“พิศณุ นิลกลัด” เครียดไมเกรนขึ้น เหตุรายการถูกถอด ตัดสินใจลาออกจากช่อง 7 ซบช่อง 3 ด้านช่อง 3 ป้อนงานทันที 4 รายการ พร้อมเตรียมเสริมทัพข่าวกีฬา เผย ช่อง 7 ไม่ถามถึงสาเหตุการออก และไม่ยับยั้งการลาออกแม้จะทำงานร่วมกันมายาวนาน
ร่วมงานกับช่อง 7 มาหลายปีจนกลายเป็นโลโก้ข่าวกีฬาของช่อง 7 ไปซะแล้วสำหรับ “พิศณุ นิลกลัด” แต่ล่าสุดพิศณุก็ตัดสินใจยื่นใบลาออกจากช่อง 7 มาร่วมงานกับช่อง 3 โดยที่ช่อง 7 ไม่ยับยั้ง และไม่ถามถึงสาเหตุในการตัดสินใจลาออกครั้งนี้ และทันทีที่ก้าวเท้าเข้ามาสถานีใหม่ช่อง 3 ก็ป้อนงานให้ถึง 4 รายการรวด
เกิดอะไรขึ้นกับ พิศณุ นิลกลัด การเปลี่ยนผู้บริหารคนใหม่ของช่อง 7 การจากไปของ “แดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” ผู้บริหารช่อง 7 ที่สนิทกับพิศณุมีผลทำให้พิศณุกระเด็นหรือไม่ วันนี้เจ้าตัวขอเปิดใจถึงการทิ้งบ้านเก่าที่อยู่มาอย่างยาวนานอย่างช่อง 7 ว่า...
“ผมกังวลว่า รายการกอล์ฟที่ผมทำอยู่คืนวันอาทิตย์หลังเที่ยงคืน เราไม่มั่นใจว่ามันจะมั่นคงแค่ไหน เนื่องจากว่า ปีก่อนหน้านี้รายการเราได้ถูกยกเลิกไป 2 เดือนด้วยเหตุผลที่ว่า เรตติ้งสู้รายการช่อง 3 ในเวลาเดียวกันไม่ได้”
“เขาก็มีการส่งจดหมายมาว่า เรตติ้งเราตกสู้ช่อง 3 ไม่ได้ แต่ว่าของผมเป็นรายการกอล์ฟแต่ช่อง 3 เป็นวาไรตี้ตลาดมันคนละตลาด ถ้าผมไปชนกับกอล์ฟที่ช่อง 3 แล้วเรตติ้งผมแพ้อันนั้นผมโอเคว่ามีเหตุผล แต่เอารายการกอล์ฟไปเปรียบเทียบกับวาไรตี้มันก็แย่เหมือนกัน ในจดหมายก็บอกว่าให้ปรับปรุงๆ แต่ผมก็ทราบนะครับว่า รายการกอล์ฟหลังเที่ยงคืนจะไปสู้รายการวาไรตี้หลังเที่ยงคืนคงไม่มีทาง เราเถียงไปก็ไม่มีทาง”
“พอถูกยกเลิกไป 2 เดือนปัญหาที่เกิดขึ้น ก็คือ ผมมีสัญญากับลิโพการแข่งขันกอล์ฟตีไกลของลิโพซึ่งเป็นโปรแกรมยาวทั้งปี ซึ่งเราจะต้องออกอากาศ 40 สัปดาห์ติดต่อกัน พอถูกยกเลิกไปแล้วผมก็ปวดหัวเป็นไมเกรนไม่ทราบว่าจะไปแจ้งทางลิโพยังไงดี เราไม่รู้ว่าเราจะได้กลับมาไหม กลับยังไง มันปวดหัวไปหมด”
“แต่เผอิญว่าผมทำกับลิโพมา 15 ปีมาติดต่อกันแล้ว เขาก็เมตตาเราเขาก็คอยได้ พอผ่านไป 2 เดือนตอนนั้นคุณแดงยังอยู่ที่ช่อง 7 นะครับ ก็ไม่ทราบว่าคุณแดงไปพูดยังไง เขาให้ผมไปเสนองานแข่งกับอีกบริษัทหนึ่งและเขาก็เลือกผมแต่ขอให้เปลี่ยนชื่อรายการและเพิ่มอย่างอื่นเข้ามาไม่ใช่กอล์ฟอย่างเดียว ซึ่งผมก็ทำไปแบบที่รู้ว่ามันไม่ดี ถ้าเราขายข้าวขาหมูก็อยากจะขายข้าวขาหมูอย่างเดียว จะให้มาขายก๋วยเตี๋ยว ข้าวแกง หมูสะเต๊ะในร้านเดียวกัน ผมไม่ชอบแบบนั้น ผมอยากทำอย่างเดียวให้มันเจ๋งไปเลย ทำอะไรผสมเข้ามามันก็ไม่ใช่ตัวเราแต่เราก็ต้องทำ”
“พอมาถึงปีที่ผ่านมาช่อง 7 ก็มีการปรับรายการเอาอันนั้นออกเอาอันนี้เข้าค่อนข้างเยอะมาก ผมก็กังวลใจว่า ถ้าไม่มีรายการนี้แล้วบริษัทจะอยู่ลำบาก เพราะรายการกอล์ฟของผมตัวนี้มันจะไปต่อยอดกับงานอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันกอล์ฟ หนังสือกอล์ฟของผมด้วย ถ้าไม่มีรายการกอล์ฟนี้ผมไม่สามารถไปต่อยอดต่างๆ ได้เลย รายการเดียวที่หล่อเลี้ยงบริษัทของผมที่ทำให้ผมไปต่อยอดต่างๆ ได้ก็คือรายการกอล์ฟกูรู”
“พอไม่มีรายการนี้เราลำบากมาก สุดท้ายแล้วมันก็ต้องไปที่ทางเลือกที่ทำให้เรามั่นใจ ตัวผมไม่เท่าไหร่หรอกตัวคนเดียวเมียคนเดียวลูกคนเดียว แต่ว่าเด็กในบริษัทผมฝากชีวิตไว้กับผมทั้งลูกทั้งครอบครัวเขาผ่อนรถผ่อนบ้าน ถ้าไม่มีรายการนี้ผมอยู่ไม่ได้ผมลำบาก ก็เลยตัดสินใจยื่นใบลาออกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน”
“พอยื่นจดหมายออกผมไม่ได้บอกเหตุผลว่าออกเพราะอะไร แต่ผมได้บอกกับทั้งกรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการฝ่ายรายการ ผู้จัดการฝ่ายข่าวว่าผมเครียด ซึ่งมันก็คือเรื่องจริงผมตั้งใจว่า ผมจะไม่พูดโกหกถ้าถามผมว่า เครียดเรื่องอะไรผมก็จะบอก แต่เผอิญว่าไม่มีใครถามเลยว่าออกเพราะเครียดเรื่องอะไร พอไม่มีใครถามผมก็เลยไม่มีโอกาสได้อธิบาย จะให้ผมอธิบายไปโดยที่ไม่ถามมันก็ไม่ใช่เรื่องนะครับเหมือนจะไปต่อรอง”
ช่อง 7 ไม่มีการยับยั้งใบลาออก ไม่มีคำถามว่าทำไม ทั้งที่ทำงานกับช่อง 7 มานาน
(หัวเราะในลำคอ) “ไม่มีเลยครับ ถ้าถามเขาก็ต้องถามว่าเครียดเรื่องอะไรก็จะได้อธิบายแต่ก็ไม่มี ก็ไม่มีการยับยั้ง ไม่ได้ทำให้น้อยใจไม่เลย ไม่ทราบจะน้อยใจเรื่องอะไรก็ไม่ได้คิดอะไรมาก”
ไม่ขอวิจารณ์ช่อง 7 หลังเปลี่ยนผู้บริหารแล้วมีแต่คนลาออก
“ผมตอบไม่ได้ผมอยู่ช่อง 7 มานานให้ผมวิจารณ์ช่อง 7 ในแง่ลบผมคงทำไม่ได้”
ปฏิเสธย้ายมากับช่อง 3 เพราะ “แดง สุรางค์ เปรมปรียดิ์” อดีตผู้บริหารช่อง 7 มาทำงานร่วมกับที่นี่
“ผมบอกได้เลยว่า เรื่องเดียวที่เป็นเรื่องใหญ่ที่สุดที่ทำให้ผมตัดสินใจออกจากช่อง 7 ก็คืออนาคตของเด็กในบริษัทผม นั่นเป็นอย่างเดียวเลย จริงๆ แล้วผมก็มีความสุขดีกับช่อง 7 ไม่ว่าจะมีคุณแดงหรือไม่มีคุณแดงแต่มาเจอเรื่องนี้เรื่องเดียวเลยที่ทำให้ผมเครียด จะให้ผมทำงานไปด้วยแล้วไมเกรนทุกคืนๆ มันทนไม่ไหว แล้วเป็นไมเกรนแย่มากๆ มันนอนไม่หลับ ผมกลัวเส้นเลือดในสมองมันจะแตกไปด้วย เราหาทางออกไม่ได้ไม่รู้จะทำยังไงมันทำไม่ได้ มันแย่ที่สุด คือ ลิโพตีไกลที่ผมให้คำตอบเขาไม่ได้ว่าจะไปออกที่ไหน ผมตอบเขาไม่ได้มันแย่มาก
“ตอนที่ผมเสร็จจากโอลิมปิกพอกลับมาก็ได้ทราบข่าวจากทางช่อง 7 ว่า รายการนั้นจะออกรายการนี้จะเข้าก็ยิ่งทำให้เราเครียด ผมกับคุณไบรอัน มาร์คาร์ รู้จักกันมานานเขาก็บอกว่าสนใจไหมที่จะมาทำกับบีอีซี ผมก็ถามว่าจะให้ทำอะไรบ้างเราก็คุยกัน เรารู้สึกว่าเรามั่นคง เด็กมั่นคง ผมไม่คิดอะไรเลยนอกจากว่า ให้เด็กอยู่ได้มีเงินเดือนให้ทุกคนยังอยู่กับเราได้เท่านั้นเอง เราดูจากสิ่งที่บีอีซีบอกว่าจะให้เราทำอะไรได้บ้างร่วมกัน เขาบอกว่าผมสามารถทำได้ทุกช่อง บีอีซีไปทำที่ไหนถ้ามันเข้าทางที่จะให้ผมทำได้เขาก็จะให้ผมทำ คือ ทำได้ทุกช่องเราก็โอเค”
