เพราะ “อั๋น” วัชระ แวววุฒินันท์ บอสใหญ่แห่ง JSL คิดมากแทน … หรือเจอเบรกจากผู้ใหญ่ช่อง 5 ยังเป็นคำถามที่ยังคาใจอยู่ แม้จะได้รับการบอกเล่าเก้าสิบ ชี้แจงเหตุผลจากผู้บริหารมาระดับหนึ่ง ในฐานะผู้ยืดอกแอ่นรับ แม้เรื่องจริงจะเป็นอย่างนี้ เป็นใครเล่าจะเชื่อในเมื่อ ช่อง 5ได้ชื่อว่าเป็น “แดนสนธยา” มาก่อน … นี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง สำหรับตั้ว ย้อนหลังไปเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงที่เขา อยู่ในขบวนการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็เคยถูกปลดจากรายการ “เรื่องจริงผ่านจอ” มาแล้ว ดังนั้น … จึงไม่แปลกถ้าจะมีมีอีกสักครั้ง เพียงแต่ครั้งนี้แค่ไม่ได้โผล่หน้าในรายการ “เจาะใจ” เท่านั้นเอง
ขณะที่ “ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” และทีมงานจากภาพยนตร์เรื่องคนโขน ซึ่งมีทั้ง “ครูมืด ประสาท ทองอร่าม” และนักแสดงทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่ กำลังนั่งอยู่หลังฉากของรายการเจาะใจอยู่นั้น จู่ๆ ผู้บริหารรายการและทีมงานก็เดินเข้ามาบอกตั้วว่าในการบันทึกเทปรายการ ซึ่งจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องคนโขนที่ตั้วเขียนบทและกำกับการแสดงจะต้องไม่มีเขาปรากฏตัวอยู่ในรายการตอนนี้ ทั้งๆที่เขาเป็นผู้ริเริ่มและคนกำกับภาพยนตร์เรื่องดังกล่าว คำร้องขอดังกล่าวคนอย่าง “ตั้ว ศรัณยู” ผู้ทำงานอยู่ในวงการบันเทิงและอุทิศตัวเองต่อสู้ทางการเมืองมาอย่างยาวนานเข้าใจดี และนี่ก็เป็นที่มาของเทปรายการเจาะใจที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 ซึ่งพูดคุยกันเกี่ยวกับภาพยนตร์เรื่องคนโขนฯแต่ปราศจากผู้กำกับฯหัวเรือใหญ่ที่ชื่อ “ศรัณยู”
ผู้ชมหลายคนที่เปิดโทรทัศน์มาที่ช่อง 5 ในค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมาต่างก็รู้สึกประหลาดใจกันไม่น้อยที่ไม่เห็น “ตั้ว ศรัณยู วงษ์กระจ่าง” ในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์เรื่องคนโขนมาร่วมสนทนาอยู่ในรายการดังกล่าว ทั้งๆ ที่รายการในวันนั้นมีทั้ง “ครูมืด ประสาท ทองอร่าม” ในฐานะที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ในด้านรายละเอียดทั้งหมดของภาพยนตร์เรื่องคนโขน ตลอดจนทีมนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่องนี้ มานั่งพูดคุยกันอย่างครบถ้วน แต่เรื่องหนึ่งที่ผู้ชมรายการในวันนั้นไม่เคยรู้ก็คือ “ตั้ว” ได้มานั่งอยู่ในสตูดิโอที่ถ่ายทำรายการ แต่ถูกคำสั่งจาก “เบื้องบน” ไม่ให้เสนอหน้าออกรายการโดยเด็ดขาด
หลังจากที่หลายคนสงสัยว่า “ตั้ว” หายหน้าไปไหนในวันที่ภาพยนตร์ที่เขาทุ่มเทและตั้งใจทำเรื่องนี้เดินสายไปออกรายการเจาะใจ เวลาผ่านไปประมาณสิบวัน ตั้วก็ออกมายอมรับว่าในวันนั้น เขาได้เดินทางไปเพื่อร่วมรายการเจาะใจด้วย แต่แล้วจู่ๆ ก็ถูกขอร้องไม่ให้ออกไปร่วมรายการ ด้วยเหตุผลที่ “ตั้ว” กับผู้คนซึ่งติดตามข่าวการเมืองทั้งหลายต่างก็รู้กันโดยไม่ต้องเอ่ยปาก
“เพราะว่าทางผู้ใหญ่ของสถานีสั่งแบนไม่ให้ผมออกรายการ” ตั้วพูดถึงเรื่องดังกล่าวแบบยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น “ สำหรับเรื่องนี้ผมว่าช่างเขาเถอะครับ ผมไม่ได้คิดมาก"
ตั้วบอกว่าตัวเขาเองไม่ได้ติดใจอะไร เพราะถึงอย่างไรเนื้อหาในรายการวันนั้น ก็นำเสนอเรื่องราวของภาพยนตร์เรื่องคนโขนได้อย่างครบถ้วน แม้จะไม่มีเขาไปร่วมนั่งพูดคุยก็ตาม
“อย่างน้อยรายการเขาก็ได้นำเสนอแง่มุมของคนโขนได้ครบถ้วน อาจจะผ่านทางครูมืด ที่ดูแลเรื่องโขน หรือผ่านนักแสดง ดังนั้น ผมว่ามันก็ส่งสารไปถึงคนดูได้ ก็ไม่เป็นไรครับ ถามว่ารู้สึกว่าเขาขัดขวางผมหรือเปล่า ก็คือไม่เป็นไรครับ"
สุดท้ายตั้วก็พูดเพียงแต่ว่า “ไม่เป็นไร” เพราะเขายอมรับกติกาของรายการ ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่ที่อนุญาตให้เขานำ “คนโขน” ไปประชาสัมพันธ์ ซึ่งมีสิทธิ์ทุกประการที่จะให้ใครอยู่หรือไม่อยู่ในรายการนั้นๆ
"ผมจะไปแค้นว่าไม่ให้เราออกรายการก็ไม่ได้ ผมก็ต้องยอมรับจะให้เป็นยังไงก็ได้ แต่ผมไม่รู้นะว่าเป็นผู้ใหญ่ในสถานีท่านใด แต่ก็ช่างเถอะไม่เป็นไรหรอก ก็ยอมรับตามสภาพ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้แบนทั้งหมดก็ยังให้โอกาส ไม่เป็นไรครับ”
สำหรับกรณีนี้ดูจากแนวโน้มแล้วมีความเป็นไปได้สูงว่าตั้วจะ “ถูกเก็บ” อยู่หลังฉากในลักษณะนี้ไปอีกนาน หลังจากที่เขาเคยถูกปลดออกจากการเป็นพิธีกรายการเรื่องจริงผ่านจอทางสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ไปเมื่อหลายปีก่อน ในช่วงที่เขาดำเนินกิจกรรมทางการเมืองอย่างเข้มข้นร่วมกับกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
หลังจากที่เรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นความคิดเห็นของผู้คนส่วนใหญ่โดยเฉพาะในโลกอินเทอร์เน็ตต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปในทิศทางเดียวกันว่างานนี้ “ผู้ใหญ่ทำตัวเป็นเด็ก”
เนื่องจากคนส่วนใหญ่ไม่ว่าจะมีความคิดเห็นหรืออุดมการณ์ทางการเมืองอย่างไร ต่างก็แยกแยะออกว่างานนี้เป็นการพูดคุยเรื่อง “คนโขน” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ไม่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นภาพยนตร์ไทยที่เปี่ยมไปด้วยคุณค่าที่สร้างสรรค์และอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยตามเจตนารมณ์ของ “ตั้ว” ที่ริเริ่มโปรเจกต์ดังกล่าว
ตั้วเองก็ตอบไม่ได้ว่า ใครเป็นคนที่สั่งห้ามไม่ให้เขาออกรายการเจาะใจ ซึ่งผู้ชมส่วนใหญ่ก็อยากรู้และถามหาคนรับผิดชอบในกรณีดังกล่าว แต่ก็มีเพียง “อั๋น วัชระ แวววุฒินันท์” บอสใหญ่ของรายการเจาะใจที่ออกมายืดอกยอมรับในเรื่องดังกล่าวแต่เพียงผู้เดียว โดยเขาชี้แจงว่าการให้ตั้วร่วมรายการเป็นเรื่องละเอียดอ่อน อีกทั้งยังย้ำว่าการ “แบนตั้ว” ครั้งนี้เกิดจากการตัดสินใจของเขาแต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับผู้ใหญ่ของช่องแต่อย่างใด
ซึ่งตลอดการชี้แจง นอกจากจะย้ำว่าการแบนตั้วเป็นการตัดสินใจของเขาเพียงผู้เดียวแล้ว อั๋นยังบอกว่าผู้ได้รับผลกระทบที่เขาเรียกว่า “ไอ้ตั้ว” ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นเข้าใจดี
“เพื่อความชัวร์เพราะว่าถ้าอัดรายการแล้วต้องออนแอร์ ถ้าอัดแล้วออนไม่ได้เราก็กังวลเดี๋ยวจะไม่มีเทปสต๊อกในการออกอากาศเพื่อเอาความชัวร์ว่ารายการจะได้ออกอากาศแน่ๆ ก็ให้คนอื่นออกแล้วกันแล้ว มึง(ตั้ว ศรัณยู)อยากสื่ออะไรก็บอกผ่านคนออกรายการแล้วกัน ซึ่งไอ้ตั้วก็เข้าใจ (หัวเราะ) แล้วเขาก็เห็นด้วย เพราะยังไงก็ได้ ก็เลยไม่เห็นภาพไอ้ตั้วอยู่ในรายการ คือ ผมเป็นคนตัดสินใจเอง”
กล่าวโดยสรุป อั๋นบอกว่าได้ติดต่อว่าจะทำรายการในตอน “คนโขน” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่เขาสนใจ และเชื่อมั่นว่าสามารถถ่ายทอดเรื่องราวของโขนและวัฒนธรรมไทยออกมาได้อย่างน่าสนใจ และด้วยความที่เขาสนิทสนมกับตั้วมาก จึงอยากจะช่วยเหลือเพื่อนด้วยการประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เขาก็ยกให้เป็นความผิดของการประสานงานที่ไม่ได้มีการพูดคุยกันในรายละเอียดว่าจะเชิญใครมาร่วมในรายการบ้าง ประกอบกับเรื่องของตั้วเป็นสิ่งที่เซ็นซิทีฟมากสำหรับสังคมไทย และเมื่อเขาถามทีมงานว่าได้มีการทำจดหมายขอไปทางผู้ใหญ่ของช่องหรือยังว่าจะให้ตั้วเป็นแขกรับเชิญอยู่ในรายการ ซึ่งทีมงานตอบว่ายัง และนั่นจึงเป็นเหตุของการตัดสินใจที่จะขอให้ตั้ว ซึ่งเดินทางมาถึงห้องอัดแล้วต้องนั่งเงียบๆ อยู่ที่ด้านหลัง
“เราก็เล่าให้ไอ้ตั้วฟังว่าเป็นความขัดข้องหน้างานเฉพาะกิจนะ ต้องบอกขอโทษด้วยไม่รู้ทางช่องจะมีคอมเมนต์อะไร แต่ก็อยากให้คนโขนได้ออกแน่ๆ ตั้วก็เข้าใจ แต่ไม่ใช่ช่อง5ห้ามไม่ให้ศรัญยูออกรายการ ผมได้คุยกับตั้วแล้ว ซึ่งเขาเองก็พูดว่าเข้าใจตั้งแต่วันนั้นแล้ว
ทั้งหมดนี้ เป็นที่มาของการที่ไม่มี “ตั้ว ศรัณยู” ในรายการเจาะใจ ทั้งๆ ที่นำเสนอเรื่องของภาพยนตร์เรื่องคนโขน แม้ว่าตั้วเองจะยอมรับว่ารายการในวันนั้นนำเสนอเนื้อหาของคนโขนออกมาได้อย่างครบถ้วน แต่ภายในใจของผู้ชมหลายคนก็ยังติดค้างว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนเป็นการลิดรอนสิทธิของตั้วในฐานะคนสร้างสรรค์งานศิลปะหรือไม่
“ผมว่ามันก็ไม่ได้ลิดรอนสิทธิตรงไหนเลยนะ มันการโปรโมตในเรื่องดีๆมากกว่า เราเองก็เหมือนกับผู้จัดการรายการ เราก็ต้องทำตามความเหมาะสม ถ้าเรามีเวลาในการขอทางช่องก็อาจจะไม่มีปัญหาก็ได้” อั๋นสรุปเรื่องดังกล่าวเอาไว้เช่นนั้น
จะถือว่าเป็นการ “สละเรือ” ของบรรดาทหารหาญที่นั่งแท่นบริหารสถานีกองทัพบกช่อง 5 หรือไม่ ไม่มีใครรู้ !? แต่หลังจากที่การเมืองเปลี่ยนขั้ว อะไรหลายๆ อย่างซึ่งโลดแล่นอยู่ในวงการบันเทิงก็เริ่มเปลี่ยนไป เพราะความจริงเรื่องนี้ อยู่ที่ 3 ทหารเสือททบ 5 อย่างพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา (ผู้บัญชาการทหารบก ประธานกรรมการบริหารวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก) , พลโทฉัตรชัย สาริกัลยะ (ผู้อำนวยการสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ประธานโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย) และ พลเอกมาลัย คิ้วเที่ยง (ประธานที่ปรึกษาสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก)
เมื่องานนี้มี “ลูกผู้ชาย” สองคน คนหนึ่งชื่อ “ตั้ว ศรัณยู” ที่ออกมาพูดว่า “ไม่เป็นไร” และยอมรับกับเรื่องที่เกิดขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย อีกหนึ่งคนชื่อ “อั๋น วัชระ” ลูกผู้ชาย(จำเป็น)ที่ออกมายอมรับว่าเรื่องดังกล่าวตนเองเป็นคนคิดแต่เพียงผู้เดียว
ส่วนจะมีตื้นลึกหนาบางหรือมีใครอยู่ “เบื้องหลัง” มากไปกว่านี้หรือไม่ ก็สุดแท้แต่จะคาดเดา แต่ฉากหน้าถือว่างานนี้จบกันที่ “ลูกผู้ชาย” สองคนซึ่งเป็นเพื่อนร่วมรุ่นจากสถาบันเดียวกัน ไม่มีติดค้างอะไร ส่วนใครคนอื่นที่ยังติดใจคงต้องเขียนจดหมาย ส่งอีเมลไปถามคนที่เรียกตัวเองว่าเป็นชายชาติ “ทหารหาญ” กันเองแล้วกัน.
...................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 100 วันที่ 3-9 กันยายน 2554