xs
xsm
sm
md
lg

มันคือ ซีไอเอ (4) จอมตลุยมือพระกาฬ/ต่อพงษ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เขียนเรื่องซีไอเอที่ถูกหยิบยกมาสร้างเป็นภาพยนตร์โดยฮอลลีวูดมาหลายตอน รวมไปถึงการนำเอาเรื่องราวที่แท้จริงที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์มาเสนอแล้วก็จะเห็นว่า องค์กรแห่งนี้เป็นองค์กรหัวหอกที่จะหาทางให้อเมริกาครองโลกในทางใดก็ทางหนึ่งเสมอมาด้วยการงัดทั้งกลยุทธ์ ยอดคนสมองดีที่มีแวว และเทคโนโลยีไฮเทคมาใช้

แต่กระนั้นก็มีอยู่หลายครั้งที่องค์กรแห่งนี้เกิดอาการที่เรียกว่า “กิ้งกือหกคะเมน” คือพลาดได้อย่างน่าเกลียดเอามากๆ

อะไรที่ซีไอเอพลาดร้ายแรงมาก ต้องไล่ไปตั้งแต่ยุค 70 ที่สหรัฐมีประธานาธิบดีที่ชื่อว่า ริชาร์ด นิกสัน ที่โอลิเวอร์ สโตนแกเคยทำหนังเกี่ยวกับเรื่องนี้ Nixon ( 1995) กรณีนิกสันและคดีวอเตอร์เกตนั้นกลายเป็นเรื่องที่สะเทือนทรวงผู้เสียภาษี เพราะองค์กรแห่งนี้ถูกจับแก้ผ้าเสียล่อนจ้อนว่า ละเมิดสิทธิของคนอเมริกันในประเทศตัวเองอย่างโจ่งแจ้ง และถูกใช้เป็นเครื่องมือที่ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามที่ครองอำนาจรัฐ แถมยังไปแทรกแซงการดำเนินการขององค์กรในภาครัฐอื่นๆ อย่างน่าเกลียด

เรื่องนี้ฮาครับ ถ้าใครดูหนังอย่าง Forest Gump ของ โรเบิร์ต เซเมคิส แล้วจะเห็นว่าเทคโนโลยี่และการทำงานลับๆ นี้ถูกเปิดโปงโดยคนที่มีปัญญาใกล้เคียงจะอ่อนอย่างนาย ฟอร์เรสต์ กัมพ์ พระเอกของเรานี่เอง

หลังจากเหตุการณ์วอเตอร์เกตจบลงชื่อเสียงของซีไอเอก็ยิ่งแย่หนัก โดยเฉพาะในเรื่องของการเป็นองค์กรที่รวมนักฆ่าที่เที่ยวไปแทรกแซงกระบวนการทำงานของคนชาติอื่น และมีส่วนในการโค่นล้มผู้นำของชาติต่างๆ อย่างมากมาย รวมถึงอาจจะมีส่วนร่วมในการปลิดชีพประธานาธิบดีตัวเองอย่างในหนัง JFK ( 1991) เสียด้วย บทบาททางด้านร้ายในเรื่องนักฆ่านี้ออกมามากครับในช่วงดังกล่าว

หลังจากนั้นซีไอเอก็ยังถูกแฉว่าพวกเขาพลาดต่อเนื่องไล่ตั้งแต่การให้ข้อมูลสหรัฐผิดมหันตร์ในเรื่องของสงครามเวียดนามจนเป็นเหตุให้หนุ่มๆ อเมริกันจบชีวิตลงก่อนเวลาอันควรเยอะมากมาย ก่อนหน้านั้นในสงครามเกาหลีพวกเขาไม่เชื่อว่าจีนจะส่งกองทัพเข้ามาช่วยเกาหลีเหนือ หรือการทำนายเรื่องการล่มสลายของสหภาพโซเวียตว่าไม่ล้มกันง่ายๆ ปรากฏว่าก็ล้มครืนอย่างที่โลกได้รับรู้ ยังไม่นับกรณีสงครามอิรักที่พวกเขาให้ข้อมูลว่าอิรักมีอาวุธนิวเคลียร์แต่เอาเข้าจริงก็ไม่มีและทำให้อเมริกาต้องไปติกแหง็กอยู่กับอิรักตั้งมากมาย

แต่ที่ว่ากันว่าเลวร้ายที่สุดในการสร้างอสูรและล้มเหลวที่จะจัดการกับอสูรที่ตัวเองสร้างขึ้นมาก็คือ กรณีของอุสซามะห์ บินลาเดน แห่งกลุ่มอัลกออิดะห์ ซึ่งเกิดเพราะซีไอเอไปจัดตั้งทั้งฝึกแทคติกและยุทธวิธีให้สู้รบกับกองทัพโซเวียตในอัฟกานิสถาน แต่เมื่ออเมริกาได้สยายปีกเข้าไปในสงครามฮุบพลังงานของโลกนี้อย่างเต็มตัวและเปิดเผย อัลกออิดะห์ก็ประกาศหันหลังให้แก่พวกเขา จนนำมาสู่เหตุการณ์ถล่มตึกเวิร์ลเทรดที่สะเทือนขวัญคนอเมริกาไปทั้งหมด

แต่ถึงจะเป็นองค์กรที่ไม่น่าเคารพแต่อย่างไร แต่ชื่อเสียงของซีไอเอาสำหรับฮอลลีวูดแล้ว พวกเขาก็ยังเป็นองค์ประกอบที่ดีที่จะหยิบยกขึ้นมาเพื่อจะสร้างเป็นหนัง และหนังเหล่านี้หลายเรื่องก็มีส่วนช่วยให้คนหลายล้านในโลกนี้ยังรู้สึกว่าองค์กรนี้น่าทึ่งแล้วก็เป็นพระเอกอยู่ดีครับ ซึ่งซีไอเอควรจะต้องปรบมือให้กับบรรดาสุดยอดฝีมือจารชนที่สังกัดซีไอเอบนแผ่นฟิล์มเหล่านี้กัน อาทิเช่น

1.เจสัน บอร์น ในปี 2002 ก็เกิดหนังที่ดัดแปลงมาจากนวนิยายเรื่องดังของ โรเบิร์ต ลัดดัม (ซึ่งมีฉบับแปลเป็นไทยโดย ธนิต ธรรมสุขคติ ในชื่อเรื่อง “ กูชื่อ เจสัน บอร์น”) จะว่าไปหนังเรื่องนี้คือการขยายความให้เห็นความร้ายกาจของซีไอเอว่าเป็นองค์กรที่สามารถจะฆ่าคนได้ชนิดที่ต่อให้บริสุทธิ์ก็ต้องทำ ถ้าเผื่อจะทำให้ปฏิบัติการลับของพวกเขาเสร็จสิ้นสมบูรณ์แบบ หนังยังโชว์ให้เห็นด้วยว่า ขอบเขตในการทำงานของซีไอเอนั้นไม่มีข้อจำกัดเลยแม้แต่น้อย โดยประเดิมตอนแรกที่ชื่อว่า Bourne Identity ซึ่งว่าด้วยโปรแกรมการฝึกจอมสังหารของซีไอเอมูลค่า 30 ล้านปอนด์ ซึ่งพระเอก เจสัน บอร์นก็เป็นคนที่ถูกฝึกมา แต่ดันความจำเสื่อมจนต้องถูกไล่ล่า เพื่อไม่ให้ความลับของพวกเขาต้องรั่วไหล ศักยภาพของ เจสัน บอร์นในภาคสองที่ชื่อว่า Bourne Supremacy ยิ่งระเบิดหนักเมื่อคนๆ เดียวสามารถจัดการบรรดาคนที่คิดจะมาไล่ล่าเขาเกือบทั้งองค์กร แถมยังมีไปปะทะกับตำรวจลับของรัสเซียและเอาชนะได้อย่างเฉียดฉิวอีกด้วย ส่วนในภาคสาม The Bourne Ultimatum (2007) ซีไอเอยิ่งโชว์ให้เห็นความเป็นสุดยอดองค์การโหด เมื่อโครงการฝึกนักฆ่าของซีไอเออย่าง แบล็ค ไบรอาห์ ที่ถูกดันชึ้นมาแทน เทรดสโตน แต่ถูกนักข่าวและสื่ออังกฤษเปิดโปง เรื่องแบบนี้กลายเป็นเรื่องสำคัญของความมั่นคงของอเมริกาทันที ปฏิบัติการเด็ดหัวผู้สื่อข่าวจึงมีขึ้น แต่นั่นเป็นแค่จุดเริ่มต้นของการเปิดโปงขบวนการฆ่าคนขบวนการนี้โดยพระเอกของเรา

2. เอฟเวอร์ลีน ซอลต์ ( Salt 2010) ภาพยนตร์ของ ฟิลลิปส์ นอยส์ ที่ได้ แองเจลีน่า โจลี่ มารับบท เอฟเวอร์ลีน ซอลต์ ซีไอเอนักวิเคราะห์ที่เคยผ่านงานภาคสนามมาอย่างโชกโชน แต่จู่ๆ ก็โดนใส่ความว่าเธอเป็นสายลับจากโซเวียตที่เตรียมจะทำการลือลั่นให้โลกต้องตะลึงด้วยการบุกสังหารโหดต่อประธานาธิบดีรัสเซียที่มางานศพรองประธานาธิบดีสหรัฐ ซอลต์โชว์ความสุดยอดให้เห็นว่าซีไอเอฝึกเธอมาดีอย่างไรจนสามารถไล่ล่าจัดการและปฏิบัติการกู้โลกได้อย่างหมดจดเช่นนี้

3. ไบรอัน มิลส์ จากภาพยนตร์เรื่อง Taken หนังปี 2008 ที่ดูแลการผลิตโดย ลุค เบสซอง และกำกับโดย ปีแอร์ มอร์เรลล์ เรื่องราวของอดีตซีไอเอภาคสนามที่มีนามว่า ไบรอัน มิลส์ ที่ลาออกเพราะอยากมาอยู่กับลูกสาว แต่เอาเข้าจริงชีวิตมันก็ไม่สวยงามอย่างที่คิด เพราะแนวคิดแบบซีไอเอกับเด็กวัยรุ่นมันไปด้วยกันไม่ได้เลย แต่ไม่นานหลังวันเกิดของเธอๆ ก็ได้รับทราบว่า พ่อของเธอนั้นสุดยอดขนาดไหน เมื่อเธอโดนลักพาตัวในปารีสเพื่อเตรียมไปขาย ขณะที่พ่อของเธอมีเวลาเพียงแค่ 72 ชั่วโมงที่จะเอาตัวเธอกลับมาให้ได้ หนังเรื่องนี้สร้างชื่อให้กับ เลียม นีสัน ในฐานะพระเอกหนังแอ็คชั่นโคตรๆ อีกคนหนึ่ง จะว่าไปบทก็สุดยอดมากครับ โดยเฉพาะในวินาทีที่ลูกสาวของเขาโดนจับตัวไป ไบรอันใช้ทักษะของเขาในช่วงเวลาอันน้อยนิดเก็บรายละเอียดทุกอย่างเพื่อภาระกิจที่ไม่มีใครเชื่อว่าจะสำเร็จนี้… ลองนึกดูนะครับว่าสุดยอดแค่ไหน โดยเฉพาะประโยคที่เขาบอกกับคนร้ายทางโทรศัพท์ว่า "I will look for you, I will find you and I will kill you" ขณะที่ไอ้แก๊งค์ค้ามนุษย์ชาวอัลแบเนียตอบกลับมาแต่เพียงว่า "good luck" แค่ฉากนี้ฉากเดียวก็โคตรน่าทึ่งแล้ว ครับ!!

4. แฟรงค์ โมเซส จากเรื่องเอง Red ซึ่งย่อมาจาก 'Retired, Extremely Dangerous บรู๊ซ วิลลิส รับบทเป็น แฟรงค์ โมเซส อดีตซีไอเอซึ่งออกจากงานแล้ว หลายคนหาว่าเขาไม่มีน้ำยา แต่หารู้ไม่ว่านี่คืออาวุธมหากาฬที่มีชีวิตอย่างแท้จริง เขาต้องเรียกตัวเพื่อนร่วมทีมเก่ามาร่วมทำงานเพื่อตามหาว่าใครกำลังคิดฆ่าอดีตซีไอเอเหล่านี้ยกทีม บรู๊ซ วิลลิส โชว์ศักยภาพในเชิงแอ็กชั่นอย่างน่าทึ่งอีกครั้ง ที่ชวนหัวและชวนฮากว่านั้นก็คือ ทีมของเขาเหมือนกับพาคาแรกเตอร์ที่เด่นๆ มาจากหนังอดีตทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น จอห์น มัลโควิช ที่ลากคาแรกเตอร์ไซรัส เดอะ ไวรัส นักโทษตัวแทบจากคอนแอร์ หรือ เฮเลน มิเรน จาก เดอะ ควีน มอร์แกน ฟรีแมน ก็ดูเหมือนนักคิดจากเรื่อง Along Came The Spider



กำลังโหลดความคิดเห็น