นักแสดงหญิงรุ่นใหญ่ “ซิลเวีย คริสเทล” ผู้สวมบทบาทเป็น “เอ็มมานูเอล” ในหนังอีโรติกระดับตำนานของวงการภาพยนตร์ ได้เสียชีวิตลงแล้วด้วยวัย 60 ปี หลังจากต่อสู้กับโรคมะเร็งมาหลายปี
บางคนถึงกับเอ่ยว่านี่คือจุดสิ้นสุดแห่งยุคสมัยของภาพยนตร์ฮีโรติกแบบคลาสิก เมื่อดาราผู้รับบทนำในหนังระดับตำนาน Emmanuelle อย่าง ซิลเวีย คริสเทล ได้เสียชีวิตลงด้วยวัย 60 ปี หลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งที่โรงพยาบาลในอัมสเตอร์ดัมเมื่อเดือน ก.ค. และสิ้นลมลงระหว่างนอนหลับในช่วงกลางคืนของวันที่ 17 ก.ค.
เด็กสาวจากยูเทรกต์ กับครอบครัวที่แตกแยก และชีวิตที่มีปัญหา
หญิงสาวชาวเนเธอร์แลนด์ที่มีพื้นเพเดิมอยู่ที่ ยูเทรกต์ เป็นลูกสาวของเจ้าของโรงแรมแห่งหนึ่งที่นั่น เจ้าตัวเคยเปิดเผยในหนังสืออัตชีวประวัติส่วนตัวเมื่อปี 2006 ว่าตนเองเคยถูกแขกโรงแรมสูงวัยคนหนึ่งล่วงละเมิดทางเพศตั้งแต่มีอายุเพียง 9 ขวบ แต่เธอปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลลายละเอียดมากไปกว่านี้
ด้วยชีวิตวัยเด็กที่ไม่ค่อยจะสมบูรณ์นัก พ่อแม่ของเธอแยกทางกันเมื่อ คริสเทล อายุได้เพียง 14 ปี หลังผู้เป็นพ่อออกจากบ้านเพื่อไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น เป็นเหตุการณ์ที่เธอยอมรับว่าเศร้าที่สุดในชีวิตเลยทีเดียว
แม้จะโด่งดังจากบทประเภทเปิดเผยเนื้อหนัง แต่ตามข้อมูลระบุว่าเธอมีไอคิวสูงถึง 164 พูดได้ทั้งภาษา ดัช, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน และอิตาลี แต่ต้องออกจากโรงเรียนตั้งแต่เกรด 4 และเริ่มเป็นนางแบบตั้งแต่อายุ 17 จนกระทั่งเริ่มก้าวขาเข้าสู่วงการของแสงสีเต็มตัว ด้วยการลงสมัครประกวดนางงาม Miss TV Europe ในปี 1973 และคว้าตำแหน่งมาได้
ในปีต่อมานั่นเองที่เธอโด่งดังไปทั่วโลกกับการสวมบทบาทตัวละครเอกในหนังซอฟต์คอร์ Emmanuelle ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นหนังฝรั่งเศสที่ประสบความสำเร็จที่สุดมากเรื่องหนึ่งในประวัติศาสตร์
“เอ็มมานูเอล” – “ซิลเวีย คริสเทล” ชีวิตที่แยกกันไม่ออก
Emmanuelle นิยายอีโรติกของ เอมมานูแอล อาร์ซอง (นามปากกาของ มารยาท กระแสสินธุ์) ภรรยานักการ ทูตชาวฝรั่งเศส ที่แต่งงานตั้งแต่อายุ 16 ปี และได้นำประสบการณ์ทางเพศของตน มาเขียนเป็นนิยายอีโรติก จนถูกนำมาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ เล่าเรื่องของหญิงสาวผู้ตามหาความหมายของเซ็กซ์ และความรัก จากสาวไร้เดียงสาก็เริ่มอยากรู้อยากเห็น จนมีความสัมพันธ์ กับชายมากหน้าหลายตา ได้กลายเป็นผลงานที่ทำให้ คริสเตล โด่งดังในช่วงเวลาข้ามคืน
หนังที่ใช้ทุนสร้างเพียง 5 แสนเหรียญฯ กลับสามารถทำเงินได้ถึง 100 ล้านเหรียญฯ จากการฉายซ้ำวนเวียนหลายปี และยังขายดิบขายดีเมื่อผลิตจำหน่ายในรูปแบบโฮมวิดีโอ ถือว่าโด่งดังเป็นที่นิยมไปทั่วโลก มีส่วนอย่างยิ่งที่ทำให้หนังแนวอีโรติกได้รับความนิยม และได้รับการยอมรับขึ้นมาในวงกว้าง
นอกจากนั้นหนังยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในหมู่สาว ๆ ซึ่งทำให้ทาง Columbia Pictures ตัดสินใจนำหนังมาจัดจำหน่ายในสหรัฐฯ พร้อมอ้างว่าการที่หนังมีผู้ชมเป็นผู้หญิงมากมายระหว่างฉายในฝรั่งเศส เป็นข้อพิสูจน์ว่า Emmanuelle ไม่ได้เป็นเพียงหนังโป๊ที่ขายความวาบหวามให้กับกลุ่มหนุ่ม ๆ เท่านั้น
หลังความสำเร็จอย่างมหาศาล มีการสร้างภาคต่อของ Emmanuelle ขึ้นมากมาย ทั้งที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการ มีดาราหญิงคนอื่นมาสวมบทบาทนำแทน ส่วนตัวของ คริสเทล ก็ต้องเล่นบทนี้ไปอีกหลายครั้งทั้งในภาพยนตร์ที่ฉายโรง และงานสำหรับฉายทางโทรทัศน์
มากไปกว่านั้นเธอยังคงถูกผูกติดกับภาพของตัวละครในแบบ “เอ็มมานูเอล” แทบจะตลอดของอาชีพนักแสดง และต้องรับบทประเภทขายเนื้อหนังในผลงานอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ที่ดัดแปลงมาจากนิยายคลาสสิกอีกเรื่องอย่าง Lady Chatterley's Lover (1981) หรืออย่างการสวมบทบาท “มาตา ฮารี” ใน Mata Hari (1985)
แม้จะเดินทางไปทำงานที่สหรัฐฯ คริสเทล ก็ยังคงต้องรับบทที่คล้าย ๆ เดิมต่อไปในหนังตลกเซ็กซี Private Lessons (1981) ที่ว่าด้วยเรื่องราวของ นิโคล มาลโล สาวใช้ผู้พยายามยั่วยวนเด็กวัยรุ่นคนหนึ่ง ซึ่งหนังก็ประสบความสำเร็จพอสมควร เป็นหนังทำเงินอันดับที่ 28 ในปีนั้น และเป็นหนังอิสระที่ทำเงินมากที่สุดเรื่องหนึ่งในปี 1981
นอกจากนั้นความอื้อฉาวของเนื้อหาที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ระหว่างสาววัย 30 ปี กับหนุ่มน้อยที่เพิ่งก้าวสู่เข้าช่วงวัยรุ่น ก็ทำให้หนังกลายเป็นที่พูดถึงมากมาย ถือว่าเป็นงานที่สหรัฐฯ ซึ่งมีอยู่ไม่มากนักของ คริสเทล ซึ่งก็มี The Nude Bomb (1980) หนังแนวสายลับเป็นงานที่ฮอลลีวูดอีกเรื่องของเธอ
ซิลเวีย คริสเทล ยังมีผลงานต่อไปอีกหลายปี จนกระทั่งมาถึงจุดสิ้นสุดกับบท เอ็มมานูเอล ในปี 1993 ในหนังเรื่อง Emmanuelle au 7ème ciel หรือเรียกสั้น ๆ ง่าย ๆ ว่า Emmanuelle 7 เป็นหนังภาค 7 ที่สร้างโดยผู้สร้างชาวฝรั่งเศส อย่างไรก็ตามหลังจากนั้นเธอยังรับงานแสดงต่อไป รวมถึงเคยกำกับหนังการ์ตูนอนิเมชั่น Topor and Me (2004) คว้ารางวัลมาแล้ว
ชีวิตนอกจอ “หวือหวา” ไม่แพ้กัน
หลังโด่งดังทั่วโลก และสอนให้เด็กหนุ่มรู้จักกับเรื่องของเซ็กส์มารุ่นแล้วรุ่นเล่า ในปี 2006 คริสเทล ได้ออกอัตชีวประวัติส่วนตัวที่ชื่อว่า Nue (นู้ด) ที่ตีพิมพ์ในฝรั่งเศส จนต่อมาได้ถูกแปลเป็นภาษาอังกฤษภายใต้ชื่อ Undressing Emmanuelle: A Memoir และเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวที่เรียกว่าหวือหวาไม่แพ้บทบาทในภาพยนตร์ของเธอเลย
