โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
ปกติเจ้าพ่อเจอกันในหนังแอ๊คชั่นฮ่องกง เป็นต้องได้เรื่องมันหยดติ๋งๆ ถ้าไม่ยิงกันสนั่นลั่นจอก็ต้องเฉือนเหลี่ยมเฉือนคมกันอย่างถึงพริกถึงเครื่องแกง
ขณะที่ถ้าเป็นเจ้าพ่อในวงการเมือง(ไทย)เจอกัน งานนี้เดาได้ไม่ยากว่าพวกมันคงคิดคบวางแผนโกงบ้านกินเมืองอีกตามเคย
ส่วนถ้าเป็นเจ้าพ่อแห่งยุทธจักรวงการเพลงโคจรมาพบกัน หลายต่อหลายครั้งมันได้ก่อเกิดเป็นสุดยอดผลงานในระดับมาสเตอร์พีชที่แฟนเพลงต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ แต่ก็มีอีกหลายต่อหลายครั้งเช่นกันที่ล้มเหลว ห่วยแตก แถมยังถูกแฟนเพลงด่ายับ จนแทบไม่เหลือเยื่อใยในบุญเก่าที่สั่งสมมา
แต่ไม่ว่าจะดีเลิศประเสริฐล้ำ หรือห่วยแตกเหมือนแหวกชิมิ ส่วนใหญ่แล้วการโคจรมาพบกันของบรรดาเจ้าพ่อหรือพวกระดับบิ๊กเนมในวงการเพลง ย่อมต้องหนีไม่พ้นการถูกจับตาเฝ้ามองเป็นพิเศษ
สำหรับอัลบั้ม “Lulu” ที่เป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง“ลู รีด”(Lou Reed) กับวง “เมทัลลิก้า”(Metallica) นี่ก็ถูกคาดหวังและจับตาเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะแต่ละฝ่ายล้วนต่างเป็นเจ้าพ่อขาใหญ่ในวงการเพลงร็อกทั้งคู่
คุณปู่ลู รีด ที่วันนี้ดูชราภาพ แก่หง่อม หน้าเหี่ยวย่นปานหนังช้าง(แต่ท่าทางยังดูเหมือนคนเตะปี๊บดัง) สมัยหนุ่มๆเขาคือขาซ่าหนึ่งในจอมเฮี้ยวแห่งวงการร็อค แอนด์ โรล
ปู่ลูเป็นหัวโจกและนักร้องนำแห่งวง “เดอะ เวลเว็ท อันเดอร์กราวนด์” (The Velvet Underground) ยอดวงร็อกระดับตำนานแห่งยุค 60-70’s ที่ชื่อเสียงของวงนี้ยังอยู่ยั้งยืนยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหลังแยกย้ายจากเดอะ เวลเว็ท อันเดอร์กราวนด์ ปู่ลูได้ออกอัลบั้มผลงานเดี่ยวของตัวเองมามากมาย
นอกจากจะเป็นนักร้องนักดนตรีที่มีแนวทางขบถเป็นของตัวเองแล้ว ปู่ลูยังได้ชื่อว่าเป็นยอดนักแต่งเพลงมือทอง ที่วันนี้เขายังคงเป็นไอดอลให้กับนักร้องรุ่นลูกรุ่นหลานอีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนวงเมทัลลิก้านั้นคงไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย นี่อดีตวงเมทัลร็อกอันดับ 1 ของโลก 1 ใน 4 บิ๊กโฟร์หัวหอกทะลวงฟันแห่งวงการเพลงแทรชเมทัล(สปีดเมทัล)แห่งยุค 80’s ที่สร้างปรากฏการณ์นำพาดนตรีนรกแตกหนักกะโหลกมาขย่มโลกตั้งแต่อัลบั้มแรก “Kill 'Em All”(1983) ที่ผมขออุทิศชื่ออัลบั้มนี้ให้แก่นักการเมืองชั้นเลวของไทยและพวกนิติเนรคุณแผ่นดินทั้งหลาย
เมทัลลิก้ามีผลงานสุดคลาสิคที่รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มแทรชเมทัลที่ดีที่สุดของโลก คือ “Master of Puppets”(1986) ขณะที่อัลบั้ม “Metallica”(ปกดำ : ปี 1991) ที่โทนดนตรีจากแทรชลดมาเป็นเฮฟวี่หนักๆนั้น ถือเป็นอัลบั้มที่พวกเขาประสบความสำเร็จสูงสุด รับไปทั้งชื่อเสียง เงินทอง และกล่อง
