หลุยส์ สยาม สังวริบุตร” ผู้บริหารค่ายดาราวีดีโอ ยืนยันเจตนาดีจะส่งเสียให้ “น้องวิว” ลูกของ “มานพ สัมมาบัติ” ผู้กำกับผู้ล่วงลับเรียนหนังสือ แต่ที่ตั้งเงื่อนไขต้องให้มาเบิกเงินที่บริษัทเพราะอยากจะให้เงินถึงมือเด็กโดยตรง ไม่อยากให้ใครมาข้องเกี่ยว เผยที่ผ่านมาไม่เคยเอาเปรียบใครและช่วยเหลือผู้กำกับมานพมาโดยตลอด หลายครั้งหลายเหตุการณ์ ช่วยเป็นหลักล้านเลยก็มี
หลังจากที่ “ไก่ ภารดี ตรีสมุทร” ภรรยา “มานพ สัมมาบัติ” ผู้กำกับมือหนึ่งค่ายดาราวีดีโอผู้ล่วงลับ ออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ค่ายดาราวีดีโอรับปากจะส่งเสียให้ “น้องวิว กัญญา ชื่นชม” ลูกสาวของผู้กำกับมานพเรียนหนังสือ แต่พอเข้าไปเบิกกลับทำเหมือนตนเป็นขอทาน แถมยังมีคนในบริษัทใช้คำพูดที่รุนแรง พร้อมกับโอดเรื่องที่สามีทำงานกับดาราวีดีโอมานานแต่กลับได้รับผลตอบแทนแบบนี้กลับมานั้น
บันเทิงผู้จัดการออนไลน์จึงได้ติดต่อสัมภาษณ์ “หลุยส์ สยาม สังวริบุตร” ผู้บริหารค่ายดาราวีดีโอ ซึ่งขณะนี้กำลังติดภารกิจถ่ายทำละครฟ้าจรดทรายที่อียิปต์ เพื่อสอบถามถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว ซึ่งผู้บริหารค่ายดาราวีดีโอก็ได้ชี้แจงข้ามประเทศถึงเรื่องดังกล่าวว่า เป็นเจตนาดีที่อยากให้เงินส่งถึงมือน้องวิวโดยตรง ไม่อยากจะให้คนอื่นมาบริหารจัดการ
“พี่มานพทำงานกับคุณพ่อมานาน และคุณพ่อของผมก็ได้ช่วยไปหลายครั้ง ไอ้เรื่องไม่เคยช่วยเป็นไปไม่ได้ พอเขาเสียเสร็จแล้วก็มาจัดงานศพกัน พอจัดงานศพปั๊บก็ได้เงินช่วยมาแล้วเราก็เข้าไปควบคุม แต่มันมีเหตุที่เราจะต้องเข้าไปควบคุมนะครับ จะพูดยังไงดีล่ะ พูดไปเดี๋ยวก็เหมือนจะไปทำร้ายคนอื่นผมไม่อยากจะพูด ก็เอาเป็นว่ามันมีเหตุที่เราจะต้องเข้าไปควบคุม”
“เวลาที่ใครเอาซองมาให้เราก็รับและมีการจดไว้ให้เขาเห็น พอจบงานเราก็เรียกทุกคนมาทั้งภรรยาเก่าภรรยาใหม่ลูกเก่าลูกใหม่ให้มาดูและนับพร้อมกัน พยายามทำทุกอย่างให้แฟร์เต็มที่เพราะพวกผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียอยู่แล้ว เราไม่เคยอยากจะเข้าไปยุ่ง แต่ที่ต้องเข้าไปยุ่งเพราะเหตุผลเดียวคือห่วงเด็กจะไม่ได้ จะไม่มีความยุติธรรม เราก็มานับพร้อมกันและก็หารกันตอนนั้น”
“ก็ได้เงินช่วยมาหลายแสน ในส่วนของการจัดงานเราเป็นคนจัดให้เองไม่ได้เอาเงินช่วย จัดเป็นเงินแสนเลยแหละ จัดให้เป็นอย่างดี พอเสร็จปุ๊บคุณพ่อ(ไพรัช สังวริบุตร)ก็ให้นโยบายว่า อยากจะให้น้องเขาได้เรียนหนังสือ ผมก็กะตัวเลขไว้ในใจที่จะส่งเสียน้องวิวให้เรียน ก็คุยกันไปคุยกันมาทั้งคุณพ่อทั้งน้องลอร์ด(สยม สังวริบุตร) ก็ช่วยกันลงเงินกันมา”
“ก็บอกเขาว่าจะส่งแต่มีข้อแม้ว่า เด็กจะต้องเอาหลักฐานมาเบิก เช่น ค่าเรียนกี่หน่วยกิต ค่าพ็อกเก็ตมันนี่ก็ต้องมีเป็นหลักเป็นฐานให้มาเบิก โดยให้เด็กเป็นคนมาเบิก ทั้งนี้เพื่อจะกันให้ถึงมือเด็กจริงๆ พวกผมไม่มีอย่างอื่น ไม่มีอะไรเลย จุดประสงค์คือต้องการให้เงินถึงมือเด็ก ก็รู้สึกเขาจะมาเบิกไป 2 - 3 งวด เป็นค่าหน่วยกิตและค่าพ็อกเก็ตมันนี่ และก็ให้มีคนมาดูแลเรื่องนี้ โดยมีนโยบายตามนี้เพื่อให้เด็กได้เงิน”
“เรื่องทั้งหมดมันมีอยู่แค่นี้ แต่เรารู้ว่าคนที่ไปให้ข่าวว่าเราเนี่ยเขาอยากจะเอาเงินไปบริหารเอง แต่เราอยากจะให้เด็กและทีนี้เงินก็เงินของผม ผมจะให้ใครมันก็เรื่องของผม ผมไม่ได้โกงใครมา มันเป็นเงื่อนไขของผมเพราะผมอยากจะให้เด็ก คนอื่นไม่เกี่ยวก็อย่ากรุณาเกี่ยว เราเตรียมไว้ที่จะให้เด็กเราพูดไปแล้วไม่มีถอยหลังต้องให้อยู่แล้ว”
“ในส่วนของพี่นพเองผมก็ช่วยเหลือมาตลอดเพราะแกก็ทำงานกับเรามานาน และเมื่อกี๊เราไปเชคข่าวมา ทำให้ทราบว่า คุณคนนี้เขาไปคุยกับหนุ่มลูกคนโตของพี่นพว่า จะเอาเงินมาทำเองไม่งั้นจะไปให้ข่าว เขาพูดกันประมาณนี้ ผมไปเชคกับเด็กที่บริษัท เด็กก็โทรไปคุยกับหนุ่ม หนุ่มเขาก็เล่าให้ฟังเป็นสิ่งที่เขารู้กันสองคนว่า ให้ไปคุยกับคุณไพรัชว่าเขาจะเอาเงินมาบริหารเอง ไม่งั้นจะไปให้ข่าวแล้ว เขาพูดอย่างนี้นะครับ ผมไม่ทราบว่าจริงไม่จริงแต่เป็นสิ่งที่หนุ่มเล่าให้คนของบริษัทฟัง หนุ่มเขาก็เลยไปคุยกับคุณพ่อผมเรื่องนี้ พ่อผมเขาก็ยืนยันว่า ให้ทำเหมือนเดิม”
ยืนยันที่ผ่านมาเคยช่วยเหลือ “มานพ สัมมาบัติ” ผู้กำกับมือหนึ่งค่ายดาราวีดีโอหลายครั้งไม่เคยทอดทิ้ง และให้เป็นหลักล้านแต่ขอไม่บอกว่าให้เพราะอะไรอย่างไร เพราะคนตายไปแล้ว
“พี่มานพแกเสียไปแล้ว ผมไม่อยากจะพูดถึงเรื่องในอดีต เราเองก็เคยช่วยพี่มานพไปหลายครั้งแล้ว ในหลายๆ เหตุการณ์ พ่อให้เปล่าๆ เป็นหลักล้านก็ให้ ผมขอยืนยันว่า คุณพ่อผม ผม และน้อง เราทำงานไม่เคยเอาเปรียบใครเรามีแต่ช่วย แต่ถ้าเขาพูดแบบนี้ก็แปลว่า มีเจตนาให้พวกผมเสียหาย ผมไม่อยากจะโกรธจะเคืองอะไร ไม่อยากจะขุดเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเพราะพี่นพเสียไปแล้ว เราทำอะไรไว้เรารู้แต่เราไม่อยากจะพูดอายปาก มันอายตัวเอง เราไม่อยากจะพูดว่าทำอะไรให้เขาไปบ้าง แต่ยืนยันครับว่าเราไม่ได้เอาเปรียบคนอื่น การจัดการแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดว่าดีที่สุด เพราะเราอยากจะให้เงินถึงมือเด็กให้มากที่สุด”
“ก็อยากจะพูดให้ไปคิดกันเอาเองว่า ทำไมเราถึงไม่อยากจะเอาเงินไปให้คนอื่นบริหาร แต่อยากจะให้เด็กมาเอาเงินโดยตรงกับเรา”
ส่วนเรื่องที่คนในบริษัทมีการใช้คำพูดกระทบกระเทียบภรรยาผู้กำกับคนดังว่า “ตอนเอากันมันไม่บอก แต่ตอนนี้อยากให้คนรับรู้นั้น” ผู้บริหารดาราวีดีโอบอกว่า ไม่ทราบว่าใครจะพูดอะไร แต่ยืนยันเจตนาว่าต้องการให้เงินเด็กโดยตรง เผยรู้สึกเสียใจเพราะเจตนาจะช่วยเหลือ แต่กลับมีการพูดให้บริษัทเสียหาย
“เรื่องนั้นผมไม่ทราบครับ แต่ไม่ว่าใครจะพูดอะไรกันยังไงก็แล้วแต่ แต่เจตนาที่ครอบครัวผมก็คือ อยากจะให้เด็กได้ ในส่วนอื่นก็ว่ากันไป ใครจะพูดอะไรกันยังไง ผมไม่รู้ว่าสมัยก่อนเขาพูดภาษากันยังไง แต่ผมไม่ได้เป็นคนพูดและไม่ทราบว่าเขาพูดกันยังไง แต่ทั้งหมดที่มาพูดเนี่ยมีเจตนาพูดให้บริษัทผมเสียหายทั้งๆ ที่ผมอยากจะช่วยผมก็เสียใจนะ เรามีแต่อยากจะช่วยเด็ก เดี๋ยวก็หาว่าเอ้า...พี่เขาทำงานมาเยอะ คือในส่วนนั้นเราก็ช่วยเหลือเขามาเยอะแต่ว่าคนอื่นเขาไม่รู้ แต่ว่าประวัติตรงนี้เราถอยหลังไปพูดมันก็ไม่ดีเพราะเขาก็ไปแล้ว ไม่ต้องถามว่าช่วยกันยังไง เพราะอะไร กี่ครั้งแล้ว”
ถึงแม้ปัญหาจะบานปลาย แต่ผู้บริหารดาราวีดีโอก็ยันยืนยันเจตนาเดิมว่าจะช่วยเหลือลูกของผู้กำกับมานพ แต่ต้องไปปรึกษากับคุณพ่อและน้องก่อน
“ผมยังไม่ทราบว่าจะยังไง ผมต้องโทรคุยกับคุณพ่อและปรึกษาน้องดูว่าจะเอายังไง ยังไงผมก็จะให้เด็กแต่ผมไม่มีวันที่จะให้คนอื่นมาบริหารแทนมันเป็นไปไม่ได้ เพราะจริงๆ แล้วเงินนี้มันเป็นเงินส่วนของผมไม่ใช่เงินของใคร ผมจะให้ใครยังไงมันก็เป็นเรื่องของผม มันเป็นเรื่องของผมทำบุญ ผมจะทำบุญในรูปแบบไหนมันก็ไม่ผิด ผมไม่ได้ไปขโมยเงินใครมาแล้วมาเก็บไว้แล้วบอกว่าไม่ให้ เงินที่ผมอยากจะทำบุญให้เด็กมันผิดตรงไหนที่ผมอยากจะให้น้องเขาเองโดยตรง”
“ต้องรบกวนให้ความเป็นธรรมกับผมด้วยนะครับ ผมไปคุยไปตอบโต้ก็ดูว่าผมไปรังแกเขา จริงๆ แล้วมันคนละเรื่องเลย มันไม่ใช่แบบนั้นและที่ผ่านมาทางเราก็ไม่เคยมีข่าวในด้านแบบนี้ ก็ต้องขอบคุณมากเลยนะครับที่ให้โอกาสผมได้ชี้แจง”