เกมแห่งการถ่วงดุลให้ได้ระหว่าง จีน กับ ญี่ปุ่น ตามแนวคิดของพระนางเมียงซองจบลงในวันที่ 1 สิงหาคม ปี 1894 เมื่อสงครามระหว่างญี่ปุ่นกับจีนครั้งแรก (First Sino Japan War) ได้ระเบิดขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยมูลเหตุของสงครามนี้เกิดขึ้นเพราะการกบถโดยขบวนการตงฮักที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากับแนวนโยบายที่โชซอนเดินหน้าอย่างเป็นทางการอยู่
ก่อนหน้านั้นมีข้อตกลงกันครับว่าญี่ปุ่นกับจีนต่างก็ถอนกำลังออกจากโชซอนด้วยกันทั้งคู่ แต่ใครก็ตามที่ยกกองทัพเข้ามาก็ต้อแจ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบเสียก่อน กบถตงฮักที่เกิดขึ้นในช่วงนี้กลับเป็นเหตุให้ทางโชซอนขอความช่วยเหลือไปทางราชสำนักชิงอีกครั้งในเดือน กุมพาพันธ์ ปี 1894 เพราะราชสำนักโชซอนไม่มีความสามารถพอที่จะปราบกบถเหล่านี้ได้ ทางราชสำนักชิงได้รับคำร้องขอดังกล่าวก็ส่งทหารเข้ามา 2800 นายพร้อมอาวุธมาจัดการกบถเหล่านี้ ผลกลับกลายเป็นว่า ญี่ปุ่นมองว่านี่คือการฉีกสนธิสัญญาสันติภาพที่เคยทำไว้ พวกเขาส่งทหารกลับเข้ามาในโชซอนอีกครั้งถึง 8000 คน โดยอ้างเหตุว่าจะต้องเข้ามาปกป้องทรัพย์สินของชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่อยู่ในโชซอน
กบถตงฮักนั้นมีขึ้นในหลายที่ครับ แต่ที่หนักหนานั้นก็ถูกปราบโดยกองทัพญี่ปุ่นที่บุกเข้ามา แต่เมื่อปราบเหล่าตกอักได้สำเร็จ แทนที่จะยกทัพกลับออกไปพวกเขากลับบุกตลุยมาถึงกรุงโซลแล้วก็เข้ายึดทั้งพระราชวังและที่ทำการรัฐบาลเอาไว้เสียเลย ไปๆมาๆกลายเป็นว่า ชนวนแห่งขบวนการตงฮักกลับทำให้โชซอนต้องสิ้นชาติเข้าในเวลานี้ ผลจากที่ญี่ปุ่นไม่ถอนทหารทำให้เกิดสงครามระหว่างเกาหลีกับญี่ปุ่น
แน่นอนสงครามครั้งนี้จีนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ไปอย่างยับเยิน ผลจากชัยชนะในสงครามครั้งนี้แบบง่ายดายนั้น ทำให้ญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอให้จีนต้องปลดปล่อยโชซอนให้เป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์แบบ ให้แยกออกจากแผนที่ของจีนและเลิกใช้คำว่า “เหลียวตง” เสียที
อาณาจักรเกาหลีก็เริ่มต้นตั้งขึ้นในเวลานี้ แต่โดยพฤตินัยแล้ว จากที่เคยเป็นเมืองในอาณัติของจีนมาในเกือบทุกสมัย เกาหลีก็กลายเป็นประเทศในอาณัติของญี่ปุ่นแทน
ความพยายามของพระนางเมียงซองยังไม่ยุติ เมื่อเจ้าตัวพยายามที่จะเล่นเกมดุลแห่งอำนาจอีก งานนี้ต้องยอมรับว่าพระนางผู้นี้ใจเด็ดและใจถึงอย่างมาก เพราะท่านกล้าเล่นขณะที่รอบๆวังมีแต่ทหารนักรบญี่ปุ่นเต็มไปหมด เอาว่าท่านจะถูกบุกเข้ามาฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้ โดยอีกประเทศที่ถูกดึงเข้ามาคานสู้กับญี่ปุ่นนั่นคือ รัสเซีย
แต่ครั้งนี้ญี่ปุ่นนั้นไม่เกรงใจอีกแล้ว พวกเขามองเห็นแล้วว่า ต้นเหตุแห่งความวุ่นวายที่เกิดขึ้นและทำให้พวกเขายุ่งยากมากมายก็เพราะพระนางเมียงซองนั่นเอง ปฏิบัติการล่าจิ้งจอก หรือ “Operation Fox Hunt” จึงบังเกิดขึ้นด้วยประการฉะนี พูดง่ายๆถ้าเมียงซองไม่อยู่เสียคน พวกญี่ปุ่นเชื่อว่า เขาจะจับพระเจ้าโกจองเซ็นสัญญาอะไรก็ได้
ช่วงก่อนฟ้าสางของวันที่ 8 ตุลาคม ปี 1895 แผนปฏิบัติการดังกล่าวก็เริ่มขึ้นเมื่อเหล่าซามูไรจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยอาวุธดาบและปืนครบมือได้บุกเข้าไปที่พระราชวังเคียงบอกกุง ซึ่งหัวหน้าของทีมล่าสังหารนี้ก็คือ มิอุระ โกโร่ เอกอัครราชฑูตญี่ปุ่นประจำประเทศเกาหลีที่นำกองทัพมือสังหารไม่ต่ำกว่า 50 คน ขณะเดียวกันที่ต้องบันทึกเอาไว้ก็มีชาวเกาหลีหัวใหม่ที่โปรญี่ปุ่นอย่าง นายพล อู เบียม ซอน (General Woo Beom-seon) และ ยี ดู วัง ก็พามือสังหารเกาหลีอีกส่วนหนึ่งเข้าร่วมทำผัดเผ็ดจิ้งจอกสาวกับเขาด้วย
มือสังหารของญี่ปุ่นเข้าปะทะกับกองทหารรักษาพระองค์ทางหน้าหน้าวังที่บัญชาการโดย ฮอง กี ฮุน และ อัน เกียง ซู อย่างดุเดือด ฮองกีซุน เสียชีวิตในการต่อสู้พร้อมกับ ยี เกียง จิก ท่านราชเลขาประจำสำนักพระราชวัง ไม่นานนักกองสังหารผสมญี่ปุ่นเกาหลีก็บุกเข้าไปถึงใจกลางวังสู่ห้องพระบรรทม พระเจ้าโกจอง ถูกจับได้ในเวลาไม่นานนัก ท่านถูกปลดอาวุธและเข้าคุมตัวอย่างแน่นหนา ขณะที่อีกส่วนหนึ่งบุกเข้าไปยังห้องส่วนในที่มีพระนางเมียงซองพร้อมกับบรรดาซังกุงนางในทั้งหลายรอคอยความตายอยู่
ที่นั่นเองที่พระนางเมียงซองโดนดาบซามูไรจากใครซักคนที่เป็นหัวหมู่ในการเข้าโจมตีจากด้านหลัง มิใช่จากท่านทูต มิอุระ โกโร่ แต่ที่แน่ๆราชินีผู้อยากจะปฏิรูปประเทศได้จากไปในช่วงสางของวันนี้เอง พร้อมกับโทรเลขไปญี่ปุ่นซึ่งแปลเป็นภาษาอังกฤษได้สั้นๆว่า The Fox Dead and The King Safe
มีตำนานที่พูดถึงการตายของเมียงซองโดยเฉพาะหลักฐานที่ว่ากันว่าค้นพบทีหลังและทำให้เกิดข้อถกเถียงกันว่า ว่า เธอตายทันที หรือ ก่อนตายเธอถูกทรมาณอย่างหนัก ? บ้างก็ว่านอกจากนั้นแล้วยังมีการข่มขืนพระนางก่อนที่จะลงดาบเสียด้วยซ้ำไป บ้างก็ว่าเธอไม่ได้ตายในที่วัง แต่เธอถูกลากออกมาตัดหัวที่ลานในสวนหลังวัง บ้างก็บอกว่า ขบวนการนักฆ่าบุกเข้าไปในวังและฆ่าผู้หญิงไป 3 คนที่คาดว่าน่าจะใช้พระนางเมียงซอง จนกระทั่งพอคิดว่าศพนี้ใช่เธอแน่ พวกเขาก็จัดการเผาและกลบฝังก่อนที่พระอาทิตย์จะขึ้น
ที่ต้องถกเถียงกันอย่างมากก็เพราะว่า ไม่มีใครหาศพของเธอมาเพื่อพิสูจน์อะไรได้ กองสังหารญี่ปุ่นทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เพราะ หลังจากสังหารพระนางและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด การเผาทำลายหลักฐานถูกทำขึ้นอย่างรวดเร็วและหมดจด
ชาวเกาหลีตื่นเช้ามาด้วยความโกรธแค้นหลังทราบเหตุการณ์ที่จู่ๆพระราชินีผู้เป็นนักปฏิรูปของเขาต้องจากไปแบบโคตรโหด มันทำให้เกิดขบวนการต่อต้านญี่ปุ่นทั่วไป มีการตั้งกองทัพประชาชนเพื่อจัดการกับญี่ปุ่นและจะปลดแอกพวกเขาออกจากญี่ปุ่นอีกด้วย แต่เรื่องแบบนี้ก็ยังไม่เกิดผลเท่าไหร่นัก พระเจ้าโกจองกับรัชทายาทซึ่งในเวลาต่อมาก็คือ พระเจ้าซุนจง หลบหนีไปลี้ภัยอยู่ในรัสเซียได้สำเร็จเมื่อวันที่ 11 กุมพาพันธ์ 1896 เมื่อไปถึงรัสเซียโกจองได้เปิดเผยรายชื่อคนในราชสำนักที่ทรยศต่อพระองค์และพระราชินี ปี 1897 ด้วยแรงกดดันจากประเทศมหาอำนาจอื่นๆ โกจองได้กลับไปที่เกาหลีอีกครั้งพร้อมกับการร่วมมือของทางตะวันเพื่อให้พระองค์ได้ครองราชย์ กษัตริย์โกจองประกาศตั้งจักรวรรดิเกาหลีขึ้น แต่อาณาจักรนี้ก็อยู่ได้ไม่นานนัก หลังจากที่ญี่ปุ่นเอาชนะจีนในสงครามซิโน่ แจแปนอีกรอบ และสงครามกับรัสเซีย ทั้งสองประเทศก็ยอมให้ญี่ปุ่นผนวกเกาหลีเข้าเป็นส่วนหนึ่งของพวกเขาตั้งแต่ปี 1910 – 1945
เมื่อถูกครองโดยญี่ปุ่นอย่างสมบูรณ์แบบ คดีการสังหารพระนางเมียงซองถูกรื้อฟื้นและนำขึ้นศาลอีกครั้ง มิอุระ โกโร่ ขึ้นศาลในฐานะของหัวหน้าผู้วางแผนสังหารครั้งนี้ คณะผู้เข้าร่วมสังหารเกือบทั้งหมดมาจากตระกูลซามูไรชั้นสูง ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ คนที่เข้าร่วมนั้นล้วนแล้วแต่ถูกบรรจุเป็นเจ้าหน้าที่ราชการของญี่ปุ่นทั้งสิ้น นอกจากนั้นก็มีนักฟิสิกส์ มีหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ นักข่าวและอีกมาก แต่ในไม่กี่นาทีหลังจากศาลในเมืองฮิโรชิม่าประกาศคำตัดสิน คนเกาหลีก็ออกอาการช็อกและแค้นมากกว่าเดิม เพราะว่า ศาลประกาศยกฟ้องเนื่องจากไม่มีหลักฐานมากพอ
นอกเหนือจากการเข้ากดขี่ในรูปแบบต่างๆอย่างทารุณในช่วงแผ่ขยายจักรวรรดิของญี่ปุ่น คดีการฆ่ากรรมพระราชินีของพวกเขาคาพระราชวังถือเป็นเรื่องที่ทำให้ลูกหลานเกาหลีไม่มีวันให้อภัยประเทศญี่ปุ่นอีกเลย