แต่หลังจากถึงจุดสูงสุดพวกเขาก็ร่วงตกลงผล็อยมา ทั้งอัลบั้ม “Load”(1996), “ReLoad”(1997) และ “St. Anger”(2003) ไปได้ไม่สวย ได้รับก้อนอิฐแทนดอกไม้ กระทั่งมาถึงอัลบั้ม “Death Magnatic”(2008) ที่เมทัลลิก้าหันกลับมาทำเพลงในแนวลายเซ็นถนัด มันสามารถเรียกเครดิตที่ดิ่งลงไปให้กลับคืนขึ้นมาอีกครั้ง ให้ทั้งแฟนเก่า แฟนใหม่ ได้ซู๊ดปากในฝีมือของวงนี้กันบ้าง
และนั่นก็เป็นเครดิตคร่าวๆของ 2 ไอดอลร็อกต่างวัยระหว่างคุณปู่ ลู รีด กับ 4 น้าเมทัลลิก้าที่โคจรมาปฏิสนธิคลอดอัลบั้ม Lulu ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว
Lulu โปรเจกต์อัลบั้มนี้มีต้นกำเนิดมาจากการที่ปู่ลูได้มีโอกาสขึ้นเวทีแจมกับเมทัลลิก้าในงานคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 25 ปี ร็อก แอนด์ โรล ฮอล ออฟ เฟม(เดือนตุลาคม 2009) นั่นเลยทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดอาการสปาร์คและคิดว่าควรที่จะทำอะไรร่วมกัน โดยแรกเริ่มเดิมทีเมทัลลิก้าที่นับถือปู่ลูเป็นไอดอลนั้นต้องการที่จะนำเพลงเก่าๆของปู่ลูมาคัฟเวอร์ใหม่
แต่ประทานโทษ ปู่ลูที่ยังดูซ่าและยังมีไฟอยู่เหลือเฟือ กลับเสนอไอเดียให้ทำโปรเจกต์ Lulu แทน โดยปู่ลูแกเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเขียนเพลง เนื้อร้อง และร้องนำเป็นหลัก ขณะที่เมทัลลิก้าเป็นผู้รับผิดชอบในภาคของดนตรี โดยสมาชิกทั้ง 4 ในยุคหลังของวงยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไล่มาตั้งแต่ “เจมส์ เฮทฟิลด์”(James Hetfield) ริทึ่มกีตาร์ แหกปากร้องนำ และสบถสำรอกในหลายๆครั้ง, “เคิร์ก แฮมเม็ตต์” (Kirk Hammett) บดขยี้สายกีตาร์ให้ขี้หูไหลไส้สะเทือน และช่วยแหกปากร้องประสาน, “ลาร์ส อุลริช”(Lars Ulrich) กระหน่ำกระทืบกลองราวกับไปโกรธแค้นใครมา,“โรเบิร์ต ทรูฮีโย”(Robert Trujillo) ตะปบทึ้งเบส และทำลีลาหน้าตาท่าทางปานประหนึ่งกอริล่าชนิดที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ และเชื่อว่าคงไม่มีใครคิดอยากเลียนแบบ
สำหรับงานเพลงในอัลบั้มชุดนี้เป็นงานเพลงแนวทดลองในรูปแบบคอนเซ็ปต์อัลบั้ม ที่ปู่ลูนำเรื่องราวของ Lulu ตัวละครในบทประพันธ์ของ แฟรงค์ เวเดคินด์ นักเขียนชาวเยอรมนี ในศตวรรษ 19 มานำเสนอเรียงร้อยเป็นบทเพลงทั้งหมด 10 เพลงในซีดี 2 แผ่น ที่ดูๆแล้วพวกเขาค่อนข้างตั้งใจทำเป็นพิเศษเพราะนอกจากเครื่องดนตรี 4 ชิ้นจาก 4 ยอดฝีมือวงเมทัลลิก้าแล้ว พวกเขายังเสริมทัพด้วยทีมเครื่องสาย ไวโอลิน วิโอล่า และเชลโล อีกต่างหาก
Lulu เปิดตัวกันด้วยเพลง “Brandenburg Gate” อินโทรขึ้นนำด้วยเสียงอะคูสติกกีตาร์ใสๆพร้อมเสียงบ่นแก่ๆของปู่ลู ก่อนที่ 4 เสือเมทัลลิกาจะจัดหนักตามมา น้าเจมส์แหกปากสำรอกประสานตามสไตล์ถนัด น้าลาร์สหวดกลองพยายามสอดแทรกใส่ลูกขัดหนักๆของสแนร์ลงไป ด้านกีตาร์กระชากคอร์ดหยาบดิบ แตกไลน์ตัวโน้ต เพลงนี้ปู่ลูร้องเพลงตามสไตล์ถนัดของแกด้วยลูกบ่นเพลง(แบบเดียวกับบ็อบ ดีแล่น) ที่ 30 ปีที่แล้วปู่แกร้องยังไงมาวันนี้ก็ยังคงสไตล์นั้นอยู่
