หลายคนน่าจะคุ้นเป็นอย่างดีกับภาพการยักย้ายเอวส่ายสะโพกโยกไปมาตามจังหวะของเสียงดนตรีที่สุดแสนจะคึกคักด้วยลีลาแสนสุดจะเร้าใจของบรรดาสาวๆ ที่ถูกเรียกว่า "โคโยตี้" ซึ่งถึงวันนี้ต้องบอกว่าแพร่ระบาดมีให้เห็นจนเกร่อ
ในทางกลับกัน หากลวดลายเหล่านั้นถูกวาดด้วยหนุ่มๆ ในชุดกางเกงในตัวเดียว ท่อนบนโชว์กล้าม หน้าท้องซิคแพ็คกันล่ะ?
เป็นที่รับรู้กันมานานพอสมควรถึงการก่อเกิดอาชีพ "โคโยตี้ บอย" แต่เชื่อว่าคงมีคนส่วนน้อยที่จะได้รับรู้ชีวิตและการทำงานของพวกเขาเหล่านี้
Super บันเทิง อาสาพาไปสัมผัส
...
"พอดีมีเพื่อนหลายคนก็ทำอาชีพนี้กันอยู่แล้วครับ เขาบอกกันว่ารายได้ดี ผมก็เลยสนใจ..." คำบอกเล่าจาก "สายชล”(นามสมมุติ) ถึงเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ตนเองตัดสินใจมาเป็นโคโยตี้ บอย ให้กับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองพัทยาเป็นระยะเวลานานเกือบจะหนึ่งปี
โดย สายชล ได้บอกถึงคุณสมบัติหลักๆ ของคนที่จะมาทำอาชีพนี้ว่า อันดับแรกต้องมีอายุเกิน18 ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอะไรเลยแม้กระทั่งทักษะเรื่องการเต้น เพราะหลักๆ ทางร้านจะดูว่าใครสามารถเชียร์แขกให้ซื้อดริงค์ได้ ถ้าคนไหนทำได้ก็จะให้ขึ้นเต้นเลย แต่ถ้ายังทำไม่ได้ก็ยังไม่ได้ขึ้นเต้น
"ผับนี้จะมีโคโยตี้ บอยอยู่ประมาณ 35 คน แต่ละคนก็ต้องขึ้นเต้นหมดเวียนรอบกัน ซึ่งเวลาขึ้นเต้นก็จะขึ้นวันละ 5 รอบต่อวัน รอบนึงก็ประมาณ15 - 20 นาที ชุดที่ใส่รอบแรกมันก็จะเป็นชุดทำงานของแต่ละวันครับ พอรอบที่ 2 ถึงรอบที่ 5 ก็จะใส่กางเกงในตัวเดียว หรือกางเกงบางๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปแบบนี้เหมือนกันแทบจะทุกผับ”
สำหรับสถานที่บันเทิงที่มีเหล่าโคโยตี้ บอย เต้นโชว์นั้นต้องบอกว่ามีเยอะอยู่พอสมควรไม่แพ้เหล่าสาวๆ โคโยตี้ ทั้งที่ พัทยา, บางแสน ฯ ในกรุงเทพฯ ทั้ง อตก., รัชดา, พัฒน์พงษ์, สีลม ฯ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ตามตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ
"ถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องเป็นเกย์เท่านั้นถึงจะเป็นโคโยตี้ บอยได้ ก็ไม่นะครับ ผู้ชายแท้ๆ ก็มีเยอะอยู่พอสมควร ส่วนลูกค้านั้นแน่นอนครับว่าเกย์จะเป็นตลาดหลัก แต่บางร้านที่เขาเปิดแบบโอเพ่น ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก็จะเยอะนะ ก็จะเป็นผู้หญิงแบบที่เขาดูห้าวๆ หน่อย หรือว่าเป็นพวกสูงวัยนิดๆ พวกนี้จะมาเที่ยวมากรี๊ด มาลูบมาไล้ สนุกสนานเฮฮากันไป"
“แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่ก็จะมีแต่เกย์ครับ เพราะมันเป็นผับเกย์โดยเฉพาะ ผู้หญิงก็เที่ยวบ้างนะครับ มากับกลุ่มเพื่อนเก้ง กวางบ้าง ลูกค้าก็จะมาจากกรุงเทพบ้าง ต่างจังหวัดก็จะพอมี จะเยอะตลอดโดยเฉพาะศุกร์- เสาร์-อาทิตย์ เรียกว่าสำหรับผับเกย์ที่พัทยาก็ยังอยู่ตัวได้เรื่อยๆ ลูกค้ายังเยอะอยู่"
"ซึ่งพอเต้นเสร็จแต่ละรอบโคโยตี้ก็จะออกมานั่งคุยกับลูกค้าด้วย นั่งคุยแล้วก็ขอดื่มจากเขา ซึ่งทางร้านกำหนดให้ 10 วันต้องได้แท็กนึง แท็กนึงก็ต้องได้ 30 ดริงค์ เราก็ต้องทำให้ได้ด้วยสำหรับยอดตรงนี้ ส่วนเรื่องรายได้แต่ละคนจะได้ต่างกันแล้วแต่ว่าจะได้เท่าไหร่"
"อย่างผมที่ได้มากสุดวันละ 1,000 กว่าบาท บางคนก็ได้ 2,000 - 3,000 บาทต่อคืน ส่วนเงินเดือนเขาจะให้เดือนละ 3 ครั้ง ทุกวันที่ 5 -15 - 25 ตกครั้งละหมื่นกว่าบาท ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นรายได้ที่สูงอยู่พอสมควรครับกับงานที่ทำตรงนี้"
ถามถึงการโชว์ว่ามีการเผยให้เห็น "ของลับ" กันบ้างมั้ย สายชล ตอบทันทีว่ามี!
“มีครับ โชว์แบบนี้จะมีโชว์อาทิตย์ละ 4 - 5 วัน (ลูกค้าจะรู้ได้ไงว่าคืนนี้มีโชว์?) ก็ถ้าใครอยากดูก็จะต้องมาถามพีอาร์หน้าร้านว่าคืนนี้จะมีโชว์อะไรบ้าง หรือบางทีพีอาร์หน้าร้านก็จะประชาสัมพันธ์บอกกับลูกค้าว่าจะมีโชว์อวัยวะเพศนะ แต่ทางร้านก็ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องขึ้นโชว์อวัยวะเพศทุกคน ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน ซึ่งถ้าใครกล้าโชว์ก็จะมีเงินให้คืนละ 500 บาท”
"ส่วนโชว์อื่นๆ ทางร้านก็จะมีโชว์ทุกวันครับ วันนึงก็จะไม่ซ้ำกัน ก็จะมีโชว์คาบาเร่ต์ โชว์เล่นเทียนบ้าง ถ้าใครอยากดูก็เข้ามา ซึ่งที่ร้านก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นชาวต่างชาติเท่านั้น คนไทยก็สามารถดูได้แต่มีข้อห้ามคือห้ามถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอ”
ต้องถือคติด้านได้อายอด ก่อนยอมรับเรื่องของการขายบริการทางเพศถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“บางทีเราก็เลือกลูกค้าไม่ได้เพราะงานแบบเรามันต้องสร้างความหน้าด้านให้กับตัวเอง เราต้องเข้าไปคุยกับลูกค้าพยายามเชียร์ ชวนคุยนู่นนั่นนี่เยอะๆ แต่ถ้าหากลูกค้าเขาไม่สนใจเราแล้วค่อยถอย แต่ถ้าเราไม่ตื๊อเขาบางทีเราก็ไม่ได้ดริงค์ ใครอ้อนลูกค้าได้เก่งก็ได้เยอะ บางคนก็มีลูกค้าประจำก็โชคดีไป”
“หากลูกค้าคนไหนถูกใจโคโยตี้(บอย)ก็จะมีขออ๊อฟบ้าง อย่างที่อ๊อฟในร้าน ถ้าวันธรรมดาอ๊อฟละ 700 บาท ถ้าเสาร์-อาทิตย์อ๊อฟละ1,400 บาททางร้านก็มีคูปองให้เรา พอถึงวันเราก็เอาคูปองมาเบิก แต่เรื่องจะอ๊อฟใครอยากทำก็ทำ ไม่ทำก็ไม่เป็นไรทางร้านไม่ได้บังคับ"
“แต่บางคนก็จะใช้วิธีนัดลูกค้าหลังเลิกงาน เพราะมันจะได้ราคาเยอะกว่าไม่ต้องผ่านร้าน ก็จะมีแบบชั่วคราวครั้งละประมาณ 2,500บาท ก็แล้วแต่ตกลงว่าจะทำอะไรได้บ้าง ทำได้แค่ไหน แล้วแต่จะตกลงกัน ค่าห้องลูกค้าก็ออกเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรงแรมแถวๆ นั้นแหละครับ หากแบบค้างคืนก็ครั้งละประมาณ 3,500 บาท ค่าห้องต่างหาก"
"ลูกค้าที่มาอ๊อฟส่วนใหญ่ก็จะมีแต่พวกเก้ง กวาง นี่แหละครับ ผู้หญิงไม่ค่อยมีนะ แล้วก็จะเป็นคนไทยมากกว่าฝรั่ง เพราะฝรั่งบางทีเขาก็มีเด็กอ๊อฟผู้หญิงมาอยู่แล้ว...”
