xs
xsm
sm
md
lg

ความสุขเล็กๆ จากภาวะน้ำท่วม/ไก่ อำนาจ

เผยแพร่:   โดย: อำนาจ เกิดเทพ

ช่วงนี้เปิดโทรทัศน์ดูข่าว "น้ำท่วม" จนรู้สึกว่าหูแฉะไปหมดแล้วครับ

บรรดาพี่ๆ น้องๆ ในออฟฟิศที่มีบ้านอยู่ในกรุงเทพฯ รวมถึงรอบๆ ก็ลุ้นกันตื่นเต้นจนแทบจะไม่เป็นอันการทำงานว่าบ้านจะโดนน้ำท่วมด้วยหรือไม่ โดยมีบางคนที่กลายเป็นมือใหม่หัดท่วมไปแล้วต่างก็บ่นให้ได้ฟังถึงความรู้สึกที่สรุปได้ว่า...ไม่โดนกับตัวใครก็ไม่มีวันรู้สึก!

แน่นอนครับ โดยภาพรวมการสูญเสียชีวิตผู้คนไปร่วม 300 ไม่นับรวมกับสัตว์อีกจำนวนมาก บ้านเรือน โรงงาน เศรษฐกิจทั้งภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรมต่างได้รับความเสียหายในวงกว้างรวมเป็นตัวเงินไม่น่าจะต่ำกว่า 3 แสนล้านบาททั้งหมดคือ "วิกฤต" แต่ในขณะเดียวกันวิกฤตจากน้ำครั้งนี้ก็ทำให้เราได้เห็นตลอดจนได้เรียนรู้อะไรต่างๆ มากมาย

ได้เห็นน้ำใจ ความร่วมมือร่วมใจ ความเสียสละของคนร่วมชาติในทุกๆ ภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นในรูปของสิ่งของ เงินทอง และแรงกาย ที่หลากไหลหลั่งมาไม่น้อยไปกว่าปริมาณน้ำ

ได้เห็นถึงความขี้เท่อไร้สมรรถภาพของผู้นำบางคนทั้งในส่วนกลางและชุมชนท้องถิ่นหลายต่อหลายคน, ได้เห็นความเห็นแก่ตัวความเห็นแก่ได้ของบรรดาเหลือบไรสังคมที่อยู่ในคราบของพ่อค้า ข้าราชการ-นักการเมืองผู้ชอบเอาหน้ามากกว่าเอางาน หัวโขมยฯ ที่ต่างฉกฉวยผลประโยชน์ให้กับตนเองอย่างหน้าด้านๆ

ที่สำคัญก็คือเราได้เห็นแล้วว่าพลังของธรรมชาตินั้นยิ่งใหญ่เพียงไร?

เท่าที่ติดตามสถานการณ์อย่างตั้งใจและไม่ตั้งใจ มีหลายประเด็นที่น่าสนใจมากๆ ครับจากทัศนะความคิดของใครต่อใครหลายคนที่มีต่อวิกฤติครั้งนี้

โดยเฉพาะ "สาเหตุ" ที่ทำให้ปัญหาน้ำท่วมในปีนี้ลุกลามบานปลายและสร้างหายนะในวงกว้างที่นอกจากจะเกิดจากเหตุผลหลักทาง "ธรรมชาติ" คือมีฝนตลอดมาตั้งแต่ต้นปี เนื่องจากร่องความกดอากาศต่ำพัดมาแล้วไม่ยอมผ่านประเทศไทยไปเสียที รวมไปถึงอิทธิพลจากพายุหลายลูกไล่ไปตั้งแต่ พายุโซนร้อนไหหม่า, พายุโซนร้อนนกเตน, พายุโซนร้อนไห่ถาง พายุไต้ฝุ่นเนสาด และพายุโซนร้อนนาลแกแล้ว ว่ากันว่า "มนุษย์" เองก็มีส่วนไม่แพ้กัน

เริ่มกันตั้งแต่เรื่องเฉพาะหน้าในปัจจุบันนั่นคือการผันน้ำจากเขื่อนต่างๆ ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่าปีนี้แทบจะทุกเขื่อนใหญ่ๆ ต่างกักน้ำเอาไว้กระทั่งเกินเลยความจุก่อนจะระบายออกมาพร้อมๆ จนก่อให้เกิดปริมาณน้ำจำนวนมหาศาลแทนที่จะค่อยๆ ทยอยปล่อยน้ำออกมาตั้งแต่ระยะแรกๆ ทั้งๆ ที่รู้ก็รู้ว่าปีนี้ฝนจะตกชุกหนาแน่นเพราะพระโคนั้นทานหญ้า เอ๊ย! ไม่ใช่ เพราะมีการพยากรณ์คาดการณ์กันเอาไว้ตั้งแต่ช่วงฝนเริ่มตกใหม่ๆ ในราวๆ เดือนมีนาคมโน่นแล้ว

ส่วนสาเหตุของการกักน้ำเอาไว้นั้นจะเป็นเพราะบทเรียนปีที่แล้วที่พอน้ำลดปั๊บ หลายจังหวัดก็เกิดภาวะน้ำแล้งปุ๊บทันที หรือเป็นเพราะต้องการเก็บน้ำเพื่อเอาไว้ทำนาให้ได้หลายครั้งๆ เหตุรัฐบาลใหม่ท่านมีนโยบายเรื่องจำนำข้าว? รวมไปถึงเสียงเล่าลือถึงขนาดที่ว่าน้ำท่วมครั้งนี้ขณะที่บางจังหวัดท่วมน้อยหรือแทบไม่ท่วมเลยเป็นเพราะเหตุผลทางธุรกิจที่มีการใช้การเมืองเป็นเครื่องมือพร้อมแนะให้จับตาดูกันให้ดีว่าหลังน้ำลดจะคนรวยเพราะ "ที่ดิน" เกิดขึ้นมาเหมือนเมื่อครั้งยุคฟองสบู่แตกที่มีบางคนกลายเป็นมหาเศรษฐีขึ้นมาเพราะรู้ข้อมูลล่วงหน้า อันนี้ไม่ทราบจริงๆ

อีกสาเหตุที่ทำให้ความเสียหายจากภาวะน้ำท่วมในครั้งนี้ให้ความรู้สึกรุนแรงก็ว่ากันว่า เป็นเพราะที่ผ่านมามนุษย์เราทำร้าย ทำลาย ตลอดจนขัดแข็งขืนกับธรรมชาติมานาน ทั้งการตัดไม้ทำลายป่า การพาตนเองเดินออกจากวิถีที่เคยทำมาหากินพึ่งพิงกับธรรมชาติแผ่นดิน-ผืนน้ำ, ใช้ชีวิตที่สะดวกสบายเสียจนเคยชิน, พื้นดินในที่ลุ่มที่เป็นทางน้ำหลากถูกทับถมเพื่อทำเป็นถนน-การค้า, พื้นที่ที่ว่าดินดีอุดมสมบูรณ์ที่สุดอย่างอยุธยาซึ่งเคยได้ชื่อว่าเป็นอู่ข้าวอู่น้ำ หลายๆ ส่วนถูกเปลี่ยนสภาพเป็นนิคมโรงงานอุตสาหกรรม, จังหวัดปทุมฯ ซึ่งมีคลองที่มีมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 เป็นที่ระบายน้ำออกไปทางฉะเชิงเทราก็มีถนนมีหมู่บ้านจัดสรรผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด ฯ
ห้องน้ำ สิ่งสำคัญมากๆ ในยามน้ำท่วม
แน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้เราไม่อาจจะย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้ก็จริง แต่ก็สมควรจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่ต้องทบทวนสำหรับแผนการการดำเนินนโยบายต่างๆ ในอนาคตใช่หรือไม่?

ด้วยใจจริง ผมไม่อยากให้มองว่า "น้ำ" นั้นคือปัญหาที่เราจะต้องไปต่อสู้หรือต้องเอาชนะ ที่ถูกเราน่าจะเรียนรู้ บริหารจัดการ และใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุดจะดีกว่า


เขียนเช่นนี้ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เจอปัญหาน้ำท่วมนะครับ เพราะปีนี้บ้านที่อาศัยแม่อยู่ที่ อ.เสาไห้ จ.สระบุรี ก็โดนน้ำท่วมเป็นปีที่ 2 ติดกันแล้วนับจากย้ายบ้านออกมาให้ห่างจากริมแม่น้ำป่าสักเมื่อสัก 20 กว่าปีที่แล้ว

จากการใช้สัดส่วนร่างกายตนเองวัดระดับน้ำในตัวบ้านได้เกือบจะเหนือเอว สูงกว่าปีที่แล้วร่วม 1 ศอก ท่วมอยู่เกือบจะสองอาทิตย์ แต่ตอนนี้ระดับน้ำได้ลดลงจนเกือบจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

ย้อนกลับไปเมื่อครั้งยังอยู่ที่ "ตีนท่า" บ้านผมจะเป็นหลังแรกๆ ของหมู่บ้านเลยครับที่ต้องถูกน้ำท่วม ซึ่งถือว่าเรื่องปกติสำหรับคนภาคกลางส่วนใหญ่ที่มีบ้านปลูกติดริมแม่น้ำ ทั้งแม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำป่าสัก ฯ แถบจังหวัดอยุธยา สระบุรี ฯ ที่จะถูกน้ำท่วมในฤดูน้ำหลากที่จะมาเยือนราวเดือน 11 เดือน 12

บางปีท่วมมาก บางปีท่วมน้อยสลับกันไป หรือบางปีไม่ท่วมเลยก็มี

ในอดีต น้ำท่วมอาจจะมาพร้อมกับความเดือดร้อนบ้าง แต่ก็ไม่ถึงจะเป็นอุปสรรคในการดำรงชีวิตมากมายอะไรนักสำหรับคนริมน้ำ เพราะส่วนใหญ่ต่างก็มีบ้านที่มีใต้ถุนสูง มีเรือพาย มีน้ำฝนที่รองจนเต็มตุ่มไว้ดื่มไว้ใช้กันแทบจะทุกบ้านอยู่แล้ว โดยที่บางครอบครัวยังสามารถมีรายได้พิเศษในช่วงที่น้ำเหนือไหลมาอีกต่างหาก

ไม่ได้คุยนะครับ แม่แก่หรือยายผมนี่จัดได้ว่าเป็นเซียนพายเรือระดับฝีพายต้นๆ ของหมู่บ้านเลยทีเดียว

ใครไปวัดตะเฆ่ฯ ถามคนที่อายุเกิน 50 ได้เลยว่าแม่แก่หรือ "ยายใบ" แกเชี่ยวชาญเรื่องพายเรือขนาดไหน เอาเป็นว่าหนุ่มๆ สาวๆ แรงดีๆ มีอายกันเลยแหละ

น้ำเชี่ยวๆ นี่แกพายปร๋อออกไปกลางลำแม่น้ำเลยครับ เพราะน้ำพวกนี้จะมาพร้อมกับท่อนไม้ ขอนไม้ ไม้กระดานบ้าง บางทีก็เป็นโอ่ง อะไรต่อมิอะไร แม่แก่ก็จะเอาเชือกไปผูกลากดึงมาเก็บไว้ พอน้ำแห้งก็จัดการเผาเป็นถ่านเอาไว้ใช้เองส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งก็แบ่งขายไปได้เงินเล็กๆ น้อยๆ พอซื้อเหล้าขาวมาก๊งซื้อยาไว้สูบของแกไป

ส่วนพวกที่เก่งเรื่องหาปลา ก็ลงเบ็ด ลงข่าย หว่านแห ว่ากันไปตามความถนัดของแต่ละคน เรื่องจะช่วยตัวเองไม่ได้เลยแล้วต้องมารอรับของแจกประเภทข้าวสาร ปลากระป๋อง น้ำดื่มนี่เพิ่งจะมีมาในระยะหลังๆ นี่เองครับ

พูดถึงการรับของแจกมีเรื่องมาเล่าให้ฟังเพลินๆ

สายวันหนึ่งสักสองอาทิตย์ที่แล้ว เสียงตามสายจากอบต.ที่ผมอยู่ประกาศว่า...สวัสดีพ่อแม่พี่น้อง บ่ายโมงวันนี้ท่าน......(เอ่ยชื่อนักการเมือง-ข้าราชการตำแหน่งใหญ่โตของจังหวัด) จะมาแจกของให้กับผู้ประสบภัย ขอให้พ่อแม่พี่น้องบ้านที่ประสบปัญหาน้ำท่วมไปรับกันได้ที่เต้นท์อำนวยการของอบต.นะคะ

เกือบจะบ่ายโมง ชาวบ้านที่บ้างพายเรือมา บ้างเดินลุยน้ำมา (เนื่องจากส่วนหนึ่งของเรือที่หลวงท่านเอามาแจกนั้นบรรดาครอบครัวตลอดจนญาติโกโหติกาของพวกอบต.บ้าง ผู้ใหญ่บ้านบ้าง ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านต่างจับจองไว้ใช้เองจนหมด)ก็มาพร้อมกันยังจุดนัดหมาย

มีการลงทะเบียนรับคูปองเพื่อป้องกันพวกมั่วนิ่มวนรับของกับพวกที่อ้างว่ารับแทนคนอื่นแต่เชิดเป็นของตนเอง จากนั้นก็มีการซักซ้อมการรับของ....เอ้าเข้าแถว แถวละ 10 นะคะ รับแล้วให้เดินออกทางขวามือตัวเองนะ เข้าใจมั้ย เอ้ายาย เอ้าป้า ผิดทางแล้ว ทางนี้ค่ะ นั่นแหละๆ เป็นระเบียบหน่อย ดีค่ะ ภาพจะได้ออกมาดูสวย ท่าน....จะได้ชม

ซ้อมกันเรียบร้อยเสร็จสรรพราวบ่ายครึ่ง บ่ายสองก็แล้ว สองครึ่งก็แล้วก็ยังไม่มีการแจกกันเสียทีเหตุคนแจกยังไม่มา จนหลายคนเริ่มบ่นเพราะกลัวจะค่ำมืด กว่าจะลุยน้ำกลับไปบ้านถึงระยะทางจะไม่ไกลมากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะใกล้จนรู้สึกไม่เหนื่อยเสียเมื่อไหร่

โน่นครับบ่ายสามโมงกว่าๆ ขบวนท่านถึงโผล่มา มีรถตำรวจนำหน้า 1 คัน รถติดตามอีก 7-8 คัน รวมคนมาด้วยราวๆ สัก 20-30 คน มาถึงท่านก็ปราศรัยพร้อมทักทายให้กำลังใจแสดงความเห็นอกเห็นใจนิดๆ หน่อยๆ แล้วก็แจกของ

ใช้เวลาราวสัก 20 นาทีขบวนก็แห่กลับไปโดยมีเสียงสรรเสริญจากลุงคนหนึ่งพูดออกมาเบาๆ ราวจะบ่นกับตัวเองแต่ก็ดังพอที่ผมซึ่งยืนอยู่ใกล้ๆ จะได้ยิน

"...เออว่ะ ของก็ของหลวง คนเขาซื้อเขาบริจาค ทำอย่างกับเป็นของตัวเอง ต้องให้คนเป็นร้อยๆ มารอคนๆ เดียวเป็นชั่วโมงๆ เนี่ยนะ คนเขายิ่งเดือดร้อนกันอยู่ ทีหลังมากันให้พร้อมก่อนแล้วค่อยประกาศเรียกก็ได้มั้ง..."

ฟังแล้วอดอมยิ้มไม่ได้เหมือนกันนะครับ

ทิ้งท้ายสำหรับใครที่ต้องเจอะเจอประสบการณ์น้ำท่วมบ้านเป็นครั้งแรก ขอบอกว่าไอ้ที่ว่าเหนื่อยตอนช่วงก่อนน้ำท่วมและระหว่างน้ำท่วมนั้นตอนน้ำลดเหนื่อยกว่าอีก

แต่เชื่อเถอะว่า วันแรกที่ได้กลับไปใช้ชีวิตตามปกติ คืนแรกที่ได้กลับมานอนในบ้านหลังเดิมที่ต่อให้มันจะหลังเล็กหรือว่าเก่าซอมซ่อเพียงไหน คุณจะรู้สึกสุขกายสบายใจอย่างที่คุณไม่เคยสัมผัสได้มาก่อนจากการใช้ชีวิตตามปกติก่อนน้ำท่วมเลยล่ะครับ
กำลังโหลดความคิดเห็น