หลังเพลงแรกเปิดตัวมาแนวโน้มส่อแววแปลกใหม่และทำท่าว่าจะมันไม่หยอก แต่ประทานโทษ บทเพลงในแทรคถัดๆไปกลับออกมาในโทนคล้ายคลึงกัน ไล่ไปตั้งแต่“The View” กระชากคอร์ดดิบๆขึ้นมาแบบเมทัลลิก้า แต่พอปู่ลูแกบ่นเข้าเพลงมาเท่านั้น ทำอารมณ์สะดุดเกือบหัวทิ่ม แต่ยังดีที่ช่วงท้ายจัดหนักใส่กันมา มีลูกโซโลดุดันเร็วจี๋ปานรถด่วนขบวนนรกของน้าเคิร์กมาช่วยให้คลายคิดถึงเมทัลลิก้าได้บ้าง นับเป็นบทเพลงหนึ่งเดียวในอัลบั้มที่มีลูกโซโลกีตาร์แบบจะๆมันๆให้ได้ยินกัน
“Pumping Blood” เครื่องสายเล่นส่งนำมาเสียงคล้ายแมงวันแมงหวี่บินฟังยังกับซาวนด์แทรคหนังผี ตามมาด้วยลูกกระทืบกลองและลูกริฟฟ์ดุๆ แต่ฟังค่อนข้างอึดอัดเพราะมันให้ความรู้สึกขัดกับซาวนด์ของเครื่องสาย ยิ่งผสมกับเสียงบ่นเพี้ยนๆของปู่ลูยิ่งไปกันใหญ่ หาทิศทางของเมโลดี้ได้ยากมาก จากนั้นท่อนกลางเพลงพวกจัดหนักอัดใส่กันมา น้าลาร์สแกก็พยายามหาลูกพวกสแนร์ขัดๆสวนทำนองขึ้นมา ขณะที่ไอ้เสียงแมงวันแมงหวี่จากเครื่องสายมันก็ยังบินวิ้งๆอยู่ ส่วนปู่ลูแกก็บ่นพล่ามของแกไปเรื่อยยังกับคนเมาเนื้อ เอ้อ เอากะพวกเขาสิ เพลงนี้ฟังแล้วปวดกบาลเป็นเป็นบ้า
ต่อกันด้วย “Mistress Dread” ขึ้นต้นอินโทรสวยๆหลอกมา ก่อนพวกอัดลูกริฟฟ์ใส่ตามแบบจัดหนัก เร็วจี๋ ในสรรพสำเนียงแบบเมทัลลิก้า ขณะที่ปู่ลูแกก็ยังมาแบบเดิมคือบ่นเพลงไป แต่ดีหน่อยที่เพลงนี้ตรงที่มีจังหวะจะโคนบ้าง
“Iced Honey” ซิงเกิ้ลแรกที่ตัดออกมา ค่อยฟังเป็นเพลงเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย ส่วนที่ประหลาดหูมากก็คือ น้าเมทัลลิก้าเล่นโน้ตสับคอร์ดกันอย่างกับพวกป็อบร็อกแฮร์แบนด์ ส่วนปู่ลูร้องไปบ่นไปฟังเป็นเพลงร็อกในสไตล์ของแกได้ดีทีเดียว อ้อ เพลงนี้เสียงร้องประสานของน้าเจมส์ที่แหกปากตะโกนสวนมา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้เพลงฟังมีสีสันมากขึ้น
“Cheat On Me” เพลงสุดท้ายในแผ่นแรก ขึ้นอินโทรมาหวานนุ่มสลวยเชียว ให้อารมณ์แบบเซลติก แต่เล่นไปได้สักพักพวกเริ่มใส่ซาวนด์เพี้ยนๆเติมเข้ามาสอดแทรกกับธีมหลัก มีเสียงเบสตุ่มๆให้น้ากอริล่าแกได้โชว์พอเป็นกระสาย ก่อนที่ปู่ลูจะบ่นพร่ำควบคู่ไปกับเสียงกีตาร์เล่นโน้ตเพี้ยนๆลากยาวซาวนด์ทรมานขี้หู ช่วงกลางเพลงพวกเล่นริทึ่มกันในซาวนด์แบบอัลเทอร์เนทีฟเฉยเลย แล้วไปปิดท้ายกันกับการจัดเต็มในช่วงท้ายเพลงที่น้าเจมส์แกก็ตะโกนประสานสำรอกของแกไป ส่วนปู่ลูแกก็บ่นของแกไป นับเป็นบทเพลงที่จับฉ่ายแกงโฮะแต่ก็เชื่อมต่อกันได้ดีทีเดียว
ไปฟังเพลงในซีดีแผ่นที่ 2 กันบ้าง อารมณ์เพลงไม่ต่างอะไรจากซีดีแผ่นแรก คือฟังค่อนข้างอึดอัด เต็มไปด้วยซาวนด์ทรมานรูหู เริ่มกันตั้งแต่แทรค “Frustration” เพลงนี้มีการสลับอารมณ์แบ่งเป็น 2 พาร์ท ระหว่างพาร์ทดนตรีที่เป็นเรื่องเป็นราวกับพาร์ทเสียงพร่ำบ่นที่มีเสียงดนตรีประกอบ
“Little Dog” เจ้าหมาน้อยเพลงนี้แรกที่ฟังอินโทรขึ้นนำมาด้วยเสียงใสๆของอะคูสติกกีตาร์ คิดว่าคงจะได้ฟังอะไรที่รื่นหูบ้าง แต่ประทานโทษ เหมือนเดิม โดยเฉพาะกับเสียงกีตาร์เล่นโน้ตลากยาวนั้น พวกคิดได้ไง โคตรทรมานรูหูเลยพับผ่าสิ
“Dragon” ช่วงต้นของเพลงนี้ฟังไม่ค่อยเป็นเพลง คือมีแต่เสียงบ่น กับเสียงกีตาร์เล่นโน้ตลากยาวซาวนด์หยาบๆดิบๆ เหมือนต่ออารมณ์มาจากเพลงที่แล้ว แต่ดีหน่อยที่ช่วงกลางเริ่มใส่ความเป็นผู้เป็นเพลงเข้ามา ลูกโซโลของเพลงนี้ขอบอกคิดได้ไง เพราะมันฟังเหมือนแมงหวี่เมากับแมงวันเมาบินมาชนกันยังไงยังงั้น
แล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายกับ “Junior Dad” เพลงโคตรยาว กินเวลา 19 นาทีครึ่ง ที่เอาอีกแล้วขึ้นอินโทรมากับเสียงกีตาร์ลากยาว ก่อนจะส่งเข้าช่วงต้นเพลงแบบค่อยฟังเป็นเพลงเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยกับอะคูสติกกีตาร์ใสๆและฟังเพราะสบายหู ให้ปู่ลูร้องบ่นๆแต่ฟังมีเมโลดี้ ชวนให้นึกถึงซาวนด์แบบ เดอะ เวลเว็ท อันเดอร์กราวนด์ จากนั้นช่วงท้ายเพลงปิดกันด้วยเสียงเครื่องสายเล่นลากยาวในเมโลดี้เดิมไปจนจบเพลง และจบอัลบั้ม
เฮ้อ กว่าจะฟังจบได้ ลุ้นแทบตาย กลัวคุณปู่สุดซ่าแกจะบ่นจนเป็นลมไปเสียก่อน
สำหรับใครที่ฟังแล้วจะเกิดความรู้สึกว่า นี่กูกำลังฟังห่า(ม)อะไรอยู่วะเนี่ย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขนาดตัวผมเองที่นิยมชมชอบทั้งลู รีด และเมทัลลิก้า แม้จะพยายามฟังซ้ำมาซ้ำไปอยู่หลายต่อหลายรอบก็ยังเกิดรู้สึกอย่างนั้นอยู่เลย
อย่างไรก็ดีนี่ถือเป็นงานเพลงทดลอง ที่ปู่ลูพยายามฉีกไปค้นหาความแปลกใหม่ โดยทิศทางเพลงทั้งหมดอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของแก ขณะที่วงเมทัลลิก้างานนี้มาทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับวงแบ๊คอัพ แทบไม่ได้ฉายแววหรือนำเสนอแนวทางอันโดดเด่นเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของพวกเขาสักเท่าไหร่ นั่นจึงทำให้หลายเพลงในอัลบั้มชุดนี้มีสภาวะอีหลักอีเหลื่อ ฟังสะดุด ไม่ลงตัว ไม่กลมกลืน เพราะมันฟังเหมือนกับว่า ในภาคเนื้อร้องปู่ลูแกก็พร่ำร้องบ่นของแกไป ส่วนภาคดนตรีน้าๆเมทัลลิก้าแกก็เล่นกระหน่ำของแกไป ซึ่งจะว่าไปแล้ว 2-3 เพลง ที่น้าเจมส์แกตะโกนร้องประสานเข้ามา ผมว่ายังฟังเข้าท่ากว่าฟังลู รีด แกร้องเสียอีก
ครับและด้วยการผสมสูตรเคมีทางดนตรีที่ไม่ลงตัว แถมบทเพลงส่วนใหญ่ยังฟัง(โคตร)ยาก มันเลยทำให้อัลบั้มงานทดลองชุดนี้ที่แม้ดูตั้งใจทำ และถ้าฟังกันให้ลึกจะเห็นว่าในภาพรวมที่โทนดนตรีฟังคล้ายคลึงกันนั้น(โดยเฉพาะเสียงบ่นของปู่ลู)มีรายละเอียดแอบซ่อนอยู่ นั่นจึงทำให้อัลบั้มนี้หังแล้วอาจจะเป็นที่ถูกใจใครบางคนเพียงส่วนน้อย แต่ไม่ถูกใจแฟนเพลงส่วนใหญ่และถูกด่ายับอีกต่างหาก เพราะชื่อชั้นของเจ้าพ่อทั้ง 2 ฝั่ง แค่เห็นว่ามาปฏิสนธิทำเพลงด้วยกัน เหล่าแฟนเพลงต่างก็ย่อมต้องคาดหวังเอาไว้สูงปรี๊ดเป็นธรรมดา โดยเฉพาะกับกลุ่มของสาวกหูเหล็กของเมทัลลิก้าจำนวนหนึ่งนี่ มีข่าวจากเมืองนอกว่าพวกเขาโกรธแค้นปู่ลู รีดหนักถึงขนาดมีข่าวขู่ฆ่าคุณปู่กันเลยทีเดียว
เฮ้อ ปล่อยๆปู่แกไปเหอะ สงสารแก แกแก่แล้ว แถมสิ่งที่แกเคยสร้างสรรค์ให้กับวงการเพลงนั้นก็มีอยู่มากโข ไม่ใช่ขี้ไก่เสียเมื่อไหร่ จะมาพลาดพลั้งบ้างก็ในอัลบั้ม Lulu นี้นี่แหละ ที่เล่นเอา 2 เจ้าพ่อแห่งยุทธจักรวงการเพลงร็อกอย่างคุณปู่ลู รีด กับคุณน้าเมทัลลิก้า เสียรังวัดไปเยอะพอตัว
แต่นี่แหละสัจธรรมของวงการเพลง
ปกติเจ้าพ่อเจอกันในหนังแอ๊คชั่นฮ่องกง เป็นต้องได้เรื่องมันหยดติ๋งๆ ถ้าไม่ยิงกันสนั่นลั่นจอก็ต้องเฉือนเหลี่ยมเฉือนคมกันอย่างถึงพริกถึงเครื่องแกง
ขณะที่ถ้าเป็นเจ้าพ่อในวงการเมือง(ไทย)เจอกัน งานนี้เดาได้ไม่ยากว่าพวกมันคงคิดคบวางแผนโกงบ้านกินเมืองอีกตามเคย
ส่วนถ้าเป็นเจ้าพ่อแห่งยุทธจักรวงการเพลงโคจรมาพบกัน หลายต่อหลายครั้งมันได้ก่อเกิดเป็นสุดยอดผลงานในระดับมาสเตอร์พีชที่แฟนเพลงต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ แต่ก็มีอีกหลายต่อหลายครั้งเช่นกันที่ล้มเหลว ห่วยแตก แถมยังถูกแฟนเพลงด่ายับ จนแทบไม่เหลือเยื่อใยในบุญเก่าที่สั่งสมมา
แต่ไม่ว่าจะดีเลิศประเสริฐล้ำ หรือห่วยแตกเหมือนแหวกชิมิ ส่วนใหญ่แล้วการโคจรมาพบกันของบรรดาเจ้าพ่อหรือพวกระดับบิ๊กเนมในวงการเพลง ย่อมต้องหนีไม่พ้นการถูกจับตาเฝ้ามองเป็นพิเศษ
สำหรับอัลบั้ม “Lulu” ที่เป็นการโคจรมาพบกันระหว่าง“ลู รีด”(Lou Reed) กับวง “เมทัลลิก้า”(Metallica) นี่ก็ถูกคาดหวังและจับตาเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะแต่ละฝ่ายล้วนต่างเป็นเจ้าพ่อขาใหญ่ในวงการเพลงร็อกทั้งคู่
คุณปู่ลู รีด ที่วันนี้ดูชราภาพ แก่หง่อม หน้าเหี่ยวย่นปานหนังช้าง(แต่ท่าทางยังดูเหมือนคนเตะปี๊บดัง) สมัยหนุ่มๆเขาคือขาซ่าหนึ่งในจอมเฮี้ยวแห่งวงการร็อค แอนด์ โรล
ปู่ลูเป็นหัวโจกและนักร้องนำแห่งวง “เดอะ เวลเว็ท อันเดอร์กราวนด์” (The Velvet Underground) ยอดวงร็อกระดับตำนานแห่งยุค 60-70’s ที่ชื่อเสียงของวงนี้ยังอยู่ยั้งยืนยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งหลังแยกย้ายจากเดอะ เวลเว็ท อันเดอร์กราวนด์ ปู่ลูได้ออกอัลบั้มผลงานเดี่ยวของตัวเองมามากมาย
นอกจากจะเป็นนักร้องนักดนตรีที่มีแนวทางขบถเป็นของตัวเองแล้ว ปู่ลูยังได้ชื่อว่าเป็นยอดนักแต่งเพลงมือทอง ที่วันนี้เขายังคงเป็นไอดอลให้กับนักร้องรุ่นลูกรุ่นหลานอีกเป็นจำนวนมาก
ส่วนวงเมทัลลิก้านั้นคงไม่ต้องพูดอะไรกันมากมาย นี่อดีตวงเมทัลร็อกอันดับ 1 ของโลก 1 ใน 4 บิ๊กโฟร์หัวหอกทะลวงฟันแห่งวงการเพลงแทรชเมทัล(สปีดเมทัล)แห่งยุค 80’s ที่สร้างปรากฏการณ์นำพาดนตรีนรกแตกหนักกะโหลกมาขย่มโลกตั้งแต่อัลบั้มแรก “Kill 'Em All”(1983) ที่ผมขออุทิศชื่ออัลบั้มนี้ให้แก่นักการเมืองชั้นเลวของไทยและพวกนิติเนรคุณแผ่นดินทั้งหลาย
เมทัลลิก้ามีผลงานสุดคลาสิคที่รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในอัลบั้มแทรชเมทัลที่ดีที่สุดของโลก คือ “Master of Puppets”(1986) ขณะที่อัลบั้ม “Metallica”(ปกดำ : ปี 1991) ที่โทนดนตรีจากแทรชลดมาเป็นเฮฟวี่หนักๆนั้น ถือเป็นอัลบั้มที่พวกเขาประสบความสำเร็จสูงสุด รับไปทั้งชื่อเสียง เงินทอง และกล่อง
แต่หลังจากถึงจุดสูงสุดพวกเขาก็ร่วงตกลงผล็อยมา ทั้งอัลบั้ม “Load”(1996), “ReLoad”(1997) และ “St. Anger”(2003) ไปได้ไม่สวย ได้รับก้อนอิฐแทนดอกไม้ กระทั่งมาถึงอัลบั้ม “Death Magnatic”(2008) ที่เมทัลลิก้าหันกลับมาทำเพลงในแนวลายเซ็นถนัด มันสามารถเรียกเครดิตที่ดิ่งลงไปให้กลับคืนขึ้นมาอีกครั้ง ให้ทั้งแฟนเก่า แฟนใหม่ ได้ซู๊ดปากในฝีมือของวงนี้กันบ้าง
และนั่นก็เป็นเครดิตคร่าวๆของ 2 ไอดอลร็อกต่างวัยระหว่างคุณปู่ ลู รีด กับ 4 น้าเมทัลลิก้าที่โคจรมาปฏิสนธิคลอดอัลบั้ม Lulu ออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว
Lulu โปรเจกต์อัลบั้มนี้มีต้นกำเนิดมาจากการที่ปู่ลูได้มีโอกาสขึ้นเวทีแจมกับเมทัลลิก้าในงานคอนเสิร์ตฉลองครบรอบ 25 ปี ร็อก แอนด์ โรล ฮอล ออฟ เฟม(เดือนตุลาคม 2009) นั่นเลยทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายเกิดอาการสปาร์คและคิดว่าควรที่จะทำอะไรร่วมกัน โดยแรกเริ่มเดิมทีเมทัลลิก้าที่นับถือปู่ลูเป็นไอดอลนั้นต้องการที่จะนำเพลงเก่าๆของปู่ลูมาคัฟเวอร์ใหม่
แต่ประทานโทษ ปู่ลูที่ยังดูซ่าและยังมีไฟอยู่เหลือเฟือ กลับเสนอไอเดียให้ทำโปรเจกต์ Lulu แทน โดยปู่ลูแกเป็นผู้รับผิดชอบด้านการเขียนเพลง เนื้อร้อง และร้องนำเป็นหลัก ขณะที่เมทัลลิก้าเป็นผู้รับผิดชอบในภาคของดนตรี โดยสมาชิกทั้ง 4 ในยุคหลังของวงยังอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ไล่มาตั้งแต่ “เจมส์ เฮทฟิลด์”(James Hetfield) ริทึ่มกีตาร์ แหกปากร้องนำ และสบถสำรอกในหลายๆครั้ง, “เคิร์ก แฮมเม็ตต์” (Kirk Hammett) บดขยี้สายกีตาร์ให้ขี้หูไหลไส้สะเทือน และช่วยแหกปากร้องประสาน, “ลาร์ส อุลริช”(Lars Ulrich) กระหน่ำกระทืบกลองราวกับไปโกรธแค้นใครมา,“โรเบิร์ต ทรูฮีโย”(Robert Trujillo) ตะปบทึ้งเบส และทำลีลาหน้าตาท่าทางปานประหนึ่งกอริล่าชนิดที่ยากต่อการลอกเลียนแบบ และเชื่อว่าคงไม่มีใครคิดอยากเลียนแบบ
สำหรับงานเพลงในอัลบั้มชุดนี้เป็นงานเพลงแนวทดลองในรูปแบบคอนเซ็ปต์อัลบั้ม ที่ปู่ลูนำเรื่องราวของ Lulu ตัวละครในบทประพันธ์ของ แฟรงค์ เวเดคินด์ นักเขียนชาวเยอรมนี ในศตวรรษ 19 มานำเสนอเรียงร้อยเป็นบทเพลงทั้งหมด 10 เพลงในซีดี 2 แผ่น ที่ดูๆแล้วพวกเขาค่อนข้างตั้งใจทำเป็นพิเศษเพราะนอกจากเครื่องดนตรี 4 ชิ้นจาก 4 ยอดฝีมือวงเมทัลลิก้าแล้ว พวกเขายังเสริมทัพด้วยทีมเครื่องสาย ไวโอลิน วิโอล่า และเชลโล อีกต่างหาก
Lulu เปิดตัวกันด้วยเพลง “Brandenburg Gate” อินโทรขึ้นนำด้วยเสียงอะคูสติกกีตาร์ใสๆพร้อมเสียงบ่นแก่ๆของปู่ลู ก่อนที่ 4 เสือเมทัลลิกาจะจัดหนักตามมา น้าเจมส์แหกปากสำรอกประสานตามสไตล์ถนัด น้าลาร์สหวดกลองพยายามสอดแทรกใส่ลูกขัดหนักๆของสแนร์ลงไป ด้านกีตาร์กระชากคอร์ดหยาบดิบ แตกไลน์ตัวโน้ต เพลงนี้ปู่ลูร้องเพลงตามสไตล์ถนัดของแกด้วยลูกบ่นเพลง(แบบเดียวกับบ็อบ ดีแล่น) ที่ 30 ปีที่แล้วปู่แกร้องยังไงมาวันนี้ก็ยังคงสไตล์นั้นอยู่
หลังเพลงแรกเปิดตัวมาแนวโน้มส่อแววแปลกใหม่และทำท่าว่าจะมันไม่หยอก แต่ประทานโทษ บทเพลงในแทรคถัดๆไปกลับออกมาในโทนคล้ายคลึงกัน ไล่ไปตั้งแต่“The View” กระชากคอร์ดดิบๆขึ้นมาแบบเมทัลลิก้า แต่พอปู่ลูแกบ่นเข้าเพลงมาเท่านั้น ทำอารมณ์สะดุดเกือบหัวทิ่ม แต่ยังดีที่ช่วงท้ายจัดหนักใส่กันมา มีลูกโซโลดุดันเร็วจี๋ปานรถด่วนขบวนนรกของน้าเคิร์กมาช่วยให้คลายคิดถึงเมทัลลิก้าได้บ้าง นับเป็นบทเพลงหนึ่งเดียวในอัลบั้มที่มีลูกโซโลกีตาร์แบบจะๆมันๆให้ได้ยินกัน
“Pumping Blood” เครื่องสายเล่นส่งนำมาเสียงคล้ายแมงวันแมงหวี่บินฟังยังกับซาวนด์แทรคหนังผี ตามมาด้วยลูกกระทืบกลองและลูกริฟฟ์ดุๆ แต่ฟังค่อนข้างอึดอัดเพราะมันให้ความรู้สึกขัดกับซาวนด์ของเครื่องสาย ยิ่งผสมกับเสียงบ่นเพี้ยนๆของปู่ลูยิ่งไปกันใหญ่ หาทิศทางของเมโลดี้ได้ยากมาก จากนั้นท่อนกลางเพลงพวกจัดหนักอัดใส่กันมา น้าลาร์สแกก็พยายามหาลูกพวกสแนร์ขัดๆสวนทำนองขึ้นมา ขณะที่ไอ้เสียงแมงวันแมงหวี่จากเครื่องสายมันก็ยังบินวิ้งๆอยู่ ส่วนปู่ลูแกก็บ่นพล่ามของแกไปเรื่อยยังกับคนเมาเนื้อ เอ้อ เอากะพวกเขาสิ เพลงนี้ฟังแล้วปวดกบาลเป็นเป็นบ้า
ต่อกันด้วย “Mistress Dread” ขึ้นต้นอินโทรสวยๆหลอกมา ก่อนพวกอัดลูกริฟฟ์ใส่ตามแบบจัดหนัก เร็วจี๋ ในสรรพสำเนียงแบบเมทัลลิก้า ขณะที่ปู่ลูแกก็ยังมาแบบเดิมคือบ่นเพลงไป แต่ดีหน่อยที่เพลงนี้ตรงที่มีจังหวะจะโคนบ้าง
“Iced Honey” ซิงเกิ้ลแรกที่ตัดออกมา ค่อยฟังเป็นเพลงเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย ส่วนที่ประหลาดหูมากก็คือ น้าเมทัลลิก้าเล่นโน้ตสับคอร์ดกันอย่างกับพวกป็อบร็อกแฮร์แบนด์ ส่วนปู่ลูร้องไปบ่นไปฟังเป็นเพลงร็อกในสไตล์ของแกได้ดีทีเดียว อ้อ เพลงนี้เสียงร้องประสานของน้าเจมส์ที่แหกปากตะโกนสวนมา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นที่ทำให้เพลงฟังมีสีสันมากขึ้น
“Cheat On Me” เพลงสุดท้ายในแผ่นแรก ขึ้นอินโทรมาหวานนุ่มสลวยเชียว ให้อารมณ์แบบเซลติก แต่เล่นไปได้สักพักพวกเริ่มใส่ซาวนด์เพี้ยนๆเติมเข้ามาสอดแทรกกับธีมหลัก มีเสียงเบสตุ่มๆให้น้ากอริล่าแกได้โชว์พอเป็นกระสาย ก่อนที่ปู่ลูจะบ่นพร่ำควบคู่ไปกับเสียงกีตาร์เล่นโน้ตเพี้ยนๆลากยาวซาวนด์ทรมานขี้หู ช่วงกลางเพลงพวกเล่นริทึ่มกันในซาวนด์แบบอัลเทอร์เนทีฟเฉยเลย แล้วไปปิดท้ายกันกับการจัดเต็มในช่วงท้ายเพลงที่น้าเจมส์แกก็ตะโกนประสานสำรอกของแกไป ส่วนปู่ลูแกก็บ่นของแกไป นับเป็นบทเพลงที่จับฉ่ายแกงโฮะแต่ก็เชื่อมต่อกันได้ดีทีเดียว
ไปฟังเพลงในซีดีแผ่นที่ 2 กันบ้าง อารมณ์เพลงไม่ต่างอะไรจากซีดีแผ่นแรก คือฟังค่อนข้างอึดอัด เต็มไปด้วยซาวนด์ทรมานรูหู เริ่มกันตั้งแต่แทรค “Frustration” เพลงนี้มีการสลับอารมณ์แบ่งเป็น 2 พาร์ท ระหว่างพาร์ทดนตรีที่เป็นเรื่องเป็นราวกับพาร์ทเสียงพร่ำบ่นที่มีเสียงดนตรีประกอบ
“Little Dog” เจ้าหมาน้อยเพลงนี้แรกที่ฟังอินโทรขึ้นนำมาด้วยเสียงใสๆของอะคูสติกกีตาร์ คิดว่าคงจะได้ฟังอะไรที่รื่นหูบ้าง แต่ประทานโทษ เหมือนเดิม โดยเฉพาะกับเสียงกีตาร์เล่นโน้ตลากยาวนั้น พวกคิดได้ไง โคตรทรมานรูหูเลยพับผ่าสิ
“Dragon” ช่วงต้นของเพลงนี้ฟังไม่ค่อยเป็นเพลง คือมีแต่เสียงบ่น กับเสียงกีตาร์เล่นโน้ตลากยาวซาวนด์หยาบๆดิบๆ เหมือนต่ออารมณ์มาจากเพลงที่แล้ว แต่ดีหน่อยที่ช่วงกลางเริ่มใส่ความเป็นผู้เป็นเพลงเข้ามา ลูกโซโลของเพลงนี้ขอบอกคิดได้ไง เพราะมันฟังเหมือนแมงหวี่เมากับแมงวันเมาบินมาชนกันยังไงยังงั้น
แล้วก็มาถึงเพลงสุดท้ายกับ “Junior Dad” เพลงโคตรยาว กินเวลา 19 นาทีครึ่ง ที่เอาอีกแล้วขึ้นอินโทรมากับเสียงกีตาร์ลากยาว ก่อนจะส่งเข้าช่วงต้นเพลงแบบค่อยฟังเป็นเพลงเป็นเรื่องเป็นราวหน่อยกับอะคูสติกกีตาร์ใสๆและฟังเพราะสบายหู ให้ปู่ลูร้องบ่นๆแต่ฟังมีเมโลดี้ ชวนให้นึกถึงซาวนด์แบบ เดอะ เวลเว็ท อันเดอร์กราวนด์ จากนั้นช่วงท้ายเพลงปิดกันด้วยเสียงเครื่องสายเล่นลากยาวในเมโลดี้เดิมไปจนจบเพลง และจบอัลบั้ม
เฮ้อ กว่าจะฟังจบได้ ลุ้นแทบตาย กลัวคุณปู่สุดซ่าแกจะบ่นจนเป็นลมไปเสียก่อน
สำหรับใครที่ฟังแล้วจะเกิดความรู้สึกว่า นี่กูกำลังฟังห่า(ม)อะไรอยู่วะเนี่ย มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะขนาดตัวผมเองที่นิยมชมชอบทั้งลู รีด และเมทัลลิก้า แม้จะพยายามฟังซ้ำมาซ้ำไปอยู่หลายต่อหลายรอบก็ยังเกิดรู้สึกอย่างนั้นอยู่เลย
อย่างไรก็ดีนี่ถือเป็นงานเพลงทดลอง ที่ปู่ลูพยายามฉีกไปค้นหาความแปลกใหม่ โดยทิศทางเพลงทั้งหมดอยู่ภายใต้การกุมบังเหียนของแก ขณะที่วงเมทัลลิก้างานนี้มาทำหน้าที่ไม่ต่างอะไรกับวงแบ๊คอัพ แทบไม่ได้ฉายแววหรือนำเสนอแนวทางอันโดดเด่นเป็นลายเซ็นเฉพาะตัวของพวกเขาสักเท่าไหร่ นั่นจึงทำให้หลายเพลงในอัลบั้มชุดนี้มีสภาวะอีหลักอีเหลื่อ ฟังสะดุด ไม่ลงตัว ไม่กลมกลืน เพราะมันฟังเหมือนกับว่า ในภาคเนื้อร้องปู่ลูแกก็พร่ำร้องบ่นของแกไป ส่วนภาคดนตรีน้าๆเมทัลลิก้าแกก็เล่นกระหน่ำของแกไป ซึ่งจะว่าไปแล้ว 2-3 เพลง ที่น้าเจมส์แกตะโกนร้องประสานเข้ามา ผมว่ายังฟังเข้าท่ากว่าฟังลู รีด แกร้องเสียอีก
ครับและด้วยการผสมสูตรเคมีทางดนตรีที่ไม่ลงตัว แถมบทเพลงส่วนใหญ่ยังฟัง(โคตร)ยาก มันเลยทำให้อัลบั้มงานทดลองชุดนี้ที่แม้ดูตั้งใจทำ และถ้าฟังกันให้ลึกจะเห็นว่าในภาพรวมที่โทนดนตรีฟังคล้ายคลึงกันนั้น(โดยเฉพาะเสียงบ่นของปู่ลู)มีรายละเอียดแอบซ่อนอยู่ นั่นจึงทำให้อัลบั้มนี้หังแล้วอาจจะเป็นที่ถูกใจใครบางคนเพียงส่วนน้อย แต่ไม่ถูกใจแฟนเพลงส่วนใหญ่และถูกด่ายับอีกต่างหาก เพราะชื่อชั้นของเจ้าพ่อทั้ง 2 ฝั่ง แค่เห็นว่ามาปฏิสนธิทำเพลงด้วยกัน เหล่าแฟนเพลงต่างก็ย่อมต้องคาดหวังเอาไว้สูงปรี๊ดเป็นธรรมดา โดยเฉพาะกับกลุ่มของสาวกหูเหล็กของเมทัลลิก้าจำนวนหนึ่งนี่ มีข่าวจากเมืองนอกว่าพวกเขาโกรธแค้นปู่ลู รีดหนักถึงขนาดมีข่าวขู่ฆ่าคุณปู่กันเลยทีเดียว
เฮ้อ ปล่อยๆปู่แกไปเหอะ สงสารแก แกแก่แล้ว แถมสิ่งที่แกเคยสร้างสรรค์ให้กับวงการเพลงนั้นก็มีอยู่มากโข ไม่ใช่ขี้ไก่เสียเมื่อไหร่ จะมาพลาดพลั้งบ้างก็ในอัลบั้ม Lulu นี้นี่แหละ ที่เล่นเอา 2 เจ้าพ่อแห่งยุทธจักรวงการเพลงร็อกอย่างคุณปู่ลู รีด กับคุณน้าเมทัลลิก้า เสียรังวัดไปเยอะพอตัว
แต่นี่แหละสัจธรรมของวงการเพลง