xs
xsm
sm
md
lg

ฟังความจริงจากฝั่ง “เมียจา พนม” สะใภ้ที่พ่อผัวไม่เอา ก่อนฟัง “พ่อจา” แถลงวันนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ย้อนฟังความจริงจากฝั่งของ “บุ้งกี๋” เมีย “จา พนม” ที่ตกเป็นข่าวไล่พ่อผัวออกจากบ้าน และกีดกันไม่ให้ จา พนม ไปพบพ่อ เผยเหตุทะเลาะเดือด เพราะ “แวว” น้องสาว จา พนม ที่ไม่ถูกกับบุ้งกี๋มาด้วย ยันที่ผ่านมา บุ้งกี๋ไม่เคยมีปัญหากับพ่อแม่จา และครอบครัวช่วยเหลือและดูแลกันอย่างดีมาตลอด สุดสงสารจาเป็นคนดีกตัญญูไม่อยากให้ใครมองว่าเป็นลูกที่ไม่ดี ด้าน “พ่อจา” ขนครอบครัวแถลงตอบโต้วันนี้

เป็นเรื่องกันไม่หยุดเลยทีเดียวสำหรับ “จา พนม ยีรัมย์” กับครอบครัว เมื่อหลายปีก่อนพ่อก็แจ้งความว่าลูกหายเป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โต ต่อมาจาไปแต่งงานกับ “บุ้งกี๋ ปิยรัตน์ โชติวัฒนานนท์” ลูกสาวเจ้าของโรงแรมดราก้อน จังหวัดระยอง ก็ยังเกิดเรื่องขึ้นที่งานแต่งงาน เมื่อจู่ๆ เจ้าสาวก็โมโหต่อย “โจ ธรัช ศุภโชคไพศาล” น้องเขยของจาคางานแต่ง โดยครั้งนั้นโจได้ออกมาเปิดเผยที่มาที่ไปของการที่บุ้งกี๋ก้าวเข้ามาในชีวิตของจาและทำให้จาเปลี่ยนไป รวมถึงแฉเรื่องที่ครอบครัวบุ้งกี๋ติดหนี้ 100 ล้าน

ด้านบุ้งกี๋เองกลับปิดปากเงียบไม่เคยออกมาตอบโต้ กระทั่งวันนี้เวลาผ่านมาเกือบปี จากับบุ้งกี๋มี “น้องจอมขวัญ” อายุ 3 เดือนเศษ เป็นโซ่ทองคล้องใจกัน ก็ยังมีเรื่องราวไม่จบสิ้น เมื่อจู่ๆ ครอบครัวของจาก็ไปที่ สน.บางกอกใหญ่ และออกรายการโทรทัศน์บอกว่า ไม่ได้เจอกับจามา 3 เดือนแล้ว เพราะโดนบุ้งกี้ภรรยาจากีดกัน ล่าสุด ไปหาลูกชายที่บ้านก็ถูกลูกสะใภ้ไล่

ฟังความจริงจากฟังครอบครัวของจามาแล้ว วันนี้บันเทิงผู้จัดการออนไลน์ ก็เลยบุกไปพิสูจน์ความจริงจากฝั่งของบุ้งกี๋ โดยได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวใกล้ชิดที่ขอพูดเรื่องนี้บ้างเพราะอัดอั้นตันใจมานาน ไม่อยากให้คนอื่นมองจา พนมไม่ดีเป็นลูกที่อกตัญญู

ปัญหาที่สั่งสมมา จนทำให้ “จา” ตัดสินใจไม่ทำงานที่บริษัท ไอยรา ร่วมกับ “น้องสาว-น้องเขย”
 

“มันเริ่มมีปัญหาตั้งแต่ก่อนวันที่จาจะบวชแล้ว อย่างบ้านที่จาซื้อไว้ซึ่งเป็นเงินที่เสี่ยเจียงให้ของขวัญทุกคนตอนที่เริ่มทำหนังต้มยำกุ้งโดยการซื้อบ้านให้คนละหลังก็ให้เงินไปดาวน์และก็ผ่อนอีก 6 ล้าน ซึ่งจาเขาก็ผ่อนมาตลอด แต่ต่อมาจาก็จะขายบ้านหลังนี้โดยที่บอกให้ทุกคนช่วยขายและถ้าขายบ้านได้ก็จะเอาเงินก้อนนี้ให้กับพ่อแม่หมดเลย น้องเขาแววเป็นคนขาย ได้กำไรมา 3.4 ล้าน แววก็ส่งไปให้พ่อแม่จา 4 แสน”

