ป.ป.ส.เข้าเยี่ยมอาการ “เสก โลโซ” ทนายเผยเสกให้ข้อมูลผู้ค้าและรายชื่อผู้ใกล้ชิดที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่ไม่ขอบอกว่าเป็นคนในวงการบันเทิงหรือไม่ และจะไม่ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนและตำรวจเพราะกลัวสร้างศัตรู ด้านสถานบำบัดเผยเสกอาการดีขึ้น 80 เปอร์เซ็นต์ด้าน “หงส์” น้องของเสกยังไม่ยื่นฟ้อง “กานต์” เพราะเห็นแก่หลาน เผยเห็น “อ้อม” เป็นคนในครอบครัวเพราะดูแลเสกทุกอย่างแม้กระทั่งซักกางเกงใน
หลังจากที่รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขเข้าเยี่ยมอาการเสกไปแล้ว วานนี้(24/ม.ค./55) ปปส.ก็เข้าเยี่ยมอาการเสกเพื่อจะขอสอบปากคำ แต่ “อุดม โปร่งฟ้า" ทนายความของเสก และ “นายแพทย์อังกรู ภัทรากร” รอง ผอ.สถาบันธัญญารักษ์ ได้ขอเลื่อนการสอบปากคำไปอีก 30 วันเพราะเสกยังบำบัดและอยู่ในภาวะสมองพึ่งฟื้นตัวคงไม่สะดวกในการสอบปากคำ นอกจากนั้นแล้ววันนี้ครอบครัวของเสกก็ยังอนุญาติให้ถ่ายคลิปเสกขณะกำลังร้องเพลงออกมาเผยแพร่ให้แฟนคลับได้ทราบข่าวคราวความเคลื่อนไหวว่า ขณะนี้เสกอาการดีขึ้นแล้ว
อย่างไรก็ตามภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ป.ป.ส.ได้เดินทางกลับไปแล้ว ทนายของเสกรวมถึงนายแพทย์อังกรูก็ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงอาการล่าสุดของเสกว่ามีอาการดีขึ้นมาก และวันนี้เสกได้เปิดเผยรายชื่อของผู้ค้าและบุคคลใกล้ชิดที่ติดยาเสพติดให้ทราบ และอยากจะออกมาบอกเรื่องนี้กับทุกคนรวมไปถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ทราบ แต่ทนายของเสกไม่ยินยอม เพราะไม่อยากให้สร้างศัตรู ปล่อยให้เจ้าหน้าที่เป็นผู้สืบสวนเองจะดีกว่า โดยนายแพทย์อังกรูได้เปิดเผยถึงอาการเสกว่า.....
“วันนี้ไม่ถือว่าเป็นการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ พอดีว่าทางปปส.ได้ติดต่อมาที่สถาบันเพื่อจะขอทราบอาการของเสก เสกได้เข้ารักษาตัวตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม ตอนนี้ก็วันที่ 24 มกราคม ก็เป็นเวลาเกือบ 1 เดือนแล้ว การวินิจฉัยของโรคก็คือเป็นลักษณะของอารมณ์แปรปรวนเป็นสองขั้น มีการไปใช้สารเสพติดทำให้มีอาการขึ้นๆ ลงๆ ของอารมณ์ และเกิดอาการหวาดระแวง ซึ่งตรงนี้ในช่วงแรกที่เราได้ให้การรักษาบำบัดด้วยยา ก็ต้องยอมรับว่าตอนแรกคิดว่าจะดูแลได้โดยง่ายอาจจะใช้ระยะเวลาสั้น ปรากฏว่าต้องใช้ระยะเวลายาวนิดนึง เพราะมีความซับซ้อนด้านอาการและการตอบสนองเกี่ยวกับยา”
“แต่ก็เป็นที่น่าดีใจครับ มาถึงวันนี้ก็เรียกได้ว่า คนไข้ได้ผ่านพ้นจุดที่เรียกว่าวิกฤติ ความรุนแรงจากยาเสพติดความรุนแรงจากสภาพอารมณ์ที่แปรปรวนสวิงขึ้นลงขณะนี้เขาอยู่ในภาวะที่ควบคุมตัวเองได้ดีมาก เมื่อวานนี้ก็เตะฟุตบอลได้ และก็แต่งเพลงได้มากกว่า 10 เพลง”
“แผนบำบัดในการรักษาของเราต่อหลังจากที่เราถอนพิษยาแล้วก็คงเข้าสู่ระยะฟื้นฟูสมรรถภาพ คณะทีมแพทย์ก็ได้คุยกันแล้วว่าอาจจะให้คนนอกที่เป็นลูกน้องเขามาพูดคุยกับเขาในการทำเพลงทำงานของเขา เพื่อที่จะได้ดูว่าเขามีปฏิสัมพันธ์กับลูกน้องหรือผู้อื่นอย่างไร และก็มีการทำกลุ่มบำบัดกับผู้ป่วยอื่นๆ ในตึก คือมีทั้งบำบัดเดี่ยวและบำบัดร่วมกับผู้อื่นเป็นกลุ่มบำบัด และก็ได้ออกกำลังกาย”
“และถ้าทำได้ดีมากขึ้น ระยะเวลาต่อไปก็คือ อาจจะให้ผู้ป่วยได้ไปสัมผัสชีวิตภายนอกในช่วงเวลากลางวันแต่กลางคืนมาค้างที่สถาบันซักระยะหนึ่ง และก็ต้องมีการวางแผนในการจำหน่าย หมายความว่าต้องเตรียมพร้อมทางด้านครอบครัวและการทำงาน ถ้าออกไปแล้วเราต้องติดตามชีวิตของป่วยว่าจะทำยังไงไม่ให้กลับไปเสพซ้ำ ซึ่งตรงนี้คงต้องใช้ระยะเวลาเพิ่มเติมก็จะขอเพิ่มอีก 2 สัปดาห์หรืออาจจะ 1 เดือน และเราต้องติดตามการรักษาของเขาหลังจำหน่าย 1 ปีเฉลี่ยเดือนละ 1 ครั้งเขาต้องมาพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและดูพฤติกรรมสอบถามอาการต่างๆ”
“สำหรับเรื่องสมองที่เป็นห่วงว่าสารเสพติดจะไปทำลายสมองเขานั้น ผมจะเรียนอย่างนี้ครับ ถ้าเป็นในเด็กสารเสพติดจะไปทำลายสมองมากกว่า แต่ในผู้ใหญ่จะมีการทำลายบ้างแต่เมื่อเขาหยุดเสพเมื่อไหร่ก็จะมีการฟื้นฟูจากสมองทันที ซึ่งจากการประเมินของผมสำหรับผู้ป่วยรายนี้สามารถฟื้นฟูสมองมาได้ใกล้เคียงกับปกติครับ จะร้อยเปอร์เซ็นต์ไหมตอนนี้มันยังไม่ถึงวันที่สิ้นสุดการรักษาแต่เขาดีขึ้นทุกวัน ตอนนี้ก็ประมาณ 80 เปอร์เซ็นต์แล้ว แต่ก็ต้องอาศัยสังคมช่วยได้ ถ้าเขาไม่เครียดวิตกกังวล ไม่ไปดื่มแอลกอฮอล์ หรือได้พักผ่อนมากขึ้นตรงนี้จะมีส่วนเสริม”
ส่วนเรื่องที่ “กานต์ วิภากร” อดีตภรรยาของ “เสก” กล่าวอ้างว่า แพทย์ในสถานบำบัดบอกว่า เสกมีความเป็นห่วงเรื่องทรัพย์สินเพราะมีทรัพย์สินหายไปนั้น “นายแพทย์อังกรู” บอกว่า เรื่องที่เสกพูดอาจอยู่ในภาวะหวาดระแวง ซึ่งข้อมูลตรงนั้นอาจใช่หรือไม่ใช่เรื่องจริงก็เป็นได้
“ตรงนี้ผมก็ไม่อยากก้าวล่วงเกินส่วนที่รักษา แต่ผมก็ไม่อยากให้เสกครุ่นคิดอยากจะให้เขามีสมาธิกับตนเอง เพราะบางทีความคิดบางอย่างตอนที่เสกไม่สบาย มันอาจจะไม่ใช่ความคิดที่ออกมาจากข้อเท็จจริง มันอาจจะเป็นเรื่องของความระแวงหรือเขาซึมเศร้าเบิกบานผิดปกติ มันจะทำให้ความคิดตรงนั้นไม่ใช่ข้อเท็จจริงที่สมบรูณ์ เพราะฉะนั้นผมก็อยากจะเรียนว่า (แปลว่าสิ่งที่เสกบอกกานต์เรื่องทรัพย์สินหายอาจไม่ใช่เรื่องจริง) คือมันก็เป็นได้ทั้งสองประการครับ”
