ละครชุดใหม่ที่ช่องสามจะเอามาแทนทงอี มือชื่อไทยว่า แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า หรือชื่อภาษาอังกฤษคือ The Slave Hunter จริงๆคำว่านักล่านี่หมายถึงนักล่าทาสที่หลบหนีนะครับ เพราะยุคสมัยในเรื่องนี้จำนวนทาสเยอะเหลือเกิน
ตอนแรกผมดูเผินๆแล้วคิดว่าคงไม่มีเรื่องราวอะไรที่จะต้องมาขยายปริศนากันให้มากความเหมือนเรื่องก่อนหน้านี้ เพราะดูแล้วมันน่าจะเป็นละครแนวแอ็กชันมากกว่าแนวประวัติศาสตร์ราชวงศ์อย่างที่เคยแต่พอไปพิจารณาดูแบ็กกราวนด์ของเรื่อง ก็พบว่ามันมีจุดที่น่าสนใจที่คนไทยจะได้ดูละครเรื่องนี้ที่จะมาเล่าสู่กันฟัง
หลักใหญ่ใจความมันก็เกี่ยวข้องกับภาพของการนำเสนอในตัวอย่างละคร และหลายคนคงจะตั้งคำถามว่าทำไมดาราทุกคนยกเว้นนางเอกดูจะเนื้อตัวและแต่งตัวได้สกปรกโสโครกอย่างยิ่ง
ส่วนหนึ่งก็เพราะว่า เรื่องราวของละครเรื่องนี้เกิดขึ้นในราวๆปี ค.ศ. 1644 ซึ่งเป็นปีที่ประเทศโชซอนหรือเกาหลีโบราณนั้นปกครองโดยกษัตริย์พระองค์หนึ่งที่ชื่อว่า พระเจ้า อินโจ (King Injo) ซึ่งรัชสมัยของกษัตริย์พระองค์นี้ได้รับการกล่าวขวัญจากนักประวัติศาสตร์เกาหลีกันมากว่าเป็นยุคสมัยที่น่าจดจำว่าเป็นช่วงที่เลวร้ายที่สุดและน่าอับอายที่สุดของประวัติศาสตร์ชาติก็ว่าได้
ประการแรกความอับอายของชาตินี้เกิดขึ้นเพราะข้าราชการและการเมืองจากระบบแฟกชันเกิดอาการซัดกันเองตามประเพณี ก๊วนการเมืองทั้งฝ่ายตะวันออก ฝ่ายเหนือ ฝ่ายใต้ และฝ่ายตะวันตกต่างก็ลงไม้ลงมือไล่ล่าสังหารกันทั้งในรูปแบบของการใส่ร้ายและนอกรูปแบบ คือ ไล่ฆ่ากันอย่างเอิกเกริกมาก ข้าราชการหลายส่วนนี้ก็มีส่วนในการชักศึกญี่ปุ่นเข้าบ้านในสงคราม 7 ปีกับญี่ปุ่นอีกด้วย และเมื่อสงครามสงบลงกลุ่มการเมืองเหล่านี้ก็ยังห้ำหั่นกันไม่เลิกและเป็นเหตุให้บ้านเมืองอ่อนแอเป็นอย่างยิ่ง
สมัยก่อนเกาหลีนั้นอ่อนแอที่สุดก็ว่าได้ เรียกว่าใครๆก็สามารถบุกเข้ามาตีกบาลประเทศโชซอนได้ทั้งนั้น
ความจริงก่อนที่พระเจ้าอินโจก้าวขึ้นครองราชย์นั้นมีกษัตริย์ที่ชื่อ กวางแฮกุน อยู่ พระองค์ถือว่าเก่งมากในการบริหาร แต่ปัญหาเพราะไอ้ข้าราชการและนักการเมืองเฮงซวยเหล่านี้แหละครับ ทำให้กษัตริย์ที่ฉลาดเฉลียวองค์นี้ไม่ได้บริหารประเทศไปนานกว่าที่ควรจะเป็น ในปี ค.ศ. 1623 ก็เกิดการกบฏขึ้นโดยกลุ่มการเมืองตะวันตก แน่นอนกวางแฮกุนซึ่งแต่เดิมนั้นเป็นแค่ลูกของพระสนม (ไม่ใช่ลูกของพระมเหสี)แถมกลุ่มการเมืองฝ่ายเหนือที่สนับสนุนพระองค์ขึ้นมาก็เคยห้ำหั่นและทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามเยอะแยะ เพราะฉะนั้นเมื่อพลาดในเรื่องการปราบกบฏ ท้ายที่สุดพระองค์จึงถูกส่งไปอยู่เกาะเชจูพร้อมกับถูกถอดออกจากบัลลังก์ในที่สุด พระเจ้าอินโจก็ก้าวขึ้นมาครองราชย์แทน ซึ่งนับเป็นคราวซวยของประเทศนี้โดยแท้ เพราะพระเจ้าอินโจนี่นับว่าเป็นทรราชโดยกำเนิดจริงๆ
ยุคสมัยของพระเจ้าอินโจเริ่มต้นไม่ดีนัก เพราะ ปีถัดมาก็เกิดกบฏโดยกลุ่มก๊วนที่เคยเชิดพระองค์ขึ้นมา กลับหันปลายดาบเข้าหากษัตริย์ตัวเองเสียเอง สงครามกลางเมืองเกิดขึ้นเกือบหนึ่งปีจนกระทั่งบ้านเมืองยับเยินไปหมด สุดท้ายฝ่ายกบฏแพ้ พระเจ้าอินโจกลับมาสู่อำนาจ แต่คุณภาพชีวิตของประชาชนก็ไม่ได้ดีขึ้น เพราะว่าการขึ้นสู่อำนาจครั้งนี้พระจ้าอินโจยอมแลกอำนาจการบริหารทุกอย่างให้กลุ่มการเมืองที่ช่วยกันปราบกบฏ นั่นหมายถึงอำนาจของชนชั้นสูงและพวกยางบันกลุ่มนี้ยิ่งมากขึ้นๆ การรีดไถเพื่อยึดที่ดินมีมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนสถานะของคนในสังคมก็เปลี่ยนง่ายมาก เพราะการเมืองสกปรกเหล่านี้แหล่ะครับ นั่นทำให้คนกลายมาเป็นทาสมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน…นี่คือ ความอัปยศอย่างที่สองในยุคสมัย
ที่หนักหนาที่สุด ก็เกิดเพราะพระองค์เกรงจะมีกบฏอีก จึงมีการสั่งระดมคนเข้ารับราชการทหารเพื่อการสร้างกองทัพขึ้นมาทั้งๆที่เศรษฐกิจของประเทศกำลังยอบแยบสุดๆ นโยบายนี้ยิ่งทำให้ประชาชนเดือดร้อนยิ่งขึ้นกว่าที่เคยมาทั้งหมด…นี่คือ ความอัปยศแห่งยุคสมัยอย่างที่สาม
ความอัปยศอย่างที่สี่เกิดขึ้นเพราะการดำเนินนโยบายต่างประเทศผิด ซึ่งต้องเท้าความถึงกบฏในปี1624 ที่ว่านี้ว่าส่วนหนึ่งนั้นเป็นนายทหารที่มีความสัมพันธ์ที่ดีกับราชสำนักแมนจู นโยบายเดิมก่อนการขึ้นมาของพระเจ้าอินโจนั้น ประเทศโชซอนได้ประกาศตัวไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด แต่หลังจากที่พระเจ้าอินโจได้รับตำแหน่งพวกเขาก็ประกาศหันหลังให้แก่ราชสำนักแมนจูทันที พร้อมถือหางราชวงศ์หมิงเต็มที่ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในนโยบายและสายพระเนตรที่แคบสั้นมากที่สุด เพราะเวลานั้นประเทศจีนซึ่งปกครองโดยราชวงศ์หมิงก็แทบจะพ่ายแพ้แก่พวกแมนจูเต็มแก่แล้ว เพราะฉะนั้นเมื่อนโยบายกลายเป็นอย่างนี้ แมนจูก็เลยถือว่าโชซอนเป็นศัตรูและพร้อมที่จะเข้าจัดการศัตรูที่อ่อนแอสุดๆประเทศนี้เสียเลย
ปี 1936 พวกแมนจูซึ่งครอบครองพื้นที่ของจีนเกือบหมดแล้วก็ส่งกองทัพจำนวนหนึ่งแสนคนเข้าโจมตีโชซอนทันที พระเจ้าอินโจก็หนีหัวซุกหัวซุนไปอยู่ที่เกาะ Ganghwa ก่อนจะถูกล้อมจนเส้นทางการส่งเสบียงไปไม่ถึง สุดท้ายเมื่อใกล้จะอดตาย พระเจ้าอินโจจึงส่งหนังสือขอยอมแพ้ต่อราชวงศ์ชิงหรือพวกแมนจูอย่างเป็นทางการ หนังสือฉบับนี้เรียกว่า คำประกาศยอมแพ้ที่ซามเจียนโด ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งตัวกษัตริย์อินโจจะต้องมาคำนับหรือโขกศีรษะต่อ หงไท่จี๋ ผู้นำของราชวงศ์ชิงในขณะนั้นถึง 9 ครั้งด้วยกัน แถมยังต้องส่งตัวรัชทายาท และองค์ชายสองไปอยู่เป็นตัวประกันที่ปักกิ่งอีกด้วย
การที่กษัตริย์ของตนต้องไปโขกศีรษะต่ออีกฝ่ายตั้ง 9 ครั้งนั้น มันยิ่งกว่าอัปยศอีกครับ
องค์รัชทายาทที่ต้องไปเป็นตัวประกันนั้นมีชื่อว่า “องค์ชายโซฮียอน Crown Prince Sohyeon” องค์ชายองค์นี้เป็นหนึ่งในปมหลักของละครเรื่อง “แทกิล ยอดพยัคฆ์นักล่า” นี่แหละครับ
ตามประวัติศาสตร์นั้นองค์ชายนี้ไม่ได้ไปเป็นตัวประกันคนเดียว แต่ยังพาข้าราชการและแม่ทัพบางคนไปด้วยครับ และหนึ่งในแม่ทัพที่ไปด้วยมีชื่อว่าซองเตฮา( Song Tae Ha) ซึ่งตามเรื่องหมอนี่เป็นคนซึ่งพระเอกของเราต้องช่วยเหตุเพราะเขากลายเป็นสามีของคนที่แทกิลพระเอกในเรื่องรักนั่นเอง
แต่ซองเตฮาจะเข้ามามีบทบาทในประวัติศาสตร์อัปยศในยุคสมัยของพระเจ้าอินโจแค่ไหน เดี๋ยวมาคุยกันต่อในสัปดาห์หน้าครับ