“อุดม โปร่งฟ้า” ทนายความของ “เสก โลโซ” ประกาศฟ้อง “กานต์” อดีตภรรยาเสกฐานหมิ่นประมาทกรณีเปิดแถลงข่าวว่าใบมอบอำนาจฉบับที่ทนายถืออยู่เสกเขียนขณะเมายาไอซ์ เรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน พร้อมเผยเคลียร์เรื่องหมอถ่ายคลิปกับอธิบดีกรมการแพทย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ “กานต์ วิภากร” อดีตภรรยาของ “เสก โลโซ” เสกสรร ศุขพิมาย ได้เปิดแถลงไปเมื่อวันที่ 12 มกราคมที่ผ่านมาถึงปัญหาทรัพย์สินของเสกที่อยู่ภายใต้การดูแลของ “อุดม โปร่งฟ้า” ทนายความของเสก และ “หงส์ ฑยุตา ศุขพิมาย” น้องสาวของเสก และได้โชว์ใบมอบอำนาจฉบับใหม่ที่กานต์ระบุว่า เสกได้ทำขึ้นมาใหม่เพื่อยกเลิกหนังสือมอบอำนาจการดูทรัพย์สินฉบับเก่าที่ให้ทนายกับน้องสาวดูแล้ว เพราะข้องใจว่าเงินในบัญชีได้หายไปไหน 3 ล้าน จึงอยากจะเรียกทรัพย์สินกลับมาดูแลเอง
ล่าสุดวานนี้(19/ม.ค/55) อุดม โปร่งฟ้า ทนายความของเสก โลโซ ก็ได้ไปยื่นฟ้องกานต์ในข้อหาหมิ่นประมาทเรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน พร้อมทั้งฟ้องกรณีกานต์ผิดพรบ.คอมพิวเตอร์เผยแพร่ข้อมูลที่ทำให้เสียหายผ่านเฟซบุค และได้เปิดเผยถึงเรื่องที่หมอที่สถาบันธัญญารักษ์เป็นผู้ถ่ายคลิปเสกเผยแพร่ว่า ขณะนี้ได้เคลียร์กับอธิบดีกรมการแพทย์และรัฐมนตรีว่าการสาธารณสุขเรียบร้อยแล้ว
“เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ผ่านมาที่ผมและครอบครัวศุขพิมายได้เปิดแถลงข่าว ผมก็ได้ฝากบอกไปยังคุณกานต์แล้ว่าให้เขาหยุดพูดหรือโพสต์ข้อควาที่ทำให้ผมและครอบครัวศุขพิมายเสียหาย ไม่งั้นผมจะฟ้องหมิ่นประมาท แต่เขาก็ยังไม่หยุดไปออกข่าวกับสื่อโน้นสื่อนี้ เราก็ต้องปกป้องสิทธิของเรา วันนี้ก็เลยฟ้องไปสองกรรม”
“คือนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ข้อความที่เขาได้โพสต์ในอินเตอร์เน็ตมันทำให้ผมเสียหาย ซึ่งมันผิดตามมาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และฟ้องหมิ่นประมาทที่เขาไปเผยแพร่ให้สัมภาษณ์ทำให้ผมเสียหายตามมาตรา 326 และ 328 เขาได้หมิ่นผมในวันที่ 6 มกราคมที่เขาได้โพสต์ข้อความ และวันที่ 10 มกราคม รวมไปถึงวันที่ 12 มกราคมที่เขาได้แถลงข่าวบอกว่า ใบมอบอำนาจฉบับที่ผมกับหงส์ถือนั้นเสกเขียนขณะใช้ยาไอซ์ โดยผมเรียกค่าเสียหาย 20 ล้าน โดยศาลนัดวันที่ 5 มีนาคม 9 โมงเช้า”
“ถามว่าทำไมผมถึงต้องเรียก 20 ล้าน เพราะผมทำอาชีพอะไร ไปค้นข้อมูลชื่อผมในกูเกิ้ลได้ผมได้เคยว่าความให้กับใครบ้าง ผมเป็นที่ปรึกษาผมเป็นทนายการที่เขาหมิ่นประมาทผมทำให้ผมเสียหายต่ออาชีพ อย่างสมมติถ้าผมเป็นหมอแล้วมีคนมาบอกว่าผมรักษาไม่ดีต่อไปจะมีใครมารักษากับผมไหม ก็เช่นกันผมเป็นทนายเขามาพูดแบบนี้ต่อไปจะมีคนมาว่าความกับผมไหม ผมรับว่าความบางคดี 10 ล้านขึ้นไป เรียก 20 ล้านบางคนยังบอกน้อยเกินไปด้วยซ้ำ”
“กับสิ่งที่กานต์พูดเมื่อวันแถลงข่าวจริงๆ แล้วผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาพูดแต่ผมอยากให้เขาหยุด ไม่อยากจะมาเครียดกับเรื่องแบบนี้ เสกก็เหมือนน้องของผมคนหนึ่ง ผมไม่อยากให้มาต่อล้อต่อเถียงกันเรื่องนี้เพราะมันไม่มีอะไรดีขึ้น เสกไม่ได้ล้มหายตายจากเดี๋ยวเขาก็กลับมาใช้สมบัติของเขา บัญชีของเสกไม่มีใครไปเบิกได้หรอก”
“เขาออกมาก็ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ปากก็บอกว่าปกป้องทรัพย์สินของเสก แม่กับน้องเขาก็ดูแลอยู่แล้ว กานต์ก็จดทะเบียนหย่าไปแล้วเป็นคนอื่นไปแล้ว ค่าหย่าก็ได้รับไปแล้วเป็นเงินสด (กานต์ได้รับค่าหย่าเท่าไหร่ 70 ล้านจริงหรือเปล่า)อย่าถามผมว่าเป็นเงินเท่าไหร่ ผมไม่ได้เห็นกับตาไม่อยากจะพูดถึงเรื่องนี้ แต่ค่อนข้างมากอยู่ และเมื่อเขาได้รับไปแล้วเขายังจะมาห่วงอะไรทรัพย์สินของคนอื่น ถ้าบอกว่าทำเพื่อลูกเสกเขาก็ได้ฝากเงินให้ลูกๆ แล้ว เป็นบัญชีที่มีชื่อกานต์กับเสกร่วมกันให้กับลูกคนละไม่ต่ำกว่า 10 ล้าน”
ส่วนใบมอบอำนาจฉบับใหม่ที่ “กานต์” อ้างว่า “เสก” ได้ทำขึ้นมาเมื่อใหม่เมื่อวันที่ 5 มกราคมเพื่อที่ต้องการจะยกเลิกใบมอบอำนาจฉบับเก่าที่ให้ทนายกับน้องสาวเป็นผู้ดูแลทรัพย์สิน เปลี่ยนมาให้เสกดูแลสมบัติด้วยตัวเองทั้งหมดนั้น เรื่องนี้ทนายอุดมกล่าวว่า....
“ข้อเท็จจริงตรงนี้คงต้องไปถามคุณหมอ แต่ใบมอบอำนาจที่เสกทำขึ้นเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมเป็นการทำก่อนจะเข้าทำการบำบัดเสกมีสติครบ แต่ฉบับวันที่ 5 มกราคมนั้นปลอมไม่ปลอมผมตอบไม่ได้ต้องให้หมอเป็นคนบอก แต่ผมอยากจะบอกว่าถ้าเสกอยากจะยกเลิกใบมอบอำนาจฉบับวันที่ 27 เขาสามารถบอกผมได้เลย เพราะในหนึ่งสัปดาห์ผมไปเยี่ยมเขา 2 วัน ถ้าเขาบอกว่าผมจะฉีกทิ้งเลย เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งจะเอากระดูกมาแขวนคอทำไม”
“การที่เขาไปโพสต์ทางนั้นทางนี้ทำให้ผมเสียหาย ในอินเตอร์เน็ตนี่ด่าผมถ้าเป็นคุณจะทำยังไง นั่งทานข้าวอยู่ก็ยังมีคนมาถามว่าเรื่องทรัพย์สินของเสก ดังนั้นตอนนี้ผมกับครอบครัวศุขพิมายอยากให้เขาหยุดพูดและหยุดโพสต์ข้อความ เสกกำลังจะหายแล้ว รอให้เขาหายจะได้กลับมาเคลียร์ทุกอย่าง”
ในฐานะที่เป็นคนที่เสกรักและให้ความไว้วางใจทั้งคู่ พอถูกถามว่า เป็นไปได้ไหมจะมีการยอมความกันเพื่อเสก “อุดม โปร่งฟ้า” บอกขึ้นอยู่กับพฤติกรรมของ “กานต์”
“ต้องดูพฤติกรรมของทางโน้น ถ้าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องขิงก็ราข่าก็แรงก็ว่าไป ต้นเหตุที่เกิดขึ้นมันเกิดจากฝั่งไหน เราไม่ได้มีอะไร ไม่เคยกล่าวร้ายป้ายสี ผมเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เพราะเสกให้ความเคารพในฐานะพี่ก็เลยให้ผมมาดูแลคดีของกานต์กับปปส. มาบอกว่าเป็นเหลือบสูบเลือดมันใช่เหรอ ผมเสียหายเงินผมซักบาทก็ไม่ได้ มีแต่ออกเงินด้วยซ้ำ”
งานนี้ใครพูดจริง ใครโกหกคงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ แต่ที่แน่ๆ เมื่อวันที่ 11 มกราคมที่ทนายและครอบครัวของเสกได้แถลงข่าวยืนยันว่า เสกไม่ได้หนีออกจากโรงพยาบาล ในขณะที่วันถัดไป “กานต์” ได้เอาหลักฐานการเข้าออกหมู่บ้านและพบว่า เสกได้ออกจากสถานบำบัดมาที่บ้านจริง อย่างน้อยก็เป็นความจริงที่สามารถพิสูจน์ได้หนึ่งเรื่องว่ากานต์พูดจริง ทำเอาน้ำหนักคำพูดของกานต์ดูมีภาษีขึ้นมาทันที เรื่องนี้ทนายความกล่าวว่า....
“ประเด็นที่แถลงวันนั้นก็คือเรื่องที่ว่าเสกหนีการบำบัดไม่ใช่กลับบ้าน การที่เสกรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเขาอาจจะได้รับอนุญาตจากคุณหมอก็ได้ เขาไม่ได้หนี และหมอก็บอกว่าเขาไม่ได้หนีผมก็ยืนยันไปตามที่หมอบอก”
สำหรับประเด็นที่หมอสถาบันธัญญารักษ์เป็นผู้ถ่ายคลิป “เสก” ให้ทนายความเอาไปเผยแพร่เพื่อยืนยันว่าเสกได้ทำการรักษาตัวที่สถานบำบัดไม่ได้หนีไปอย่างที่เป็นข่าว จนเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสมและจรรยาบรรณแพทย์ ส่งผลให้ “วิทยา บุรณศิริ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประกาศตรวจสอบหาข้อเท็จจริงและหากผมว่าหมอเป็นคนถ่ายจริงก็จะไม่เอาไว้นั้น ทนายอุดมบอกว่า ได้เคลียร์กับรัฐมนตรีเรื่องดังกล่าวเรียบร้อยแล้ว !
“เรื่องการถ่ายคลิปเป็นเรื่องที่ทางญาติและแม่ของเสกให้ความยินยอม เราต้องถ่ายคลิปเพื่อยืนยันว่าเสกรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อให้ภาพลักษณ์ของเสกดีขึ้น เพราะถ้าข่าวไปลงว่าเขาหนีออกจากโรงพยาบาลเขาก็เหมือนตกนรกทั้งเป็น แต่ถ้าใครดูคลิปแล้วก็จะเห็นว่าเสกรักษาตัวอยูฦที่โรงพยาบาลก็เข้าใจและทำให้ภาพลักษณ์เขาดีขึ้น”
“โอเคภาพมันอาจจะไม่เหมาะสมเพราะเขายังเบลอ ก็ต้องทำใจนิดนึงเพราะเราต้องรักษาชื่อเสียงเขาไว้ ซึ่งตอนนี้ทางอธิบดีกรมการแพทย์ก็เข้าใจ และก็ได้มีการเคลียร์เรื่องนี้กับท่านรัฐมนตรีแล้วว่าญาติพี่น้องเขายินดีให้ถ่าย”
“ส่วนเรื่องที่คุณหมอเป็นคนถ่ายผมจะบอกว่า ทางโรงพยาบาลจะเป็นคนที่สามารถดูแลเสกได้ และรู้ว่าตอนไหนที่เขาพีคและไม่พีค ถ้าเกิดให้คนอื่นเอากล้องมาถ่ายแล้วเขาพีคขึ้นมาจะทำยังไง โรงพยาบาลเขาจะรู้ว่าเสกจะป่วนหรือไม่ป่วนตอนไหนให้หมอเป็นคนดูแลเรื่องนี้ก็ดีอยู่แล้ว เข้าใจว่าทำแล้วจะเกิดข้อกังขาของประชาชน แต่ถ้าคลิปเผยแพร่ออกมาแล้วคนเห็นและเชื่อว่าเสกไม่ได้หนีก็เป็นเรื่องที่ดี คนเราเป็นคนของประชาชนทำอะไรก็ต้องระมัดระวัง แต่ทำไปแล้วใช่ว่าจะไม่เครียด คนด่าก็เยอะ แต่ถ้าทำแล้วรักษาชื่อเสียงของเขาได้ก็จะต้องทำ”