สำหรับความคืบหน้าคดียาเสพติดของ “เสก” นั้น “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายความของเสกได้เปิดเผยว่า วันนี้เสกได้พูดถึงชี่อคนที่ค้ายาและผู้ใกล้ชิดที่เสพยา
“วันนี้ทางปปส.ได้เข้าเยี่ยมพบเสกแต่เขาขอไม่ให้ข่าว ที่ผ่านมาเราได้เลื่อนการเข้าพบปปส.มาจนถึงวันที่ 29 มกราคมเพราะเสกยังรักษาตัวไม่หาย ซึ่งปปส.ก็ได้รับทราบอาการเสกจากคุณหมอแล้วก็คงจะอนุญาตให้เราเลื่อนเข้าพบไปได้ 30 วันนี้ทางปปส.เขาอยากจะทราบผลว่าติดยาอะไรยังไง ก็คงต้องรอให้เสกพร้อมจริงๆ ถึงจะไปสอบปากคำ”
“เรื่องทรัพย์สินของเสกผมอยากจะบอกพี่น้องประชาชนและแฟนคลับของเสกว่า ไม่ต้องเป็นห่วงครับไม่เกิน 1 เดือนเสกหายเป็นปกติเขาจะออกไปเคลียร์ของเขาเองแน่นอน สำหรับแฟนเพลงที่อยากจะมาเยี่ยมเสกตอนนี้ก็รอให้เขาพร้อมก่อน เขาพร้อมเมื่อไหร่จะเปิดให้เข้าเยี่ยมอย่างแน่นอน แต่ถ้ามาแล้วทุกคนต้องคลีนต้องสะอาดต้องมีการตรวจ เพราะข่าวที่ออกไปคือคนที่ใกล้ชิดเสกทั้งนั้นที่มีส่วนร่วมทำให้เสกติดยา ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามความเคลื่อนไหว ก็ฝากไปด้วยว่า เลิกได้ก็เลิกซะอนาคตยังมีอยู่ตราบใดที่ยังไม่ถูกจับยังเป็นคนดีได้อยู่”
“คือการที่เสกติดยาเนี่ย เป็นผลสืบเนื่องมาจากคนใกล้ชิดทั้งนั้น อันนี้เป็นข้อมูลมาจากเชิงลึก อันนี้คือสิ่งที่เราคุยกับทางเสกและเราก็ไม่อยากให้ข้อมูลอะไรมากกว่านี้ ก็อยากจะฝากเตือนไปมากกว่า อันนี้ตำรวจเขาก็ต้องตรวจสอบอยู่แล้วว่าใครเป็นคนเอายามาให้ ใครเป็นคนมาขาย รับยามาจากไหน ซึ่งเท่าที่ผมได้พูดคุยก็คิดว่าไม่น่าจะขยายความไปถึงคนอื่น เอาแค่ยุติให้มันยุติ ก็อยากจะฝากเตือนไปยังคนนั้นให้ยุติซะเลิกค้าเลิกขายให้กลับตัวเป็นพลเมืองดี”
“เมื่อกี้ก็ได้สอบถามเสกต่อหน้าท่านรองผู้การ เสกเขาก็บอกว่าจะพูดถึงคนโน้นคนนี้ แต่ผมก็บอกไม่ต้องแล้วพอ ส่วนเรื่องการสืบสวนมันก็ต้องสาวไปถึงต้นตอ แต่ตรงนั้นเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ทางเราไม่มีหน้าที่จะไปให้ข้อมูลคิดว่าน่าจะบอกช้ำเพียงพอ ก็คงจะไม่ให้ข้อมูลกับสื่อและตำรวจครับ”
“ตอนนี้ที่เราห่วงตอนนี้ก็คือห่วงเสกเวลาที่ออกไปอยู่ข้างนอก เรากลัวว่าเพื่อนคนค้าคนขายจะเข้ามาใกล้ชิดกับเสกอีก ส่วนจะเป็นคนในวงการบันเทิงหรือเปล่าขออนุญาตไม่บอกก็แล้วกัน ก็เอาเป็นว่าผมฝากเตือนไปยังผู้ค้าผู้ขายที่ดำเนินการให้กับเสกขอให้หยุดซะ”
ถึงแม้ทาง “เสก” จะไม่ให้ข้อมูล แต่ “พ.ต.อ. ประสพโชค พร้อมมูล” รองผบก.ป ก็ยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการสืบสวนหาข้อมูล
“ทุกหน่วยไม่ว่าจะเป็นตำรวจท้องที่หรือปปส.เองทุกหน่วยก็มีหน้าที่ในการไปสืบสวนสอบสวน มันไม่ได้หมายความว่าการที่ใครไม่ให้ข้อมูลจะทำให้เราไม่ให้ข้อมูลคงไม่ใช่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะไม่ให้ข้อมูล แต่ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะไปสืบสวนสอบสวนว่าใครเป็นผู้ขายผู้จำหน่ายยามันมาจากไหน”
ทนาย “การที่เราไม่บอกไม่ใช่ว่าไม่อยากให้ข้อมูล แต่ที่ไม่บอกเพราะว่า เราไม่อยากไปสร้างศัตรู เราไม่อยากไปสร้างกรรม และถ้าเราไปให้ข้อมูลส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนที่รู้จักและคุ้นเคยกัน ฉะนั้นก็ขอให้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองไปสืบสวนหาข้อเท็จจริง”
ส่วนกรณีที่ “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายความเสกเปิดเผยว่า แพทย์สถาบันธัญญารักษ์เป็นผู้ถ่ายคลิปเสกเพื่อยืนยันว่าเสกยังรักษาตัวอยู่ที่สถาบันนั้น “นายแพทย์อังกรู” บอกว่าเป็นการถ่ายเพื่อยืนยันว่าเสกยังรักษาตัวอยู่และกล่าวขอโทษที่มีภาพเสกขณะไม่แข็งแรงเท่าที่ควรเผยแพร่ออกไป
“เจตนาที่ทำคลิปออกไปเพื่อที่ต้องการจะสื่อสารว่า เสกกำลังอยู่ในการบำบัดรักษากับเราไม่ได้มีเจตนาที่ไม่ดีอื่นใด แต่บังเอิญมีคนติงว่า คุณเสกไม่แข็งแรงเท่าที่ควรไม่น่าจะเอาคลิปมาออก อันนี้ผมก็คงต้องขอโทษแฟนคลับทุกคนผู้ที่มองเห็น ผมก็ยอมรับผิดสำหรับตรงนั้น จะไปบอกว่า เอ๊ะเป็นเพราะว่าเขาป่วยถึงต้องเป็นแบบนี้คงไม่ใช่ เอาเป็นว่าเจตนาดีของเราอยากให้รู้ว่า เขาอยู่และกำลังมารักษากับทางสถาบัน เพราะตอนนั้นมีกระแสว่าเสกไม่ได้มารักษาจริง เราก็อยากสื่อสารเรื่องนี้”
ด้านทนายของเสกวอนอย่าไปโทษหมอที่ถ่ายคลิปเพราะครอบครัวเสกอนุญาติให้ถ่าย
“อย่าไปโทษหมอเลยครับ การถ่ายคลิปครั้งนั้นเพื่อยืนยันว่าเสกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ซึ่งทางครอบครัวเสกก็ยินดีให้ถ่าย ทุกคนเหนื่อยกับเรื่องนี้จริงๆ คุณหมอนี่ถือว่าเป็นคนมาช่วยเหลือพวกเราในขณะที่พวกเราทุกข์ ถ้าเราไม่ได้คุณหมออังกรูก็ไม่รู้ว่าคนของเราจะอยู่ที่ไหน ทุกวันนี้ทางโรงพยาบาลธัญญารักษ์เจ้าหน้าที่ทุกคนต้องมานั่งรับกรรมจากเรื่องที่ผมเล่ามา บางคนกำลังจะถูกโยกมาตำแหน่งโน้นตำแหน่งนี้ ก็เหมือนกับเราไปทำกรรมกับเขา และก็ฝากข่าวดีไปด้วยนะครับ เสกไม่ได้เลิกยาเฉพาะยา เหล้าก็เลิก บุหรี่ก็เลิก นี่คือผลจากธัญญารักษ์ครับ”
วันก่อนให้สัมภาษณ์ว่า เคลียร์กับรัฐมนตรีเรื่องแพทย์ถ่ายคลิปเสกเรียบร้อยแล้ว แต่วันนี้บอกอาจมีเจ้าหน้าที่สถานบำบัดโดนโยกย้าย เรื่องนี้ทนายความของเสกกล่าวว่า....
“วันนั้นผมได้บอกกับรัฐมนตรีช่วย ต่อพงษ์ ไชยสาสน์ และผู้ช่วยรัฐมนตรีท่านก็ค่อนข้างสนิทกับผม ผมก็เลยกราบเรียนข้อเท็จจริงให้ท่านทราบ จริงๆ ไม่ใช่เรื่องของโรงพยาบาลแต่เป็นเรื่องของทางผม จริงๆ ผมไม่ได้เจ๋งแต่เป็นเพราะอยู่เพื่อไทยก็บอกตรงๆ ก็เป็นทนายของมูลนิธิบ้านเลขที่ 111 ก็ต้องเรียนผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยู่ประจำกระทรวงนั้น และก็กราบเรียนท่านอธิบดีกรมการแพทย์ก็ไปเรียนให้ทราบข้อเท็จจริง เราไม่อยากให้คนที่มีบุญคุณกับพวกเราช่วยเหลือพวกเราต้องมารับเคราะห์เพราะเรื่องพวกนี้”
ด้าน “หงส์ ฑยุตา ศุขพิมาย” ได้เปิดเผยถึงอาการของเสก และตัดสินใจยังไม่ยื่นฟ้อง “กานต์” เพราะเห็นแก่หลาน
“ตอนนี้พี่เสกดีขึ้นเยอะเลยค่ะนั่งเล่นคีย์บอร์ดอารมณ์ดี แม่ก็ทำอาหารไปเยี่ยมทุกวันลาบปูนา เสาร์อาทิตย์ไม่ได้ไปเยี่ยมจะกลับบ้านไปหาเสบียง วันนี้เขาบ่นอยากกินขนมจีนเดี๋ยวคงไปหามาให้เขา สำหรับเรื่องการฟ้องกานต์จริงๆ เราก็อยากอยู่เงียบๆ คนเดียวเหมือนเมื่อก่อนไม่เห็นมีใครสนใจว่าเราเป็นน้องเสก โลโซ”
“สำหรับข่าวที่เขาแถลง(กานต์) ไม่ได้ดูแต่ก็มีคนบอกแต่ไม่ดูดีกว่า ถ้าดูแล้วรู้สึกไม่ดีก็ไม่ดูดีกว่า(กานต์พูดเหมือนค่อนข้างน้อยใจที่หงส์บอกอ้อมเป็นคนในครอบครัว) ก็เขาเป็นจริงๆ น่ะ เขาช่วยดูแลทุกอย่าง เขาช่วยพี่ชายเราซักแม้แต่กางเกงในของพี่เสก กับสิ่งที่เขาตอบกลับมาก็ไม่รู้ว่ามันแรงหรือไม่แรงเพราะเราไม่สนใจ เราสนใจแค่จะเดินหน้าดูแลพี่ชายให้ดีที่สุดไม่อยากจะสนใจเขา ที่ตัดสินใจยังไม่ฟ้องเพราะเห็นกับพี่เสกและก็เห็นกับหลานด้วย ถ้าเขาเห็นว่าเราเป็นคนในครอบครัวจริงๆ ก็น่าจะหยุดได้แล้ว เพราะเราหยุดแล้ว”
ทนายความประกาศ ถ้าเงินเสกหายไม่ว่าจะจำนวนเท่าไหร่จะชดใช้ให้ทั้งหมด.....
“วันนี้ไม่ได้ถือว่าเป็นการแถลงข่าว พอดีว่าปปส.จะมาก็เลยแจ้งเพื่อให้ทราบว่า เรื่องคดีตำรวจก็ยังติดตามอยู่นะ ส่วนเรื่องทรัพย์สินของเสกต่างๆ วันนี้ไม่ตอบก็คงต้องรอให้เสกหายก่อนเขาจะได้มาจัดการเอง ส่วนทรัพย์สินเขาจะหายเท่าไหร่ หายกี่ล้าน หายตั้งแต่วันที่ 30 จนถึงวันที่เขาออกเนี่ยนะครับ และหายกี่บาท ในฐานะที่ผมเป็นเหมือนพี่ชายคนโตของครอบครัวและเป็นทนายความของครอบครัวเขา และมีส่วนร่วมในหนังสือมอบอำนาจ ผมบอกเลยว่า ผมจะคืนให้ทุกบาททุกสตางค์ผมจะคืนให้เอง ไม่ได้รวยครับแต่มี ( 3 ล้านที่กานต์บอกว่าหายนี่เบาๆ ใช่ไหม) คดีเดียวก็ได้แล้ว”(หัวเราะ)
คลิปอาการของเสกล่าสุดที่ทีมทนายความของเสกเป็นผู้โพสต์ไว้ในยูทูป