The Dark Knight เคยได้รับเสียงชมจากทุกฝ่ายอย่างล้นหลาม แต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้หนังได้เข้ารอบ 5 เรื่องสุดท้ายสำหรับรางวัลใหญ่ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม
... แต่ตอนนี้ “คริสโตเฟอร์ โนแลน”, “แบทแมน” รวมถึงวงการหนังซูเปอร์ฮีโรกำลังจะมีโอกาสอีกครั้งกับ The Dark Knight Rises ที่ทุกฝ่ายต่างจับตามองว่าจะสามารถสร้างประวัติศาสตร์ให้กับหนังแนวนี้ได้หรือไม่
The Dark Knight Rises อาจเป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับหนังซูเปอร์ฮีโร กับการเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมประจำปี 2013 ที่จะมีขึ้นในเดือน ก.พ.ปีหน้า สำหรับหนังปิดไตรภาคมนุษย์ค้างคาว ที่ได้ชื่อว่า เป็นหนังซูเปอร์ฮีโรชุดที่ลุ่มลึกซับซ้อนที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างกันมา
“The Dark Knight” หนังที่เปลี่ยนกฎออสการ์
ซึ่งหากทำได้ถึงขั้นคว้ารางวัล ก็จะกลายเป็นประวัติศาสตร์สำหรับหนังแนวซูเปอร์ฮีโร กับเกียรติยศสูงสุดในวงการภาพยนตร์ แบบเดียวกับที่ ปีเตอร์ แจ็คสัน เคยสร้างประวัติศาสตร์ ผลักดันให้หนังแฟนตาซีให้คว้ารางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ด้วย Lord of the Rings มาแล้ว
ย้อนหลังกลับไปเมื่อปี 2008 ที่ The Dark Knight สร้างปรากฏการณ์ทำรายได้มหาศาล, แฟนหนังหลายคนตีตั๋วซ้ำหลายรอบ และกวาดคำชมแบบเอกฉันท์จากทุกฝ่าย แต่ก็ยังไม่สามารถผ่านด้านเข้าไปเป็น 5 เรื่องสุดท้ายในสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยมของรางวัลออสการ์ได้
จนเกิดกระแสวิจารณ์ขึ้นมากมาย ว่า กรรมการออสการ์ไม่ควรจะมองข้ามหนังตลาดที่มีคุณภาพสูงเช่นนี้ แม้เปลือกนอกจะเป็นแนวซูเปอร์ฮีโรที่ไม่ค่อยได้รับการยอมรับนับถือนักก็ตาม
ประเด็นดังกล่าวนำมาซึ่งการเปลี่ยนกฎเพิ่มจำนวนผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมจาก 5 เรื่อง เป็น 10 เรื่องในเวลาต่อมา (ซึ่งตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งเป็นไม่จำกัดจำนวนตายตัว แต่สามารถยืดหยุ่นได้ระหว่าง 5-10 เรื่อง ตามแต่ความเหมาะสมในแต่ละปี)
“โนแลน” อัจฉริยะที่ถูกเมิน
ตัวผู้กำกับ คริสโตเฟอร์ โนแลน เองก็ดูเหมือนจะเป็นคนทำหนังที่ถูกออสการ์เมินอยู่เหมือนกัน ทั้งในปี 2008 ที่เขาได้ชิงรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจาก The Dark Knight แต่ตัวหนังกลับไม่ได้ชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ส่วนในปี 2010 หนังไซไฟทริลเลอร์ Inception ของเขาได้ชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แต่ตัว โนแลน กลับไม่ได้ชิงรางวัลผู้กำกับ ทั้งๆ ที่คนทำหนังวัย 41 ปี ได้รับการยกย่องทั้งในแง่ฝีไม่ลายมือ, สร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ ให้กับวงการมากมาย เป็นคนทำหนังแถวหน้า ที่ได้ทั้งเงินได้ทั้งคำชม แต่กลับไม่ค่อยประสบความสำเร็จบนเวทีออสการ์นัก
ด้วยงานอย่าง Memento, Batman Begins, The Prestige, Inception และ The Dark Knight อาจจะดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่ โนแลน เคยได้รับการเสนอชื่อชิงออสการ์เพียง 3 ครั้งเท่านั้น จากบทบาทการเป็นผู้กำกับ, คนเขียนบท และอำนวยการสร้าง อย่างละครั้ง
โนแลน ได้กล่าวถึงเรื่องที่ The Dark Knight ถูกมองข้ามว่าสำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรมากมาย “อันที่จริงที่ผู้คนพูดกันว่า The Dark Knight คือ กุญแจสำคัญที่ทำให้สถาบันฯเปลี่ยนแปลงกฎ ซึ่งก็ถือว่าเป็นการยกย่องหนังเรื่องนี้แล้ว แม้จะเป็นการยกย่องที่ประหลาดไปหน่อยก็ตาม”
ซึ่งกฎการมีหนังชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมได้มากถึง 10 เรื่องนั้น ถือว่าเป็นโอกาสที่เปิดกว้างสำหรับหนังแนวที่ถูกมองว่าตลาดอย่างซูเปอร์ฮีโร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง The Dark Knight Rises ที่ได้ชื่อว่าเป็นหนังแนวนี้ที่หนักแน่นจริงจังอยู่แล้ว แม้บางคนจะมองว่าถึงจะมีช่องว่างให้หนังยอดเยี่ยม 5 เรื่อง The Dark Knight Rises (หรืออาจรวมถึง The Dark Knight) ก็ยังเหมาะสมสำหรับการได้ชิงรางวัลอยู่ดี
งานยกระดับหนังซูเปอร์ฮีโร
หนังที่เต็มได้ด้วยงานภาพอันน่าตื่นตาตื่นใจ, บทที่แหลมคม, เดินเรื่องอย่างหนักแน่น ไม่เร่งเร้าเหมือนหนังซูเปอร์ฮีโรโดยทั่วไป กับเนื้อหาอันยิ่งใหญ่สื่อสารเนื้อหาที่ต้องขบคิดอย่างจริงจัง กินเวลาเหยียบ 3 ชั่วโมง กับตัวละครมากมายที่ล้วนมีความลึกซึ้ง และชะตากรรมของตัวเอง นอกจากนั้น ก็ยังเป็นหนังที่สะท้อนไปถึงเรื่องราวแห่งยุคสมัยทั้งเรื่องราวการก่อการร้าย และสังคมอเมริกันที่กำลังดำดิ่งไปสู่ช่วงตกต่ำ ถือว่าเป็นองค์ประกอบที่พร้อมสมบูรณ์กับการชิงรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมแห่งปี
“ฉันไม่ได้พูดในฐานะนักแสดงคนหนึ่งของหนังนะคะ, แต่พูดในฐานะสมาชิกของสถาบันฯ เท่าที่ผ่านมานี่คือหนังที่ดีที่สุดในปีนี้เลยก็ว่าได้” แอน แฮทธาเวย์ นักแสดงผู้สวมบทบาท แคทวูแมน กล่าวถึงผลงานเรื่องนี้ของเธอ “เขา (โนแลน) อยู่เหนือหนังตระกูลนี้ไปแล้ว ฉันคิดว่าเขากำลังแสดงให้เห็นว่า หนังจากหนังสือการ์ตูนสามารถเล่าเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่ได้ เป็นหนังที่พิเศษสุดได้”
The Dark Knight Rises ยังประกอบไปด้วยทีมนักแสดง ที่เคยสัมผัส (หรือเกือบ) รางวัลออสการ์มาแล้วทั้งนั้น แฮทธาเวย์ เคยได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัลนักนำแสดงหญิง, ส่วน ไมเคิล เคน, มอร์แกน ฟรีแมน, มาริยง โกติยาร์ด และ คริสเตียน เบล ก็คว้าออสการ์มาได้คนละตัว สำหรับ แกรี โอลด์แมน ก็เพิ่งจะลบล้างฉายา “ยอดฝีมือออสการ์เมิน” ได้หลังถูกเสนอชื่อชิงรางวัลเป็นครั้งแรกใน 30 ปีของชีวิตนักแสดงเมื่อปีก่อน ซึ่งชื่อเหล่านี้เป็นเครื่องการันตีได้เป็นอย่างดี ว่านี่คือ ไม่ใช่หนังซูเปอร์ฮีโรธรรมดาๆ
ซึ่งหากหนังซูเปอร์ฮีโรยังอาจถูกมองว่าเป็นหนังประเภทตลาดร้อยเปอร์เซ็นต์ ซึ่งไม่ใช่ที่โปรดปรานของออสการ์ แต่สำหรับงานของ โนแลน ก็แสดงจุดยืนที่แตกต่างจากหนังแนวนี้ให้เห็นอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แม้เรื่องราวจะว่าด้วยเรื่องราวของตัวละครในชุดแฟนซี กับหน้ากาก แต่การนำเสนอก็สมจริงจนน่าขนลุก อย่างใน The Dark Knight ที่นักแสดงหนุ่มผู้ล่วงลับ ฮีธ เลดเจอร์ ถ่ายทอดการแสดงเป็นตัวละครระดับตำนาน “โจกเกอร์” ได้อย่างเหนือชั้น แม้จะมีเมกอัพที่เหมือนเค้กไอติมกำลังละลายอยู่บนใบหน้าของเขา อยู่ตลอดทั้งเรื่องก็ตาม
โนแลน เปิดเผยว่าวิธีคิดที่เขาใช้สร้างตัวละครในหนังชุดนี้ ก็คือ มองทุกตัวละครเป็นมนุษย์ที่มีชีวิตจิตใจ, มีตัวตน ไม่ใช่เป็นเพียงตัวการ์ตูน เช่นเดียวกับที่วาดภาพโลกของ แบทแมน ให้เหมือนเป็นสถานที่ ซึ่งมีอยู่จริง ส่วน กอร์ดอน-เลวิตต์ หน้าใหม่ที่จะปรากฏตัวในหนังภาค 3 เป็นครั้งแรกก็บอกว่า โนแลน เลือกที่จะนำเสนอ “ความน่าตื่นตาตื่นใจ แต่ก็ไม่ดูแคลนคนดู”
ถึงเวลาของ “โนแลน” รึยัง?
“ไม่ว่า The Dark Knight Rises จะได้เสนอชื่อรึเปล่า เราก็คงไม่บ่นอะไรแน่นอน” คริสเตียน เบล ผู้รับบท บรูซ เวย์น หรือ แบทแมน กล่าว “ผมไม่คิดว่า คริส (โนแลน) จะบ่นอะไร เขาทำได้ดีมากอยู่แล้ว”
ส่วน แฮทธาเวย์ ก็ยอมรับเช่นเดียวกันว่าสมาชิกของสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ มองข้าม โนแลน มานาน แต่ในเวลาเดียวกันเธอเองก็มองว่า โอกาสของเขายังคงมีอยู่อีกมาก เร็วที่สุดก็อาจจะเป็นต้นปีหน้านี้เลย “มันขึ้นอยู่กับเวลาเท่านั้นล่ะค่ะ ... ฉันก็หวังว่ามันจะเกิดขึ้นเสียทีกับหนังเรื่องนี้”
“สถาบันฯ ดีกับผม และหนังของผมมาตลอด จริงๆ เราได้รับการยกย่องจากสถาบันฯ ในรูปแบบอื่นๆ อยู่เสมอ ซึ่งมันก็สำคัญกับผมเช่นเดียวกัน อย่างการที่ ฮีธ เลดเจอร์ ได้รับรางวัลสาขานักแสดงสมทบนั้น ก็มีความหมายกับผมมาก” โนแลน แสดงความเห็นถึงประเด็นที่ว่าเขาคือคนที่ออสการ์เมินมาตลอด
แล้วรางวัลออสการ์มีความสำคัญเพียงใดสำหรับเขา ? โนแลน ตอบเรื่องนี้ ด้วยการอ้างถึงชื่อของผู้กำกับสองคนที่ได้รับการยกย่องว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในวงการ แม้จะไม่มีรางวัลออสการ์มาการันตีแต่อย่างใด... “ถ้าได้มันก็คงดี แต่ในท้ายที่สุดแล้ว พวกเขา (ออสการ์) ติดค้างคนอย่าง สแตนลีย์ คูบริก และ อัลเฟรด ฮิทช์ค็อก มากกว่าผมเยอะ คุณก็คงรู้ว่าผมหมายความว่าอย่างไร”
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |