูกสาวคนโตในบ้านผม ผมตีเขา ผมดูแลเขา ผมสอนเขาให้เขาเป็นคนดี แล้วก็อยู่ในกรอบตลอด เพื่อหวังว่าเขาเป็นพี่สาวคนโตที่จะดูแลน้องได้สอนน้องได้ เป็นกำลังใจให้แก่หม่าม้าเขาได้ สอนให้เขาเป็นคนดีครับ สุดท้ายผมผิดเองครับ ที่ไม่เคยให้เขาคบผู้ชายเลย เขาอยู่โรงเรียนผู้หญิงตลอด จนจบจนสอบมหาวิทยาลัยได้ เขาก็สอบเอนท์ แล้วไปติดเอเอฟเหมือนกัน ผมถึงถามเขาว่าตอนที่เขาสอบติดมหาวิทยาลัย แล้วก็ติดเอเอฟจะเลือกอะไร เขาก็เลือกเอเอฟทันทีเลย ป๊ายังไงหนูขอนะ ผมก็ถามเขาว่าแล้วการเรียนล่ะ เขาก็ขอดร็อปเอาไว้ก่อน ผมก็ต้องยอม ผมจะทะเลาะกับลูกก็ไม่ได้ ในเมื่อลูกเลือกทางนั้นเราก็ต้องให้ลูกไป นั่นก็เป็นสิ่งจริงที่มันเกิดขึ้น แล้วก็ 5 ปีที่ผ่านมานี่ ผมก็ต้องทำธุรกิจผมเหมือนกัน ผมก็ต้องมาดูแลที่อควาเรียม สงขลา เดินทางไปกลับตลอดเวลา กลายเป็นว่าเวลาผมดูแลลูกน้อยเกินไป แต่สิ่งที่ตอบโจทย์ได้ คือ ผมพยายามทำให้ดีที่สุดให้แก่ลูกสาวผม ผมรักลูกสาวผม”
ยืนยันไม่เคยกีดกันหรือข่มขู่อีกฝ่าย
“จนวันนึงจู่ๆ คุณเคลลี่เดินเข้ามาในบ้านผม คุณเคลลี่มาบอกป๊าครับผมขอจีบลูกสาวป๊าหน่อยนะครับ ผมไม่เคยกีดกันเลย ผมก็ยินดีครับ แต่ผมก็ขอนะคุณเคลลี่ ให้ลูกสาวผมเรียนหนังสือให้จบก่อนได้ไหมครับ เป็นลูกผู้ชายต้องอดทนนะ ผมยินดีนะ ลูกสาวผมรักใครผมรักด้วยนะฮะ อันนี้ผมยังยืนยันตลอดเวลาเลย ดังนั้น คุณเคลลี่คุณต้องอดทนสิครับ วันนี้คุณฟ้องผม ผมก็ยังงงๆ คุยกับเพื่อนฝูง ทุกคนที่รู้เรื่อง เอ๊ะ..ผมเป็นใคร เป็นพ่อประสาอะไรล่ะ เขาจีบลูกสาวคุณแล้วมาฟ้องผม ฟ้องพ่อของลูกสาวนี่ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไงดี เพราะจริงๆ เราพยายามบอกลูกกรีนว่า ลูกกรีนเรียนให้จบก่อน ลูกกรีนเชื่อเหอะ ป๊าให้เรียนให้จบก่อน ทุกอย่างที่ลูกกรีนจะเลือกป๊ายินดี ป๊าไม่เคยมากีดกันพวกหนูเลย ใช่ไหมฮะ”
“แต่เอาล่ะที่เคลลี่บอกว่าต้องฟ้องผม เพราะ 10 เดือนที่แกต้องมาทนลำบากทนทุกข์ผมขมขู่ ผมพูดความจริงเลยนะครับ ผมไม่เคยข่มขู่คุณเคลลี่เลย แต่ทำไมผมต้องทำหนังสือไป เพราะหลังจากนั้น ที่คุณเข้ามาในบ้านผมแล้วนี่ ผมขอร้องให้คุณรักษากติกาในบ้านผม แล้วคุณทำไม่ได้ อยู่ๆ วันนึงแม่เขาจับได้ว่าคุณพาลูกสาวผมไปงานลอยกระทง แล้วส่งภาพมาในอีเมลงานของลูกกรีน แม่เขาจับได้ แม่เขามาบอกผมว่าอย่างนี้มันก็ผิดกติกากันแล้วนี่ ผมก็โทรศัพท์หาคุณเคลลี่ มาคุยกันหน่อยได้ไหมป๊าจะคุย แกก็บอกผมว่าป๊าเดี๋ยวผมขอจัดคิวละครก่อนนะ เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่ผมคุยกับป๊ากับม้าแน่นอนเลย มาคุยกันสามฝ่าย จะได้อธิบายให้เข้าใจเลย”
“เราก็เอ้อ..เขายังลูกผู้ชายอยู่ ปรากฏว่า วันนั้นผมลืมไป เขาไม่โทร.กลับมา จนแฟนผมถามว่าเคลลี่โทร.มาหรือยัง ผมก็นึกขึ้นได้ ผมก็โทร.กลับไปหาเคลลี่ทันที เคลลี่เขาตอบผมว่า ป๊าผมคุยกับลูกกรีนแล้ว ลูกกรีนบอกจะคุยกับป๊ากับหม่าม๊าเอง ผมก็เลยว่าเอ่อ คุณเคลลี่ คุณรับปากผมว่าจะมาคุยกันนะ ว่าเรื่องคืออะไร ให้มันกระจ่างกัน แต่คุณกลับให้ลูกสาวมาคุยกับผมแทน ผมก็เลยงงๆ ว่าจะใช่ลูกผู้ชายจริงหรือเปล่า มันชักจะเปลี่ยนจุดประสงค์ไป เอาล่ะผมก็รอ ไม่เป็นไร อย่างงั้นก็รอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป ยอมรับว่าตอนนั้นผมเครียด แล้วก็คุยกับลูกสาวบ้าง ก็อาจจะกดดันลูกกรีนว่าต้องเลิก ต้องอะไรต่างๆ ตอนนั้นผมกดดันลูกกรีนมาก ลูกกรีนก็โกรธผม”
“แต่ขณะนั้นผมก็คิดว่าเราไปกดดันลูกสาวเรามากเกินไป เขาก็กำลังจะมีละครต่างๆ ขึ้นมา ซึ่งแม่เขาก็บอกให้ผมเพลาๆ มาหน่อยนึง เราก็ต้องยอมถอยมา จนมีข่าวเรื่องคลิปต่างๆ ที่เขาไปเที่ยวเมืองนอก ไปอะไรต่างๆ ซึ่งเราเองก็ยังรู้สึกว่า เขาคบกันแล้วบางทีมันก็ต้องยอมบ้าง แต่ตอนนี้มันเป็นเรื่องในโซเชียลมีเดีย ที่ทุกคนพูดถึง เราก็ต้องเรียกเคลลี่มาคุย ผมตามเขามาเป็นปีแล้วนะครับ ให้เขามาคุยกันดีกว่า อย่าเป็นเรื่องเป็นราวอย่างนี้เลย เพราะเป็นเรื่องเป็นราวมันไม่ดี”
“โดยหนังสือที่ผมออกไปแต่ละฉบับนี่ ผมก็เรียนขอความร่วมมือคุณรัฐพงศ์ เคลลี่ ธนะพัฒน์ แต่ผมให้ทนายความทำ แต่โอเค มีสำนักทนายความผมก็ลบทิ้ง แล้วส่งขอให้มาพูดคุยกัน ส่งไปที่บ้านเขาก็แล้วไม่มีคนรับ โทร.หาเขาแล้วเขาก็ไม่รับ โทร.หาลูกสาวผมยิ่งไม่รับใหญ่ โกรธผม ผมก็รู้ว่าลูกสาวผมหลงเขาล่ะ เราก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว ลูกสาวเราหลงเขาล่ะ ก็ต้องตามมาสู้ความจริงให้ได้นะฮะ จนวันนี้ผมพยายามตามเขาก็ไม่ได้ ผมก็เลยต้องสื่อหนังสือไปถึงผู้ใหญ่ช่อง 7 ผมขออนุญาตท่านว่า ช่วยตามเคลลี่ศิลปินของท่านนี่ คุยกันได้ไหม ในฐานะครอบครัวกันคุยกันให้เข้าใจ ใช่ไหมครับ ช่อง 7 ก็เอื้อเฟื้อ ตามคุณเคลลี่มาคุยกับเราได้”
“แต่การคุยกับคุณเคลลี่ไม่ใช่คุยกับตัวเรา เขาส่งหนังสือมาครับ โดยทนายความที่เขาขึ้นไปให้สัมภาษณ์ด้วยกัน ส่งมาวันที่ 20 ส.ค. ขอแจ้งให้หยุดกระทำการรบกวนสิทธิส่วนบุคคล เรียนคุณฉัตรฎรัฐ ก็คือ ผมว่ารบกวนสิทธิส่วนบุคคล เป็นเอกสาร ซึ่งพอผมได้รับเอกสารนี้เสร็จผมก็ทำใจ ก็ต้องไปคุยกับลูกกรีน แล้วลูกกรีนก็บอกว่า งั้นป๊ามาถึงขนาดนี้แล้ว หนูจะเลิกกับเขาตอนสิ้นปีที่ผ่านมา ผมก็เย็นใจหน่อย ว่ายังดีเขาจะเลิกกัน เราก็ว่ายังดี เราจะได้ไม่ต้องยุ่ง ที่ไหนได้ข้ามามาปีนี้ปี 56 เขาฟ้องผมเลย”
“อ้อ...มีอันนึง อาจจะเป็นวันที่รับรางวัลกินรี ซึ่งผมลงมาจากสงขลามาเยี่ยมลูกสาว เพราะลูกสาวเขาได้ถ้วยรางวัลกินรี คุณเคลลี่เขาก็ได้ใช่ไหมฮะ ผมก็ไปรอยินดีกับลูกสาวผม ผมเจอคุณเคลลี่ในงาน กับผมเขายังไม่กล้าทักผม ไม่ไหว้ก็ไม่ว่ากัน แต่ทักกันนิดนึงก็ยังดี ไม่เขาหลบหน้า เดินหนีเลยฮะ ผมต้องไปกอดลูกสาวผมแล้วก็ยินดี แต่ตอนที่กอดลูกสาวเขาก็ตกใจกลัว บอกป๊ามาทำไม ผมบอกว่ามายินดีกับหนู น้องกรีนต้องสู้นะ น้องกรีนนะ ผมกอดเขาแค่นั้นเอง แล้วผมก็กลับเลย นั่นอาจจะเป็นสาเหตุนึงที่เขาโกรธผม ที่ผมมาเยี่ยมลูกสาว แล้วก็หาว่าผมไปเปิดเผยเอกสารลับ ซึ่งจริงๆ ผมไม่ได้สัมภาษณ์ให้ใครเลย”
เชื่อลูกสาวตนเองรักอีกฝ่ายเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ ก่อนถามกลับนักแสดงหนุ่งรักลูกสาวตนเองแค่ไหน แล้วจะรออีกหนึ่งปีให้เรียนจบไม่ได้ก่อนหรือ?...“ทุกอย่างที่ผมทำนี่ผมทำเพราะรักลูกสาว เพราะฉะนั้น สิ่งที่ผมทำทุกวันนี้ผมอาจจะผิด ว่าเราอาจจะกดดันมากไป ให้ลูกสาวมองอีกมุมนึงในตัวผม ผมก็ต้องขอโทษ คือยังไงดีล่ะ ก็ต้องขอโทษลูกสาวเราด้วย ก็ขอแนะนำคุณเคลลี่ เรื่องฟ้องร้องนี่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดานะครับ”
“ถ้าคุณใช้วิธีฟ้องร้องอย่างนี้ ผมว่าคุณควรไปขอโทษพ่อแม่คุณ ไปกราบเท้าพ่อแม่คุณ ไปกราบเท้าอากงอาม่าคุณ คุณทำอย่างนี้ผู้ใหญ่เขาเดือดร้อน ทุกอย่างที่ผมมองดูนี่คุณฟ้องเท็จหมดอ่ะ ผมจะไปฟ้องกลับคุณทำไม มันไม่มีประโยชน์ สิ่งเดียวที่สำคัญนี่ ขอให้อยู่เป็นจริง ในโทรทัศน์ที่ทุกคนดูอยู่ แม้แต่กรีนกับเคลลี่สัมภาษณ์กัน ผมมองเห็น ผมก็รู้ว่าลูกสาวผมนี่ รักคุณร้อยเปอร์เซ็นต์คุณเคลลี่”
“แต่ถามใจคุณว่าคุณรักลูกสาวผมร้อยเปอร์เซ็นต์ด้วยไหม ใช่ไหมครับ ถ้าคุณลูกผู้ชายพอ คุณรอสิครับอีกปีนึง อดทนให้กรีนเรียนหนังสือให้จบ อีกปีเดียวลูกผู้ชายต้องรอ ต้องอดทน แล้วอีกปีนึงจบแล้วลูกสาวผมยังเลือกคุณ ผมยินดีเลยนะคุณเคลลี่ ไม่จำเป็นต้องมาฟ้องร้องกันเลย แล้วผมไม่รู้จะฟ้องคุณทำไม ผมก็ไม่ได้อะไร แล้วคุณฟ้องผม คุณก็ไม่ได้อะไร เราทั้งสองครอบครัว มันก็เดือดร้อนทั้งหมด”
“สิ่งที่เกิดขึ้นผมก็ไม่รู้จะพูดว่าคุณควรหยุด หรือผมหยุด แต่ที่ผมให้สัมภาษณ์วันนี้ ผมจำเป็นต้องปกป้องลูกสาวผม ผมขอโทษแฟนคลับ ขอโทษสื่อต่างๆ โซเชียลมีเดียทุกคนที่เขียนว่าลูกสาวผม ผมขอให้มาว่าผมแทนแล้วกันนะครับ แต่อย่าว่าผมเลยให้โอกาสลูกสาวผมนะฮะ ผมคงกล่าวเพียงแค่นี้ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ”