ผ่านพ้นไปแล้วกับคอนเสิร์ตเต็มรูปแบบของ “เจสัน มราซ” นักร้องหนุ่มชื่อดังกับคอนเสิร์ตที่มีชื่อว่า “น้ำดื่มสิงห์ พรีเซ็นท์ เจสัน มราซ ทัวร์ อิส อะ โฟร์ เลตเตอร์ เวิร์ด” ซึ่งประเทศไทยเป็นประเทศที่สองของการทัวร์รอบโลกครั้งนี้ หลังจากที่เคยต้องเจอโรคเลื่อนมาจากปีที่แล้ว
เรียกได้ว่า คุ้มค่าการรอคอยของแฟนคลับเจสัน มราซ เลยทีเดียวกับคอนเสิร์ตฉลองผลงานอัลบั้มล่าสุด เลิฟ อิส อะ โฟร์ เลตเตอร์ เวิร์ด (LOVE IS A FOUR LETTER WORD) ที่เพิ่งออกวางจำหน่ายไปเมื่อเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา นอกจากผลงานเพลงในอัลบั้มใหม่แล้ว งานนี้เจ้าตัวยังขนเพลงจากอัลบั้มเก่าที่คุ้นหูมาร่วมโชว์อีกเพียบ
บรรยากาศคอนเสิร์ตเป็นไปอย่างคึกคัก แฟนคลับหนุ่มสาวต่างพากันสวมหมวกซึ่งเป็นสไตล์ของนักร้องหนุ่มมาดเซอร์มาร่วมคอนเสิร์ตกันอย่างล้นหลาม โดย เจสัน มราซ เปิดตัวคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยผลงานเพลงจากอัลบั้มใหม่อย่าง 93 million miles ซึ่งเป็นผลงานเพลงที่เขาตั้งใจสื่อว่าทุกที่ในโลก คือ บ้าน โดยก่อนจะมาเล่นคอนเสิร์ต เจ้าตัวได้เปิดแถลงข่าวเอ่ยถึงการมาเปิดคอนเสิร์ตในเมืองไทยครั้งนี้ด้วยว่า “ทุกที่ที่ผมอยู่ คือ บ้าน เพราะหากเราคิดเสมอว่า บ้านอยู่ที่อื่น เราเองก็จะไม่มีความสุข และตอนนี้ เมืองไทยก็คือบ้านผมครับ” เพลงนี้มาในอารมณ์คันทรีสบายๆ เรียกความรู้สึกดีจากแฟนๆได้ไม่น้อย โดยระหว่างเพลงเขากล่าวทักทายเป็นภาษาไทย “สวัสดีครับ” อย่างเสียงดังฟังชัดเรียกเสียงกรี๊ดกระหึ่มฮอลล์
จากนั้นต่อด้วยบทเพลง The world as I see it บทเพลงจากอัลบั้มใหม่ เขาโซโลกีตาร์ขึ้นนำได้อย่างหวานจับใจ ก่อนจะเบรกอารมณ์หวานซึ้งด้วยเพลง Dynamo of Volition ซึ่งเจสัน เรียกความคึกคักให้แฟนๆอย่างมากด้วยการเรียกให้ทุกคนเต้นตบมือและขยับมือไปตามจังหวะต่างๆ ซึ่งแฟนๆ ก็ทำตามอย่างว่าง่ายกันทั้งฮอลล์ ต้องบอกว่า เพลงนี้สนุกสนานและมีสีสันขึ้นเยอะจากไลน์เครื่องเป่าทั้งแซกโซโฟน ทรัมเป็ต และ ทรอมโบน กลับมาสู่ความหวานอีกครั้งกับบทเพลง Bella Luna ซึ่งเขาโซโลกีตาร์ขึ้นต้นหวานๆ ให้เข้ากับเพลงนี้ที่มีกลิ่นอายของบอสซาเย็นๆ มีฉากหลังเป็นพระจันทร์ดวงใหญ่ฟังแล้วสบายใจดีแท้ ตามด้วยบทเพลง Everything is sound เจสันพยายามเอ็นเตอร์เทนโดยการออกเสียงต่างๆ ให้ในฮอลล์ร่วมร้องตาม ซึ่งทุกคนก็ร้องตามได้ทุกอย่าง ก่อนถามทุกคนเป็นเสียงเพลงว่าทุกคนโอเคไหม เรียกเสียงหัวเราะได้เป็นอย่างมาก
ต่อด้วยบทเพลง Freedom Song ซึ่งเพลงนี้เขาเปลี่ยนมาใช้อูคูเลเล่บรรเลง พร้อมกันนั้นเขายังโชว์สเต็ปเต้นให้ได้ดูพร้อมกับ 3 หนุ่มเครื่องเป่า สร้างความสนุกสนานให้บทเพลงสไตล์อาร์แอนด์บีที่มีจังหวะโจ๊ะๆ แบบเร็กเก้หน่อยๆ ทำให้ขยับตามได้เพลินๆ จากนั้นมาเบาๆ กันต่อกับ Only Human และ Be Honest เพลงบอสซาแจ๊ซอคูสติกหวานๆ ซึ่งในเพลงหลังนี้ได้คอรัสสาวสวยมาร่วมร้องประสาน และไม่เพียงหน้าสวยเสียงหวานเท่านั้นยังทำหน้าที่เล่นไวโอลินด้วย เพลงนี้ให้ความรู้สึกดีจนแอบเห็นคู่รักอิงแอบซบโยกตามเป็นภาพน่ารักๆ ให้ประทับใจ และเพลงที่แค่อินโทรลขึ้นก็พากันกรี๊ดกระหึ่มก็มาถึงกับเพลง Lucky ที่ได้นักร้องสาวคนเดิมมาร้องแทนสาวโคลบี คัลเลต์ที่เคยร้องคู่กับเขาจนโด่งดังในอัลบั้ม We Sing. We Dance. We Steal Things โดยงานนี้ร้องตามกันลั่นฮอลล์ซึ่งพอเพลงจบเขายังเรียกเสียงกรี๊ดด้วยการถามเป็นภาษาไทยเสียงดังฟังชัดว่า “เป็นไงบ้าง, สนุกไหม?”
ตามต่อด้วยเพลง Make it Mine เพลงจังหวะสนุกๆ ที่โดดเด่นด้วยเครื่องเป่าอีกเพลงที่ทำให้ทั้งฮอลล์คึกคักได้แบบไม่น่าเชื่อคนลุกขึ้นเต้นและตบมือตามอย่างสนุกสนาน ต่อด้วย Frank d Fixer เพลงที่ได้แรงบันดาลใจจากคุณปู่ของเขาเอง โดยฉากหลังมีภาพคุณปู่ของเขา และครอบครัวให้ได้ชม โดยตอนท้ายเขายังให้มือเปียโนโชว์เป่าฮาร์โมนิกาให้ฟังท่อนจบแบบสดๆ ด้วยเช่นกัน ต่อด้วยเพลงสนุกๆ สไตล์เร็กเก้อีกเพลงอย่าง The Remedy เพลงนี้เราได้ฟังเสียงกระดกลิ้นรัวชัดๆ ของเขากันเลยทีเดียว จากนั้นเข้าสู่ช่วงเพลงช้าเจ้าตัวเดินมาโซโลเปียโนในเพลง Mr.Curiosity ซึ่งเพลงนี้ยังได้ฟังเขาร้องโอเปราให้ฟังสดๆ คนปรบมือลั่นฮอลล์ต้องยอมรับว่าเสียงของเขาใสดีจริงๆ ต่อด้วยเพลง The Woman I Love และ Beautiful Mess ต้องบอกว่าช่วงนี้ทุกคนในฮอลล์นิ่งกันเหมือนหลับไปเลยเมื่อเจอเพลงช้าๆ เพราะๆ เข้าไป
ต่อด้วย Unfold อีกหนึ่งบทเพลงที่เจสัน เล่นด้วยอูคูเลเล่ โดยเขาเดินดีดมันไปเล่นกับเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ และอีกเพลงที่หลายคนเฝ้ารอกับ I won't give up เพลงไพเราะความหมายดีๆ จากผลงานอัลบั้มล่าสุดที่ครองอันดับ 1 บิลบอร์ด และอีกหลายๆ ชาร์ตดังจนกลายเป็นเพลงฮิตติดอันดับท็อปไปทั่วโลก ซึ่งก็ต้องบอกว่าไม่ผิดหวังทีเดียวกับการได้ฟังสดๆ เพราะถึงแม้คอนเสิร์ตจะเดินมาใกล้ถึงตอนจบแล้ว แต่พลังเสียงเขายังคงสดใสและมีพลังส่งอารมณ์ได้เป็นอย่างดีซึ่งพอเพลงจบก็ได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง ก่อนที่เขาจะลาทุกคนไปด้วยเพลง Butterfly ซึ่งเพลงนี้เขาโชว์เต้นให้ดูอีกรอบด้วย
งานนี้ถ้าไม่ได้ฟัง I'm Yours เพลงฮิตของเขาที่โด่งดังในบ้านเราๆ คงไม่มีใครยอมกลับ ส่งให้ทุกคนอังกอร์ตะโกนเรียกเจสัน ให้ขึ้นเวทีอีกครั้ง และเขาไม่ปล่อยให้ทุกคนรอนานเจ้าตัวเดินถือกีตาร์ออกมาโซโลเดี่ยวๆ บนเวทีกับเพลง You and I ต่อด้วย I'm comin over ซึ่งเพลงนี้นักดนตรีในแบนด์ของเขาเดินถือเครื่องดนตรีทั้งกีตาร์, ฟลุต, กลอง, เมโลเดียนกลับออกมาแจมบนเวทีทีละคนด้วย ก่อนจะต่อด้วย Living in the moment ที่ขอให้ทุกคนที่อยู่ที่นี่ตอนนี้สนุกกับช่วงเวลานี้ไปด้วยกันกับเขา และส่งท้ายด้วย I'm yours บทเพลงที่ทุกคนรอคอย ซึ่งพอเพลงขึ้นทั้งฮอลล์ก็ลุกขึ้นยืนแทบจะพร้อมเพรียงกัน พร้อมกับขยับตัวเต้นและร้องเพลงนี้ไปด้วยกันอย่างกึกก้องจบคอนเสิร์ตครั้งนี้ด้วยภาพความประทับใจ ก่อนที่เจสัน จะกล่าวภาษาไทยลาทุกๆ คน ว่า “ราตรีสวัสดิ์” และยกมือไหว้ลาคนดูทุกทิศไป
ต้องบอกว่าคอนเสิร์ตครั้งนี้ของเจสัน มราซ เป็นคอนเสิร์ตที่เต็มอิ่มและสนุกเกินกว่าที่คาดไว้ เพราะผลงานเพลงของเขาส่วนมากเป็นงานเพลงฟังสบายๆ เรื่อยๆ ออกแนวสดใส มองโลกในแนวบวก สวยงาม จนบางครั้งนักวิจารณ์บางคนมองว่ามองโลกสวยเกินไปจนเลี่ยนและน่าเบื่อ แต่เมื่อมาอยู่ในส่วนของการแสดงสดต้องบอกว่าเขาทำได้ดีมากจริงๆบางเพลงฟังสนุกและเพราะกว่าฟังในซีดีด้วยซ้ำ เจสันแสดงให้เห็นพลังความเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์รวมถึงทักษะทั้งในเรื่องการร้องและการเล่นดนตรีสูงมาก นอกจากนั้นยังต้องยกเครดิตให้กับแบนด์ของเขาเพราะภาคดนตรีเล่นส่งให้มันส์มากทำให้คอนเสิร์ตคึกคักและสนุกจนไม่น่าเบื่อ แม้ว่าบางครั้งเสียงเครื่องเป่าจะแหลมบาดหูไปหน่อยและขาดอรรถรสในการรับชมเพราะจอข้างเวทีมันเล็กซะเหลือเกินก็ตาม แต่นับได้ว่าทั้งบทเพลง ทั้งนักร้อง และนักดนตรีได้ทำให้คอนเสิร์ตนี้เป็นคอนเสิร์ตที่ปลดปล่อยความเครียดรับความรู้สึกดีๆกลับบ้านแบบเต็มๆ เลยทีเดียว
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ 7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |