สายเลือดตัดกันไม่ขาด “โป๊งเหน่ง” พาเมียกราบขอขมาแม่แล้ว พร้อมรับกลับไปอยู่บ้าน สัญญาต่อไปนี้จะดูแลให้ดีกว่าเดิม ไม่ให้เกิดปัญหานี้อีก ลั่นจะใช้หนี้ 5 หมื่นให้แม่ด้วย ด้านเมียตลกดัง ย้ำ จะไม่ให้มีปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้อีก อีกฝ่ายอยากได้อะไรจะจัดหาให้หมดทุกอย่าง
ลงเอยด้วยดีแล้ว สำหรับปัญหาระหว่างตลก “โป๊งเหน่ง เชิญยิ้ม” กับ นางนัฐกนก วันเพ็ญ หรือ ยายอ้อย อายุ 70 ปี ผู้เป็นแม่ที่ออกมาให้ข่าวว่า ถูกตลกดัง และ นางสมญา ผู้เป็นภรรยาไล่ออกจากบ้าน จนตนเองต้องไปอาศัยอยู่ที่วัดพระยาสุเรนทร์ แขวงสามวาตะวันตก กระทั่งทางด้านของตลกดังออกมาให้ข่าวทำนองว่า ยายอ้อยมาแอบอ้าง จนมีการท้าตรวจดีเอ็นเอเกิดขึ้น จนกลายเป็นข่าวดังขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายวันติดกัน
เป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา ทางด้านของ โป๊งเหน่ง ได้พาภรรยาออกมาเปิดแถลงข่าว ก่อนจะกลับคำยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นแม่จริงๆ ส่วนข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้เป็นแค่การสื่อสารที่เข้าใจผิดพลาด และยืนยันไม่เคยไล่แม่ออกจากบ้าน แต่อีกฝ่ายชอบหนีออกจากบ้านเองหลายครั้ง และยอมรับว่า แม่มีปัญหากับภรรยาของตนจริง ถึงขั้นไล่ให้ไปทำแท้งถึง 2 ครั้ง เพราะไม่อยากให้คบกัน ก่อนที่ในที่สุดแล้วในวันแถลงข่าวดังกล่าว ตลกดังได้ตัดสินใจยอมขอขมาแม่ตามที่ผู้เป็นแม่ต้องการ เพื่อยุติปัญหา
ล่าสุด ในวันนี้ (15 พ.ย.) ตลกโป๊งเหน่งได้ทำตามสัญญา ด้วยการพาภรรยาไปขอขมาแม่ที่วัด พร้อมรับกลับบ้าน ด้านยายอ้อย ถึงกับปล่อยโฮออกมา ก่อนจะบอกให้อภัยลูกชายทุกอย่างแล้ว หลังเรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายลงด้วยดี ตลกดังก็ได้เปิดใจพร้อมภรรยาว่า...
โป๊งเหน่ง : “วันนี้ดูเหมือนว่าภูเขาลูกใหญ่ๆ ที่อยู่ในหัวใจของผมตอนนี้ ยกออกไปแล้ว ผมโล่งใจ และสบายใจมากที่ได้ทำในสิ่งที่แม่ต้องการแล้ว อย่างที่บอกว่าท่านอยากให้ผมมารับกลับไปอยู่บ้าน มีความสุขกัน แล้วลูกสะใภ้ยังมาขอขมาเรื่องเหตุการณ์ที่ผ่านมา ก็ขอให้เรื่องจบไป ต่อไปนี้เราจะไม่พูดเรื่องเก่าๆ แล้ว จะได้อยู่กันแบบครอบครัวมีความสุขซะที ผมขอสัญญาว่า จะหาเวลาใกล้ชิดท่านให้มากที่สุด จะได้เข้าใจกัน จะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก”
“สาเหตุต่างๆ ที่เกิดขึ้น คิดว่า มาจากปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้ เป็นเรื่องครอบครัว แต่ที่ทำให้เป็นปัญหาลุกลามใหญ่โต คงเป็นเพราะเราไม่ได้เข้าไปถามแม่ว่ามีอะไรเกิดขึ้น แล้วพอท่านไม่ได้บอก เราก็ไม่รู้ ทำให้ท่านน้อยใจ ต่อไปนี้จะพยายามดูแลแม่ให้มากที่สุดเลยครับ ถ้าว่างวันไหนจะรับท่านไปเที่ยว ไปกินข้าวด้วยกัน”
“ผมจะบอกไว้ตรงนี้เลยว่า คำพูดของผมถือเป็นสัญญา ถ้าไม่ทำก็ตามข่าวได้เลยว่าหลังจากนี้ไป 3-4 เดือน ในครอบครัวของผมได้เคลื่อนไหวยังไงบ้าง เรื่องแม่สัญญาอะไรมั้ยนั้น เดี๋ยวต้องกลับไปคุยกับท่านดีๆ เพราะท่านบอกแล้วว่าถ้าคิดถึงเพื่อนที่นี่ ก็จะกลับมาส่งมาหาเพื่อนบ้าง ส่วนที่แม่เป็นหนี้ 5 หมื่น เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงครับ เพราะผมไปสืบมาแล้วว่าหนี้ 5 หมื่น ที่เกิดขึ้นเป็นเงินของน้องชายแกเอง จะไปเคลียร์ให้แน่นอนครับ แม่จะได้สบายใจ”
ด้านภรรยาของ “โป๊งเหน่ง” เผยว่า... “เอาเป็นว่าถ้าแม่อยากได้อะไร เราจะหาให้แกหมด ส่วนปัญหาแม่ผัวลูกสะใภ้จะไม่มีแล้วค่ะ เราเข้าใจกันแล้วว่าท่านคือคนแก่ อาจจะน้อยใจว่าทำไมลูกสะใภ้ถึงไปไหนมาไหนกับลูกชายทุกวัน ท่านไม่รู้ว่าเราไปรับงานให้คุณโป๊งเหน่ง ท่านคิดว่าเราสบาย แต่จริงๆ แล้วเราลำบากนะ เรื่องนี้ทำให้เราคิดได้ว่าเราเป็นลูกสะใภ้ควรจะดูแลแม่ผัวให้ดี เพราะแม่สามีก็เหมือนแม่เรา อย่าให้แม่เข้าใจเราผิดอีกค่ะ”
โป๊งเหน่ง : “แล้วที่หลายคนมองว่าเราเป็นคนไม่ดูแลแม่เลย ผมจะคิดว่าเป็นอุทาหรณ์สอนใจ ถือเป็นตัวอย่างให้กับครอบครัวอื่นๆ ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกิดกับผม คนอื่นๆ ก็เอาไปเปรียบเทียบกับครอบครัวของตัวเองไม่ได้ แล้วอีกอย่างผมเป็นคนของประชาชนด้วย ก็เปรียบเสมือนว่าเราต้องเป็นตัวอย่างของสังคมด้วย เพราะสังคมก็เพ่งเล็งอยู่”
“เรื่องที่ผมเคยน้อยใจที่แม่ไม่เลี้ยง ผมว่าเรื่องความหลังเราลืมไปดีกว่า เรามาตั้งต้นใหม่ดีกว่าครับ ตั้งแต่วันนี้ไปเราจะพยายามทำให้ครอบครัวมีความสุขที่สุด และผมไม่อยากให้ลูกผมมาเห็นสภาพแบบนี้ เดี๋ยวเด็กจะไปคิดในสิ่งที่ไม่ดี เดี๋ยวลูกจะคิดว่าทำไมพ่อทำได้ เดี๋ยวเวรกรรมจะตามมา เพราะผมเชื่อว่าเวรกรรมมีจริงครับ”