xs
xsm
sm
md
lg

"เอ็ดเวิร์ด-เจคอบ" อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

ตั้งใจจะเขียนถึงประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่อง "น้ำใจ" อีกสักเรื่อง ก็ให้บังเอิญช่วงนี้มีหนังเรื่องดังเรื่องหนึ่งเข้าฉายอยู่เลยอยากจะขอเกาะกระแสเสียหน่อย

ส่วนเรื่องของ "น้ำใจ" ขอยกยอดไว้คราวหน้าก็แล้วกันครับ

...
เดินทางมาถึงภาคที่ 4 แล้วสำหรับภาพยนตร์ขวัญใจสาวๆ วัยรุ่นอย่าง "The Twilight Saga" กับตอนที่มีชื่อว่า Breaking Dawn Part 1 ผลงานการกำกับของ "บิล คอนดอน" ซึ่งกำลังเข้าฉายอยู่ในโรงภาพยนตร์บ้านเราอยู่ในตอนนี้

ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ ผมยังจำได้ดีถึงบทสรุปแบบกว้างๆ ของน้องๆ ผู้หญิงหลายคนที่ได้มีโอกาสไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ในภาคที่ 2 The Twilight Saga : New Moon และ 3 The Twilight saga : eclipse มาด้วยประโยคบอกกล่าวที่ว่า...น่าหมั่นไส้ และ น่ารำคาญ...

"อะไรของชี คนนี้ก็จะเอา คนนั้นก็รัก..."

ชี ที่น้องบอกในที่นี้ก็คือนางเอกของเรื่อง "เบลล่า" ที่แสดงโดยสาวสวยตาคม "คริสเทน สจ๊วต"

ส่วน คนนี้ ก็คือแวมไพร์สุดหล่ออย่าง "เอ็ดเวิร์ด" ที่แสดงโดยหนุ่ม "โรเบิร์ต แพตตินสัน" และ "คนนั้น" ก็คือ "เจค" หรือ "เจคอบ" หมาป่าสุดล่ำ ที่รับโดยหนุ่ม "เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์"

ผมเองหลังจากดูภาคแรกเพราะความเข้าใจผิดว่าเป็นหนังแอ็กชั่นแล้วก็ไม่ได้ติดตามภาค 2 และ 3 อีกเลย ด้วยเหตุผลที่ว่าเป็นคนที่ไม่ค่อยจะชอบภาพยนตร์ในแนวรัก-โรแมนติกสักเท่าไหร่

จนกระทั่งทางยูบีซีเอามาฉายนั่นเองจึงมีโอกาสได้นั่งชมแบบต่อเนื่องทั้งสองภาคไม่กี่วันที่ผ่านมานี้เอง

ความรู้สึกหลังการชมก็ต้องบอกว่าไม่ต่างจากความรู้สึกของบรรดาน้องๆ สาวๆ ที่มาบ่นให้ฟังสักเท่าไรนัก แต่กระนั้นโดยส่วนตัวก็รู้สึกว่าหนังดูสนุกเหมือนกัน แม้บางช่วง บางตอนจะยืดยาดอืดอาดไปหน่อย

ทั้งนี้นอกจากเสียงบ่นที่ว่า น่าหมั่นไส้ และน่ารำคาญของสาวๆ แล้วหนังเรื่องนี้ยังถูกวิจารณ์ไปในทางลบด้วยว่าเรื่องราวความรักสามเส้าของตัวเอกทั้งสามในเรื่องนั้นมีการนำเสนอที่เป็นตัวอย่างให้กับวัยรุ่นสาวๆ ที่ดูไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่ ทั้งในเรื่องของการใช้ความรุนแรง รักแบบไม่ลืมหูลืมตา ขาดซึ่งเหตุและผล

ขณะที่ตัวนางเอกเองก็ดูเหมือนจะมีแต่ความหมกมุ่น ทำทุกอย่างเพียงเพื่อสนองความพึงพอใจของตนเองโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้น(แม้กระทั่งผู้เป็นบิดา) ซึ่งคำวิจารณ์เหล่านี้เองทางด้านของ "สเตเฟนี เมเยอร์" ล้วนเคยได้รับมาแล้วหลังเขียนนวนิยายเรื่องนี้ขึ้นก่อนที่จะถูกพัฒนามาเป็นภาพยนตร์

จริงๆ ถ้าตัดเอาเรื่องอื่นๆ ออกไปแล้วมองว่านี่คือหนังรักเรื่องหนึ่ง ก็ต้องถือว่าหนังเรื่องนี้เล่นประเด็นได้อย่างมีชั้นเชิงและน่าติดตามทีเดียวครับ ทั้งการกำหนดให้มีความแตกต่างกันเกือบจะตรงกันข้ามในคุณสมบัติของตัว เอ็ดเวิร์ด กับ เจคอบ ที่ทำให้นางเอกของเราเกิดอาการลังเลไปชั่วขณะหนึ่ง

เช่นเดียวกับการกำหนดให้แวมไพร์รูปหล่อของเราอ่านใจคนอื่นได้ยกเว้นตัวนางเอก ราวกับจะบอกเป็นนัยว่าผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งมีชีวิตที่คาดเดาอารมณ์และเข้าถึงความรู้สึกได้ยาก

มองไปที่ตัว(พระ)เอกทั้งสองที่ถูกทำให้เสมือนเป็น "หนุ่มตัวเลือก" แล้วก็ไม่แปลกใจหรอกครับว่าทำไมสาวๆ ถึงได้ชอบหนังเรื่องนี้นักหนา

ความนิยมในตัว เจคอบ อาจจะมาช้ากว่า เอ็ดเวิร์ด แต่ก็ถือว่ามาแรงแซงโค้ง ถึงขนาดที่มีข่าวออกมาว่าสาวๆ บางส่วนนั้นเกิดอาการไม่พอใจทีเดียวหลังผลการสำรวจของนิตยสาร Glamour ล่าสุดออกมาโดยปรากฏว่าเป็นแวมไพร์หนุ่มหล่อ โรเบิร์ต แพตตินสัน ที่เบียดเอาชนะหมาป่าบึ้ก เทย์เลอร์ เลาต์เนอร์ ขึ้นแท่นคิดโผ 50 หนุ่มเซ็กซี่แห่งปีในอันดับที่ 2

ย้อนนึกปถึงคำพูดของน้องๆ สาวๆ ที่ว่าดูหนังเรื่องนี้ภาค 2 และ 3 แล้วรู้สึกน่าหมั่นไส้และรำคาญตัวนางเอกนั้น เป็นไปได้ว่าส่วนหนึ่งก็คงจะมาจากความอิจฉาในตัวของนางเอกนั่นเอง

น่าคิดเหมือนกันนะครับว่า ถ้าคุณสาวๆ ไปตกอยู่ในสถานะของนางเอกเธอจะตัดสินใจเลือกใคร?

มีฉากหนึ่งในหนังเรื่องนี้ในภาคที่ 3 ที่ผมรู้สึกว่าชอบมากขณะเดียวกันก็อี๋มาก ก็คือฉากที่ เจคอบ ต้องนอนกอดเพื่อให้ความ "อุ่น" แก่นางเอกโดยมี เอ็ดเวิร์ด ได้แต่นั่งมอง เนื่องจากตนไม่สามารถให้สิ่งดังกล่าวกับคนที่ตนรักได้ (ซึ่งคุณสมบัตินี้เองก็เป็นจุดหนึ่งที่ เจคอบ พยายามใช้โน้มน้าวใจนางเอกให้หันมาคบกับตนเอง)

ความรักมันก็เป็นเช่นนี้แหละครับ ส่วนใหญ่มักไม่ได้มาพร้อมกับความสมบูรณ์แบบ ความเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์ไปซะทั้งหมด

ขึ้นอยู่กับ "ใจ" เราที่จะ "พอ" กับมันที่ตรงไหนแค่นั้นเอง...
กำลังโหลดความคิดเห็น