“ปอนด์” ก็อตทาเลนต์ “เหยื่ออธรรม” ปัญญา เวิร์คพอยท์

เสี่ยตา - ปัญญา นิรันดร์กุล โบ้ยเรื่องจริยธรรมและความเหมาะต่อสังคม ทำตัวรับรู้แต่ไม่รับทราบ โยนบาปให้เอเยนต์และ “ปอนด์” ดวงใจ จันทร์เสือน้อย ที่โดนชาวบ้านก่นด่ากันกระหน่ำไปทั่วเมือง แม้สื่อนอกอย่าง The Sun ก็ตีพิมพ์ประโคมข่าวนี้ งานนี้ สาวโชว์นมเพนต์รูปออกทีวีกลายเป็น “เหยื่อ” ของเวิร์คพอยท์ในชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเธอเป็นนางแบบนู้ดคนหนึ่งต้องดิ้นรนทำงานหาเงินเลี้ยงพ่อที่เป็นอัมพาตมา 11 ปี แถมนางยังมีลูกวัย 6 เดือนที่ให้แม่เลี้ยงดูอีกต่างหาก …
งานนี้แค่ “ขอโทษ” จะไม่ให้เรื่องทำนองนี้เกิดขึ้นอีกไม่น่าจะเพียงพอ !! สำหรับรายการที่ติดเรต “ท” ในช่วงไพรม์ไทม์ การใช้กลยุทธ์ “ยิ่งฉาวยิ่งดัง” ในครั้งนี้ ทำให้ไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์ปรากฏในสื่อทุกแขนงโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา

“ปอนด์” ดวงใจ ติดเบ็ดเพราะความจน
ชีวิตของสาววัย 23 ที่ชื่อ “ปอนด์” ดวงใจ จันทร์เสือน้อย เป็นหนึ่งในผู้หญิงหลายๆคนที่ต้องใช้ชะตาชีวิตอย่างดิ้นรนต่อสู้อยู่ในกรุงเทพฯ … ที่บ้านของเธอ … 31 หมู่ที่ 13 ต. ห้วยอ้อ อ.ลอง จ. แพร่ สามีของปอนด์เป็นคนขอนแก่นที่ต้องเลี้ยงดู แต่ชีวิตที่ต้องดิ้นรนหาเงินตัวเป็นเกลียวทำให้เธอต้องนำลูกสาววัย 6 เดือนคนนี้ให้แม่ช่วยดูแล ที่บ้านไม่รู้ว่า เธอประกอบสัมมาอาชีพอะไรในกรุงเทพฯ รู้เพียงว่า “ปอนด์” จะส่งเงินค่าใช้จ่ายมาให้ทางบ้านเดือนละ 5,000บาท นอกเหนือจากลูกของเธอแล้ว นางไฮ จันทร์สระน้อย ผู้เป็นแม่ยังต้องดูแลพ่อของปอนด์ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตมานานกว่า 12 ปี สมัยก่อนที่พ่อยังไม่ป่วยมีอาชีพทำนารับจ้างหรือถ้าว่างเว้นจากการทำนาก็จะไปรับจ้างทำอาชีพอื่นๆ วันหยุดพ่อของปอนด์ชอบดูมวยกับเล่นไก่ชน ส่วนอานั้นเป็นครูและมีวงดนตรีรับจ้างเล่นทั่วไป น้องสาวของปอนด์ เรียนอยู่ที่ชั้น ม.4 โรงเรียนลองวิทยา ทุกวันนี้ เงินที่ปอนด์ส่งมาให้แม่ไม่เพียงพอกับค่าใช้จ่าย ไหนจะเป็นค่าเล่าเรียนให้ลูก ค่านมหลาน และค่ายาของพ่อปอนด์ นางไฮจึงต้องออกไปรับจ้างทำนาและกลับเข้ามาในช่วงกลางวันและเย็นเพื่อดูแลหลานและสามีที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้

ภาพที่ปรากฏในรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์นั้น แรง เพราะว่า ผิดที่ ผิดเวลา !!

ปอนด์ ไม่ใช่ศิลปิน ตามสคริปต์ที่บอกไว้ในรายการ หากแต่เป็นนางแบบโนเนมคนหนึ่งในวงการที่ต้องดื้นรนกระเสือกกระสนรับงานโชว์ตัวไปทั่ว รายได้จากการโชว์ตัวในแต่ละครั้งแค่แค่หลักพัน พันกว่าบาทถึงสองพันประมาณนั้นเท่านั้นเอง เงินจำนวนนี้นี้แหละ ไหนจะเป็นค่าเช่าห้อง ค่าอาหารการกิน และกระเหม็ดกระแหม่ไว้สำหรับส่งเงินให้กับพ่อแม่

บางซอกมุมในชีวิตของเธอ … อาจจะอยากเก็บไว้เป็นความลับที่เธอกับเพื่อนร่วมวงการรู้เท่านั้น ไม่เช่นนั้น … เธอคงจะบอกพ่อแม่ไปด้วยความภาคภูมิใจแล้ว จนวันหนึ่ง... คนจนๆหาเช้ากินค่ำอย่างเธอก็มีคนมายื่นข้อเสนอการว่าจ้างให้ 10,000 บาท !! คนที่มีรายได้จากการทำงานโชว์ตัวต่อครั้งเพียง 1,000 -2 ,000 บาท ใครบ้างจะไม่อยากได้ เพราะจังหวะและโอกาสไม่ได้มากันบ่อยครั้งนักหรอก เธอตัดสินใจรับว่าจ้างทำงานเพื่อเงินจำนวนนี้ โดยไม่ได้คิดว่า มันจะเกิดอะไรขึ้นในเวลาต่อมา …

เธอเป็นเหยื่อเพราะความจน !! ชีวิตปี้ป่นไปกับการจัดฉากของรายการก็อตทาเลนต์ที่ดำเนินการผลิตโดยเวิร์คพอยท์ เอ็นเตอร์เทนเมนท์ที่เห็นชีวิตคนเป็นแค่ “เครื่องเล่น” สนุกของรายการเท่านั้น
ความสามารถและพรสวรรค์ เป็นรองจาก “ความกล้า” !! ผลักผู้หญิงคนหนึ่งให้กลายเป็น “สินค้า” โชว์นมให้คนทั้งประเทศได้พูดถึงกันโดยไม่มีความรับผิดชอบ

ถ้าพูดถึงการใช้เรือนร่างในการวาดภาพแล้วอาจจะดูเป็นศิลปะได้ แต่ศิลปะที่ไหนในโลกที่จงใจเปิดเพลงที่โคโยตี้นิยมใช้กัน แม้แต่กูรูด้านศิลปะอย่าง อ. เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ก็ยังบอกว่า งานนี้คือ ศิลเปรอะ ! เพราะน้องปอนด์คนนี้ไม่มีความคิดและองค์ความรู้ในด้านศิลปะเลย ภาพไม่สามารถสื่อความหมายใดๆได้ ไม่ว่าจะเป็นรูปธรรมหรือนามธรรม

ถ้าใช้นมวาดรูปเรียกว่า ศิลปะ อย่างนี้สาวพัฒนพงษ์ที่โชว์จิ๋มเปิดขวดเบียร์ ปิงปอง ใบมีดโกนมิเป็นศิลปะชั้นสูงหรือพวกอัจฉริยะไปแล้วหรือ

เพื่อนปอนด์อ้างว่า คนติดต่อรายนี้เป็นกะเทยร่างสันทัดชื่อ “บอย” และเป็นหนึ่งในทีมงานของรายการอย่างแน่นอน แต่คนที่รู้เรื่องนี้มีเพียงแค่ปอนด์กับกะเทยบอยรายนี้เท่านั้น เมื่อถึงเวลาที่จะต้องโชว์ กะเทยบอยเดินไปกระซิบบอกปอนด์ว่า ขอเปลี่ยนให้ถอดยกทรงด้วย เพราะต้องการให้โชว์แรงที่สุด หลังจากนั้นก็ผลักเธอออกไป ปอนด์บอกว่าไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะเป็นการบอกที่กระชั้นชิดมาก จึงตัดสินใจทำตามนั้นจนเกิดเรื่องราวใหญ่โตขึ้นเช่นนี้

ปัญญา นิรันดร์กุล ...โยนบาป
กรณีของ “ปอนด์” ดวงใจ เป็นเพียงหนึ่งโชว์ที่ทางเวิร์คพอยท์วางไว้เพื่อเรียกกระแส แหล่งข่าวท่านหนึ่งบอกว่า ยังมีอีกหลายโชว์ที่จะเอามาช็อกผู้ชม แต่อาจจะมีระดับความแรงลดหลั่นกันไปซึ่งเรื่องนี้ต้องติดตามและจับตาให้ดี

การที่ปัญญาออกมาให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นเป็นการโกหกคำโตอีกครั้งหนึ่งของผู้บริหารบริษัทเวิร์คพ้อยท์ เพราะใครที่ดูเทปรายการนี้ย่อมรู้ดีว่า รายละเอียดทุกเม็ดของรายการมีการตระเตรียมไปจนถึงขั้นเตี๊ยมกันมาเป็นอย่างดี ตั้งแต่คนดูที่เข้ามานั่งอยู่ในห้องส่งที่ถูกป้อนโปรแกรมให้ยิ้ม หัวเราะ และโห่ฮา ไปจนถึง 3 กรรมการก็ถูกเขียนบทให้มีคาแร็กเตอร์ที่ต่างกัน “เบนซ์” พรชิตา ณ สงขลาถูกเขียนบทให้เป็นสาวสมัยใหม่ปากจัดบ้าผู้ชายและไม่ชอบผู้หญิง , “โจ” จิรายุส วรรธนะสินเป็นตัวแทนของคนหนุ่มที่มีความเจ้าชู้นิดๆ กรุ้มกริ่ม และ “โญ” ภิญโญ รู้ธรรมถูกจัดวางให้อยู่ในคราบของผู้ใหญ่ที่มีลูกเล่นและฝีปากแพรวพราว

โชว์ดังกล่าว ทั้ง 3 กรรมการที่เป็นตัวละครสำคัญของรายการนี้ต่างก็วาดลวดลายใส่ลีลากันสุดฤทธิ์ เริ่มตั้งแต่เบนซ์ที่ทำท่าทางไม่พอใจและรับไม่ได้อย่างรุนแรง ไปจนถึง 2 กรรมการชายที่ทำตาลุกวาวโดยจงใจให้ผู้ชมได้เห็นถึงธาตุแท้ของผู้ชาย!! ที่ชอบเห็นผู้หญิงเป็น “ของเล่น” ตบท้ายด้วย “เบนซ์” แสดงความไม่พอใจด้วยการลุกเดินหนีไป จนเกิดฉากดราม่าทะเลาะเบาะแว้งกันเล็กๆ ระหว่างเบนซ์กับโจที่บันไดหนีไฟอย่างที่เห็นในรายการในช่วงท้ายขึ้นมา

ถ้า “เบนซ์” ไม่เห็นด้วย !! ก็น่าจะประกาศลาออกจากการเป็นคอมเมนเตเตอร์ ไม่ใช่มาปั้นหน้าไม่เห็นด้วยแล้วทำงานต่อ อย่าให้คนพูดได้ว่า “เห็นแก่เงินมากกว่าจุดยืนที่ส้นเท้า !!”

เมื่อนำทั้งหมดนี้ไปถามปัญญา ปัญญาเอาสีข้างที่ถลอกมาตลอดทั้งชีวิตแถว่าทุกอย่างเกิดขึ้นจริง และเขาไม่มีส่วนรู้เห็นตลอดจนไม่มีอำนาจในการกำกับควบคุมอะไร ดูถูกภูมิปัญญาผู้ชมชัดๆนี่คงนึกว่า “ผู้ดูกินหญ้า” ซินะ !

ขณะที่โชว์ดำเนินอยู่ ก่อนที่ปอนด์จะถอดเสื้อออกก็มีทีมงานคนหนึ่งยืนถือผ้าห่มเตรียมพร้อมอยู่ที่ข้างเวที แล้วแบบนี้จะบอกว่าไม่ได้เตี๊ยม ฟังยังไงก็ฟังไม่ขึ้น!!

การตอบข้อสังสัยของผู้คนและสังคมในเรื่องนี้ ไม่มีประเด็นไหนที่ “เสี่ยตา” ปัญญา นิรันดร์กุล ชัดเจนและไม่แถ !!

เมื่อสรยุทธถามว่า ถ้าสมมติเป็นนางแบบนู้ดจริงๆ แล้วมาแสดงอย่างนี้จะเสียใจไหม เสี่ยตาอึ้งไปสักครู่ก่อนตอบว่า "ตอบยากเหมือนกัน" เมื่อถามต่อถึงกระแสที่ว่า ปอนด์อาจใช้รายการเพื่อทำให้ตัวเองดัง เสี่ยตาตอบว่าเราก็ต้องยอม

"ผมอยากขออภัย อยากให้ดูเจตนาของตัวผมเอง บริษัทเองไม่ได้มีเจตนาอะไร และเรื่องราวที่เกี่ยวกับศิลปะและวัฒนธรรมไทยเราเคารพและผมรักในศิลปะไทยจริงๆ และอยากเห็นใจในเรื่องคณะกรรมการด้วย แม้แต่น้องคนนี้ด้วยก็อยากให้เห็นใจว่าเขาต้องอยู่ในสังคมได้อีกต่อไป และผมเชื่อว่าจะไม่ให้เกิดเรื่องอย่างนี้ขึ้นอีก มีอะไรก็ขอโทษ ขออภัย อย่าให้มันรุนแรงเลยครับ"

"แต่อันนี้ผมพลาดที่ปล่อยภาพตรงนี้ไป เลยเป็นประเด็นว่าจ้างมาทำหรือเปล่า ซึ่งมันไม่มี ถามว่าคนจ้างเป็นทีมงานของเราหรือเปล่า เรียกว่าเป็นทีมงานก็ได้ เพราะเราทำงานกับหลายเจ้า เขาทำงานกับเรามานาน การจัดจ้างไม่ใช่เรื่องแปลก หรืออาจจะมีแบ่งเปอร์เซ็นต์กัน"

หลังรายการ ปัญญาได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า
“ผิดเราขอโทษ มันเป็นแค่หนึ่งในไม่รู้กี่พันโชว์ ส่วนใหญ่เป็นวัฒนธรรมที่ดี อย่างอันนี้เราเซ็นเซอร์มากแล้ว ไปดูโป๊ตรงไหน เราคิดว่าเซ็นเซอร์พอแล้ว เราเลยให้ออก แต่ไม่พอ เรายอมรับผิด กับอันนี้เราคิดว่าเป็นมุขตลกขำว่าทำไมถอดเสื้อผ้าแล้วระบายสี กรรมการผู้ชายชอบ ผู้หญิงไม่ชอบ แล้วรายการนี้ไม่มีสคริปต์ เพียงแต่ว่าใครจะแสดงออกอย่างไรเรามีกล้องรองรับ เหมือนกับรายการที่ออกอากาศในต่างประเทศ”

"รู้ว่าเขาจะเอาร่างกายระบายสี เราก็สังหรณ์ จะบอกว่าไม่รู้เลยก็ไม่ได้ รู้ชัดๆ ก็ไม่ใช่ เรื่องผ้าทีมงานเตรียมไว้แล้ว เพราะเขาจะเอามาไว้ให้เช็ดหน้าเช็ดตัว แต่พอเขาถอดก็เลยต้องเอามาพัน แต่เราก็เซ็นเซอร์ เราไม่อยากแก้ตัว รับผิด อยากให้โอกาสเรา เราขอโทษสังคม ไม่อยากให้โทษน้อง ไม่อยากให้โทษกรรมการ ไม่ใช่โทษประหาร เดี๋ยวเขาจะเดินถนนไม่ได้ หรือปัญญาเดินถนนไม่ได้ ก็อยากให้ดูอันอื่นชดเชย"

รายการไทยแลนด์ ก็อตทาเลนต์ เป็นกรณีตัวอย่างที่ทำให้เราเห็นความบกพร่องของผู้ผลิตรายการอย่างเวิร์คพอยท์ และสถานีไทยทีวีสีช่อง 3 ที่ไม่มีการตรวจสอบให้รอบคอบ บอร์ด กสทช. (กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ) จะมีมติเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ให้ปรับสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ในฐานะผู้รับใบอนุญาตในการประกอบกิจการตามสัญญาสัมปทานจำนวนสูงสุด 500,000 บาท ตาม พ.ร.บ.ประกอบกิจการวิทยุโทรทัศน์ปี 2551 เงินจำนวนนี้ถือว่า น้อยนิดถ้าเทียบกับการใช้กลยุทธ์ทางการตลาดด้วยการสร้างภาวะล่อแหลมบนหน้าจอโทรทัศน์จนได้โฆษณารายการแบบไม่เสียเงินสักแดง แถมยังได้ The Sun และ The Daily Mail ช่วยตีพิมพ์และประโคมข่าวจนดังข้ามโลกอีกด้วย

วันนี้ … 20 มิถุนายน คนที่ตกเป็นเหยื่อของเวิร์คพอยท์และรายการไทยแลนด์ก็อตทาเลนต์อย่าง “ปอนด์” ดวงใจ จันทร์เสือน้อยยังกบดานเงียบ !! แม่ของเธอออกมาแสดงความเสียใจและขอโทษแทนคนเมืองแพร่
....................................................

ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 142 วันที่ 23 - 29 มิถุนายน 2555