“อาร์เอส” ลุยตลาดเคเบิลทีวีทุ่ม 60 ล้านเปิดช่องวัยรุ่นอีกหนึ่งช่อง เล็งอนาคตเปิดช่องกีฬาเพิ่มอีก โวปีหน้าหวังฟันรายได้ 400 ล้าน เชื่อธุรกิจมีเดียจะทำเงินสูงสุดแทนธุรกิจเพลง เผยละครช่อง 8 เรตติ้งดีจนจีนซื้อไปฉายต่อแล้ว บอกขอเฟดตัวจากธุรกิจหนังหลัง “บางกอกกังฟู” รายได้ง่อย ก่อนปัดตอบกรณี “ดีเจต้นหอม” โดนขับออกจากคอนเสิร์ตแร็พเตอร์ อ้างไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
กำลังไปได้สวยกับธุรกิจดาวเทียม หลังจากที่บริษัทค่ายเพลงอย่างอาร์เอส ตัดสินใจเดินหน้าเปิดตัวช่อง 8 แถมยังยกตัวเองเทียบช่องฟรีทีวี สร้างละคร รายการใหม่ๆ มากมายผ่านรายการทางเคเบิ้ล ล่าสุดเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมา เจ้าตัวได้จัดแถลงข่าวเปิดตัวช่องใหม่ “ย๊าคทีวี” งานนี้ “เฮียฮ้อ สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” คาดหวังช่องย๊าคทีวีจะช่องอันดับ1 ที่ครองใจวัยรุ่น ทั้งยังแพลนเตรียมเปิดช่องกีฬาเพิ่มอีกในเร็วๆ นี้
“ย๊าคทีวีเป็นอีกหนึ่งช่องที่เราต้องการเจาะกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่น จากที่เราประสบความสำเร็จจากช่องยูแชนแนล สบายดีทีวี แล้วก็ช่อง 8 ย๊าคทีวีก็จะเป็นช่องพิเศษที่คิดว่าเรามีความแตกต่าง และเราจะใช้จุดแข็งของอาร์เอสเข้ามาผสมผสาน หลังจากที่ออกอากาศได้ประมาณ 2 เดือนก็ถือว่ามีผลตอบรับที่ดีมาก แล้วเราก็คาดว่าจะเป็นช่องอันดับ 1 จากการสำรวจในเร็วๆ นี้ โดยช่องนี้เราใช้งบประมาณไป 50-60 ล้านบาทต่อปี”
“เรื่องของจำนวนช่องเราไม่ได้กำหนดไว้หรอกครับว่าจะมีสักเท่าไหร่ดี การทำธุรกิจทีวีดาวเทียมวันนี้ต้องบอกว่ามันอยู่ในช่วงของการเติบโตของอุตสาหกรรม ซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างสูง อาร์เอสเองเรามองเรื่องของความชัดเจนในการเปิดช่อง ถ้าช่องของเราเปิดมาแล้วมีคอนเทนท์ที่น่าสนใจ มีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนเราก็จะเปิด ในอนาคตผมมองว่าเราจะเปิดช่องของกีฬา ซึ่งจะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ครับ”
โวละครช่อง 8 เรตติ้งสูง แถมล่าสุดประเทศจีนซื้อละครไปฉายต่อแล้ว
“ละครในช่อง 8 ของเราดีมากเลยครับ โดยเฉพาะเรื่องล่าสุดที่ตอนนี้ออกอากาศอยู่ เรื่องผมรักลูกสาวเจ้าพ่อ ต้องบอกเลยว่ามีเรตติ้งสูงที่สุดตั้งแต่เราทำมา ตอนนี้ที่เราทำมามีคนดูประมาณ 3 แสนคน ซึ่งถือว่าสูงที่สุดแล้วของการสำรวจในแซทเทลไลท์ทีวี เรากำหนดให้ช่อง 8 เป็นช่องฟรีทีวี ช่อง 8 สามารถรับได้ทุกที่ โดยเราเน้นเรื่องของงานคุณภาพและการเป็นที่ออกอากาศในที่แรก 3 เรื่องที่ผ่านมาจะเห็นว่าเราทำละครใหม่ ฟอร์มใหญ่ ซึ่งเราไม่ได้เอาไปต่อยอดในช่องฟรีทีวีเพราะเราตั้งใจเอาไปขายต่อต่างประเทศ ตอนนี้ประเทศจีนก็ซื้อละครเราไปแล้วเรื่องนึง และกำลังพูดคุยเรื่องอื่นๆ กันอยู่”
“ต้องบอกเลยว่าลูกค้าของเราให้ความเชื่อมั่นกับละครเรามาก ตอนนี้โฆษณาเต็มทุกเรื่องแล้วครับ มันไม่ได้เป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายสำหรับเรานะครับ ตลาดมันมีอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าเราจะกล้าบุกหรือนำไปก่อนมั้ย เพราะถ้าเรากล้าลงทุน ของดีๆ ใครก็สนใจ ต่อไปถ้าการเข้าถึงของช่อง8 เข้าถึงทุกๆ ครัวเรือนแล้ว หน้าที่สำคัญคือหน้าที่ของเรา เราเองกล้ารึเปล่าที่จะทำผู้ชมกดมาเลือกคอนเทนท์ของเราแค่นั้นเอง ฉะนั้นถ้าเราลงทุนดีๆ ยังไงผู้ชมก็ต้องเลือกที่จะมาดูเรา เรื่องของคู่แข่งผมคิดว่าไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ เพราะปัจจุบันนี้เราก็เป็นพาร์ทเนอร์ที่ดีต่อกัน”
พร้อมเผยขอเฟดตัวจากธุรกิจภาพยนตร์ หลัง “บางกอกกังฟู” รายได้ไม่เป็นไปตามคาด
“ในส่วนของภาพยนตร์บอกตรงๆ ว่าอาร์เอสเราเฟดตัวออก แต่ไม่ใช่ว่าเราจะเลิกทำ วันนี้เราไม่ได้กำหนดแผนการทำภาพยนตร์ว่าปีหนึ่งเราจะต้องทำกี่เรื่อง ต้องบอกว่าภาพยนตร์เป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูงที่สุดในจำนวนทุกธุรกิจ เราเองก็มีทางเลือกที่หลากหลาย ฉะนั้นเราก็คงจะต้องเลือกทำสิ่งที่มันคุ้มค่าที่สุดและมีผลตอบแทนที่ดีที่สุด ต้องเป็นเรื่องที่มีความน่าสนใจและลงทุนไม่สูง อย่างที่ผ่านมาเรื่องบางกอกกังฟูต้องบอกเลยว่าไม่เป็นไปตามเป้าหมาย”
“ส่วนคลื่นวิทยุของเรามีแค่คลื่นเดียวและเป็นคลื่นอันดับ 1 ตลอดกาล และมันก็ประสบความสำเร็จแต่เราก็ไม่คิดที่จะเปิดคลื่นเพิ่งเพราะเราสำรวจมาแล้ว วัยรุ่นปัจจุบันไม่ได้ฟังวิทยุ แต่วัยรุ่นใช้ชีวิตกับอินเตอร์เน็ต หน้าจอทีวี หน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอมือถือ และผมเชื่อว่าสุดท้ายมันจะเชื่อมโยงเป็นจอเดียวกัน ในเมื่อพฤติกรรมของวัยรุ่นเป็นแบบนี้เราก็ต้องเดินตามนั้น เราจึงเลือกที่จะไม่ต่อสัญญาคลื่นวิทยุไว้ แต่เรายังคงคูลเอฟเอ็มไว้ เพราะคูลเอฟเอ็มเป็นกลุ่มที่จับคนทำงานซึ่งเขาฟังวิทยุอยู่ ซึ่งรายได้ตรงนี้เราหายห่วงครับ
หวังฟันรายได้ธุรกิจมีเดีย 400 ล้านบาท เชื่อธุรกิจมีเดียจะขึ้นแท่นทำรายได้เป็นอันดับ1 ให้ค่ายแทนธุรกิจเพลงในปีหน้า
“ต้องบอกเลยว่าตอนนี้ช่องอันดับ 1 ที่ทำเงินให้เรามาที่สุด คือ สบายดีทีวี และเป็นช่องที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1 ตลอดมาด้วย ช่องยูแชนแนลเองตอนนี้ก็ลอยลำไปแล้ว สำรวจมากี่ครั้งก็เป็นอันดับ1ของกลุ่มวัยทีน ส่วนชองใหม่ช่อง 8 นี่ถือว่าเป็นไปตามเป้าหมาย ต้องเรียนว่าช่อง 8 เราตั้งเป้าหมายไว้ใหญ่กว่า สูงกว่าเพราะการลงทุนเราสูงกว่า การวัดผลต่างๆ มันก็เป็นอีกภาพนึง ทุกวันนี้ต้องบอกเลยว่าเทคโนโลยีมันทำให้ไม่มีพรหมแดนแล้วทุกอย่างมันเป็นแค่รีโมท ไม่จำเป็นต้องเป็นฟรีทีวี ทุกอย่างมันอยู่ที่รีโมท”
“ตัวเลขคร่าวๆ เราวางตัวเลขไว้สำหรับธุรกิจนี้รายได้ทั้งหมดประมาณ 400 ล้าน ก็เป็นไปตามเป้า ปีที่แล้วเราได้ประมาณ 75 ล้าน ก็ถือว่าประสบความสำเร็จ แต่ธุรกิจเพลงก็ยังคงเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้เป็นอันดับ 1 ให้กับเรา แต่เราเชื่อว่าปีหน้ากลุ่มมีเดียตรงนี้จะขึ้นเป็นอันดับ 1 แทน”
แย้มเตรียมจัดคอนเสิร์ตดึงศิลปินเก่าที่เคยสร้างชื่ออีก หลังประสบความสำเร็จในคอนเสิร์ต “แร็พเตอร์” แต่ขออุบว่าเป็นใคร ก่อนปัดตอบกรณี “ดีเจต้นหอม” โดนเชิญออกจากคอนเสิร์ต อ้างไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุ
“คอนเสิร์ตแร็พเตอร์ที่ผ่านมาประสบความสำเร็จมาก หลายๆ คนบอกว่าดีเกินคาด จริงๆ ไม่ใช่หรอกครับ ดีตามที่เราคาดไว้ เรารู้อยู่แล้วว่าต้องดี หลังจากนี้ก็ยังมีแพลนดึงศิลปินเก่าๆ มาร่วมงานคอนเสิร์ตแบบนี้อีก แต่มันยังติดเงื่อนไขของเวลาความพร้อม ส่วนใครจะเป็นเบอร์ต่อไปตรงนี้ผมยังบอกไม่ได้ครับ อยู่ที่ความลงตัวในหลายๆ เรื่อง ปีหน้าก็คงจะเห็นกัน ส่วนกรณีที่เกิดเรื่องในงานคอนเสิร์ตแร็พเตอร์ ผมเรียนเลยว่าผมไม่รู้เพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดในสถานที่ ผมไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ซึ่งผมไม่มีข้อมูล ก็ไม่รู้จะพูดอะไร”