หลายคนคงจะดูแทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่ากันไปแล้วในตอนแรกเมื่อวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา อย่างที่เราเห็นแหละครับ ทั้งทาสและนักล่าทาสเยอะไปหมด และเหตุใหญ่ที่ทำให้พลเมืองทาสมีกันเยอะแยะขนาดนี้ ก็เพราะนโยบายที่ผิดพลาดและการเมืองจากราชสำนักที่ทำให้ไฟลุกโชนไปทั่วหย่อมหญ้า
หนังเปิดหัวเรื่องราวที่ผมเล่าค้างไว้ในตอนต้นด้วยเวลาไม่ถึง 5 นาที โดยเฉพาะในเรื่องของพระเจ้าอินโจจอมทรราช ที่พาประเทศเข้าสู่สงครามกับพวกแมนจู ทั้งๆ ที่ไม่ควรอย่างยิ่ง จนเมื่อแมนจูยกพลเข้ามายึดโชซอน สุดท้ายพระเจ้าอินโจก็ลงไปโขกศีรษะแทบเท้า หงไท่จี๋ ผู้นำสูงสุดของแมนจูในเวลานั้น
การโขกศีรษะดังกล่าวยังไม่สร้างความอัปยศเท่ากับการนำตัวรัชทายาท หรือ “เจ้าชายโซฮียอน” กับองค์ชายสอง หรือเจ้าชายเฮียวจง ( Hyojong) ไปเป็นตัวประกันด้วย ซึ่งตัวซองแทฮา พระรองของเรื่องที่เป็นอดีตแม่ทัพก็เป็นคนสนิทของเจ้าชายรัชทายาทพระองค์นี้ด้วย งานนี้แมนจูประเมินจิตใจของพระเจ้าอินโจพลาดไป เพราะคิดว่าแกจะรักลูกมาก การดึงลูกชายไปสองคนน่าจะทำให้แกหยุดซ่าบ้าง แต่การณ์จริงกลับมิใช่เช่นนั้นเลย
เพราะในฐานะตัวประกันนั้น เจ้าชายโซฮียอนทำหน้าที่เป็นตัวประสานรอยร้าวและความไม่ไว้วางใจที่แมนจูมีต่อโชซอนได้เป็นอย่างดี ในละครเขามีแฟลชแบ็กด้วยนะครับว่าจริงๆ องค์ชายอยากจะไปเป็นตัวประกันเสียเอง เพื่อจะไปศึกษาว่าทำไมประเทศแมนจูถึงได้เก่งนัก รบกับเกาหลีทีไรก็ชนะทุกที หรืออีกนัยหนึ่งแกอยากไปดูด้วยตาตนเองว่าประเทศโชซอนหรือเกาหลีของแกนั้นทำไมมันกระจอกนัก เพราะเอาเข้าจริงแล้ว รบกับใครก็ล้วนแล้วแต่ต้องพ่ายไปหมด ไล่มาตั้งแต่มองโกล หมิง ญี่ปุ่น จนกระทั่งแมนจู
แต่การประสงค์ดีของเจ้าชายองค์นี้กลับทำเอาพ่อของตัวเองอย่างพระเจ้าอินโจไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ อาจจะเพราะเหตุการณ์ที่ต้องไปกราบเท้าต่อพวกแมนจูตั้ง 9 ครั้งยังตรึงอยู่ในใจ หรือเกรงว่าประเทศโชซอนนี้จะเปลี่ยนไปถ้าเผื่อรัชทายาทของตัวเองรับใช้แมนจูอย่างเข้มแข็ง หรืออาจจะเกรงในเรื่องที่ว่าพระองค์อาจจะสูญเสียอำนาจและความเคารพจากประชาชนและฝ่ายบัณฑิตเมื่อเปรียบเทียบกับลูกชายตัวเอง ความไม่พอใจของพระเจ้าอินโจต่อตัวของรัชทายาทนี้จึงมีกันถ้วนทั่วทุกมุมก็ว่าได้
เจ้าชายพระองค์นี้ แม้ว่าจะทำสงครามไม่เป็น แต่โชคดีที่น้องชายของพระองค์เป็นยอดนักรบ เพราะเมื่อแมนจูซึ่งเตรียมแผนเผด็จศึกครั้งสุดท้ายต่อราชวงศ์หมิง กลับโดนพวกมองโกลกับอุยกูร์แอบยกทัพมาโจมตีอยู่บ่อยๆ การศึกด้านนี้ หงไท่จี๋ผู้นำสูงสุดของแมนจูก็สั่งให้องค์ชายโซฮียอนออกไปคุมทัพเพื่อรบแทน ปรากฏว่าภายใต้การนำของเจ้าชายเกาหลีสองพี่น้อง กองทัพแมนจูกองพันดังกล่าวก็เอาชนะมองโกลได้อย่างสบาย เมื่อข่าวนี้ไปถึงหูของพระเจ้าอินโจ ก็ยิ่งทำให้พระองค์ไม่พอใจมากขึ้นที่ลูกชายคนโตดันไปรับใช้แมนจูอย่างออกนอกหน้า
ที่สำคัญกว่านั้น ในปี 1644 ขณะที่เป็นตัวประกันอยู่ที่เมืองเฉินหยาง เจ้าชายพระองค์นี้มีการคบค้าสมาคมกับฝรั่งอย่างเอิกเกริก ทั้งศึกษาในเรื่องศิลปวิทยาการที่ก้าวหน้าทางตะวันตก และได้รับอิทธิพลในเรื่องของการปฏิรูปทางการเมืองจากทางฝรั่งอีกด้วย ที่หนักที่สุดก็คือ เมื่อพระองค์ต้องมาอยู่ที่ปักกิ่งเป็นเวลา 70 วัน พระองค์ยังศึกษาและเลื่อมใสต่อศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก อีกด้วย โดยศึกษาผ่าน โจฮัน อดัม ชวาน ฟอน เบลล์ บาทหลวงผู้ชาญฉลาดชาวเยอรมัน ว่ากันว่าตอนนั้นพระองค์ถึงกับทำพิธีสาบานตนเป็นชาวคริสต์กันทีเดียว และมีเจตนารมณ์ที่จะนำนิกายโรมันคาทอลิกเข้าไปเผยแผ่ในเกาหลี พร้อมๆ กับวิทยาการใหม่ๆ ซึ่งน่าจะทำให้ประเทศนี้เลิกอ่อนแอเสียที
ปี ค.ศ. 1645 รัชทายาทก็เสด็จกลับไปที่โชซอนเพียงลำพัง และให้พระอนุชาอยู่โยงที่แมนจูไปก่อน การขนครอบครัวและคนสนิทกลับโชซอนพร้อมกับความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่า พระราชาของพระองค์พร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ไปสู่ความยิ่งใหญ่ โดยการอาศัยทั้งเทคโนโลยีและการปฏิรูปสังคมและการเมืองที่เป็นของตะวันตกที่พระองค์ศึกษามา
แต่แผนการและความหวังดีดังกล่าวกลับกลายเป็นสิ่งประสงค์ร้ายในสายตาของพระเจ้าอินโจและบริวาร เพราะการเข้าเฝ้าเพื่อถวายรายงานต่อกษัตริย์แห่งโชซอนนั้นกลับไม่ได้สร้างความปลาบปลื้มใดๆ ในสายตาของข้าราชสำนักและพระเจ้าอินโจเองเชื่อว่า งานนี้จะยิ่งทำให้ประเทศโชซอนลงเหวและตกเป็นเมืองขึ้นใครสักคนเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งขุนนางหัวเก่าที่รายล้อมพระเจ้าอินโจมองเห็นว่าสิ่งชั่วร้ายที่สุดที่เจ้าชายโซฮียอนได้เอากลับมาด้วยก็คือ ศาสนาคริสต์ นั่นเอง
หลังเข้าเฝ้าฯไม่กี่วัน เจ้าชายผู้นี้ก็เสียชีวิตลงอย่างน่าสงสัย ในละครนั้นเขาตายขณะกำลังเขียนจดหมายถึงเพื่อนรักของเขาอย่าง “ซองแทฮา” แต่ในประวัติศาสตร์จริงโหดกว่านั้น เพราะมีบันทึกบอกว่าพระองค์เสียชีวิตขณะอยู่ในห้องทรงพระอักษรของพระเจ้าอินโจเลย โดยเหตุที่ทำให้เสียชีวิตก็คือหมึกที่ทรงแตะและฝนกับน้ำขณะกำลังเขียนหนังสือนั่นเอง (มีหลักฐานบอกด้วยว่า หมึกพิษที่ว่านี้ซื้อมาจากแมนจูนั่นเอง ) ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คนที่ลงมือและทำให้รัชทายาทตายลงนั้นก็คือพระเจ้าอินโจผู้ซึ่งเป็นพ่อบังเกิดเกล้านั่นเอง และเมื่อพระสนมขององค์รัชทายาทพยายามจะสืบสวนหาข้อเท็จจริงในการตายของสามี ในไม่กี่คืนหลังจากนั้นพระเจ้าอินโจก็ส่งกองกำลังบุกเข้าจับนางเอาไว้พร้อมกับตั้งข้อหาก่อความไม่สงบและเป็นขบถ จากนั้นก็ประหารลูกสะใภ้ไปอย่างรวดเร็ว ไม่เพียงแค่ลูกสะใภ้ครับ เสด็จหลานในไส้ของพระเจ้าอินโจก็โดนประหารเสียเรียบวุธด้วย เรียกว่าไม่เหลือสายเลือดของรัชทายาทให้มีลุ้นในราชบัลลังก์ในอนาคตเลยแม้แต่น้อย
ในละครนั้นเขาบอกว่า ลูกคนเล็กของรัชทายาทยังมีชีวิตอยู่แต่ถูกส่งไปยังเกาะเชจู และนี่เองที่เป็นจุดที่ซองแทฮาต้องเดินทางไปเพื่อปกป้องทายาทของรัชทายาท จนต้องเผชิญหน้ากับแทกิลและนางเอกของเรื่องจนกลายเป็นเหตุการณ์ซาบซึ้งตรึงใจแบบเน่าสุดๆสไตล์เกาหลีนั่นแหละครับ
แต่เรื่องชีวิตเด็กที่ซองแทฮาจะไปช่วยนั้น ผมค้นไม่เจอว่าเรื่องนี้มีอยู่จริงหรือเปล่า เพราะหนังสือหลายฉบับบอกตรงกันว่าไม่มีใครเหลือในสายสกุลนี้เลยทีเดียว แน่นอนโชคก็มาตกอยู่กับเจ้าชายเฮียวจงที่อยู่โยงที่แมนจู เพราะถ้ามาพร้อมกันมีหวังได้ตายทั้งคู่ เนื่องจากเจ้าชายสองก็เชื่อมั่นในแนวทางปฏิรูปประเทศแบบเดียวกัน
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1645 ที่แย่ที่สุดก็คือ หลังจากรัชทายาทตายพระองค์สั่งเผาศพทำลายหลักฐานทันที แถมราชพิธีศพนั้นก็จัดอย่างสามัญที่สุดผิดธรรมเนียมจากกรณีที่รัชทายาทตายไป สุดท้ายก็คือ ตลอดชีวิตที่เหลือของพระเจ้าอินโจนั้นไม่เคยไปเยี่ยมสุสานลูกชายของแกเลยแม้แต่ครั้งเดียว
กว่าที่พระเจ้าอินโจจะตายก็ปาเข้าไปปี ค.ศ. 1649 หรือห้าปีให้หลังจากที่พระองค์ฆ่าลูกตัวเองไปแล้ว แต่แม้จะมีชีวิตอยู่อีกไม่นาน ความดีต่างๆ นานาที่กษัตริย์ควรจะทำนั้นหาไม่ได้เลยจากพระเจ้าอินโจ การเร่งขยายขนาดของกองทัพยิ่งมีมากขึ้นๆ การให้ท้ายขุนนางโฉดมีมากขึ้น พูดง่ายๆ ว่า คนในสังคม โดยเฉพาะในตระกูลขุนนางชั้นสูงหรือขุนนางในสายอื่นๆ นั้นเผลอหลับไปคืนเดียว อาจจะตื่นขึ้นมากลายเป็นทาสเลยก็มี เพราะการใส่ร้ายป้ายสีหาเรื่องยึดเงินทองสมบัติของฝ่ายอื่นๆ นั้นมีอยู่สูงมาก บรรดาคนเหล่านี้เมื่อถูกดีดออกจากชนชั้นก็จะถูกส่งไปเป็นแรงงานทาสของทางราชการ ซึ่งถ้าเป็นผู้ชายก็จะถูกส่งเข้าไปอยู่ในกองทัพเพื่อเพิ่มจำนวนทหาร แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะถูกขายไปเป็นโสเภณีบ้าง หรือขี้ข้าบ้างตามแต่แรงงาน กำลังวังชา และหน้าตาที่มีอยู่
นี่เองจึงเป็นเหตุแห่งคำตอบว่าทำไมคนในยุคของพระเจ้าอินโจถึงกลายเป็นทาสเสียเยอะ และเนื้อตัวมอมแมมผิดจากละครเกาหลีที่เราคุ้นเคยนั่นเองครับ