เพลงวาน : โดย : บอน บอระเพ็ด
“ตั้งแต่วันที่ฉันได้คุยเพียงครู่สองคนกับเธอครั้งก่อน กลับมานอนครวญครางละเมอ คอยพร่ำหาเธอเหมือนจะอ้อนวอน เกิดอะไรขึ้นมานะเออ มันอยากรู้นัก เปลี่ยนฉันไปจากเดิม...โอ๊ย...”
เพลง“โอ๊ย โอ๊ย” : ดนุพล แก้วกาญจน์
...............................
สมัยเป็นนักร้องนำวงแกรนด์เอ็กซ์ “พี่แจ้- ดนุพล แก้วกาญจน์”ประสบความสำเร็จสูงปรี๊ด โด่งดังฮอตฮิตไปทั่วฟ้าเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุด“แกรนด์เอ็กซ์โอ”(2524) สามารถทำยอดขายเทปได้ถล่มทลายเกินกว่า 1 ล้าน 5 แสนตลับ
ครั้นเมื่อลาออกจากแกรนด์เอ็กซ์มาเป็นศิลปินเดี่ยว แค่เพียงชุดแรก“ฝันสีทอง”(2529) พี่แจ้ฟันยอดขายเทปไปกว่า 1 ล้านตลับ นับเป็นศิลปินที่สามารถทำยอดขายทะลุล้านได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ทั้งในฐานะนักร้องนำและในฐานะศิลปินเดี่ยว
จากนั้นพี่แจ้และต้นสังกัดอย่างนิธิทัศน์ โปรโมชั่นถือคติ น้ำท่วมให้รีบตัก เอ้ย!?! น้ำขึ้นให้รีบตัก รีบตามต่อความสำเร็จกับอัลบั้มชุดที่สอง“ของขวัญ”(2529)ทันที
อัลบั้มของขวัญแม้ยอดขายจะไม่ถล่มทลายเท่ากับชุดแรก แต่ก็ถือเป็นอัลบั้มที่ทำยอดขายได้ดีและประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะกับเพลง“ที่สุดของหัวใจ” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบทเพลงที่โด่งดังที่สุดของพี่แจ้ที่คงความอมตะมาจนทุกวันนี้
“นิดนึงพอ”-“โอ๊ย โอ๊ย” อมตะเพลงดังจาก “เทวดาเดินดิน”
หลังเพลงที่สุดของหัวใจกลายเป็นของขวัญชิ้นสำคัญต่อแฟนเพลง พี่แจ้นำความโด่งดังจากชื่อนำของเพลงนี้ มาเปิดตำนานอัลบั้ม(ชื่อ)ที่สุด ด้วยการส่งอัลบั้มรวมฮิต“ที่สุดของแจ้”ออกมาในปี 2530 โดยมี 2 เพลงใหม่บรรจุเข้ามาด้วย ได้แก่ “จากพี่ถึงน้อง” และ “ครั้งหนึ่ง..วันนี้” ซึ่งเพลงหลังนี้มีการทำเป็น"มิวสิกมูฟวี่"เป็นครั้งแรกออกฉายตามโรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ ก่อนตามด้วยอัลบั้ม“ที่สุดของที่สุด” ที่ออกมาในปีเดียวกัน
อัลบั้มทั้งสองแม้เป็นผลงานคั่นเวลาแต่ว่าก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากนั้นจึงส่งผลงานเพลงอัลบั้มที่ 3 ในชุด“เทวดาเดินดิน” ออกมาในปี 2531 ภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น มีวงพลอยและพี่โอม ร่วมเป็นทีมแบ็คอัพ โดยที่พี่แจ้ยังคงเป็นโปรดิวเซอร์เหมือนเดิม
เทวดาเดินดิน ปกอัลบั้มนี้พี่แจ้แต่งตัวดูวัยรุ่นขึ้นผิดตาและค่อนข้างผิดฝาผิดตัวใส่ชุดเอี๊ยม พับขากางเกง รองเท้าผ้าใบวัยรุ่น สวมแว่นตาดำ แบกวิทยุเครื่องน้อยสีแดง อันเป็นเทรนด์นิยมแห่งยุคนั้น ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนบอกว่าเป็นเพราะพี่แจ้ในยุคนั้นที่เป็นดาวค้างฟ้าได้ถูกจับไปเปรียบเทียบกับ “พี่เบิร์ด : ธงไชย แม็คอินไตย์” ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมากขึ้นมา นั่นจึงทำให้ทางค่ายเพลงต้นสังกัด และทีมงานแปลงโฉมพี่แจ้ออกมาเป็นดังที่กล่าวไว้ข้างต้น(หากดูภาพประกอบจะเห็นชัดเจนขึ้น)
อย่างไรก็ตามชุดนั้นไม่สำคัญเท่ากับบทเพลง เนื่องจาก “เทวดาเดินดิน”ถือเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่มีผลงานเพลงอมตะสืบสานตำนานที่สุดของพี่แจ้ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้
อัลบั้มเทวดาเดินดิน มีทั้งหมด 12 เพลง มีเพลงน่าสนใจนำโดย “เทวดาเดินดิน”(เนื้อร้อง-ชาลี อินทรวิจิตร : คำร้อง-พี่แจ้) เป็นเพลงป็อบสนุกๆ เนื้อเพลงสะท้อนตัวตนพี่แจ้ว่าที่จริงแล้วเขาคือคนเดินดินกินข้าวแกง หาใช่เทวดาที่ไหน
เพลงนี้มีท่อนฮุคที่เจ๋งและโดนซึ่งแม้กาลเวลาจะผ่านพ้นมากว่า 20 ปีแล้ว แฟนเพลงพี่แจ้หลายคนยังคงร้องท่อนฮุคของเทวดาเดินดินได้อย่างติดปาก
“เป็นเทวดา แล้วใยต้องมาเดินดิน ลืมเพดานดิน ถึงกินข้าวแกงทุกมื้อ เจียมตัวตน เพราะเราเป็นคนซื่อๆ สองมือนี่สร้างตัวเอง...”
ส่วน “ขออีกที” มาในจังหวะสโลว์ร็อค ที่นอกจากเสียงดัดอ้อนของพี่แจ้แบบมากกว่า 2 ชุดที่ผ่านมาแล้ว เสียงกีตาร์ของพี่โอมที่เล่นโซโล สอด รับส่ง ในเพลงนี้ ถือว่าโดดเด่นไม่น้อย แถมยังเป็นสำเนียงที่ปูทางมาตั้งแต่อัลบั้มของขวัญ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสำเนียงกีตาร์พิมพ์นิยมของค่ายแกรมมี่ ภายหลังจากที่พี่โอมเข้าไปทำงานเป็นเบื้องหลังในค่ายแห่งนี้
เพลงขออีกที มีการทำเป็น MV เป็นซีรีส์ถึง 3 ตอนด้วยกัน น้ำแสดงโดย 2 สาวฮอตแห่งยุคคือ “ลูกศร-ธนาภรณ์ รัตนเสน” และ “วันทิพย์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม”
ด้านเพลงเด่นอื่นๆในอัลบั้มนี้ก็มี “หัวใจเหี่ยวๆ”, “ความรู้สึกครั้งสุดท้าย”,“นินทากาเล” และ “เขียวเสียดดอย” ที่ว่าด้วยทหารหาญรั้วของชาติ ซึ่งในยุคนั้นพวกเขาได้ใจประชาชนจากการทำหน้าที่ปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยตามชายแดนบนดอยสูงเขาสูง แต่มาในปีนี้พี่ทหารของเรากลับมาได้ใจประชาชนอีกครั้งในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ทำให้นักการเมืองชั้นเลวบางคนอดเคียดแค้นใจไม่ได้
นอกจากบทเพลงดังเพลงเด่นตามที่กล่าวมาแล้ว อัลบั้มเทวดาเดินดินยังมี 2 บทเพลงที่เป็นมาสเตอร์พีชชั้นยอดในระดับที่สุดของพี่แจ้ ได้แก่ เพลง “นิดนึงพอ” และ “โอ๊ย โอ๊ย”
ทั้ง 2 เพลง เป็นเพลงช้าอยู่ติดกันในแทรคที่ 4 และ 5 นิดนึงพอเล่นนำมาก่อนในแทรคที่ 4 เพลงนี้พี่แจ้แต่งเนื้อร้องเอง ส่วนทำนองเป็นฝีมือของพี่โอมชาตรี
นิดนึงพอ เป็นเพลงช้าเศร้าท่วงทำนองสวยงามติดหู เสียงร้องของพี่แจ้ที่ถ่ายทอดออกมา ฟังแล้วมันหวานเศร้าบาดซึ้งกินใจเหลือเกิน
เนื้อเพลงนิดนึงพอว่าด้วยผู้ชายแสนดี เจียมตัวเจียมใจ และพร้อมที่จะเป็นเพื่อนคอยปลอบยามเธอเจ็บปวดรวดร้าว โดยที่แอบหวังลึกๆว่า สักวันหนึ่งเธออาจจะแบ่งใจมาให้ฉันบ้าง แม้เพียงนิดนึงพอก็สุขใจแล้ว
เพลงนี้พี่แจ้เขียนเนื้อร้องได้บาดใจมากๆ โดยเฉพาะในท่อนสองที่ร้องว่า “...ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอ เพราะยังเจียมและเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัยทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา...”
โอ้โห ชายคนนี้ช่างถ่อมตนและโคตรแมนเสียนี่กระไร
ส่วนในท่อนแยกท่อนจบของเพลงที่สรุปเรื่องราวนี่ก็เจ๋งไม่แพ้กัน
“...จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอให้กับฉัน ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่นจะทำใจ แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ...”
ตามต่ออารมณ์จากนิดนึงกันด้วย “โอ๊ย โอ๊ย” ในแทรคที่ 5 ของอัลบั้มเทวดาเดินดิน
โอ๊ย โอ๊ย บทเพลงชื่อแสนเจ็บปวดเพลงนี้ พี่แจ้รับเหมาทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ซึ่งสามารถเล่าเรื่องได้อย่างแยบยล สอดรับกับท่วงทำนองอันไพเราะเพราะพริ้ง เนื้อเพลงเปิดนำจากจุดรักเล็กๆ เพียงแค่ฉันได้คุยเคียงคู่กับเธอครั้งก่อนก็ถึงกลับมานอนครวญครางละเมอแบบคนเป็นเอามาก นอกจากนี้เธอยังทำให้ฉันรักฉันหลงคิดถึงเธออยู่ทุกคืน ชนิดที่อยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวแบบไม่หลงเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นกันเลยทีเดียว นับเป็นการเปรียบเทียบที่เข้าใจคิดเหลือเกิน
“...อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัว ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น
อยากได้ยินเพียงเสียงของเธอ เพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว
กดอารมณ์ทนไปไม่ไหว ใจมันหวิวหวาม ไม่เจอคงขาดใจ โอ๊ย โอ๊ย
โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจังเธอ...”
สำหรับเพลงนี้พี่แจ้ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือหลาย ไล่ไปตั้งแต่ชื่อเพลง เรื่องราว ซึ่งต้องขอบอกว่า โอ๊ย โอ๊ย...คิดได้ยังไง
สำหรับเพลงนิดนึงพอกับโอ๊ย โอ๊ย ในยุคนั้นแม้จะเป็นรองเพลงแสนรักหรือที่สุดของหัวใจ แต่เมื่อยุคสมัยผ่านมากาลเวลาผ่านพ้น เพลงนิดนึงพอกับโอ๊ย โอ๊ย กลับยิ่งทวีความนิยมต่อแฟนเพลงรุ่นหลังมากขึ้น จนเบียดแซงเพลงแสนรักและที่สุดของหัวใจ เนื่องจากมีนักร้องรุ่นใหม่นำเพลงทั้งสองกลับมาร้องใหม่ โดยผู้ที่ทำให้เพลงนิดนึงพอกลับมาเป็นที่นิยมในยุทธจักรวงการเพลงอีกครั้งก็คือวง Friday (บอย ตรัย) ที่นำเพลงนี้มาคัฟเวอร์ใหม่จนโด่งดังกว่าเพลงของพวกเขาเสียอีก
ขณะที่เพลงโอ๊ย โอ๊ยนั้น “เบน ชลาทิศ”ได้นำกลับมาร้องใหม่ และถูกใช้เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา”จนโด่งดังไปทั่ว(โด่งดังถึงขนาดมีกุ๊ยดอนเมืองคนหนึ่งนำไปใช้เป็นเพลงรอสายของเขา)นั่นจึงทำให้แฟนเพลงรุ่นหลังจำนวนมากหลงเข้าใจผิดคิดว่าเพลงนี้เป็นของพี่เบน ยิ่งพี่เบนแกออกมาเปิดเผยถึงความเป็นชายเหนือชาย มันก็ยังทำให้แฟนเพลงบางคนอดจินตนาการไปว่าเพลงนี้น่าจะแต่งขึ้นมาจากประสบการณ์ตรงของแก...โอ๊ย โอ๊ย
อย่างไรก็ดีการที่นักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่นำเพลงของพี่แจ้มาร้องใหม่ ผมถือเป็นเรื่องดีเพราะมันเป็นการเชื่อมต่อบทเพลงในอดีตเข้ากับความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี มันทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจฟังเพลงหลายคนไปสืบค้น เสาะหา เพลงต้นตำรับของพี่แจ้มาฟัง แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังยกให้ต้นตำรับของพี่แจ้เป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาลอยู่ดี
พี่แจ้หลังยุครุ่งโรจน์
หลังเทวดาเดินดิน พี่แจ้ออกอัลบั้มที่ 4 ตามมาในชื่อ “อย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษ” โดยมีวงพลอยเป็นวงแบ๊คอัพ ภายใต้ในสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่นเหมือนเดิม
อัลบั้ม(เทป)ชุดนี้ในช่วงแรกพยายามทำให้มีความพิเศษด้วยการ ทำเทปหน้าแรกเป็นเพลงร้อง 9 เพลง หน้าหลังเป็นเพลงบรรเลง 9 เพลง(เพลงชุดเดียวกับหน้าแรก) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เวิร์คเท่าไหร่ เพราะเนื้อเทปยาวไป จึงเปลี่ยนมาเป็นเพลงร้องตามปกติ 10 เพลง โดยนอกจาก 9 เพลงเดิมแล้วยังได้เพิ่มเพลงใหม่พิเศษเข้ามาอีก 1 เพลง คือ “ตะวันรัญจวน” ที่เป็นการนำเพลงเก่า“สายัณห์รัญจวน”(ชุดสายใย : แกรนด์เอ็กซ์)มาปรับเปลี่ยนเนื้อร้องและดนตรีใหม่
อัลบั้มอย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษ แม้จะมีความพยายามทำให้พิเศษ แต่ชื่อเสียงความสำเร็จในอัลบั้มชุดนี้เทียบไม่ได้กับ 3 ชุดที่ผ่านมา แต่กระนั้นอัลบั้มชุดอย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษยังคงไว้ลายด้วยบทเพลงน่าสนใจอย่าง “ตะวันรัญจวน”, “หนึ่งคำลา”, “อย่างลึกซึ้ง”, “แด่คุณคนพิเศษ” และอีก 2 บทเพลงเด่นแห่งอัลบั้ม คือ “น้ำตาฝน” บทเพลงเพราะๆติดกลิ่นลาตินนิดๆที่ฟังแล้วให้อารมณ์เหงาเศร้าเคล้าสายฝนได้เป็นอย่างดี ส่วนกับ “สีดา”(คำร้อง : อารี อุไร, ทำนอง : อภิไชย เย็นพูนสุข) บทเพลงที่นำเสนอเรื่องราวความรักต้องห้ามที่สุดท้ายลงเอยด้วยการฆ่าตัวตายของชายทั้งคู่ นับเป็น 2 บทเพลงในระดับมาสเตอร์พีชทิ้งท้ายผลงานในยุคเริ่มถดถอยของพี่แจ้
หลังจากอัลบั้ม“อย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษ” พี่แจ้มีผลงานอัลบั้ม “ที่สุดสุนทราภรณ์”(2532)ที่นำเพลงเก่าของสุนทราภรณ์มาร้องอย่างหวานอ้อนในแบบของเขา จากนั้นจึงต่อกันด้วยผลงานลำดับที่ 5 คือ “แสลงใจ”(2533) ตามมาเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายในสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น ที่ชื่อเสียงและความสำเร็จของพี่แจ้แผ่วหายลงไปมาก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปเปิดค่ายเพลงของตัวเอง คือ“อินเทอร์นอล” ผลิตงานเพลงของตัวเองและศิลปินคนอื่น โดยส่งอัลบั้มของเขาคือ “สัมผัสที่ 6” ออกมาในปี 2534 และแทรกด้วยอัลบั้ม“ที่สุดกาลเมื่อครั้งหนึ่ง”(2534) ที่เป็นการนำเพลงเพราะๆเก่าๆ อาทิ ค่ำแล้วในฤดูหนาว,ครวญ,ที่รัก,จงรัก,เดือนเพ็ญ มาขับร้องใหม่ในสไตล์พี่แจ้ ที่ถือว่าได้รับผลตอบรับจากแฟนเพลงในระดับที่น่าพึงพอใจ
ในปี 2535 พี่แจ้ปล่อยอัลบั้ม“แจ้ลายไทย” และ "แจ้ 12 ปี ANNIVERSARY" ออกมาแบบหงอยๆเพราะเส้นทางดนตรีมันได้ผ่านพ้นยุครุ่งโรจน์ของเขามาไกลแล้ว ก่อนที่พี่แจ้จะส่งผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้าย(ชุดที่ 7 )คือ “รักเธอคงกระพัน” ออกมาในปี 2538
อัลบั้มนี้แม้จะมีเพลงเพราะๆเพลงดีๆที่น่าฟังอยู่หลายเพลง แต่ว่าด้วยทิศทางดนตรีโลกและทิศทางเพลงไทยที่เปลี่ยนไป ตลาดเพลงป็อบถูกแกรมมี่เข้ามายึดครอง ด้วยการทำเพลงเป็นธุรกิจมีความทันสมัย โดนใจวัยรุ่น มีการทำเพลงเป็นระบบและมีการตลาดที่ดี ในขณะที่ค่ายอินเทอร์นอลยังคงเดินตามรอยเดิมๆขาดมิติทางด้านการตลาด กอปรกับมันเป็นยุคสมัยของซุปเปอร์สตาร์อย่าง “พี่เบิร์ด : ธงไชย แมคอินไตย์” ทำให้อัลบั้มรักเธอคงกระพันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
จากนั้นพี่แจ้ได้หันไปเอาดีทางการนำเพลงเก่ากลับมาร้องใหม่ โดยได้ส่งผลงานอัลบั้มในแนวนี้ออกมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น "ไออดีต"ตอน สวัสดีบางกอก,"ไออดีต 2" ตอน ลีลาศ รำลึก,"ไออดีต 3" ตอน นางใจในเพลง,"โลลิต้า","ชั่วฟ้าดินสลาย ","ลำนำเพลงฝากรัก" เป็นต้น แล้วชื่อเสียงของพี่แจ้ก็ค่อยเฟรดหายไปจากวงการ
กระทั่งในปี 2547 พี่แจ้กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม “ช่วยไม่ได้ผู้ชายไม่พอ" ที่แม้ค่อนข้างเซอร์ไพร์สวงการเพลงพอสมควร แต่ว่าผลงานเพลงกลับได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งแม้วันนี้ชื่อเสียงของพี่แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์ อาจไม่เป็นที่รู้จักสำหรับเด็กรุ่นใหม่
แต่ว่าในยุค 80’s ที่ผมเติบโตมานั้น พี่แจ้ถือเป็นเบอร์หนึ่ง บทเพลงต่างๆที่ถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงนุ่มหล่อแฝงออดอ้อนของเขา ตั้งแต่สมัยแกรนด์เอ็กซ์สู่ยุคศิลปินเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น “พบรัก” , “เพียงสบตา” , “เชื่อฉัน”, “สายัณห์รัญจวน”, “แสนรัก” , “ฝันลำเอียง” , “ที่สุดของหัวใจ”, “ห้องสีขาว” , “นิดนึงพอ” , “โอ๊ย โอ๊ย” เหล่านี้ล้วนต่างเป็นผลงานมาสเตอร์พีชขึ้นหิ้งที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดแต่บทเพลงของพี่แจ้เหล่านี้ยังคงอยู่
แถมยังคงอยู่ยืนยงเป็นอมตะเหนือกาลเวลาเสียด้วยสิ
***********************************************************
คลิกฟังเพลง นิดนึงพอ
คลิกฟังเพลง โอ๊ย โอ๊ย
คลิกฟังเพลง สีดา
***********************************************************
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
- คอลัมน์เพลงวาน ตอนพี่แจ้ ที่ผ่านมาถูกคั่นชั่วคราวด้วยบทเพลงน้ำท่วมตามสถานการณ์ ก่อนที่จะกลับมานำเสนออีกครั้งในตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย
- ปัจจุบันพี่แจ้เปิดร้านอาหาร “บ้านแสนรัก” อยู่บริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา
*****************************************
บทความแนะนำเพลงน่าสนใจย้อนยุค จะนำเสนอสลับกับบทความแนะนำเพลงน่าสนใจในสมัยนิยม
“ตั้งแต่วันที่ฉันได้คุยเพียงครู่สองคนกับเธอครั้งก่อน กลับมานอนครวญครางละเมอ คอยพร่ำหาเธอเหมือนจะอ้อนวอน เกิดอะไรขึ้นมานะเออ มันอยากรู้นัก เปลี่ยนฉันไปจากเดิม...โอ๊ย...”
เพลง“โอ๊ย โอ๊ย” : ดนุพล แก้วกาญจน์
...............................
สมัยเป็นนักร้องนำวงแกรนด์เอ็กซ์ “พี่แจ้- ดนุพล แก้วกาญจน์”ประสบความสำเร็จสูงปรี๊ด โด่งดังฮอตฮิตไปทั่วฟ้าเมืองไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในชุด“แกรนด์เอ็กซ์โอ”(2524) สามารถทำยอดขายเทปได้ถล่มทลายเกินกว่า 1 ล้าน 5 แสนตลับ
ครั้นเมื่อลาออกจากแกรนด์เอ็กซ์มาเป็นศิลปินเดี่ยว แค่เพียงชุดแรก“ฝันสีทอง”(2529) พี่แจ้ฟันยอดขายเทปไปกว่า 1 ล้านตลับ นับเป็นศิลปินที่สามารถทำยอดขายทะลุล้านได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา ทั้งในฐานะนักร้องนำและในฐานะศิลปินเดี่ยว
จากนั้นพี่แจ้และต้นสังกัดอย่างนิธิทัศน์ โปรโมชั่นถือคติ น้ำท่วมให้รีบตัก เอ้ย!?! น้ำขึ้นให้รีบตัก รีบตามต่อความสำเร็จกับอัลบั้มชุดที่สอง“ของขวัญ”(2529)ทันที
อัลบั้มของขวัญแม้ยอดขายจะไม่ถล่มทลายเท่ากับชุดแรก แต่ก็ถือเป็นอัลบั้มที่ทำยอดขายได้ดีและประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะกับเพลง“ที่สุดของหัวใจ” ซึ่งถือเป็นหนึ่งในบทเพลงที่โด่งดังที่สุดของพี่แจ้ที่คงความอมตะมาจนทุกวันนี้
“นิดนึงพอ”-“โอ๊ย โอ๊ย” อมตะเพลงดังจาก “เทวดาเดินดิน”
หลังเพลงที่สุดของหัวใจกลายเป็นของขวัญชิ้นสำคัญต่อแฟนเพลง พี่แจ้นำความโด่งดังจากชื่อนำของเพลงนี้ มาเปิดตำนานอัลบั้ม(ชื่อ)ที่สุด ด้วยการส่งอัลบั้มรวมฮิต“ที่สุดของแจ้”ออกมาในปี 2530 โดยมี 2 เพลงใหม่บรรจุเข้ามาด้วย ได้แก่ “จากพี่ถึงน้อง” และ “ครั้งหนึ่ง..วันนี้” ซึ่งเพลงหลังนี้มีการทำเป็น"มิวสิกมูฟวี่"เป็นครั้งแรกออกฉายตามโรงภาพยนตร์ในเครือเอเพ็กซ์ ก่อนตามด้วยอัลบั้ม“ที่สุดของที่สุด” ที่ออกมาในปีเดียวกัน
อัลบั้มทั้งสองแม้เป็นผลงานคั่นเวลาแต่ว่าก็ประสบความสำเร็จอย่างสูง จากนั้นจึงส่งผลงานเพลงอัลบั้มที่ 3 ในชุด“เทวดาเดินดิน” ออกมาในปี 2531 ภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น มีวงพลอยและพี่โอม ร่วมเป็นทีมแบ็คอัพ โดยที่พี่แจ้ยังคงเป็นโปรดิวเซอร์เหมือนเดิม
เทวดาเดินดิน ปกอัลบั้มนี้พี่แจ้แต่งตัวดูวัยรุ่นขึ้นผิดตาและค่อนข้างผิดฝาผิดตัวใส่ชุดเอี๊ยม พับขากางเกง รองเท้าผ้าใบวัยรุ่น สวมแว่นตาดำ แบกวิทยุเครื่องน้อยสีแดง อันเป็นเทรนด์นิยมแห่งยุคนั้น ซึ่งนักวิเคราะห์บางคนบอกว่าเป็นเพราะพี่แจ้ในยุคนั้นที่เป็นดาวค้างฟ้าได้ถูกจับไปเปรียบเทียบกับ “พี่เบิร์ด : ธงไชย แม็คอินไตย์” ที่เป็นดาวรุ่งพุ่งแรงมากขึ้นมา นั่นจึงทำให้ทางค่ายเพลงต้นสังกัด และทีมงานแปลงโฉมพี่แจ้ออกมาเป็นดังที่กล่าวไว้ข้างต้น(หากดูภาพประกอบจะเห็นชัดเจนขึ้น)
อย่างไรก็ตามชุดนั้นไม่สำคัญเท่ากับบทเพลง เนื่องจาก “เทวดาเดินดิน”ถือเป็นอีกหนึ่งอัลบั้มที่มีผลงานเพลงอมตะสืบสานตำนานที่สุดของพี่แจ้ตกทอดมาจนถึงทุกวันนี้
อัลบั้มเทวดาเดินดิน มีทั้งหมด 12 เพลง มีเพลงน่าสนใจนำโดย “เทวดาเดินดิน”(เนื้อร้อง-ชาลี อินทรวิจิตร : คำร้อง-พี่แจ้) เป็นเพลงป็อบสนุกๆ เนื้อเพลงสะท้อนตัวตนพี่แจ้ว่าที่จริงแล้วเขาคือคนเดินดินกินข้าวแกง หาใช่เทวดาที่ไหน
เพลงนี้มีท่อนฮุคที่เจ๋งและโดนซึ่งแม้กาลเวลาจะผ่านพ้นมากว่า 20 ปีแล้ว แฟนเพลงพี่แจ้หลายคนยังคงร้องท่อนฮุคของเทวดาเดินดินได้อย่างติดปาก
“เป็นเทวดา แล้วใยต้องมาเดินดิน ลืมเพดานดิน ถึงกินข้าวแกงทุกมื้อ เจียมตัวตน เพราะเราเป็นคนซื่อๆ สองมือนี่สร้างตัวเอง...”
ส่วน “ขออีกที” มาในจังหวะสโลว์ร็อค ที่นอกจากเสียงดัดอ้อนของพี่แจ้แบบมากกว่า 2 ชุดที่ผ่านมาแล้ว เสียงกีตาร์ของพี่โอมที่เล่นโซโล สอด รับส่ง ในเพลงนี้ ถือว่าโดดเด่นไม่น้อย แถมยังเป็นสำเนียงที่ปูทางมาตั้งแต่อัลบั้มของขวัญ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นสำเนียงกีตาร์พิมพ์นิยมของค่ายแกรมมี่ ภายหลังจากที่พี่โอมเข้าไปทำงานเป็นเบื้องหลังในค่ายแห่งนี้
เพลงขออีกที มีการทำเป็น MV เป็นซีรีส์ถึง 3 ตอนด้วยกัน น้ำแสดงโดย 2 สาวฮอตแห่งยุคคือ “ลูกศร-ธนาภรณ์ รัตนเสน” และ “วันทิพย์ ภวภูตานนท์ ณ มหาสารคาม”
ด้านเพลงเด่นอื่นๆในอัลบั้มนี้ก็มี “หัวใจเหี่ยวๆ”, “ความรู้สึกครั้งสุดท้าย”,“นินทากาเล” และ “เขียวเสียดดอย” ที่ว่าด้วยทหารหาญรั้วของชาติ ซึ่งในยุคนั้นพวกเขาได้ใจประชาชนจากการทำหน้าที่ปกปักรักษาผืนแผ่นดินไทยตามชายแดนบนดอยสูงเขาสูง แต่มาในปีนี้พี่ทหารของเรากลับมาได้ใจประชาชนอีกครั้งในภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยที่ทำให้นักการเมืองชั้นเลวบางคนอดเคียดแค้นใจไม่ได้
นอกจากบทเพลงดังเพลงเด่นตามที่กล่าวมาแล้ว อัลบั้มเทวดาเดินดินยังมี 2 บทเพลงที่เป็นมาสเตอร์พีชชั้นยอดในระดับที่สุดของพี่แจ้ ได้แก่ เพลง “นิดนึงพอ” และ “โอ๊ย โอ๊ย”
ทั้ง 2 เพลง เป็นเพลงช้าอยู่ติดกันในแทรคที่ 4 และ 5 นิดนึงพอเล่นนำมาก่อนในแทรคที่ 4 เพลงนี้พี่แจ้แต่งเนื้อร้องเอง ส่วนทำนองเป็นฝีมือของพี่โอมชาตรี
นิดนึงพอ เป็นเพลงช้าเศร้าท่วงทำนองสวยงามติดหู เสียงร้องของพี่แจ้ที่ถ่ายทอดออกมา ฟังแล้วมันหวานเศร้าบาดซึ้งกินใจเหลือเกิน
เนื้อเพลงนิดนึงพอว่าด้วยผู้ชายแสนดี เจียมตัวเจียมใจ และพร้อมที่จะเป็นเพื่อนคอยปลอบยามเธอเจ็บปวดรวดร้าว โดยที่แอบหวังลึกๆว่า สักวันหนึ่งเธออาจจะแบ่งใจมาให้ฉันบ้าง แม้เพียงนิดนึงพอก็สุขใจแล้ว
เพลงนี้พี่แจ้เขียนเนื้อร้องได้บาดใจมากๆ โดยเฉพาะในท่อนสองที่ร้องว่า “...ฉันไม่เคยคิดแข็งข้อ หรือบังอาจขอ เพราะยังเจียมและเตรียมหัวใจว่าคงส่วนเกิน คบฉันไว้เหมือนเป็นเพื่อน ช่วยเตือนเภทภัยทุกข์เมื่อไหร่ปลอบใจ ร้องไห้คราใดจะคอยเช็ดน้ำตา...”
โอ้โห ชายคนนี้ช่างถ่อมตนและโคตรแมนเสียนี่กระไร
ส่วนในท่อนแยกท่อนจบของเพลงที่สรุปเรื่องราวนี่ก็เจ๋งไม่แพ้กัน
“...จะพยายามให้เธอ เว้นที่ภายในดวงใจของเธอให้กับฉัน ได้ยืน รกร้างเยือกเย็นเดียวดายเจียนตายไม่หวั่นจะทำใจ แบ่งใจให้ฉันนิดนึงพอ...”
ตามต่ออารมณ์จากนิดนึงกันด้วย “โอ๊ย โอ๊ย” ในแทรคที่ 5 ของอัลบั้มเทวดาเดินดิน
โอ๊ย โอ๊ย บทเพลงชื่อแสนเจ็บปวดเพลงนี้ พี่แจ้รับเหมาทั้งแต่งเนื้อร้อง ทำนอง ซึ่งสามารถเล่าเรื่องได้อย่างแยบยล สอดรับกับท่วงทำนองอันไพเราะเพราะพริ้ง เนื้อเพลงเปิดนำจากจุดรักเล็กๆ เพียงแค่ฉันได้คุยเคียงคู่กับเธอครั้งก่อนก็ถึงกลับมานอนครวญครางละเมอแบบคนเป็นเอามาก นอกจากนี้เธอยังทำให้ฉันรักฉันหลงคิดถึงเธออยู่ทุกคืน ชนิดที่อยากจะกลืนกินเธอทั้งตัวแบบไม่หลงเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่นกันเลยทีเดียว นับเป็นการเปรียบเทียบที่เข้าใจคิดเหลือเกิน
“...อยากจะกินกลืนเธอทั้งตัว ไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น
อยากได้ยินเพียงเสียงของเธอ เพรียกบอกรักเพ้อถึงฉันผู้เดียว
กดอารมณ์ทนไปไม่ไหว ใจมันหวิวหวาม ไม่เจอคงขาดใจ โอ๊ย โอ๊ย
โอ่ย โอ๊ย คิดถึงจังเธอ...”
สำหรับเพลงนี้พี่แจ้ทำออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมเหลือหลาย ไล่ไปตั้งแต่ชื่อเพลง เรื่องราว ซึ่งต้องขอบอกว่า โอ๊ย โอ๊ย...คิดได้ยังไง
สำหรับเพลงนิดนึงพอกับโอ๊ย โอ๊ย ในยุคนั้นแม้จะเป็นรองเพลงแสนรักหรือที่สุดของหัวใจ แต่เมื่อยุคสมัยผ่านมากาลเวลาผ่านพ้น เพลงนิดนึงพอกับโอ๊ย โอ๊ย กลับยิ่งทวีความนิยมต่อแฟนเพลงรุ่นหลังมากขึ้น จนเบียดแซงเพลงแสนรักและที่สุดของหัวใจ เนื่องจากมีนักร้องรุ่นใหม่นำเพลงทั้งสองกลับมาร้องใหม่ โดยผู้ที่ทำให้เพลงนิดนึงพอกลับมาเป็นที่นิยมในยุทธจักรวงการเพลงอีกครั้งก็คือวง Friday (บอย ตรัย) ที่นำเพลงนี้มาคัฟเวอร์ใหม่จนโด่งดังกว่าเพลงของพวกเขาเสียอีก
ขณะที่เพลงโอ๊ย โอ๊ยนั้น “เบน ชลาทิศ”ได้นำกลับมาร้องใหม่ และถูกใช้เป็นเพลงประกอบละครเรื่อง “แจ๋วใจร้ายกับคุณชายเทวดา”จนโด่งดังไปทั่ว(โด่งดังถึงขนาดมีกุ๊ยดอนเมืองคนหนึ่งนำไปใช้เป็นเพลงรอสายของเขา)นั่นจึงทำให้แฟนเพลงรุ่นหลังจำนวนมากหลงเข้าใจผิดคิดว่าเพลงนี้เป็นของพี่เบน ยิ่งพี่เบนแกออกมาเปิดเผยถึงความเป็นชายเหนือชาย มันก็ยังทำให้แฟนเพลงบางคนอดจินตนาการไปว่าเพลงนี้น่าจะแต่งขึ้นมาจากประสบการณ์ตรงของแก...โอ๊ย โอ๊ย
อย่างไรก็ดีการที่นักร้องนักดนตรีรุ่นใหม่นำเพลงของพี่แจ้มาร้องใหม่ ผมถือเป็นเรื่องดีเพราะมันเป็นการเชื่อมต่อบทเพลงในอดีตเข้ากับความร่วมสมัยได้เป็นอย่างดี มันทำให้เด็กรุ่นใหม่ที่สนใจฟังเพลงหลายคนไปสืบค้น เสาะหา เพลงต้นตำรับของพี่แจ้มาฟัง แต่ถึงอย่างไรผมก็ยังยกให้ต้นตำรับของพี่แจ้เป็นเบอร์หนึ่งตลอดกาลอยู่ดี
พี่แจ้หลังยุครุ่งโรจน์
หลังเทวดาเดินดิน พี่แจ้ออกอัลบั้มที่ 4 ตามมาในชื่อ “อย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษ” โดยมีวงพลอยเป็นวงแบ๊คอัพ ภายใต้ในสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่นเหมือนเดิม
อัลบั้ม(เทป)ชุดนี้ในช่วงแรกพยายามทำให้มีความพิเศษด้วยการ ทำเทปหน้าแรกเป็นเพลงร้อง 9 เพลง หน้าหลังเป็นเพลงบรรเลง 9 เพลง(เพลงชุดเดียวกับหน้าแรก) แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เวิร์คเท่าไหร่ เพราะเนื้อเทปยาวไป จึงเปลี่ยนมาเป็นเพลงร้องตามปกติ 10 เพลง โดยนอกจาก 9 เพลงเดิมแล้วยังได้เพิ่มเพลงใหม่พิเศษเข้ามาอีก 1 เพลง คือ “ตะวันรัญจวน” ที่เป็นการนำเพลงเก่า“สายัณห์รัญจวน”(ชุดสายใย : แกรนด์เอ็กซ์)มาปรับเปลี่ยนเนื้อร้องและดนตรีใหม่
อัลบั้มอย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษ แม้จะมีความพยายามทำให้พิเศษ แต่ชื่อเสียงความสำเร็จในอัลบั้มชุดนี้เทียบไม่ได้กับ 3 ชุดที่ผ่านมา แต่กระนั้นอัลบั้มชุดอย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษยังคงไว้ลายด้วยบทเพลงน่าสนใจอย่าง “ตะวันรัญจวน”, “หนึ่งคำลา”, “อย่างลึกซึ้ง”, “แด่คุณคนพิเศษ” และอีก 2 บทเพลงเด่นแห่งอัลบั้ม คือ “น้ำตาฝน” บทเพลงเพราะๆติดกลิ่นลาตินนิดๆที่ฟังแล้วให้อารมณ์เหงาเศร้าเคล้าสายฝนได้เป็นอย่างดี ส่วนกับ “สีดา”(คำร้อง : อารี อุไร, ทำนอง : อภิไชย เย็นพูนสุข) บทเพลงที่นำเสนอเรื่องราวความรักต้องห้ามที่สุดท้ายลงเอยด้วยการฆ่าตัวตายของชายทั้งคู่ นับเป็น 2 บทเพลงในระดับมาสเตอร์พีชทิ้งท้ายผลงานในยุคเริ่มถดถอยของพี่แจ้
หลังจากอัลบั้ม“อย่างลึกซึ้ง...แด่คุณคนพิเศษ” พี่แจ้มีผลงานอัลบั้ม “ที่สุดสุนทราภรณ์”(2532)ที่นำเพลงเก่าของสุนทราภรณ์มาร้องอย่างหวานอ้อนในแบบของเขา จากนั้นจึงต่อกันด้วยผลงานลำดับที่ 5 คือ “แสลงใจ”(2533) ตามมาเป็นอัลบั้มชุดสุดท้ายในสังกัดนิธิทัศน์โปรโมชั่น ที่ชื่อเสียงและความสำเร็จของพี่แจ้แผ่วหายลงไปมาก ก่อนที่เขาจะตัดสินใจไปเปิดค่ายเพลงของตัวเอง คือ“อินเทอร์นอล” ผลิตงานเพลงของตัวเองและศิลปินคนอื่น โดยส่งอัลบั้มของเขาคือ “สัมผัสที่ 6” ออกมาในปี 2534 และแทรกด้วยอัลบั้ม“ที่สุดกาลเมื่อครั้งหนึ่ง”(2534) ที่เป็นการนำเพลงเพราะๆเก่าๆ อาทิ ค่ำแล้วในฤดูหนาว,ครวญ,ที่รัก,จงรัก,เดือนเพ็ญ มาขับร้องใหม่ในสไตล์พี่แจ้ ที่ถือว่าได้รับผลตอบรับจากแฟนเพลงในระดับที่น่าพึงพอใจ
ในปี 2535 พี่แจ้ปล่อยอัลบั้ม“แจ้ลายไทย” และ "แจ้ 12 ปี ANNIVERSARY" ออกมาแบบหงอยๆเพราะเส้นทางดนตรีมันได้ผ่านพ้นยุครุ่งโรจน์ของเขามาไกลแล้ว ก่อนที่พี่แจ้จะส่งผลงานสตูดิโออัลบั้มชุดสุดท้าย(ชุดที่ 7 )คือ “รักเธอคงกระพัน” ออกมาในปี 2538
อัลบั้มนี้แม้จะมีเพลงเพราะๆเพลงดีๆที่น่าฟังอยู่หลายเพลง แต่ว่าด้วยทิศทางดนตรีโลกและทิศทางเพลงไทยที่เปลี่ยนไป ตลาดเพลงป็อบถูกแกรมมี่เข้ามายึดครอง ด้วยการทำเพลงเป็นธุรกิจมีความทันสมัย โดนใจวัยรุ่น มีการทำเพลงเป็นระบบและมีการตลาดที่ดี ในขณะที่ค่ายอินเทอร์นอลยังคงเดินตามรอยเดิมๆขาดมิติทางด้านการตลาด กอปรกับมันเป็นยุคสมัยของซุปเปอร์สตาร์อย่าง “พี่เบิร์ด : ธงไชย แมคอินไตย์” ทำให้อัลบั้มรักเธอคงกระพันไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร
จากนั้นพี่แจ้ได้หันไปเอาดีทางการนำเพลงเก่ากลับมาร้องใหม่ โดยได้ส่งผลงานอัลบั้มในแนวนี้ออกมาอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น "ไออดีต"ตอน สวัสดีบางกอก,"ไออดีต 2" ตอน ลีลาศ รำลึก,"ไออดีต 3" ตอน นางใจในเพลง,"โลลิต้า","ชั่วฟ้าดินสลาย ","ลำนำเพลงฝากรัก" เป็นต้น แล้วชื่อเสียงของพี่แจ้ก็ค่อยเฟรดหายไปจากวงการ
กระทั่งในปี 2547 พี่แจ้กลับมาอีกครั้งกับอัลบั้ม “ช่วยไม่ได้ผู้ชายไม่พอ" ที่แม้ค่อนข้างเซอร์ไพร์สวงการเพลงพอสมควร แต่ว่าผลงานเพลงกลับได้รับการตอบรับที่ค่อนข้างเงียบเหงา ซึ่งแม้วันนี้ชื่อเสียงของพี่แจ้-ดนุพล แก้วกาญจน์ อาจไม่เป็นที่รู้จักสำหรับเด็กรุ่นใหม่
แต่ว่าในยุค 80’s ที่ผมเติบโตมานั้น พี่แจ้ถือเป็นเบอร์หนึ่ง บทเพลงต่างๆที่ถูกถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงนุ่มหล่อแฝงออดอ้อนของเขา ตั้งแต่สมัยแกรนด์เอ็กซ์สู่ยุคศิลปินเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็น “พบรัก” , “เพียงสบตา” , “เชื่อฉัน”, “สายัณห์รัญจวน”, “แสนรัก” , “ฝันลำเอียง” , “ที่สุดของหัวใจ”, “ห้องสีขาว” , “นิดนึงพอ” , “โอ๊ย โอ๊ย” เหล่านี้ล้วนต่างเป็นผลงานมาสเตอร์พีชขึ้นหิ้งที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดแต่บทเพลงของพี่แจ้เหล่านี้ยังคงอยู่
แถมยังคงอยู่ยืนยงเป็นอมตะเหนือกาลเวลาเสียด้วยสิ
***********************************************************
คลิกฟังเพลง นิดนึงพอ
คลิกฟังเพลง โอ๊ย โอ๊ย
คลิกฟังเพลง สีดา
***********************************************************
หมายเหตุ : ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
- คอลัมน์เพลงวาน ตอนพี่แจ้ ที่ผ่านมาถูกคั่นชั่วคราวด้วยบทเพลงน้ำท่วมตามสถานการณ์ ก่อนที่จะกลับมานำเสนออีกครั้งในตอนนี้เป็นตอนสุดท้าย
- ปัจจุบันพี่แจ้เปิดร้านอาหาร “บ้านแสนรัก” อยู่บริเวณถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา
*****************************************
บทความแนะนำเพลงน่าสนใจย้อนยุค จะนำเสนอสลับกับบทความแนะนำเพลงน่าสนใจในสมัยนิยม