พิธีกรหนุ่ม “บ๊อบ บดินทร์” ควงภรรยา “เฮี้ยง ณัฐสินี” เปิดใจลูกชายฝาแฝด 2 คน ปลอดภัยแล้ว หลังภรรยาต้องคลอดลูกแฝด 3 ก่อนกำหนด ไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.ที่ผ่านมา ทั้งที่อายุครรภ์เพียง 6 เดือน สุดเศร้าที่ต้องเสียลูกชายไป 1 คน เนื่องจากปอดไม่สมบูรณ์ ส่วนอีก 2 คน ต้องอยู่ในตู้อบนาน 5 เดือน โล่งตอนนี้ลูกแข็งแรงเป็นปกติแล้ว
ทำเอาโล่งใจและยิ้มได้แล้วสำหรับพิธีกรชื่อดัง “บ๊อบ ณัฐธีร์ โกศลพิศิษฐ์” หรือ “บ๊อบ บดินทร์” หลังจากที่ลูกชายฝาแฝด 2 คน “น้องพุฒ ณติวัชร์” กับ “น้องพร้อม ณัติวิชญ์” ปลอดภัยแล้ว หลังภรรยา “เฮี้ยง ณัฐสินี โกศลพิศิษฐ์” ต้องคลอดลูกชายแฝด 3 ก่อนกำหนด ไปเมื่อวันที่ 5 ก.ย.2555 ทั้งที่อายุครรภ์เพียง 27 สัปดาห์ หรือ 6 เดือน โดยทั้งคู่ต้องสูญเสียลูกชายไป 1 คน เนื่องจากปอดไม่สมบูรณ์ ส่วนอีก 2 คน ต้องอยู่ในตู้อบนาน 5 เดือน แต่นับว่าโชคดีที่ตอนนี้เด็กทั้ง 2 คนแข็งแรงเป็นปกติแล้ว ทั้งนี้ เมื่อช่วงบ่ายของวันที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา บ๊อบได้ควงภรรยา เปิดแถลงข่าวขึ้นที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช โดยมี นายแพทย์ ดุลย์ ดำรงศักดิ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล และ แพทย์หญิง ธิดาวรรณ วีระไพบูลย์ กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิด ร่วมแถลงด้วย ซึ่งในขณะที่กำลังแถลงข่าวนั้นภรรยาของบ๊อบได้ร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจที่ลูกน้อยต้องจากไปก่อนวัยอันควร
บ๊อบ : “ลูกคลอดตั้งแต่ 5 กันยาฯที่ผ่านมา ตอนนี้ก็ 5 เดือนเต็ม วันนี้ก็เป็นครั้งแรกของทั้ง 2 คนที่ได้ออกสื่อ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ไม่พร้อมทั้งคู่ เนื่องจากสภาพก่อนกำหนดและน้ำหนักที่ค่อนข้างน้อยมาก นั้น 27 สัปดาห์ คุณหมอบอกว่าน้ำหนักน้อยมากซึ่งอันตราย เราก็เพิ่งผ่านพ้นช่วงวิกฤตมา ก็อย่างที่ทราบว่าตอนนี้ก็เหลือ 2 คน ก็อย่างที่บอกว่าวันนี้ไม่ได้มาแสดงความเสียใจ แต่ต้องแสดงความดีใจมากกว่าที่เรายังคงรักษาลูก 2 คนไว้ได้ เพราะทั้ง 3 คนนั้นวิกฤตมาก ด้วยน้ำหนักด้วย ด้วยช่วงเวลาด้วย เพราะบางคนอยู่ในท้องนานน้ำหนักน้อย แต่ของเราอยู่ในท้องน้อยน้ำหนักก็น้อยด้วย แค่ 27 สัปดาห์ ซึ่งวิกฤตพอสมควร ต้องบอกว่า ณ วันนั้นเราฉุกเฉินจริงๆ”
“วันนั้นคุณเฮี้ยงเกิดเจ็บท้องกะทันหัน ตอนแรกก็นึกว่าเด็กโก่งตัวธรรมดา คุณเฮี้ยงก็เลยเช็กดูว่าจะมีวิธีทำให้หายไหมเพราะรู้สึกว่าวันนี้โก่งนานเป็นพิเศษ เพราะเพิ่งมาหาได้วันเดียวแล้ววันรุ่งขึ้นก็โก่งตัวนาน ก็เลยโทรเช็คกับคุณหมอว่าควรทำยังไงดี พอเข้าห้องน้ำไปก็รู้สึกไม่ปกติ คือมีเลือดออกมาเล็กๆ คุณหมอก็คิดว่าไม่ปกติแล้วอาจต้องผ่าฉุกเฉินวันนั้น เราก็ไม่เคยคิดเลยว่า 27 สัปดาห์เราจะต้องผ่า”
“จริงๆ สารกระตุ้นปอดต้องให้สัปดาห์ที่ 30 เท่านั้น แต่คุณหมอก็เลื่อนมา เผื่อว่าจะคลอดเร็ว ว่าที่คุณหมอคาดการณ์ไว้พอสมควรคือประวัติของคุณเฮี้ยงคลอดเร็วตั้งแต่ลูกคนแรก ลูกสาวคนแรกก็คลอด 36 สัปดาห์ ตอนแรกก็ไปที่โรงพยาบาลจุฬาฯแต่มีตู้ฉุกเฉินไม่พอเลยย้ายมาที่โรงพยาบาลบีเอ็นเอช ตอนนั้นไปถึงโรงพยาบาลปากมดลูกก็เปิดหมดแล้ว แต่โชคดีที่ถุงน้ำคร่ำยังไม่แตก แล้วตอนนั้นก็ตี 2 ผมก็มีโอกาสได้ไปอยู่ในห้องทำคลอด ก็รู้เลยว่าเร็วมากภายใน 20 นาทีทุกอย่างก็เสร็จหมดแล้ว”
“ตอนนั้นคุณเฮี้ยงพอฟื้นจากยาสลบ พอคุณเฮี้ยงสะลึมสะลือผมก็ต้องไปดูลูกเพราะผมห่วงมากกลัวคนจะสลับลูกไป คุณเฮี้ยงก็เลยบอกตอนนี้คงไม่มีใครอยากสลับลูกกับเราหรอก ไม่มีใครเอาไปเป็นภาระแน่นอน ก็รอคุณหมอจนเช้า คืนนั้นโชคดีมากที่ไม่มีงาน ก็ทำให้ผ่านช่วงเวลานั้นมา”
“ตอนนั้นเราก็พยายามอยากบอกให้ทุกคนรู้ว่าคลอดแล้ว ก็อยากให้ภาพมีแขน 3 คน เอ บี ซี นั่นเป็นภาพเดียวที่ผมอยากอัปส่งขึ้นไป แต่พอเห็นสภาพลูกก็ไม่กล้า แม้แต่พ่อแม่เราเองด้วยซ้ำเพราะว่ามันค่อนข้างน่ากลัว เวลาเราเห็นผู้ใหญ่มีสายน้ำเกลือเราก็ว่าน่ากลัวแล้ว ลูกเราตัวเท่าฝ่ามือพอเห็นเราก็พูดไม่ออก ได้แต่ถามคุณหมออย่างเดียวเลยว่าจะไหวไหม นั่นคือความรู้สึกที่เกิดขึ้น เป็นคำถามที่อยู่มาร่วมเดือน”
“พอเสียคนที่ 3 ไป อีก 2 คน ก็อยู่ในอาการ 50:50 ตอนนั้นผมกับภรรยาก็ไม่อยากให้ใครรู้สึกสงสารเราหรอกเพราะทุกคนก็ถามเราหมดว่าเป็นยังไงบ้าง แต่เราก็ไม่ได้ตอบอะไร จนกระทั่งผมเดินทางไปที่ต่างๆ ก็มีคนถาม แล้วก็อยากเห็นรูปเพราะคงคิดว่าผมยังมีแฝด3 ผมก็ไม่ได้พูดอะไรเพราะรายละเอียดมันเยอะมาก ตอนนั้นคือต้องมีกำลังใจให้กันในครอบครัวต้องรู้ว่าเราต้องเจอภาวะอะไรบ้าง”
“น้องคนที่จากไปเกิดจากสาเหตุที่ปอดยังไม่ทำงานเต็มที่ ตอนนั้นเราก็ถามหมอเรื่อยๆ ว่าปลอดภัยไหม ตอนนั้นคุณหมอบอกดูไม่ค่อยดี ก็เลยคุยกันว่ายังไงดี จนคุณหมอบอกต้องปรับไปใช้เครื่องของเด็กอีกขนาด ผมก็เลยบอกว่าเขาสู้มาพอแล้ว แล้วเราก็มองว่าสมมุติเขารอดตายเขาจะอยู่ยังไงมากกว่าการที่จะต้องให้รอดอย่างเดียว เพราะไม่รู้ว่ารอดตายจะมีอะไรเข้ามาอีกบ้าง แล้วอีกสองคนที่ดูดีกว่าเราก็ไม่รู้ว่าจะต้องเผชิญอะไรบ้าง”
“พอถึงช่วงที่ต้องใช้ท่อที่ขนาดมากขึ้นๆ ผมก็เลยบอกคุณหมอว่าเราจะไม่ทำร้ายร่างกายของเขาไปมากกว่านี้นะ ผมก็เลยบอกคุณหมอให้ละระดับลงไปเรื่อยๆ ที่ควรได้รับและไม่มากเกินไป ส่วน 2 คนต้องกินนม อีกคนต้องยื้อชีวิต คือ ต้องปลอบภรรยาว่าต้องมองไปข้างหน้านะ เรายังเหลืออีก 2 ที่เราต้องดูแล ลูกร้องนมอยู่นะไม่ต้องร้องดูแลตัวเองเยอะๆ ต้องทำอะไรอีกเยอะ เขาก็บอกว่าขึ้นอยู่ที่ผมแล้วกัน จากนั้นหนึ่งชั่วโมงเขาก็ค่อยจากไป ตอนนั้นสิ่งที่ผมบอกได้คืออยากให้เขาไปเจอแต่สิ่งที่ดี วันนั้นผมอยู่ในห้องนั้นกับลูกประมาณ 1 ชั่วโมง นั่งสวดมนต์ข้างๆ เขา จนถึงวินาทีสุดท้ายที่เขาหายใจ”
“หลังจากนั้น วิกฤตก็เกิดขึ้นอีก 2 เดือนแรก เพราะไม่รู้ว่าสองคนที่อยู่จะปลอดภัยไหม อย่างที่คุณหมอบอกเรื่องของปอดเรื่องของหัวใจที่จะต้องผ่าตัด อย่างผ่าตัดก็ฉุกเฉินเหมือนกัน พอท่อไม่ปิด เลือดก็จะออกจากช่องล่างซ้าย จนเข้าไปถึงในปอดเพราะเด็กทั่วไปจะปิดทำให้เลือดไปเลี้ยงร่างกายไม่เต็มที่ ก็เลยตั้งชื่อให้ว่าน้องพุฒกับน้องพร้อมทุกวันนี้ก็ยังแยกไม่ออกนอกจากไซส์ตัวที่ต่างกัน ชื่อจริงน้องพุฒ ณติวัชร์ กับ น้องพร้อม ณัติวิชญ์ คือ ผู้มีพร้อมด้วยความรู้”
ด้าน “แพทย์หญิง ธิดาวรรณ วีระไพบูลย์” กุมารแพทย์ทารกแรกเกิด เผยถึงอาการและการรักษาว่า…
“ครั้งนี้เราทำดีที่สุดแล้วก็สู้ที่สุด อีกอย่างคือต้องขึ้นอยู่ที่พ่อแม่ด้วย เพราะบางคนก็ไม่เข้าใจการปฏิบัติงาน ตอนนั้นก็ใส่ท่อช่วยหายใจหมดทุกคน ปรับเลือดให้เข้ากับอุณหภูมิ ส่วนมากปัญหาของเด็กก็จะเป็นเรื่องปอด ซึ่งอวัยวะสร้างสมบูรณ์แต่ทำหน้าที่ไม่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเรื่องท่อหายใจ ใส่สารลดความตึงของผิวเพื่อให้ถุงลมต่างๆ ทำงานได้ดีขึ้นซึ่งปัญหาเหล่านี้จะเป็นช่วงๆ พอเรื่องปอดแล้วก็มาเรื่องหัวใจซึ่งจะมีเส้นเล็กๆ ยื่นออกมาระหว่างปอดกับท่อหายใจ กับเส้นที่ออกไปเลี้ยงร่างกาย ความจริงมันต้องปิดนะ แต่ของน้องเปิด เราก็ต้องเรียกแพทย์จากโรงพยาบาลรามาฯมาช่วย เราก็คุยกับ ผอ.ว่าเราต้องผ่าตัดนะ คือปอดยังไม่สมบูรณ์เต็มที่ เราต้องเปลี่ยนเป็นเครื่องช่วยหายใจพิเศษ”
ทั้งนี้ “นายแพทย์ ดุลย์ ดำรงศักดิ์” ผู้อำนวยการโรงพยาบาลบีเอ็นเอช ได้กล่าวเสริมว่า…
“ตอนนั้นน้ำหนักของเขาน้อยมากครับ แค่ 700-800 กรัม ซึ่งน้อยมากนะ ตัวเล็กเท่าฝ่ามือ แฝดคนแรก 702 กรัม แฝดคนที่สอง 859 กรัม ทั้งคู่ไม่ถึงหนึ่งกิโลกรัมเลย ส่วนคนสุดท้าย 930 กรัม ทั้ง 3 คนตอนแรกออกมาก็ 50:50 ตอนนั้นก็เข้าใจคุณเฮี้ยงกับคุณบ็อบเพราะลูกสาวผมก็เป็นเหมือนกันยังอยู่ในไอซียูเหมือนกัน คืออาการก็คล้ายๆ กัน คือจะดีขึ้นแล้วก็แย่ลงๆ คือพ่อแม่จะต้องแข็งแรงมาก แต่ขณะเดียวกันเราก็รู้สึกดีใจเพราะน้ำหนักน้องทั้ง 2 คนก็เริ่มไต่ขึ้นเรื่อยๆ โดยคนพี่ น้องพุฒ ขณะนี้น้ำหนักตัว 5 กิโลกรัมแล้ว ส่วนน้องพร้อม ขณะนี้น้ำหนักตัวเพิ่มเกือบจะ 7 กิโลกรัมแล้ว”
ข่าวบันเทิง, ถูกต้อง, รวดเร็วฉับไว ทั้งไทย และเทศ http://www.superent.co.th
ติดตามความเคลื่อนไหวอินสตาแกรมดาราทั้งไทยและเทศตลอด 24 ชั่วโมงได้ที่ ซูเปอร์สตาแกรม
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |