xs
xsm
sm
md
lg

“โคลด์เพลย์” ไม่ค่อยร็อก แต่หรู ลึก และไม่โหล/บอน บอระเพ็ด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

โดย : บอน บอระเพ็ด (skbon109@hotmail.com)
วงโคลด์เพลย์
กว่า 10 ปี ที่โลดแล่นในยุทธจักรวงการเพลง “โคลด์เพลย์”(Coldplay) มีอัลบั้มออกมาไม่มากไม่มาย แต่เกือบทั้งหมดล้วนต่างได้รับการยอมรับว่าเป็นงานคุณภาพ จัดเป็นหัวหอกแถวหน้าของวงอัลเทอร์เนทีฟร็อกร่วมสมัย เริ่มกันตั้งแต่อัลบั้มชุดแรก “Parachutes”(ปี ค.ศ.2000) ที่เปิดตัวสร้างชื่อให้กับพวกเขาในทันที

จากนั้นโคลด์เพลย์มีผลงานสตูดิโออัลบั้มตามมาแบบไม่ถี่ ได้แก่ “A Rush of Blood to the Head”(2002), “X&Y”(2005) และ “Viva la Vida or Death and All His Friends”(2008)

ในอัลบั้มที่ 4 นี้ โคลด์เพลย์สังรังวัดไปพอตัว เมื่อ "Viva la Vida" เพลงดังของเขาถูกกล่าวหาว่าไปลอกมาจากเพลง “If I Could Fly” ของยอดมือกีตาร์ “โจ แซทริอานี” อันนำมาสู่การฟ้องร้องกัน ก่อนที่ศาลจะยกฟ้องไปในปี 2009 (โคลด์เพลย์ยังมีปัญหาในเรื่องทำนองนี้อยู่อีก 1-2 เพลง)

แม้จะเกือบโดนน็อก จากข้อครหาเรื่องลอกเพลงแต่ก็ยังไม่ถึงกับเสียศูนย์หัวทิ่มหัวตำ วันนี้โคลด์เพลย์กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้มใหม่ "Mylo Xyloto" (สังกัด Warner Music) ที่คลอดออกมาเมื่อปลายปีที่แล้ว

อัลบั้มชุดนี้โคลด์เพลย์ยังคงเหนียวแน่นกับ 4 สมาชิกชุดเดิมตั้งแต่ยุคก่อตั้ง ที่ไม่มีปัญหาเรื่องอีโก้ล้นทวารจนต้องย้ายแยกแตกสลายไปไหน นับเป็นข้อดีของวงที่ทำให้พวกเขาเล่นเปรียบดังวัวเคยขาม้าเคยขี่ มองตาก็เล่นดนตรีรู้ใจกัน โดยสมาชิก 4 พะหน่อ ของโคล์เพลย์ ได้แก่ คริสต์ มาร์ติน(Chris Martin) : ร้องนำ-คีย์บอร์ด-เปียโน-กีตาร์, จอนนี่ บั๊คแลนด์(Jonny Buckland) : กีตาร์ลีด-ร้องประสาน, กาย เบอร์รี่แมน(Guy Berryman) : เบส-ร้องประสาน, วิลล์ แชมป์เปี้ยน(Will Champion) : กลอง-เพอร์คัสชั่น -ร้องประสาน โดยการโปรดิวซ์ของ มาร์คัส ดราฟส์(Markus Dravs),แดเนียล กรีน(Danaiel Green) และ ริค ซิมพ์สัน(Rik Simpson) ร่วมด้วย ไบรอัน อีโน ที่เป็นดังสมาชิกคนที่ 5 ของวง(กลายๆ)ผู้คุ้นเคยกันมาตั้งแต่ชุดที่แล้ว
ปกหน้า Mylo Xyloto
Mylo Xyloto เป็นสตูดิโออัลบั้มชุดที่ 5 ของวง เป็นอัลบั้มที่มีความแรงแบบวูบวาบ เพราะเพียงแค่ออกวางจำหน่ายในสัปดาห์แรก(พ.ย.11) ก็สามารถทำยอดขายได้ถล่มทลาย กวาดไป 447,000 แผ่น ทำสถิติเป็นอัลบั้มที่ 3 ของโคลด์เพลย์ที่ขึ้นถึงอันดับ 1 ของบิลบอร์ดชาร์ต และเป็นอัลบั้มที่ทำยอดขายที่มากที่สุดเป็นอันดับ 3 ของปีแล้ว

แต่หลังจากนั้น Mylo Xyloto ก็ตกรูดลงมาก่อนจะหลุดหายจากวงโคจรท็อปเทนไป จนกระทั่งเมื่อช่วงปีใหม่อัลบั้มนี้ได้หวนกลับคืนสู่ท็อปเทนบิลบอร์ดชาร์ตอีกครั้ง และกำลังลุ้นกับการไต่อันดับครั้งใหม่ว่าจะขึ้นสูงสุดไปได้ถึงแค่ไหน

Mylo Xyloto มีทั้งหมด 14 แทรค แบ่งเป็น 11 บทเพลง กับ 3 อินเทอร์ลูด เพลงทั้งหมดควรฟังแบบเชื่อมต่อกันไปตั้งแต่แทรคแรกจนจบ เพราะเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่ทางวงต้องการนำเสนอ และบางเพลงก็มีความเกี่ยวเนื่องกัน

อัลบั้มนี้เปิดตัวกันด้วยพรีลูดสั้นๆ 43 วินาทีในแทรคชื่อเดียวกับอัลบั้ม กันด้วยเสียงคีย์บอร์ดซาวนด์ล่องลอยชวนฝันมีเสียงกระดิ่งระฆังกรุ๊งกริ๊งสอดใส่เข้ามา ก่อนตามต่อกันอย่างกลมกลืนเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกันใน “Hurts Like Heaven” กับบทเพลงโจ๊ะๆ จังหวะเต้นรำ คึกคัก กระฉับกระเฉง คริสต์ร้องแบบสบายๆในน้ำเสียงปกติของเขา ภาคดนตรีมีซาวนด์อิเล็คโทรนิคจากคีย์บอร์ดหนาๆเล่นโอบอุ้ม สอดกลืนไปกับไลน์กีตาร์อันโดดเด่น คงไว้ซึ่งลูกเล่นในแบบโคลด์เพลย์ ทั้งการตีคอร์ด การเล่นริทึ่ม รวมไปถึงลูกโซโลสั้นๆเรียบง่ายแต่ทางดีที่นานๆจะได้ฟังจากฝีมือของจอนนี่สักครั้ง

ต่อกันด้วย “Paradise” ซิงเกิ้ลที่ 2 ที่ทางวงปล่อยออกมา อินโทรขึ้นนำมาด้วยซาวนด์ล่องลอยแล้วต่อด้วยเสียงสวยๆของเครื่องสาย ก่อนส่งเข้าเพลงแบบป็อบๆกับกรู้ฟที่ติดหู มีเสียงเปียโนใสๆเล่นนำคู่ไปกับไลน์เครื่องสายอันหนาแน่นที่เติมเข้ามาช่วยอุ้มหนุนให้บทเพลงฟังอลังการมากขึ้น พร้อมๆกับการค่อยๆเพิ่มดีกรีของเพลงให้เข้มและซับซ้อนขึ้น

“Charlie Brown”(แทรค 4) อินโทรขึ้นมาด้วยเสียงประหลาดลึกลับ ก่อนส่งต่อเข้าเพลงที่ค่อยๆเพิ่มรายละเอียดความซับซ้อนทางดนตรีมากขึ้น เพลงนี้คริสต์โชว์พลังเสียงสูงโหยหวนแต่ไม่แหกปาก ก่อนที่ช่วงท้ายของเพลงเขาจะส่งเสียงเปียโนหวานๆมาเปลี่ยนอารมณ์ เพื่อนำส่งเข้าสู่ “Us Against The World” บทเพลงช้าฟังล่องลอย มีกีตาร์อะคูสติกเล่นคุมไปตลอด

ถัดมาเป็นแทรคฃอินเทอร์ลูด “M.M.I.X” นำส่งเข้าสู่ “Every Teardrop Is A Waterfall” บทเพลงชื่อแสนเศร้าแต่ภาคดนตรีกับฟังสนุก และให้อารมณ์ความรู้สึกอัลเทอร์แบบโคลด์เพลย์มากที่สุดในอัลบั้ม เพลงนี้นอกจากจะเป็นซิงเกิ้ลแรก ซิงเกิ้ลเด่น ซิงเกิ้ลฮิตของวงแล้ว ยังเป็นเพลงที่ได้เข้าชิงรางวัลแกรมมี่ 2012 ในสาขาเพลงร็อกยอดเยี่ยมอีกด้วย

จากนั้นมันไปกับเพลง “Major Minus” ที่ท้ายเพลงจัดซาวนด์อิเลคโทรนิคแปลกๆใส่เข้ามา ต่อด้วย “U.F.O.” เพลงเพราะๆช้าๆกับซุ่มเสียงแบบอะคูสติกที่มีไลน์เครื่องสายหนาๆเล่นโอบอุ้ม
ปกหลัง Mylo Xyloto
ฉีกอารมณ์แบบโคลด์เพลย์มาสนุกกับ “Princess Of China” ในลีลาป็อบแดนซ์ใส่ซาวนด์อิเลคโทรนิคมาแบบจัดเต็ม แถมยังได้แม่เสือสาวเซ็กซี่ รีฮันน่า มาร่วมร้องเติมแต่งสีสัน ฟังเพลงนี้แล้วแฟนโคลด์เพลย์หลายคนคงแอบเคืองวงโปรดของเขาไม่น้อยเลย ส่วนถ้าใครไม่เคยฟังเพลงของโคลด์เพลย์มาก่อน คงจะนึกไม่ออกว่าวงนี้มันเป็นร็อกแบนด์โด่งดังได้อย่างไร

“Up In Flames” เป็นป็อบช้าเนิบต่ออารมณ์แบบป็อบๆจากเพลงที่แล้ว ต่อกันด้วยแทรค “A Hopeful Transmission” อินเทอร์ลูดสั้นๆ ส่งเข้าสู่อารมณ์ร็อกสนุกๆเรียกอารมณ์แบบโคลด์เพลย์กลับคืนมาใน “Don't Let It Break Your Heart”

แล้วก็มาถึงเพลงสุดท้าย “Up With The Birds” บทเพลงร็อกเบาๆจังหวะปานกลางที่ภาคดนตรีค่อยๆเพิ่มดีกรีความเข้มขึ้น เป็นการปิดท้ายอัลบั้ม Mylo Xyloto ที่ใครเห็นชื่ออัลบั้มแล้วก็ไม่ต้องสงสัยให้ปวดหมองว่า Mylo Xyloto มันหมายถึงอะไร? เพราะแม้แต่ คริสต์ มาร์ติน คนตั้งชื่ออัลบั้ม ก็ยังให้ความหมายของคำว่า Mylo Xyloto ไม่ได้เลย แต่เขาก็พลิ้วใช้ได้ บอกว่าคำๆนี้แม้ไม่มีความหมาย แต่มันก็เหมาะกับสไตล์ใหม่ ลายเซ็นใหม่ของวง

งานนี้แม้คริสต์จะไม่ได้ให้ความกระจ่างว่าลายเซ็นใหม่ของวงคืออะไร แต่ใครที่เพลงในอัลบั้มใหม่นี้ก็คงจะสัมผัสได้ในสิ่งที่น่าจะเรียกว่าเป็นลายเซ็นใหม่ของพวกเขา เพราะโคลด์เพลย์ได้ฉีกหนีความเป็นร็อกแบบจัดเต็มในชุดที่แล้ว มาสู่คอนเซ็ปต์อัลบั้มที่ความเป็นร็อกถูกจับโยนทิ้งไปมากพอตัว แล้วแทนที่ด้วยสรรพเสียงใหม่ๆ(ของวง)ในแนวทางของเพลงป็อบ แดนซ์ อะคูสติก รวมไปถึงโปรเกรสซีพ ที่ภาคดนตรีอุดมไปด้วยเสียงสังเคราะห์ ซาวนด์อีเลคโทรนิค เอฟเฟคต์ และไลน์เครื่องสายแน่นๆ พร้อมๆกับการเน้นในรายละเอียด ประณีต ฟังหรูหรา ลุ่มลึก ซับซ้อน แต่ไม่ซ่อนเงื่อน เพราะตัวเพลงของพวกเขาฟังแล้วไม่ยากต่อการเข้าถึง อีกทั้งยังไม่ต้องตีความให้ปวดขมองเหมือนกับชื่ออัลบั้ม

อย่างไรก็ดีบนลายเซ็นใหม่ของพวกเขาที่ใครบางคนฟังแล้วอาจไม่สบอารมณ์ในความไม่จี๊ดและความมันเร้าใจที่ลดหายไป แต่สุดท้ายแล้วเมื่ออ่านออกมามันก็ยังเป็น“โคลด์เพลย์”อยู่ดี
*****************************************

แกะกล่อง

ศิลปิน : รวมศิลปิน
อัลบั้ม : Red Sax Midnight Café(Jazz,Sax and Love)

อัลบั้มบรรเลงแซ็กโซโฟนในสังกัด Hitman Jazz ที่ค่อนข้างแตกต่าง เพราะเป็นการโซโลแซ็กร่วมกับวงบิ๊กแบนด์ที่จัดเต็มมาด้วยทีมเครื่องเป่าและเครื่องสาย(ในบางเพลง) งานเพลงชุดนี้มีทั้งหมด 15 เพลง เป็นการนำบทเพลงยุค American Songbook อย่าง “The Shadow Of Your Smile”,“Amazing Grace” และบทเพลงบราซิลเลี่ยนแจ๊ซของ Antonio Carlos Jobim เช่น “Corcovado”, “Dindi” มานำเสนอในสไตล์ดนตรีที่หลากหลาย ทั้งสวิง บอสซาโนว่า บราซิลเลี่ยน สแตนดาร์ดแจ๊ซ ด้วยระบบบันทึกเสียงที่คมชัด โทนโดยรวมเป็นงานแนวฟังสบายอีซี่ลิสซึ่นนิ่งฟังสบายแต่ไม่น่าเบื่อ เพราะหลายเพลงมีการสอดแทรกลูกอิมโพร์ไวซ์จากวงแบ๊คอัพเข้าไปเพิ่มรสชาติแบบพองาม
*****************************************

คอนเสิร์ต

คอนเสิร์ต เสียงอุษาคเนย์ 3

วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดคอนเสิร์ต “เสียงอุษาคเนย์ ครั้งที่ 3” ในวันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม 2555 เวลา 14.00 น.

พบความสนุกสนานที่ผสมผสานดนตรีหลากหลายของอุษาคเนย์ ในการสร้างสรรค์เพลงมาเพื่อการฟัง และปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโดยไม่ทิ้งรากเหง้าเดิมเดิม เพื่อให้สอดคล้องไปกับยุคสมัย อาทิ ลาวบลูส์ แคมโฟล์ค หรือ การประชันวงระหว่าง ปี่พาทย์บ้านศาลายา กับ ปี่พาทย์บ้านพระประแดง กีต้าร์ที่จะมาเดี่ยวเพลงไทย และเดี่ยวโปงลาง ฝีมือ ต้นตระกูล แก้วหย่อง นักโปงลางรุ่นใหม่อนาคตไกลที่เพิ่งคว้าชัยการแข่งขัน Osaka International Music Competition 2011 ประเทศญี่ปุ่น ฯลฯ

สำหรับโปรแกรมเพลง ได้แก่

บรรพแรก บรรเลงรมย์ ชิมรางเปิดเวทีด้วยวงปี่พาทย์จากกองดุริยางค์ทหารเรือ/ ตบท้ายด้วยการประชันวงระหว่าง ปี่พาทย์บ้านศาลายา กับ ปี่พาทย์บ้านพระประแดง ในเพลงเชิดจีนต่อตัว ออกเดี่ยวแขกบรเทศ ๓ ชั้น ประชันฝีมือเครื่องต่อเครื่อง

บรรพสอง เดี่ยวสะท้านใจ เพลินใจกับเสียงกีต้าร์ที่จะมาเดี่ยวเพลงไทยให้คุณฟัง โดยนักกีต้าร์จาก ว.ดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล/ สำหรับท่านที่ชื่นชอบ “กู่เจิง” เครื่องดนตรีจีนยอดฮิต พบกับ มุทิตา ชิตเมธา นักเดี่ยวกู่เจิงแชมป์เหรียญทองจากเวทีเยาวชนดนตรี/ ปิดท้ายรายการด้วยเดี่ยวโปงลาง ฝีมือ ต้นตระกูล แก้วหย่อง นักโปงลางรุ่นใหม่อนาคตไกลที่เพิ่งคว้าชัยการแข่งขัน Osaka International Music Competition 2011 ประเทศญี่ปุ่น

บรรพสาม ร่วมสมัยเร้าอารมณ์ หลากรสหลากอารมณ์กับวงดนตรีไทยร่วมสมัย ประสานสำเนียงอีสานและโลกตะวันตกกับวงลาวบลูส์ (Lao Blues)/ แคมโฟล์ค วงดนตรีไทยร่วมสมัยน้องใหม่ของวงการ/ ปิดคอนเสิร์ตอย่างอลังการด้วยเสียงเพลงจากวง Thai Tem

งานนี้จัดแสดงรอบเดียวและรอบสุดท้าย ที่หอแสดงดนตรี ว.ดุริยางคศิลป์ ม.มหิดล บัตรราคา 100 (สำหรับนักเรียนและนักศึกษา) 200 300และ 500 บาท จองบัตรที่ 02-800-2525 ต่อ 153-4

นอกจากนี้ยังมีการจัด ตลาดนัดเพลงดนตรี แหล่งชุมนุมร้านขายและซ่อมเครื่องดนตรีไทยเพื่องานนี้โดยเฉพาะ จัดขึ้นภายในงาน ตั้งแต่เวลา 10.00 - 16.00 น.
กำลังโหลดความคิดเห็น