“จาเขาก็ถามพ่อกับแม่ว่าทำไมแววเอามาให้แค่ 4 แสน เพราะเขาบอกว่าอยากจะให้พ่อกับแม่ทั้งก้อน พ่อก็บอกว่าโจกับแววบอกว่าบริษัทไอยราขาดทุนจะต้องเอาเงินเหล่านี้ไปชำระหนี้ พอจาบวชเขาก็เอาทุกอย่างมาให้เซ็นต์ รถตู้ของจาก็เอามาให้เซ็นให้เป็นของบริษัท ไอยรา”

“เมื่อก่อนจาเขานึกว่าแววส่งเงินให้ทางบ้านเดือนละ 1 แสนบาท เป็นค่าใช้จ่ายสำหรับทุกคนในบ้าน แต่เรื่องมาแตกตอนที่จาบวช 6 เดือน พอจาบวช 6 เดือน ไม่ได้ทำงานก็ไม่มีเงินกัน ถึงได้รู้ความจริงว่าที่ต้องบอกว่าให้ที่บ้าน 1 แสนทุกเดือน เพราะจาจะได้ทำงานให้บริษัท”

“และปัญหามันก็มีอีกเยอะเกี่ยวกับบริษัท ตอนที่จาไปถ่ายที่ระยองจะมีแต่เรื่องเงินว่าตกลงจ่ายเท่านี้พอจ่ายจริงกลับไม่ให้ตามนั้น ตอนนั้นทุกคนก็สงสัยว่าทำไมจาเป็นแบบนี้แต่ทีมงานก็บอกว่าไม่ใช่จาแต่เป็นเพราะน้องสาวกับน้องเขย มันจะมีเรื่องแบบนี้มาเยอะว่าเป็นบริษัทจา พนมนะ มันก็เสีย จา พนม ล่าสุด ไอยราไปรับงานของกระทรวงเกษตร น้องที่รู้จักกันไปทำงานให้ก็ยังไม่ได้เงิน เด็กที่โรงแรมบอกส่งหลานไปเรียนสตั้นท์แมนกับไอยราจ่ายค่าเรียนไปคอร์ทละ 6 พัน เรียนได้ 3 ครั้ง ที่เหลือไม่มีครูมาสอนบอกครูกลับต่างประเทศ’

“ทองที่พ่อจาใส่อยู่ที่คอ 10 บาท ก็ร้องห่มร้องไห้บอกบริษัทขาดทุนพ่อก็เอาทองไปขายให้ พ่อจาบอกว่าอยากใส่งาช้าง แม่ของบุ้งก็ไปทำงาทำทองใส่พระเลี่ยมทองไปให้ ก็สร้อยที่พ่อจาใส่ไปออกทีวีนั่นแหละ มันจะมีปัญหาตลอดเวลาที่กลับบ้านไปไหว้ศาลประกำหรือกลับไปทำอะไรก็ตาม แววก็จะทำพานบายศรีขอขมาเพื่อขอให้จากลับไปทำงาน จะทำแบบนี้ทุกครั้ง”

“ตอนที่บุ้งท้องแววกับสามีเขาจะประมูลงานช้างที่สุรินทร์งานเป็น 10 ล้าน ทางจังหวัดก็ถามว่าเอาอะไรมาค้ำประกัน เขาก็บอกว่าเขามีจา พนม ทางจังหวัดเขารู้จักกับจาดีเขารู้ว่าจาไม่ได้ทำไอยราแล้ว ทางนี้ก็เลยบอกว่าไม่จริงเดี๋ยวจะพาจามาให้ดู แล้วก็โทรไปบอกว่าพ่อป่วยเข้าไอซียูให้จารีบกลับบ้าน แต่พอดีมีคนที่สนิทกันโทรมาบอกว่า ทางนั้นไปประมูลงานกันต้องเอาจาไปด้วย เขาสงสารจาเขาบอกว่าหลอกไม่ต้องมา ก็เป็นจังหวะที่บุ้งคลอดลูกพอดีก็เลยไม่ได้ไป”

“พอปัญหามันเยอะขึ้นเรื่อยๆ จาก็เลยตัดสินใจไม่ทำอะไรกับบริษัทไอยราแล้ว ทุกอย่างก็ยกให้น้องหมดทั้งที่ทุกอย่างจาเป็นคนสร้างมา เขาเหลืออย่างเดียวคือเหลือใจ เขาแยกตัวจากน้องสาวกับน้องเขยมานานแล้ว ตอนนี้ก็ไม่ได้เปิดบริษัทอะไร บุ้งเขาก็คุยกับจาว่าจะทำอะไรกันก็ได้ขอให้สบายใจ ไม่ต้องเป็นนักแสดงก็ได้ จะขายข้าวแกงก็ได้ หรือจะทำโรงแรมทำเป็นการแสดง คือ โรงแรมที่ระยองอาจจะไม่ได้ใหญ่ไม่ได้ดังแต่ก็อยู่ได้ แต่จาเขาก็บอกว่าเขารักอาชีพนักแสดง เขาก็เลยยังเป็นนักแสดงอยู่ถ้าเสี่ยเจียงให้เล่นหนังเขาก็เล่นหนัง ถ้าให้กำกับเขาก็กำกับ และก็รับเงินเดือน หรือบางทีเสี่ยก็ให้เงินในโอกาสพิเศษเป็นโบนัส”

ที่ผ่านมา ช่วยเหลือครอบครัวของ “จา พนม” มาตลอด

มีวันหนึ่งพ่อโทร.มาบอกว่าโจเอารถตู้ไปจากบ้าน จาเขาก็เป็นห่วงพ่อเขาเป็นคนรักพ่อรักแม่มาก เขาก็สงสารพ่อกลัวพ่อช็อกเพราะพ่อเป็นความดันแล้วบ้านเขาอยู่ไกลจากตัวจังหวัด เป็นอะไรไปจะเอารถที่ไหนใช้ จาก็เลยจะซื้อรถใหม่ให้พ่อ ซึ่งแม่ของบุ้งกี๋นี่แหละเป็นคนดาวน์ให้ แม่บุ้งเขาก็ไม่มีเงินหรอกเขาก็เอาทองที่เก็บไว้ไปขายได้เงินมาหลายแสนเอาเงินไปให้แม่ชีปุณ เพราะแม่ชีปุณเป็นคนซื้อเงินสดให้ แม่ชีเขารักบุ้งและเขาก็อยากช่วยจา เขาช่วยเพราะเขาเห็นว่าจาเป็นคนดีรักพ่อรักแม่กตัญญูต่อพ่อแม่มาก แม่ชีไม่เคยเห็นใครที่กลับบ้านทุกครั้งแล้วลงไปกราบเท้าพ่อกับแม่ เขาก็ซื้อเป็นเงินสดให้ก็ผ่อนใช้แม่ชีปุณเอา ตอนนี้ก็ยังผ่อนไม่หมด”

“จาเขาเป็นคนดีมากไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น จาไม่เคยถามเลยว่าทำไมเป็นแบบนี้ บุ้งเขาก็โกรธเหมือนกัน เขายังทะเลาะกับจาด้วยซ้ำ แต่จาก็บอกว่าไม่เป็นไรนะเขาเข้าใจ บุ้งก็เข้าใจจาก็เลยต่างคนต่างให้กำลังใจกัน พรุ่งนี้ใครจะว่ายังไงจะไปออกทีวีช่องไหนบุ้งเขาก็ไม่สนใจ เพราะถ้าทะเลาะก็จะทำให้เลิกกัน ก็คงมีคนอยากให้เลิกกันแล้วลูกของบุ้งกับจาล่ะ เขาทั้งสองคนก็เลยเข้าใจกัน”

“และก็รถตู้คันนี้แหละที่เขานั่งมาที่บ้านบุ้งแล้วก็มีเรื่องกัน ที่เกิดเรื่องนี้เป็นเพราะที่ผ่านมาบุ้งกับแววเขาไม่ถูกกันอยู่แล้ว บุ้งเคยเจอกับแววหลายครั้งก็สวัสดีแต่แววสะบัดใส่ อุ้มลูกไปไหว้เขาก็สะบัดใส่ พอไปกินข้าวในบ้านจาแววก็พูดเลยว่า ทานข้าวร่วมกันไม่ได้หรอกทำใจไม่ได้และก็หายขึ้นบ้านไป เป็นอย่างนี้ตลอด”



“ที่แววเป็นแบบนี้เพราะตั้งแต่มีเรื่องที่บริษัท จาไม่เคยเข้าไปที่ออฟฟิศไอยราอีก และก็ไม่เคยไปเซ็นอะไรให้แววกับโจอีก ไม่เคยไปรับรองอะไรให้ แววไปของานที่ไหนถ้ามีจาพนมเซ็นต็รับรองให้ก็ได้งาน แต่พอจาไม่เซ็นอะไรให้อีกก็ไม่ได้งาน มันเป็นปัญหาแบบนี้มาหลายครั้ง ไปรับงานมาแล้วบอกว่ามีจา พนม ก็จะให้พ่อโทรมาบอกว่าให้จาไปเซ็นงานให้หน่อย แล้วจาเขาจะไปเซ็นอะไรได้ไง เพราะเขามีสัญญากับเสี่ยเจียงและเสี่ยก็มีบุญคุณมากให้จาทุกอย่าง ทำอะไรมันก็ส่งผลกระทบ”

“กับพี่สาวของจาก่อนหน้านี้ก็บุ้งก็ไม่มีปัญหากัน ตอนนั้นจาไปถ่ายหนังแถวทองผาภูมิสัญญาณก็ไม่มี พี่สาวเขาโทร.มาบอกจะใช้เงินด่วน 5 แสนโอนให้เดี๋ยวนี้ เขาบอกว่าจะเอาไปซื้อที่ติดกัน จากับบุ้งก็จะโอเคแต่ต้องรออีก 2 วัน เพราะมันอยู่ในเขา พออีก 2 วัน บุ้งก็ไปโอนให้ 1 แสนก่อน เพราะพี่สาวจาบอกว่าไปกู้ ธ.ก.ส.มาได้ พี่สาวจาบอกว่าขอยืมนะจะใช้ให้บุ้งเขาก็รู้ว่าไม่ได้คืนหรอก ซึ่งก่อนหน้านี้คุณแม่ของบุ้งก็เซ็นต์เชคโอนให้ครั้งละ 1 แสนหลายครั้งเพื่อให้พี่สาวจาไปจ่ายซื้อรถไถ แม่ของบุ้งให้เพราะคิดว่าเป็นการช่วยระยะยาว ต้องให้เขามีอาชีพจาจะได้สบาย เพราะที่ผ่านมาจาจะเป็นคนดูแลทั้งบ้านหมด”

“ครอบครัวจาไปที่ระยองบุ้งเขาก็ดูแลอย่างดีไปเปิดรีสอร์ตให้นอนเล่นน้ำทะเลกัน มาแต่ละครั้งก็รับเงินก้อนไป 1 แสน 5 แสน 1 ล้าน ก็เบิกเงินจากเสี่ยเจียงมาให้ กุ้งปูปลาอินทรีย์อาหารทะเลบุ้งเขาส่งกลับไปให้บ้านจาที่สุรินทร์ฝากรถทัวร์ไปอย่างละ 10 กิโล จากลับบ้านถ้าบุ้งไม่ได้ไปบุ้งเขาก็จะแพ็คส่งตามไปตลอด เสื้อผ้าอะไรต่างๆ ก็ส่งไปให้ส่งไปให้ทั้งบ้านไม่ได้ส่งไปให้เฉพาะพ่อกับแม่จา เสื้อผ้าที่เขาใส่มามีเรื่องวันนั้นก็เป็นของที่บุ้งซื้อให้”

เหตุการณ์วันนั้นเกิดขึ้นเพราะ “แวว” น้องสาว “จา พนม” ที่ไม่ถูกกับ “บุ้งกี๋” มาด้วย
“วันนั้นพี่สาวของจาโทรศัพท์มาตั้งแต่เช้าบอกว่าจะเข้ามาหาบุ้ง เขาบอกว่ามาทำบุญที่สระบุรีจะเลยมาเยี่ยมหลาน บุ้งก็โอเคก็วางแผนว่าจะพาพ่อกับแม่ไปกินข้าวที่เซ็นทรัลแจ้งและให้ของขวัญหลาน บุ้งกับจาเขาก็แต่งตัวรอ พอรถตู้มาถึงจาก็เดินออกไปหน้าบ้านบุ้งเลี้ยงลูกอยู่และก็มองเห็นว่าแววมา เท่านั้นแหละบุ้งก็วางขวดนมลูกและเดินออกไปเลย เพราะสองคนนี้เขาไม่ถูกกันตอนไปบ้านที่สุรินทร์แววเขาก็ทำกับบุ้งไว้เยอะ”

บุ้งไปถึงก็บอกให้แววกลับไป พ่อจาก็เลยโมโหว่าไปไล่ลูกเขา เขาก็บอกว่าแววเป็นลูกเขาไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้ และบอกว่าไม่เคยยอมรับว่าบุ้งเป็นลูกสะใภ้ ด้านแววก็ทำหน้าแบบ...พี่จาน้องมาหาพี่ บุ้งก็ไล่ให้ไปขึ้นรถตู้ไปเลยไม่อยากเห็นหน้าไม่งั้นจะแจ้งความบุกรุก เหมือนที่ผัวของแววแจ้งความว่าบุ้งเอาโทรศัพท์ต่อยหน้าทั้งที่ใช้กำปั้นเฉยๆ แววก็เลยวิ่งหนีขึ้นรถตู้”

พอขึ้นรถตู้แววก็ยังพูดออกมาอีกว่า ฉันจะกลับมาเอาพี่ชายฉันคืนไป พี่สาวจาขึ้นรถตู้ตามไปก็พูดอีกว่า ฉันจะกลับมาเอาน้องชายฉันคืนไปให้ได้คอยดูนะ จะไม่ปล่อยให้เป็นอย่างนี้หรอกพวกเราสูญเสียมามากพอละ จาก็เดินไปที่รถตู้เพื่อกราบขอโทษพ่อกับแม่ พี่สาวเขาก็บอกเลยว่า พี่น้องเขาจะคุยกันเข้าใจไหมคนนอกไม่เกี่ยว พอพูดแบบนี้บุ้งก็ยิ่งโมโหเพราะเขาเป็นผัวเมียกัน เวลาเดือดร้อนมาก็บุ้งเป็นคนจัดการให้”

“และก็บอกให้จาขึ้นรถจาก็กราบเพราะมีลูกด้วยกันแล้ว จากนั้นเขาก็พากันไปที่ สน.บางกอกใหญ่ ทางตำรวจก็โทร.มาหาบุ้ง บอกว่า โจจะรื้อคดีที่บุ้งไปต่อยโจให้ส่งฟ้องและอยากให้ไปหาที่โรงพัก แต่บุ้งเขาไม่ไปเขาบอกให้ส่งฟ้องเลยไปปรับที่ศาล เพราะไม่อยากไปมีเรื่องแล้ว ทางนั้นก็ไปให้ข่าวที่สน.ว่าจาหายไปจากบ้าน”

“ที่ผ่านมา ครอบครัวของจาก็เคยมาที่นี่นะ ที่นี่เป็นบ้านบุ้งที่พ่อสร้างไว้ เวลาจะมาก็จะบอกก่อนเพราะทางบุ้งต้องไปเตรียมของมากันทีมาเยอะ พ่อแม่ พี่สาวพี่เขย อา ป้า หลานมากันหมด และมาก็ไม่เคยมีปัญหาเพราะแววไม่ได้มา บุ้งเขาก็ต้อนรับขับสู้อย่างดีแม่บ้านนี่วิ่งทั้งวันเดี๋ยวเอาโน่นเอานี่มาให้”

ไขปริศนา ทำไม “บุ้งกี๋” ต่อย “น้องเขย” ของ “จา พนม” ในวันแต่งงาน

“มันมีเรื่องกันมาตลอดแต่ที่เป็นเรื่องที่บุ้งโมโหมากที่สุด คือ วันแต่งงาน วันนั้นบุ้งขอไม่เชิญแววกับสามีเพราะไม่อยากให้มีเรื่อง ซึ่งก็ไม่มีใครเชิญเขามาจริงๆ แต่จู่ๆ โจก็โผล่มางานและก็บอกว่าขอถ่ายรูปหน่อย บุ้งเขาก็ไม่ยอมถ่ายโจก็มากระซิบบอกกับบุ้งว่ากูจะถ่าย กูไม่กลับ บุ้งก็จะเดินเข้างานเขาก็บอกว่า เขาจะมาถ่ายรูปเขาเป็นน้องเขยจา พนม บุ้งก็เลยบอกไปว่า บุ้งเป็นเจ้าสาวเป็นเจ้าของงานไม่ถ่ายและเขาก็แทรกเข้ามาเลยบุ้งก็เลยต่อย”

“ส่วนที่น่าจะเป็นปัญหาคงเป็นเรื่องที่ตอนวันแต่งเสี่ยเจียงให้เชคมา 8 ล้านกว่าบาท แววเขาบอกว่ามันต้องเป็นสัญญาองค์บาก 3 แน่ๆ จาไม่มีสิทธิ์ใช้เงินคนเดียวเป็นเงินของบริษัทต้องมาแบ่งกับทุกคน แต่เสี่ยเจียงให้เงินนี้มาเพราะว่ารู้สึกว่าจาไปอยู่บ้านพ่อตาแม่ยายได้ไง เขาเลยจะให้เงินนี้ไปซื้อที่ ก็เลยไปซื้อที่ระยอง 5 ไร่ 8 ล้าน ซื้อเสร็จเสี่ยเจียงให้เอาโฉนดไปให้ดูด้วยเพราะเขากลัวว่าไม่ได้ซื้อ พอซื้อเสร็จก็เอาไปให้เสี่ยดูที่ตรงนั้นตอนนี้ราคาไร่ละ 4 ล้านแล้วเพราะอยู่หลังบิ๊กซี ชื่อที่โฉนดก็เป็นชื่อของจากับบุ้ง นี่เป็นของชิ้นแรกที่ชีวิตของจา พนมมีเป็นของตัวเอง”

“ไม่อยากให้ใครมองจาไม่ดีเลย ที่ผ่านมา จาเขาทำหน้าที่ลูกที่ดีมาตลอด เขาให้พ่อแม่อยู่สุขสบายไม่มีหนี้สินอะไรมีที่นาเป็น 200 ไร่มีโรงสีมีทุกอย่าง เขาไม่เคยว่าพ่อแม่เขาซักคำไม่ว่าจะเรื่องอะไร และใครก็ว่าพ่อแม่เขาไม่ได้นะ เขารักพ่อแม่เขาขนาดนั้นเขาจะยอมให้บุ้งไปกว่าพ่อแม่เขาเหรอ”

“เขาเป็นคนดีมากๆ ไม่เที่ยวไม่ได้ใช้เงินฟุ่มเฟือย สิ่งที่จาชอบก็คือซื้อเสื้อผ้ากับแว่น ถ้าชอบนี่ซื้อแบบเดียวกันไปทีละหลายๆ ตัว และก็เช่าพระชีวิตเขามีแค่นี้จริงๆ”

อย่างไรก็ตามในส่วนของความเคลื่อนไหวทางฝั่งของ “พ่อจา พนม” ได้ขนครอบครัวมาเปิดแถลงตอบโต้เรื่องดังกล่าวขึ้นวันนี้ (30) ที่โรงแรมทาวน์อินทาวน์ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรจะนำมารายงานต่อไป


โจ น้องเขย จา พนม แจ้งความหลังถูก บุ้งกี๋ต่อยในงานแต่งงาน
กำลังโหลดความคิดเห็น