แน่นอนว่านี่คืออีกหนึ่งธุรกิจสีเทาที่เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายเองก็รับรู้ ขณะที่คนทำเองแม้เงินจะดี แต่การเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายก็มีสูงเช่นกัน
“ความเสี่ยงของโคโยตี้บอยก็มีนะครับก็จะมีเรื่องของตำรวจลง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาตรวจเรื่องสารเสพติด แต่เราก็ไม่มีทางรู้หรอกครับว่าตำรวจจะลงวันไหน หากเด็กเต้นหรือพนักงานในร้านคนไหนเสพยาแล้วโดนตรวจเจอทางร้านก็จะไม่ช่วยเหลือ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฏหมายได้ทันที หรือถ้าเขารู้ว่าตำรวจจะลงก็จะให้เด็กหยุดไปเลย เพราะเขาก็ห้ามสิ่งพวกนี้อยู่แล้ว”
“ส่วนเรื่องการป้องกัน อย่างผมจะไปนอนกับลูกค้าก็ต้องบอกไว้เลยว่าให้สวมถุงยางนะ แต่ก็มีลูกค้าบอกว่าจะไม่ใส่เพราะมันไม่ได้อารมณ์ ถ้าเจอแบบนี้ผมก็จะปฏิเสธทันที ก็บอกเขาเลยว่าผมขอค่าเสียเวลา แล้วก็กลับเลย เพราะถ้าเราไม่ป้องกันตัวเองแล้วมันจะส่งผลต่อเราทันที เพราะเราก็ไม่รู้ว่าลูกค้าจะติดโรคมาหรือเปล่า และลูกค้าเองก็ต้องป้องกันด้วย เพราะเด็กโคโยตี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย คือต่างคนก็ต้องเซฟตัวเองให้ดี อย่างผมเองก็จำเป็นต้องพกถุงยางไว้ตลอดอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเรา”
“อย่างตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นโคโยตี้ตลอดชีวิตหรอกครับ ที่มาทำเพราะส่วนนึงอยากเก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วไปทำธุรกิจเอง ซึ่งส่วนใหญ่ที่รู้จักก็ไม่ค่อยมีใครคิดจะทำอาชีพนี้ไปตลอด แต่สำหรับบางคนอายุก็เยอะแล้วยังไม่เลิกก็มี ส่วนใครโชคดีหน่อยก็มีฝรั่งเลี้ยงดู ความเป็นอยู่ก็สบายบางคนก็ถึงกับเลิกอาชีพนี้ไปเลยก็มี”
มีทั่วโลก
การโชว์เต้นของหนุ่มๆ ในต่างประเทศสามารถพบเห็นกันได้อย่างกว้างขวางตามเมืองใหญ่ต่างๆ ระดับความรุนแรงวาบหวิวก็แตกต่างกันไปตามแต่กฏหมายของแต่ละเมือง และรสนิยมของกลุ่มลูกค้า
อย่างในสหรัฐอเมริกาได้เกิดแดนเซอร์ประเภทที่เรียกกันว่า "เทเบิลแดนซ์" หรือ "เต้นบนโต๊ะ" ขึ้น ในหลายเมืองที่สถานเริงรมณ์จำเป็นต้องขออนุญาตหากต้องการต้องการให้มีการโชว์เต้นในร้าน ใครอยากจะหลีกเลี่ยงความยุ่งยากทางกฏหมาย ก็สามารถใช้รูปแบบของ เทเบิลแดนซ์ สร้างความบันเทิงให้กับเหล่าแขกๆ อย่างที่เห็นกันในหนังดัง Coyote Ugly ที่ไม่ใช่มีเพียงแต่เพศหญิงเท่านั้น แต่ร้านที่มีนักเต้นหนุ่มๆ มาบริการแขกสาวๆ (ทั้งแท้ และเทียม) ก็สามารถพบเห็นได้อย่างแพร่หลาย
สำหรับโชว์ "การเต้นรำอีโรติก" ที่เน้นการ "ยั่วยวน" อย่างเต็มรูปแบบ และ "โป๊เปลือย" อย่างไม่มีเหนียมอายก็คงหนีไม่พ้น "ระบำเปลื้องผ้า" ไปได้ โดยการโชว์เต้นของหนุ่มๆ ในลักษณะนี้นั้นเริ่มมีให้เห็นกันในยุค 1970s หลังจากที่ก่อนหน้านี้โลกแห่งสถานบันเทิงลักษณะนี้ ดูจะเป็นโลกของเพศชาย ที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้มอบความบันเทิงให้เสียมากกว่า แต่ในยุคสมัยที่สิทธิของสตรีเริ่มเบ่งบาน บาร์ที่ฝ่ายหนุ่มๆ เป็นผู้โชว์ลีลาการเต้นไปแก้ผ้าไปก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น รวมถึงบาร์ประเภทที่ต้อนรับลูกค้าเกย์ ก็เริ่มนำเสนอการเต้นเปลื้องผ้ากันมากขึ้นเช่นเดียวกัน
จากเมื่อก่อนที่เปิดการแสดงกันตามคลับใต้ดิน ที่ไมได้เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปชมได้โดยอิสระ ก็เริ่มมีให้เห็นในคลับเปิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปในที่สุด นอกจากนั้นยังมีนักเต้นชายที่ให้บริการแบบ "ถึงที่" กับโอกาสพิเศษในงานเลี้ยงลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปาร์ตี้ฉลองสละโสดอะไรทำนองนั้น
ปัจจุบันนี้ระบำเปลื้องผ้าของหนุ่มๆ มักจะเป็นการโชว์เปลือยด้านหน้าแบบ "โป๊หมดตัว" บางครั้งอาจมีกางเกงในตัวจิ๋วปกปิดของสงวนเอาไว้ ผู้แสดงผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด, เพื่อการเต้นอันพร้อมเพรียง, ดูเป็นมืออาชีพ นอกจากนั้นก็ยังอาจมีการสวมเครื่องแบบ และชุดต่างๆ เพื่อการเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นขึ้นไปอีกด้วย
ยังมีโชว์การเต้นเซ็กซีของหนุ่มๆ อีกประเภทที่เรียกกันว่า "Chippendale" ซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่ การเปลือยท่อนบนโชว์หน้าอก, สวมใส่หูกระต่าย, ข้อมือเสื้อ และกางเกง เน้นให้ความรู้สึกหรูหราพร้อมๆ กับความเซ็กซีร้อนแรง ด้วยทีมนักเต้นรูปร่างบึกบึน, การแสดงที่ออกแบบด้วยความตั้งใจ, มีเพลงของตัวเอง พร้อมเปิดการแสดงสำหรับ "สาวๆ เท่านั้น" เพื่อสร้างความรู้สึก "ปลอดภัย" ให้กับคนดูที่เป็นผู้หญิง ที่จะสามารถสนุก และเติมเต็มจินตนาการได้อย่างเต็มที่
Chippendales ที่ดำเนินการในรูปแบบบริษัท ก่อตั้งในปี 1979 โดยชาย 3 คน ซึ่งร่วมกันเปิดไนท์คลับที่นำเสนอความบันเทิงหากหลายรูปแบบ ทั้ง มวยปล้ำโคลนของสาวๆ, คืนอีโรติกแดนซ์ จนต่อมาเจ้าของตัดสินใจลองจับตลาดนักเที่ยวสาวๆ ดูบ้าง จนประสบความสำเร็จได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ในความสำเร็จก็เกิดปัญหาขึ้นมากมายเช่นเดียว Chippendales โดนฟ้องร้องในข้อหาดูหมิ่นทางเพศต่อแขกเพศชาย, การแสดงส่อเนื้อหาเหยียดผิว ส่วนผู้ก่อตั้งก็เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายไปถึง 2 คน
การแสดง Chippendales เปลี่ยนมือเจ้าของ และผู้ดูแลออกแบบท่าเต้นหลายครั้ง ปัจจุบันมี เควิน เดนเบิร์ก เป็นผู้บริหาร กับการแสดงในโรงละครระดับ 10 ล้านเหรียญฯ ที่ นิวยอร์ก, ลาสเวกัส และลอสแอนเจลิส นอกจากนั้นยังไปเปิดการแสดง ในหลายๆ แห่งทั่วโลก กับ 25 เมืองใหญ่ในสหรัฐฯ 23 แห่งในอเมริกาใต้ และกลาง รวมถึงในเอเชีย และแอฟริกาด้วย
ในทางกลับกัน หากลวดลายเหล่านั้นถูกวาดด้วยหนุ่มๆ ในชุดกางเกงในตัวเดียว ท่อนบนโชว์กล้าม หน้าท้องซิคแพ็คกันล่ะ?
เป็นที่รับรู้กันมานานพอสมควรถึงการก่อเกิดอาชีพ "โคโยตี้ บอย" แต่เชื่อว่าคงมีคนส่วนน้อยที่จะได้รับรู้ชีวิตและการทำงานของพวกเขาเหล่านี้
Super บันเทิง อาสาพาไปสัมผัส
...
"พอดีมีเพื่อนหลายคนก็ทำอาชีพนี้กันอยู่แล้วครับ เขาบอกกันว่ารายได้ดี ผมก็เลยสนใจ..." คำบอกเล่าจาก "สายชล”(นามสมมุติ) ถึงเหตุผลหลักๆ ที่ทำให้ตนเองตัดสินใจมาเป็นโคโยตี้ บอย ให้กับสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งของเมืองพัทยาเป็นระยะเวลานานเกือบจะหนึ่งปี
โดย สายชล ได้บอกถึงคุณสมบัติหลักๆ ของคนที่จะมาทำอาชีพนี้ว่า อันดับแรกต้องมีอายุเกิน18 ปีบริบูรณ์ นอกจากนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องมีอะไรเลยแม้กระทั่งทักษะเรื่องการเต้น เพราะหลักๆ ทางร้านจะดูว่าใครสามารถเชียร์แขกให้ซื้อดริงค์ได้ ถ้าคนไหนทำได้ก็จะให้ขึ้นเต้นเลย แต่ถ้ายังทำไม่ได้ก็ยังไม่ได้ขึ้นเต้น
"ผับนี้จะมีโคโยตี้ บอยอยู่ประมาณ 35 คน แต่ละคนก็ต้องขึ้นเต้นหมดเวียนรอบกัน ซึ่งเวลาขึ้นเต้นก็จะขึ้นวันละ 5 รอบต่อวัน รอบนึงก็ประมาณ15 - 20 นาที ชุดที่ใส่รอบแรกมันก็จะเป็นชุดทำงานของแต่ละวันครับ พอรอบที่ 2 ถึงรอบที่ 5 ก็จะใส่กางเกงในตัวเดียว หรือกางเกงบางๆ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นรูปแบบนี้เหมือนกันแทบจะทุกผับ”
สำหรับสถานที่บันเทิงที่มีเหล่าโคโยตี้ บอย เต้นโชว์นั้นต้องบอกว่ามีเยอะอยู่พอสมควรไม่แพ้เหล่าสาวๆ โคโยตี้ ทั้งที่ พัทยา, บางแสน ฯ ในกรุงเทพฯ ทั้ง อตก., รัชดา, พัฒน์พงษ์, สีลม ฯ รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวใหญ่ๆ ตามตัวเมืองในจังหวัดต่างๆ
"ถามว่าจำเป็นไหมที่ต้องเป็นเกย์เท่านั้นถึงจะเป็นโคโยตี้ บอยได้ ก็ไม่นะครับ ผู้ชายแท้ๆ ก็มีเยอะอยู่พอสมควร ส่วนลูกค้านั้นแน่นอนครับว่าเกย์จะเป็นตลาดหลัก แต่บางร้านที่เขาเปิดแบบโอเพ่น ลูกค้าที่เป็นผู้หญิงก็จะเยอะนะ ก็จะเป็นผู้หญิงแบบที่เขาดูห้าวๆ หน่อย หรือว่าเป็นพวกสูงวัยนิดๆ พวกนี้จะมาเที่ยวมากรี๊ด มาลูบมาไล้ สนุกสนานเฮฮากันไป"
“แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาเที่ยวที่นี่ก็จะมีแต่เกย์ครับ เพราะมันเป็นผับเกย์โดยเฉพาะ ผู้หญิงก็เที่ยวบ้างนะครับ มากับกลุ่มเพื่อนเก้ง กวางบ้าง ลูกค้าก็จะมาจากกรุงเทพบ้าง ต่างจังหวัดก็จะพอมี จะเยอะตลอดโดยเฉพาะศุกร์- เสาร์-อาทิตย์ เรียกว่าสำหรับผับเกย์ที่พัทยาก็ยังอยู่ตัวได้เรื่อยๆ ลูกค้ายังเยอะอยู่"
"ซึ่งพอเต้นเสร็จแต่ละรอบโคโยตี้ก็จะออกมานั่งคุยกับลูกค้าด้วย นั่งคุยแล้วก็ขอดื่มจากเขา ซึ่งทางร้านกำหนดให้ 10 วันต้องได้แท็กนึง แท็กนึงก็ต้องได้ 30 ดริงค์ เราก็ต้องทำให้ได้ด้วยสำหรับยอดตรงนี้ ส่วนเรื่องรายได้แต่ละคนจะได้ต่างกันแล้วแต่ว่าจะได้เท่าไหร่"
"อย่างผมที่ได้มากสุดวันละ 1,000 กว่าบาท บางคนก็ได้ 2,000 - 3,000 บาทต่อคืน ส่วนเงินเดือนเขาจะให้เดือนละ 3 ครั้ง ทุกวันที่ 5 -15 - 25 ตกครั้งละหมื่นกว่าบาท ซึ่งมันก็ถือว่าเป็นรายได้ที่สูงอยู่พอสมควรครับกับงานที่ทำตรงนี้"
ถามถึงการโชว์ว่ามีการเผยให้เห็น "ของลับ" กันบ้างมั้ย สายชล ตอบทันทีว่ามี!
“มีครับ โชว์แบบนี้จะมีโชว์อาทิตย์ละ 4 - 5 วัน (ลูกค้าจะรู้ได้ไงว่าคืนนี้มีโชว์?) ก็ถ้าใครอยากดูก็จะต้องมาถามพีอาร์หน้าร้านว่าคืนนี้จะมีโชว์อะไรบ้าง หรือบางทีพีอาร์หน้าร้านก็จะประชาสัมพันธ์บอกกับลูกค้าว่าจะมีโชว์อวัยวะเพศนะ แต่ทางร้านก็ไม่ได้บังคับว่าเราจะต้องขึ้นโชว์อวัยวะเพศทุกคน ขึ้นอยู่กับความสมัครใจของแต่ละคน ซึ่งถ้าใครกล้าโชว์ก็จะมีเงินให้คืนละ 500 บาท”
"ส่วนโชว์อื่นๆ ทางร้านก็จะมีโชว์ทุกวันครับ วันนึงก็จะไม่ซ้ำกัน ก็จะมีโชว์คาบาเร่ต์ โชว์เล่นเทียนบ้าง ถ้าใครอยากดูก็เข้ามา ซึ่งที่ร้านก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องเป็นชาวต่างชาติเท่านั้น คนไทยก็สามารถดูได้แต่มีข้อห้ามคือห้ามถ่ายรูปหรืออัดวิดีโอ”
ต้องถือคติด้านได้อายอด ก่อนยอมรับเรื่องของการขายบริการทางเพศถือว่าเป็นเรื่องปกติ
“บางทีเราก็เลือกลูกค้าไม่ได้เพราะงานแบบเรามันต้องสร้างความหน้าด้านให้กับตัวเอง เราต้องเข้าไปคุยกับลูกค้าพยายามเชียร์ ชวนคุยนู่นนั่นนี่เยอะๆ แต่ถ้าหากลูกค้าเขาไม่สนใจเราแล้วค่อยถอย แต่ถ้าเราไม่ตื๊อเขาบางทีเราก็ไม่ได้ดริงค์ ใครอ้อนลูกค้าได้เก่งก็ได้เยอะ บางคนก็มีลูกค้าประจำก็โชคดีไป”
“หากลูกค้าคนไหนถูกใจโคโยตี้(บอย)ก็จะมีขออ๊อฟบ้าง อย่างที่อ๊อฟในร้าน ถ้าวันธรรมดาอ๊อฟละ 700 บาท ถ้าเสาร์-อาทิตย์อ๊อฟละ1,400 บาททางร้านก็มีคูปองให้เรา พอถึงวันเราก็เอาคูปองมาเบิก แต่เรื่องจะอ๊อฟใครอยากทำก็ทำ ไม่ทำก็ไม่เป็นไรทางร้านไม่ได้บังคับ"
“แต่บางคนก็จะใช้วิธีนัดลูกค้าหลังเลิกงาน เพราะมันจะได้ราคาเยอะกว่าไม่ต้องผ่านร้าน ก็จะมีแบบชั่วคราวครั้งละประมาณ 2,500บาท ก็แล้วแต่ตกลงว่าจะทำอะไรได้บ้าง ทำได้แค่ไหน แล้วแต่จะตกลงกัน ค่าห้องลูกค้าก็ออกเอง ส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรงแรมแถวๆ นั้นแหละครับ หากแบบค้างคืนก็ครั้งละประมาณ 3,500 บาท ค่าห้องต่างหาก"
"ลูกค้าที่มาอ๊อฟส่วนใหญ่ก็จะมีแต่พวกเก้ง กวาง นี่แหละครับ ผู้หญิงไม่ค่อยมีนะ แล้วก็จะเป็นคนไทยมากกว่าฝรั่ง เพราะฝรั่งบางทีเขาก็มีเด็กอ๊อฟผู้หญิงมาอยู่แล้ว...”
แน่นอนว่านี่คืออีกหนึ่งธุรกิจสีเทาที่เจ้าหน้าที่รักษากฏหมายเองก็รับรู้ ขณะที่คนทำเองแม้เงินจะดี แต่การเสี่ยงต่อการเป็นโรคร้ายก็มีสูงเช่นกัน
“ความเสี่ยงของโคโยตี้บอยก็มีนะครับก็จะมีเรื่องของตำรวจลง ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะมาตรวจเรื่องสารเสพติด แต่เราก็ไม่มีทางรู้หรอกครับว่าตำรวจจะลงวันไหน หากเด็กเต้นหรือพนักงานในร้านคนไหนเสพยาแล้วโดนตรวจเจอทางร้านก็จะไม่ช่วยเหลือ ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฏหมายได้ทันที หรือถ้าเขารู้ว่าตำรวจจะลงก็จะให้เด็กหยุดไปเลย เพราะเขาก็ห้ามสิ่งพวกนี้อยู่แล้ว”
“ส่วนเรื่องการป้องกัน อย่างผมจะไปนอนกับลูกค้าก็ต้องบอกไว้เลยว่าให้สวมถุงยางนะ แต่ก็มีลูกค้าบอกว่าจะไม่ใส่เพราะมันไม่ได้อารมณ์ ถ้าเจอแบบนี้ผมก็จะปฏิเสธทันที ก็บอกเขาเลยว่าผมขอค่าเสียเวลา แล้วก็กลับเลย เพราะถ้าเราไม่ป้องกันตัวเองแล้วมันจะส่งผลต่อเราทันที เพราะเราก็ไม่รู้ว่าลูกค้าจะติดโรคมาหรือเปล่า และลูกค้าเองก็ต้องป้องกันด้วย เพราะเด็กโคโยตี้ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย คือต่างคนก็ต้องเซฟตัวเองให้ดี อย่างผมเองก็จำเป็นต้องพกถุงยางไว้ตลอดอยู่แล้ว นี่คือสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเรา”
“อย่างตัวผมเองก็ไม่ได้อยากจะเป็นโคโยตี้ตลอดชีวิตหรอกครับ ที่มาทำเพราะส่วนนึงอยากเก็บเงินให้ได้สักก้อนแล้วไปทำธุรกิจเอง ซึ่งส่วนใหญ่ที่รู้จักก็ไม่ค่อยมีใครคิดจะทำอาชีพนี้ไปตลอด แต่สำหรับบางคนอายุก็เยอะแล้วยังไม่เลิกก็มี ส่วนใครโชคดีหน่อยก็มีฝรั่งเลี้ยงดู ความเป็นอยู่ก็สบายบางคนก็ถึงกับเลิกอาชีพนี้ไปเลยก็มี”
มีทั่วโลก
การโชว์เต้นของหนุ่มๆ ในต่างประเทศสามารถพบเห็นกันได้อย่างกว้างขวางตามเมืองใหญ่ต่างๆ ระดับความรุนแรงวาบหวิวก็แตกต่างกันไปตามแต่กฏหมายของแต่ละเมือง และรสนิยมของกลุ่มลูกค้า
อย่างในสหรัฐอเมริกาได้เกิดแดนเซอร์ประเภทที่เรียกกันว่า "เทเบิลแดนซ์" หรือ "เต้นบนโต๊ะ" ขึ้น ในหลายเมืองที่สถานเริงรมณ์จำเป็นต้องขออนุญาตหากต้องการต้องการให้มีการโชว์เต้นในร้าน ใครอยากจะหลีกเลี่ยงความยุ่งยากทางกฏหมาย ก็สามารถใช้รูปแบบของ เทเบิลแดนซ์ สร้างความบันเทิงให้กับเหล่าแขกๆ อย่างที่เห็นกันในหนังดัง Coyote Ugly ที่ไม่ใช่มีเพียงแต่เพศหญิงเท่านั้น แต่ร้านที่มีนักเต้นหนุ่มๆ มาบริการแขกสาวๆ (ทั้งแท้ และเทียม) ก็สามารถพบเห็นได้อย่างแพร่หลาย
สำหรับโชว์ "การเต้นรำอีโรติก" ที่เน้นการ "ยั่วยวน" อย่างเต็มรูปแบบ และ "โป๊เปลือย" อย่างไม่มีเหนียมอายก็คงหนีไม่พ้น "ระบำเปลื้องผ้า" ไปได้ โดยการโชว์เต้นของหนุ่มๆ ในลักษณะนี้นั้นเริ่มมีให้เห็นกันในยุค 1970s หลังจากที่ก่อนหน้านี้โลกแห่งสถานบันเทิงลักษณะนี้ ดูจะเป็นโลกของเพศชาย ที่ฝ่ายหญิงเป็นผู้มอบความบันเทิงให้เสียมากกว่า แต่ในยุคสมัยที่สิทธิของสตรีเริ่มเบ่งบาน บาร์ที่ฝ่ายหนุ่มๆ เป็นผู้โชว์ลีลาการเต้นไปแก้ผ้าไปก็เริ่มมีให้เห็นมากขึ้น รวมถึงบาร์ประเภทที่ต้อนรับลูกค้าเกย์ ก็เริ่มนำเสนอการเต้นเปลื้องผ้ากันมากขึ้นเช่นเดียวกัน
จากเมื่อก่อนที่เปิดการแสดงกันตามคลับใต้ดิน ที่ไมได้เปิดให้คนทั่วไปสามารถเข้าไปชมได้โดยอิสระ ก็เริ่มมีให้เห็นในคลับเปิดมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นเรื่องปกติไปในที่สุด นอกจากนั้นยังมีนักเต้นชายที่ให้บริการแบบ "ถึงที่" กับโอกาสพิเศษในงานเลี้ยงลักษณะต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปาร์ตี้ฉลองสละโสดอะไรทำนองนั้น
ปัจจุบันนี้ระบำเปลื้องผ้าของหนุ่มๆ มักจะเป็นการโชว์เปลือยด้านหน้าแบบ "โป๊หมดตัว" บางครั้งอาจมีกางเกงในตัวจิ๋วปกปิดของสงวนเอาไว้ ผู้แสดงผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด, เพื่อการเต้นอันพร้อมเพรียง, ดูเป็นมืออาชีพ นอกจากนั้นก็ยังอาจมีการสวมเครื่องแบบ และชุดต่างๆ เพื่อการเพิ่มดีกรีความตื่นเต้นขึ้นไปอีกด้วย
ยังมีโชว์การเต้นเซ็กซีของหนุ่มๆ อีกประเภทที่เรียกกันว่า "Chippendale" ซึ่งมีเอกลักษณ์อยู่ที่ การเปลือยท่อนบนโชว์หน้าอก, สวมใส่หูกระต่าย, ข้อมือเสื้อ และกางเกง เน้นให้ความรู้สึกหรูหราพร้อมๆ กับความเซ็กซีร้อนแรง ด้วยทีมนักเต้นรูปร่างบึกบึน, การแสดงที่ออกแบบด้วยความตั้งใจ, มีเพลงของตัวเอง พร้อมเปิดการแสดงสำหรับ "สาวๆ เท่านั้น" เพื่อสร้างความรู้สึก "ปลอดภัย" ให้กับคนดูที่เป็นผู้หญิง ที่จะสามารถสนุก และเติมเต็มจินตนาการได้อย่างเต็มที่
Chippendales ที่ดำเนินการในรูปแบบบริษัท ก่อตั้งในปี 1979 โดยชาย 3 คน ซึ่งร่วมกันเปิดไนท์คลับที่นำเสนอความบันเทิงหากหลายรูปแบบ ทั้ง มวยปล้ำโคลนของสาวๆ, คืนอีโรติกแดนซ์ จนต่อมาเจ้าของตัดสินใจลองจับตลาดนักเที่ยวสาวๆ ดูบ้าง จนประสบความสำเร็จได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว แต่ในความสำเร็จก็เกิดปัญหาขึ้นมากมายเช่นเดียว Chippendales โดนฟ้องร้องในข้อหาดูหมิ่นทางเพศต่อแขกเพศชาย, การแสดงส่อเนื้อหาเหยียดผิว ส่วนผู้ก่อตั้งก็เสียชีวิตจากการฆ่าตัวตายไปถึง 2 คน
การแสดง Chippendales เปลี่ยนมือเจ้าของ และผู้ดูแลออกแบบท่าเต้นหลายครั้ง ปัจจุบันมี เควิน เดนเบิร์ก เป็นผู้บริหาร กับการแสดงในโรงละครระดับ 10 ล้านเหรียญฯ ที่ นิวยอร์ก, ลาสเวกัส และลอสแอนเจลิส นอกจากนั้นยังไปเปิดการแสดง ในหลายๆ แห่งทั่วโลก กับ 25 เมืองใหญ่ในสหรัฐฯ 23 แห่งในอเมริกาใต้ และกลาง รวมถึงในเอเชีย และแอฟริกาด้วย