แบดบอย (เจ็บนี้) รสปูอัด !! นักร้องเด็กหนุ่มหน้าตี๋หล่อหนึ่งในกลุ่มที่ใช้ชื่อว่า “ไจแอนท์” โตขึ้นมาจะก่อคดีสุดฉาวมากมายจนแทบจะไล่เรียงไม่หมด นาทีนี้ “ฮาร์เวิร์ด หวัง” ได้รับการขึ้นบัญชีดำให้เป็นบุคคลต้องห้ามแห่งราชอาณาจักรไทยเรียบร้อยแล้ว เพราะที่ผ่านมาก่อคดีมาแล้วนับไม่ถ้วน ทั้งคดียาเสพติดและคดีทำร้ายร่างกาย จนหน้าสมุดบันทึกคดีความของตำรวจต้องลงบันทึกเอาไว้ว่าเขาเป็นหนึ่งในคนในวงการบันเทิงไทยที่มีคดีรอลงอาญามากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ
แบดบอยตัวเอ้ของวงการบันเทิงไทย เมื่อ “ฮาร์เวิร์ด หวัง” อดีตนักร้องเด็กวงไจแอนท์โตขึ้น พร้อมกับมีใบหน้าอันหล่อสไตล์ตี๋อินเตอร์จนกลับเข้ามาทำงานในวงการบันเทิงในฐานะนายแบบ นักแสดง และนักร้องเดี่ยว ถึงวันนี้ต้องปิดฉากอนาคตในวงการบันเทิงไทยไปอย่างถาวรแล้ว เมื่อเขาถูกขึ้นบัญชีดำจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง(สตม.) ให้เป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักร ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 12(7) โดยมีคำอธิบายว่า “นายฮาร์เวิร์ดมีพฤติการณ์ซึ่งเป็นที่น่าเชื่อว่า เป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม หรือจะก่อเหตุร้ายให้เกิดอันตรายต่อความสงบสุข หรือความปลอดภัยของประชาชน หรือความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร”
โดยคำอนุมัติให้ฮาร์เวิร์ดกลายเป็นบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชอาณาจักรนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2556 จากคำสั่งดังกล่าวทำให้เขากับแม่ “จูลี่ ชู” ต้องเดินทางกลับประเทศไต้หวัน บ้านเกิดตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา แต่ต่อมาเขากลับเปลี่ยนชื่อเป็น WANG LIANG JING แล้วเดินทางกลับมาประเทศไทยในมาดนักท่องเที่ยวชาวไต้หวันด้วยพาสปอร์ตใหม่เลขที่ 307141609 ในวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมา กลับมาถึงก็ระเริงเล่นน้ำสงกรานต์สนุกสนานและตามด้วยการบุกไปถึงบ้านของ “อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์” หรือ “เอมมี่ Maxim” โดยเขาใช้ศอกกระแทกกระจกแล้วบุกเข้าไปในบ้าน เมื่อไม่พบเอมมี่ก็ใช้เลือดของตัวเองเขียนไว้ที่ราวระเบียงห้องของเอมมี่ว่า “ I love you but you don’t (ผมรักคุณแต่คุณไม่รักผม)”
ผลของการบุกอย่างบ้าระห่ำไปถึงบ้านสาวเอมมี่ในครั้งนี้ทำให้เรื่อง การถูกขึ้นบัญชีดำของฮาร์เวิร์ดแดงออกมา รวมไปถึงทำให้เขาถูกตำรวจบุกไปจับถึงฟิตเนสแห่งหนึ่ง และมีกำหนดการจะถูกส่งตัวออกนอกประเทศในเวลาต่อมา
แบดบอยมากคดี
“ฮาร์เวิร์ด หวัง” เริ่มต้นก่อคดีครั้งแรกตั้งแต่เขาเพิ่งเริ่มเป็นวัยรุ่นตอนกลางโดยตอนนั้นชื่อเสียงจากการเป็นหนึ่งในสมาชิกวงไจแอนท์ได้ซาไปพักใหญ่แล้ว ดังนั้นเมื่อมีข่าวว่าเขาพัวพันกับการเสพกัญชาจึงกลายเป็นข่าวที่ไม่ใหญ่นัก แต่ก็ถือว่าโด่งดังในฐานะอดีตนักร้องเด็กหน้าใสที่กลายมาเป็นวัยรุ่นเสพยา
เวลาผ่านไปหลายปี เขาก่อคดีใหม่ด้วยการร่วมกับเพื่อนชื่อ “อาร์ม” รุมทำร้ายร่างกายนายทัพธัญ วิภาสุธีเจริญ ที่บริเวณลานจอดรถร้านฟรังกี้ ผับ ย่านทองหล่อ หลังจากที่เขากับนายทัพธัญมีปากเสียงทะเลาะวิวาทกันในผับดังกล่าวเมื่อคืนวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552 หลังเกิดเหตุในครั้งนั้นฮาร์เวิร์ด หวังก็ถูกดำเนินคดี แต่ต่อมาได้ถูกประกันตัวออกไป
สองปีผ่านไป ฮาร์เวิร์ดถูกตำรวจบุกเข้าจับกุมตัวอีกครั้งที่บ้านพักย่านห้วยขวาง โดยจับได้ขณะที่เขากับเพื่อนๆ กำลังจัดปาร์ตี้เสพกัญชา หลังจากถูกจับกุมพร้อมของกลางจำนวนมาก เขาก็ให้การว่า กัญชาน้ำหนัก 5.5 กรัมและบ้องกัญชาที่ตำรวจค้นเจอในบ้านของเขาเป็นของที่เขาเก็บไว้นานแล้ว เนื่องจากสมัยก่อนเสพกัญชา แต่ปัจจุบันได้เลิกเสพไปแล้วและจำไม่ได้ว่ายังมีอยู่ในบ้าน
เหตุการณ์ที่ถูกจับกุมในเดือนสิงหาคมปี พ.ศ. 2554 นี้ทำให้เขาต้องนอนในห้องขังเป็นเวลาหนึ่งคืน ในวันรุ่งขึ้นแม่จูลี่ได้มายื่นหลักทรัพย์เพื่อประกันตัวลูกชายออกไป โดยคดีความของฮาร์เวิร์ดได้รอลงอาญาไว้เป็นเวลาสองปี
ต่อจากนั้นอีกแค่หนึ่งเดือน “หมวย พิราวรรณ อารีรอบ” หรือ “หมวย Maxim” อดีตแฟนสาวของฮาร์เวิร์ด หวังก็ออกมาแฉว่า เขากับแม่เพิ่งบีบให้เธอไปทำแท้ง ณ คลินิกเถื่อนแห่งหนึ่งมาหมาดๆ เป็นเหตุให้ชื่อของฮาร์เวิร์ด หวังกลับมาฉาวอีกครั้ง โดยคราวนี้เขากับแม่ปฏิเสธเสียงแข็งว่า ไม่ได้บีบบังคับให้หมวยไปทำแท้ง!! เขายืนยันในตอนแรกว่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอดีตแฟนสาวคนนี้ไปทำแท้ง ทั้งๆ ที่เขาเป็นผู้ขับรถพาหมวยไปยังคลินิกแห่งนั้นด้วยตัวเอง
แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน ฮาร์เวิร์ด หวังก็ออกมาพลิกลิ้นกลับคำว่า เขาเป็นฝ่ายพาหมวยไปทำแท้งเอง โดยรู้เห็นตั้งแต่แรกแล้วว่า เธอต้องการจะไปทำแท้ง เรื่องราวระหว่างเขากับหมวยจึงกลายเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์สุดฉาวในปี พ.ศ. 2554 เมื่อหมวยไปแจ้งความว่า เธอถูกฮาร์เวิร์ด หวัง ทำร้ายร่างกาย ซึ่งฝ่ายฮาร์เวิร์ดบอกว่า ปกติเขาไม่เคยทำร้ายผู้หญิง แต่วันเกิดเหตุบันดาลโทสะ เพราะหมวยพูดจาด่าทอแม่ของเขา
เรื่องราวความเป็นคนอารมณ์รุนแรงของเขาเป็นที่กล่าวขวัญในวงการมานานแล้ว ตั้งแต่ที่หนุ่มคนนี้เริ่มนมแตกพาน เพราะเขามักจะมีเรื่องชกต่อยไปทั่ว ส่วนกับผู้หญิงส่วนใหญ่แล้วเมื่อทะเลาะกัน เขามักจะทำร้ายร่างกายตัวเองด้วยการชกกระจกจนแตก ต่อยกำแพง หรือชกต่อยตัวเองจนเลือดออกเป็นประจำ ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นกับ “เอมมี่ Maxim” สาวเซ็กซี่จากนิตยสารค่ายเดียวกับหมวย ซึ่งเป็นแฟนสาวคนล่าสุดของเขานั้น เอมมี่ก็ออกมายืนยันว่า เขาไม่เคยทำร้ายร่างกายเธอ มีแต่จะทำร้ายร่างกายตัวเองเมื่อมีปากเสียงกัน ซึ่งพฤติกรรมหลายอย่างของฮาร์เวิร์ด หวังทำให้เธอหวาดกลัวจนต้องขอแยกทางกับเขาในที่สุด!!
แต่เหตุการณ์ที่ทำให้เขากลายเป็นบุคคลที่อยู่ในแบล็กลิสต์ ห้ามเข้าประเทศเกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนเมษายน พ.ศ. 2555 เมื่อฮาร์เวิร์ดถูกตำรวจเข้าจับกุมขณะกำลังมั่วสุมเสพยาไอซ์กับเพื่อนๆ ในห้องพักเลขที่ 918 จรัญแมนชั่น ย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเขาปฏิเสธอีกเช่นเคยโดยบอกว่า ได้รับการชักชวนจากคนกลุ่มนี้ซึ่งรู้จักกันที่ผับ และอ้างว่าที่ปัสสาวะของตนมีสีม่วง เพราะดื่มเครื่องดื่มซึ่งผสมยาเสพติดที่คนกลุ่มนี้คะยั้นคะยอให้เขาดื่ม
เมื่อเรื่องการเป็น “บุคคลต้องห้าม” ของเขาถูกเปิดเผย นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราคงไม่ได้เห็นโฉมหน้าเจ้าของบทเพลง “เจ็บนี้รสปูอัด” ที่เคยโด่งดังเมื่อสิบกว่าปีก่อนแล้ว ล่าสุดแม่จูลี่บอกว่า จะให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนคนนี้ไปทำงานในวงการบันเทิงที่ประเทศอินโดนีเซียแทน!!
สาวอินโดฯ ก็ต้องระวังตัวกันไว้ เพราะ “ไอ้หวัง” กำลังจะหาที่ซุกหัวแหล่งใหม่ !!
ล่าสุดเมื่อวันที่ 24 เมษายน ฉากดรามาอีกบทหนึ่งสำหรับฮาร์เวิร์ค หวังกับ เอมมี่ แมกซิม ก็เกิดขึ้นที่ สน. ลาดพร้าว เนื่องจากตำรวจมีการสอบสวนเพิ่มเติม ทั้งคู่ต่างร่ำไห้กอดกันกลม !! จึงเป็นไปได้ว่า การตัดสินใจแจ้งความของเอมมี่ อาจจะเกิดการการตัดสินใจชั่ววูบ โดยไม่ได้คิดพิจารณาถึงความในใจที่เธอยังรักหนุ่มแบดบอยคนนี้อยู่
แน่นอน... ในด้านคดีความ ยังคงเดินหน้าต่อไป
นับแต่นี้ บ้านหลังนี้คงจะปิดประตู มัดตราสัง ตอกฝาโลง ไม่ต้อนรับเขาอีกแล้ว แต่สาว เอมมี่จะไปเปิดประตูรักบทเดิมที่ที่อินโดนีเซีย หรือกัวลาลัมเปอร์ด้วยความคิดถึงรักหนเก่าก็ว่ากันไป
ลาก่อน “ไอ้(ฮาร์เวิร์ค) หวัง”
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 186 วันที่ 27 เมษายน – 3 พฤษภาคม 2556