ในหนังสือเล่มนี้ คริสเทล เปิดเผยถึงชีวิตที่จมปลักอยู่กับเหล้า และยาเสพติด นอกจากนั้นการไขว้คว้าหาชายซักคนเพื่อแทนที่พ่อที่ไม่ได้ดูแลเธออย่างเต็มที่ ทำให้ คริสเทล มีสัมพันธ์กับชายสูงวัยหลายคน และส่วนใหญ่มักจะลงเอ่ยแบบไม่ค่อยดีนัก
ความรักแบบจริง ๆ จัง ๆ ครั้งแรกของเธอ เริ่มต้นขึ้นกับนักเขียนชาวเบลเยียม ฮิวโก คลอส ที่อายุมากกว่าเธอ 27 ปี และคบหากันขณะที่ คริสเทล อายุประมาณ 20 ปีเท่านั้น ทั้งสองมีทายาทด้วยกันหนึ่งคน จนฝ่ายหญิงเป็นฝ่ายตีจากเพื่อไปคบหากับนักแสดงหนุ่ม เอียน แม็คเชน ซึ่งอายุมากกว่าเธอ 10 ปี หลังทั้งคู่พบกันครั้งแรกในปี 1979 ระหว่างถ่ายทำหนังเรื่อง The Fifth Musketeer และย้ายไปอยู่ด้วยกันที่ลอสแอนเจลิส ซึ่ง แม็คเชน สัญญาว่าจะช่วยเหลือให้เธอได้เกิดในแวดวงบันเทิงสหรัฐฯ
แต่แล้วระหว่างคบหากันเธอก็ไม่ได้โด่งดังขึ้นมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามชีวิตส่วนตัวกลับย่ำแย่ คริสเทล พูดถึงการใช้ชีวิตคู่กับ แม็คเชน ว่า “โคตรแย่” แม้เขาจะฉลาด และมีเสน่ห์ แต่เธอก็บอกว่าทั้งคู่เหมือนกันมากเกินไป
ในตอนที่เริ่มคบกับ แม็คเชน ได้ 2 ปี คริสเทล ก็เริ่มใช้โคเคน ยาที่ทำให้ชีวิตของเธอเลวร้ายลงไปอีก เธออ้างในตอนนั้นคิดไปว่า โคเคน คือยาประเภท “ซูเปอร์ไวตามิน” เป็นของที่ทันสมัยสุด ๆ และไม่มีอันตรายใด ๆ ราคาอาจจะแพงนิดหน่อย แต่ก็ตื่นเต้นกว่าการเมาเหล้าหลายเท่า
ในการให้สัมภาษณ์เมื่อปี 2006 กับสารคดี Hunting Emmanuelle คริสเทล อ้างว่าการใช้โคเคนอย่างหนัก ทำให้เธอตัดสินใจผิดพลาดไปไม่น้อย รวมถึงการขายส่วนแบ่งผลประโยชน์จากหนัง Private Lessons ให้กับเอเยนต์ส่วนตัวแค่ 150,000 เหรียญฯ ซึ่งเทียบไม่ได้เลยเมื่อหนังประสบความสำเร็จอย่างสูงทำเงินได้ถึง 26 ล้านเหรียญฯ
หลังเลิกรากับ แม็คเชน ไป คริสเทล แต่งงานอีก 2 หน ครั้งแรกกับนักธุรกิจชาวสหรัฐฯ คนหนึ่งที่สุดท้ายชีวิตสมรสกลับยืนยาวได้เพียงแค่ 5 เดือน หลังจากนั้นยังแต่งงานกับโปรดิวเซอร์ ฟิลลิปเป บล็อต และใช้ชีวิตคู่กับโปรดิวเซอร์รายการวิทยุ เฟรด เดอ วรี อีกประมาณ 10 ปี จนกระทั่งเขาเสียชีวิต
นอกจากเหล้ายาแล้ว คริสเทล ยังสูบบุหรี่ประเภทที่ไม่มีก้นกรองอีกอย่างหนัก ตั้งแต่อายุเพียง 11 ขวบ จนเป็นที่มาของการตรวจพบมะเร็งคอเมื่อปี 2001 และเข้ารักษาด้วยวิธีเคมีบำบัด 3 ครั้ง จนต้องเข้ารับการผ่าตัดเมื่อมะเร็งลามไปถึงปอด ซึ่งสุดท้ายถึงกับทำให้เธอเสียชีวิตลงในที่สุด
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |