ช่อง 3 มัดตราสัง ฆ่าตัดตอนตัวเอง อ้างทำลายเทป “เหนือเมฆ2” ส่งผลให้ข้อกังขาที่ช่อง 3 อ้างว่า ผิดพ.ร.บ. การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 มาตรา 37 ไม่สามารถตรวจสอบได้ เพียงเพราะคำขู่จากอำนาจมืดเรื่อง “ปิดสถานี” ! ความดีไม่เคยสูญ อนาคต อุดมการณ์ “เหนือเมฆ 3” จะออกเผยแพร่ในรูปภาพยนตร์ ระหว่างนี้อยู่ที่ในช่วงวิ่งหาทุน วันนี้ … นโยบายการทำละครของช่อง 3 ขยับตัวเองเข้าสู่ยุคมืด ห้ามแตะนักการเมือง, ข้าราชการ, ตำรวจ, ทหารในเรื่องกินสินบาทคาบสินบน ฉ้อโกง ทุจริต ทั้งปวงโดยเด็ดขาด เพื่อไม่ให้ซ้ำรอย “เหนือเมฆ2”
นับวันยิ่งส่อแสดงพิรุธออกมาเรื่อยๆ สำหรับการจัดการละครเหนือเมฆ 2 ของทางช่อง 3 ที่ออกอากาศมาจนถึงตอนที่ 9 แล้วอยู่ดีๆ ก็ระงับการฉายไปดื้อๆ โดยนำละครเรื่องแรงปรารถนามาเสียบแทนพร้อมกับแถลงการณ์สั้นๆ ว่าขอระงับการฉายเหนือเมฆ 2 เนื่องจากมีเนื้อหาที่ไม่เหมาะสม เรื่องนี้เกิดขึ้นพร้อมๆ กับข่าวเบื้องลึก เบื้องหลังว่า ถูกการเมืองเข้าแทรก เพราะเนื้อหาของละครที่ฉายภาพความทุจริต โกงกินของนักการเมืองที่เข้าไปกระแทกใจตระกูลชินวัตรอย่างจัง จนนักโทษชายหนีคดีอย่าง ทักษิณ ชินวัตรต้องเรียกคุยพร้อมคำขู่ “จะปิดสถานีช่อง 3 ” !! ถ้าไม่ดำเนินการในเรื่องนี้
เรื่องราวเข้มข้นจนกลายเป็น ทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ เมื่อช่อง 3 ทำตัวใบ้ถาวรไม่ชี้แจงเรื่องดังกล่าวให้ชัดเจน ออกมาอ้อมแอ้มตอบเพียงแค่ว่าพิจารณาแล้วพบว่าเนื้อหาไม่เหมาะสม แต่ไม่ชี้ชัดไปว่าไม่เหมาะสมตรงไหน เมื่อสังคมไล่เบี้ยไปที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.) ซึ่งมีหน้าที่ในการดูแลกิจการกระจายเสียงวิทยุโทรทัศน์ทั้งหมด กสทช. ก็ลุกขึ้นมาพูดถึงกรณีดังกล่าวว่าช่อง 3 กระทำการอัตวินิบาตกรรมหยุดแพร่ภาพละครของตัวเองโดยไร้เหตุผลรองรับเช่นนี้ถือว่าล่วงล้ำการทำหน้าที่ของ กสทช. เพราะหน้าที่การตรวจสอบตลอดจนสั่งระงับการออกอากาศเป็นของ กสทช. โดยตรง และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการส่งหนังสือขอตรวจสอบเทปละครสามตอนสุดท้ายของคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎร
แต่ก็ดูเหมือนจะเป็นการกระตือรือร้นพอเป็นพิธีเท่านั้นเพราะเมื่อช่อง 3 ออกมาชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรจากนายประสาร มาลีนนท์ รองประธานกรรมการบริหารรักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด ระบุว่า
“ตามหนังสือที่อ้างถึง ท่านแจ้งว่า ผู้ได้รับมอบหมายจากข้าพเจ้าได้เข้าชี้แจงข้อมูลและรับทราบต่อที่ประชุมว่า จะจัดส่งข้อมูลเนื้อหา ภาพและเสียงละคร เหนือเมฆ 2 ตอนที่ 10,11 และ 12 (รวม 3 ตอน) ที่ถูกระงับการออกอากาศ ท่านจึงขอให้ข้าพเจ้าจัดส่งเอกสารและแผ่นวีดีทัศน์ (CD) ข้อมูลละครเหนือเมฆ ตอนที่ 10,11 และ 12 (รวม 3 ตอน) จำนวน 1 ชุด ให้แก่คณะกรรมาธิการ เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาต่อไปนั้น”
“ข้าพเจ้าได้สอบถามผู้ได้รับมอบหมายจากข้าพเจ้าให้เข้าชี้แจงแล้วผู้ได้รับมอบหมายแจ้งว่าไม่เคยรับต่อที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ ว่า จะจัดส่งข้อมูลดังกล่าวแต่อย่างใดทั้งนี้ ขอเรียนว่าในการชี้แจงข้อเท็จจริงนั้น เอกสารและแผ่นวีดีทัศน์ (CD) ข้อมูลละครเหนือเมฆ 2 ตอนที่ 10,11 และ 12 (รวม 3 ตอน) ในความครอบครองของสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 นั้น ได้ทำลายไปแล้ว จึงไม่มีเอกสารใดที่จะมอบให้แก่ท่านได้ จึงขออภัยมา ณ โอกาสนี้ด้วย”
พอเรื่องกลายเป็นแบบนี้ ทางคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน สภาผู้แทนราษฎรก็เล่นไปตามบทบาทว่าจะนำเรื่องไปประชุมกับทาง กสทช. เพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้ต่อไป ซึ่งก็คงจะสอดคล้องกับแนวคำพูดของ พล.ท.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ (กสท.)ที่กล่าวชี้นำมาแล้วว่า
“โดยส่วนตัว ผมเห็นว่า ช่อง 3 มีสิทธิที่จะระงับการแพร่ภาพออกอากาศละครได้ เพราะช่อง 3 เป็นฟรีทีวี ไม่ได้เป็นเคเบิลที่เรียกเก็บเงินค่าตอบแทนจากผู้ชม ซึ่งอาจจะมีปัญหาเวลาไประงับการออกอากาศละคร ทั้งที่ละครยังไม่จบ เพราะคนเสียเงินดู ถือเป็นความผิดแน่นอน แต่การระงับครั้งนี้ จะมีผลอะไรหรือไม่ คงจะต้องไปหารือกันในที่ประชุมอีกครั้ง”
ทางฝ่าย “นก สินจัย เปล่งพานิช” นักแสดงละครเหนือเมฆซึ่งสามี “ฉัตรชัย เปล่งพานิช” เป็นผู้จัดละครดังกล่าวเพิ่งจะออกมาให้ข่าวอย่างเป็นทางการครั้งแรก หลังจากที่เสียขวัญ หลบไปเลียแผลใจที่ต่างประเทศกับฉัตรชัย เปล่งพานิชพร้อมครอบครัว และ “หมาก” ปริญ สุภารัตน์ พระเอกของละครเรื่องดังกล่าวนานหลายสัปดาห์ สินจัยพูดถึงเรื่องนี้แบบน้ำท่วมปาก กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ในทำนองว่าเรื่องนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว!!
“ก็ถือว่ามันผ่านไปแล้ว ก็คงเป็นประสบการณ์สำคัญในชีวิตในการทำงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง มันจบไปแล้วเราก็เริ่มต้นทำงานกันใหม่ ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม นกก็ยังได้ทำงานละครดีๆ เราไม่เปลี่ยนความตั้งใจเดิมที่จะทำละครดีๆ มีสาระและบันเทิงเหมือนเดิม”
เมื่อถามถึง Copy เทปละครเหนือเมฆ 2 สินจัยก็ปัดว่าไม่มีเก็บไว้ที่ตัว ซึ่งในความเป็นจริงนั้น … เป็นไปไม่ได้ !! ที่ผู้จัดจะไม่มีเทปละครภายใต้การผลิตของตัวเองเก็บเอาไว้ เรื่องนี้มองได้เพียงเหตุผลคือ สินจัยก็ต้องการยุติเรื่องดังกล่าว เพื่อให้เป็นไปตามคำขอร้องและนโยบายของช่อง 3 เพราะอย่างไงซะ ค่ายเมตตามหานิยมของฉัตรชัย เปล่งพานิชก็ยังต้องทำงานกับช่อง 3
เทปละครเหนือเมฆ 2 จึงเป็นดั่งหอกข้างแคร่ของช่อง 3 การเร่งฆ่าตัดตอนตัวเอง แม้จะทำให้ทุกอย่างหยุดและจบลง และไม่อาจสาวอะไรต่อไปได้ในรายละเอียด แต่ถ้าวันใดมีมือดี โจรกรรมฉกนำ 3 ตอนสุดท้ายมาปล่อย ช่อง 3 ก็จะมีความผิดตามกฎหมายในทันที แต่ทว่าการใช้วิธีการนี้แก้ปัญหา ยิ่งเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลในเรื่องนี้มากขึ้นเท่านั้น เพราะถ้าหากมั่นใจว่าละครเหนือเมฆผิด พ.ร.บ. มาตรา 37 ตามพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 จริงตามที่ช่อง 3 กล่าวอ้างก็ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำลายเทปทิ้งแบบนี้
ช่อง 3 ให้เหตุผลว่าละครเรื่องดังกล่าวเป็นลิขสิทธิ์ของเขา เขาจึงมีสิทธิ์ที่จะทำลายเทปนั้นทิ้งได้ตามใจ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่แท้จริงของการทำลายเทปละครที่แสลงหูแสลงตาตระกูลชินวัตรเรื่องนี้
การที่ช่อง 3 ถูกอำนาจมืดที่ดูเหมือนจะชอบธรรมในทางกฎหมายคุกคามก็เป็นเรื่องที่น่าเห็นใจอยู่ เพราะยังไง ช่อง 3 ก็ต้องรักษาอู่ข้าว อู่น้ำทางธุรกิจของตัวเอง ดังนั้น จึงเป็นเหตุให้ผู้บริหารช่อง 3 กลัวมากและถึงขั้นตัดสินใจขอยอมตกเป็นจำเลยสังคม ยอมรับความอัปยศครั้งประวัติศาสตร์ของสถานีแบบนี้ดีกว่า … เพราะคิดว่า นานไป เรื่องทั้งหลายคงจะเงียบไปเอง แม้ตัวเองจะต้องมีรอยด่างพร้อยบ้างก็ตาม
หลังเกิดเรื่อง “เหนือเมฆ 2” ไม่นาน ช่อง 3 ได้มีการกำหนดนโยบายเกี่ยวกับการผลิตละครที่จะไม่พาดพิง นักการเมือง , ข้าราชการ, ตำรวจ, ทหารที่เกี่ยวข้องการกับการทุจริตมิชอบทั้งหลายทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นการสื่อด้วยภาพ ด้วยบท เพราะฉะนั้น … นวนิยายเรื่องไหนที่จะนำมาเป็นดัดแปลงเป็นละคร จำเป็นต้องตัด หรือดัดแปลงไม่ให้เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว เพื่อจะไม่พาตัวเองเข้าไปในวังวนของอำนาจที่มองไม่เห็น ไม่สามารถเปิดเผยได้ ดังที่เกิดขึ้นกับละครเรื่อง “เหนือเมฆ 2” มาแล้ว
ตอนต่อไป สำหรับ “เหนือเมฆ” จะถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์ ระหว่างนี้ อยู่ในช่วงหาทุน ในชั้นแรก นนทรีย์ นิมิตบุตร และฉัตรชัย เปล่งพานิช ได้ยื่นเรื่องเสนอไปที่ “สหมงคลฟิล์ม” แล้ว เพียงแต่รอเวลาที่จะเข้าไปคุยในรายละเอียดตามขั้นตอนต่างๆเท่านั้น
...............................................
ที่มานิตยสาร ASTV สุดสัปดาห์ ฉบับที่ 176 วันที่ 16-22 กุมภาพันธ์ 2556