“ตอนนี้ผมทำรายการให้กับช่อง 3 รวมทั้งหมดแล้ว 4 รายการคือ ข่าวนอกลู่ จะออกอากาศหลังข่าวพระราชสำนักจันทร์-พฤหัสบดี เป็นรายการของช่อง 3 ที่เขาจ้างให้ผมทำ , รายการเรื่องเล่าข่าวดีออกอากาศวันเสาร์ 06.55-06.25 น.ครึ่งชั่วโมง อันนี้ก็เป็นของช่อง 3 ที่จ้างผมทำ เป็นการคุยข่าวดีล้วนๆ เป็นข่าวที่เป็นแง่บวกฟังแล้วเพลิดเพลินเพราะ 6 - 7 วันบ้านเราที่ผ่านมามีแต่ข่าวเครียดๆ มาแล้ว แต่ข่าวของเราไม่ว่าจะเป็นข่าวการเมืองสังคมจะเป็นมุมที่ดูแล้วเพลิดเพลินมีกำลังใจ
“ส่วนที่ของบีอีซีที่ร่วมทำกับผม ก็คือ รายการ เสน่ห์กีฬา ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ ความยาว 5 นาทีตอนนี้ออนแอร์ไปแล้ว และรายการสุดท้ายก็คือรายการสปอร์ตกูรูออกอากาศตี 1 ครึ่ง ก็เป็นรายการกีฬาเหมือนกัน ออกอากาศจันทร์-ศุกร์ ก็เป็นรายการที่ผมทำร่วมกับบีอีซีเป็นหุ้นส่วนกัน”
“ก็อาจจะต่างจากรายการที่ทำกับช่อง 7 ซึ่งเราทำคนเดียว แต่อันนี้เราหุ้นกับบีอีซีก็รู้สึกมั่นคง มันลดภาระความเครียด เด็กของเรามีหน้าที่ทำงานให้ดีอย่างเดียว ไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้ เดือนหน้า เดือนโน้น รายการจะอยู่หรือไม่อยู่ รู้สึกมั่นใจที่เรามีพื้นที่มีเวทีที่แน่นอน รู้ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นยังไง เวลาเราไปเจรจากับลูกค้าทำอีเว้นท์ทำโปรแกรมเราสามารถพูดได้ว่า โปรแกรมนี้หนึ่งปีแน่นอน แต่ของเดิมผมทำไม่ได้ไม่สามารถไปรับปากทำสัญญากับใครได้เลย”
เตรียมเข้ามาเสริมทัพข่าวกีฬา
“ทางผู้บริหารฝ่ายข่าวก็ได้มีการพูดคุยกันเรื่องกีฬาบ้างว่า อยากจะให้ทำอะไรบางอย่างแต่ขั้นตอนยังอยู่ในระหว่างคุยกัน เขาก็บอกว่าอยากให้คิดเรื่องกีฬาพูดง่ายๆ ก็คือ นอกจากจะทำครอบครัวข่าวแล้วเขาอยากจะทำครอบครัวกีฬานั่นคือไอเดียของผู้บริหารฝ่ายข่าวช่อง 3 อยากให้ผมไปคิดเรื่องครอบครัวกีฬา”
“ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นปีใหม่ที่ดีนะครับ ในแง่ของความสบายใจเรามีความมั่นคงให้กับเด็กของเรา ทำให้เรามุ่งหน้าเรื่องงานอย่างเดียวทำให้เราไม่ต้องกังวลเรื่องจะอยู่หรือจะไปความปวดหัวมันไม่มี พอมาอยู่ช่อง 3 ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องปรับอะไร เพราะทีวีการทำงานก็คล้ายๆ กัน เราอยู่มานานจนเข้าใจทราบจังหวะการทำการเล่น เหมือนเราเล่นดนตรีมาไปอยู่วงไหนก็ไปเล่นได้ เราสามารถเล่นได้หลายอุปกรณ์หลายเครื่องเล่น”
“ตอนที่อยู่ช่อง 7 ผมคิดคนเดียวทำคนเดียวกับลูกทีม แต่พอมากับช่อง 3 ได้ทำกับบีอีซีคนเขามีเป็นพันเขามีคนเก่งมากมายก็ยิ่งช่วยกันคิดช่วยกันทำ งานมันเหมือนมากขึ้นแต่ก็ไม่ได้หนักหนาอะไร เพราะคนเขาเยอะช่วยกันคิดช่วยกันทำ”