ต้อนรับการเปิดตัวเองครั้งแรก …พร้อมภาพชุด “เกย์อ้วน” ร่วมก๊วน “Love Bear” หลังจากที่ปล่อยให้ใครต่อใครฉงนสนเท่ห์ในตัว “เบน” ชลาทิศ ตันติวุฒิ กับจริตเกินชายเวลาร้องเพลงบนเวที ยอมรับอย่างเป็นทางการกับรายการไนน์ เอ็นเตอร์เทนท์ เมื่อวันพุธที่ 24 สิงหาคม ว่าชอบไม้ป่าเดียวกัน คบแฟนหนุ่มมานานถึง 8 ปี ไม่ได้ตั้งใจปกปิด แต่ไม่มีใครถาม … นักสืบเสาะแกะรอยยืนยันว่า แฟนหนุ่มที่เบน ชลาทิศ เอ่ยอ้างถึงนี้ ที่แท้คือ “ผู้จัดการส่วนตัว” ชื่อ “ต้น” ที่มักจะหอบหิ้วตามไปไหนต่อไหนด้วยกันเสมอ
จะว่าไปแล้วตัวตนของ “เบน” ไม่ใช่เรื่องลึกลับดำมืดที่ใครต่อใครไม่เคยล่วงรู้ เพราะตลอดเวลาเกือบสิบกว่าปีที่เขาเข้าวงการบันเทิงยืนร้องเพลงด้วยพลังเสียงโหยหวนนั้น ข่าวเมาท์วงในว่าเบน “แอ๊บแมน” ก็เล็ดหลุดออกมาเป็นระยะๆ เพียงแต่ว่าไม่เคยมีใครหรือสำนักข่าวไหนหยิบจับมาเป็นประเด็นจริงจังเลยสักที
เช่นเดียวกับที่เบนเปิดใจกับรายการ ไนน์ เอ็นเตอร์เทนท์ว่า ที่ผ่านมาเขาไม่เคยปิดบังเรื่องเพศตลอดจนการคบหากับ “ผู้ชาย” ของเขา แต่ที่เขาไม่เคยพูดออกมาก็เพราะไม่เคยมีใครถามเขาอย่างจริงจังนั่นเอง
“ผมไม่เคยคุยเรื่องนี้ ผมทำงานมาสิบปีไม่เคยมีใครเปิดประเด็นถามเรื่องนี้ ซึ่งจริงๆ แล้วผมก็ไม่ใช่คนปิดบัง ถ้าเกิดใครอยู่ในวงในที่ทำงานด้วยกันก็จะรู้อยู่แล้วว่าผมกับแฟนก็จะไปทำงานด้วยกันทุกๆ ครั้ง เวลาผมไปทำงานก็จะมีแฟนติดตามไปด้วยตลอดนะครับ”
เพราะเป็นคนเปิดเผยและยอมให้แฟนหนุ่มนามว่า “ต้น” รายนี้ติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยทุกครั้งที่ทำงานนี่เอง ทำให้เกิดข่าวเมาท์ที่ว่า “เบนเป็นเกย์” หลุดรอดออกมาจากวงใน แต่เพราะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัด อีกทั้งเจ้าตัวก็ไม่เคยพูดออกมาตรงๆ จึงทำให้หลายคนเหมาไปว่า “เบนแอ๊บแมน” และปิดบังเรื่องเพศที่เขาถือครอง
แต่สำหรับคนวงในและคนที่ทำงานใกล้ชิดกับหนุ่มเบนต่างรู้ดีว่าเจ้าตัวไม่เคยปิดบังหรือพยายามบิดเบือนเรื่องดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่ว่าเบนจะไปไหน ถ้าแฟนหนุ่ม “ต้น” ว่างก็จะต้องตามติดกันเป็นปาท่องโก๋เลยทีเดียว
“เวลาผมไปไหนมาไหนก็จะมีแฟนตามไปด้วยตลอดนะครับ แต่ไม่มีใครรู้ ไม่มีใครสังเกต ไม่ได้เปิด แต่ก็ไม่ได้ปิด ไม่เคยปิดบัง ผมไม่ได้เป็นคนที่จะต้องพูดว่า เอ๊ะ นี่ฉันมีแฟนๆ อะไรแบบนี้น่ะครับ ผมไม่ได้เป็นโรคแบบนั้น แต่ผมก็ไม่เคยปิดบัง ซึ่งไม่เคยมีใครถาม แต่ถ้ามีคนถามผมก็จะตอบ แต่ว่านี่ทำงานมาสิบปีไม่เคยมีคนถาม”
ความไม่ปิดบังเรื่องเพศของเบนเริ่มปูดออกมาตั้งแต่เมื่อคราวที่เขาถูกกลุ่มวัยรุ่นรุมทำร้ายเมื่อครั้งไปแสดงคอนเสิร์ตที่พัทยา คราวนั้นในเฟซบุ๊กของหนุ่มเบนปรากฏภาพชายหนุ่มคนหนึ่งมาคอยดูแลเทกแคร์เอาใจใส่ และมีข้อความให้กำลังใจตอบโต้กันไปมาในลักษณะที่ “หวานหยด” ตอนนั้นข่าวเมาท์ที่ว่าเบนเป็นเกย์เริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งหนังสือพิมพ์ดาราฉบับหนึ่งนำรูปหนุ่มเบนถอดเสื้อสวมกางเกงว่ายน้ำตัวเดียวกำลังอิงแอบแนบชิดอยู่กับชายหนุ่มอีกคนมาตีพิมพ์แล้วเขียนข่าวในทำนอง “ภาพหลุด เบน ชลาทิศ กับแฟนหนุ่ม!!” เรียกเสียงฮือฮาจากคนอ่านไปไม่น้อย ก่อนที่นักร้องหนุ่มร่างท้วมจะออกมาให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนี้ว่าภาพที่เห็นไม่ใช่ภาพหลุด แต่เป็นภาพที่เขาตั้งใจถ่ายและตั้งใจโพสต์ลงในเฟซบุ๊กซึ่งเป็นสื่อสาธารณะ ซึ่งเบนก็บอกเป็นนัยๆ ว่า “เป็นภาพคู่ระหว่างเขากับแฟนที่เป็นผู้ชายอย่างที่เข้าใจกันนั่นแหละ”
ข่าวเมาท์ที่ว่าเบนเป็นเกย์ก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ จนแฟนคลับหลายคนก็เริ่มเข้าใจกันด้วยตัวเองแล้วว่านักร้องที่พวกเขาชื่นชอบไม่ใช่เพศชาย ซึ่งแฟนคลับผู้ชื่นชอบหนุ่มเบนเหล่านั้นไม่มีใครที่ “รับไม่ได้” เลยแม้แต่คนเดียว
เบนบอกต่อ “ไนน์ เอ็นเตอร์เทน” ว่า เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ “ผู้ชาย” มาตั้งแต่เด็กแล้ว ซึ่งครอบครัวก็รับรู้และเข้าใจในตัวตนของเขามาโดยตลอด ซึ่งคนในครอบครัวไม่มีใครต่อต้าน คัดค้าน หรือต่อว่าเขาเลย และนั่นก็ทำให้เบนรู้สึกสบายใจที่จะเปิดเผยความจริงต่อสาธารณชนแบบนี้
“เราเป็นคนที่คุยกับครอบครัวตลอด เวลามีความลับแล้วจะไม่สบายใจ ถ้าเราทำอะไรด้วยความเปิดเผยมันก็สบายใจ ไม่ว่าเราจะก้าวผิดหรือก้าวถูกแต่มันก็อยู่ในเส้นที่เป็นเรา ผมไม่อยากพูดว่าผมเป็นตัวอย่างอะไรอย่างนี้ ผมไม่ใช่ตัวอย่างที่ดี แต่ผมเชื่อว่าการใช้ชีวิตของผมมาจากบนพื้นฐานว่าถ้าเราทำอะไรแล้วไม่เดือดร้อน แล้วก็ไม่ทำร้ายใคร แล้วก็ตัวเองมีความสุข ก็อยากให้ทุกคนเป็นเหมือนกัน เพราะก็อยากให้ทุกคนมีความสุข”
การคบหาดูใจกันในฐานะ “แฟน” ระหว่างเบนกับต้นเกิดขึ้นมาตั้งแต่แปดปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการคบหากันในลักษณะที่เบนเปิดเผยว่า “อยู่ด้วยกันแล้ว” โดยตลอดแปดปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มีทั้งสุขมาก สุขน้อยตามประสาคู่รักทุกคู่บนโลกใบนี้
“ผมก็ใช้ชีวิตเหมือนคู่รักทุกๆ คู่นะครับ ผมเชื่อว่าไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เป็นยังไง ความรักก็จะต้องมีการเรียนรู้ มีการรักกัน หลงกัน ไว้ใจกัน ทะเลาะเบาะแว้งมีเหมือนกันทุกๆ คู่ ทุกๆ แบบนะครับ แล้วก็เราจะประคองความรักได้ยังไง จะเรียนรู้ จะศึกษา แล้วก็จะอยู่ด้วยกันได้ยังไง ผมคิดว่าเรื่องนั้นสำคัญกว่า”
ปิดท้ายการเปิดใจ เบนยอมรับว่าเขากับแฟนอยากมีลูก เพราะว่าเขาเป็นคนรักเด็ก ซึ่งตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่กำลังศึกษาหาวิธีการที่จะมีลูกด้วยกันอยู่ ซึ่งอาจจะต้องศึกษาจากคู่รักที่เป็นชาย-ชาย แบบเขาหรือคู่รักที่ไม่สามารถมีลูกด้วยกันตามวิธีธรรมชาติได้
หลังจากที่เบนออกมาเปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว ในเฟซบุ๊กแฟนเพจของหนุ่มเบนปรากฏว่ามีคลื่นมหาชนเข้าไปให้กำลัใจเบนกันมากมาย เสียงส่วนใหญ่ไปในทิศทางเดียวกันว่า “ไม่ว่าเบนจะเป็นเพศอะไร พวกเขาก็จะยังคงรักเบนตลอดไป” ,“จะขอเป็นกำลังใจให้เบนเสมอ” , “จริงใจดี ตอบตรงไปตรงมาไม่มีแอ๊บ” , “ชอบพี่เบนอยู่แล้ว มาดูข่าววันนี้ก็ยิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลย” บางคนเอ่ยปากยกย่องหนุ่มเบนว่า “เจ๋งมากที่กล้ายอมรับความจริงแบบนี้”
จากกระแสการยอมรับเรื่องเพศของหนุ่มเบนอาจจะทำให้ในอนาคตอันใกล้ เบนน่าจะจูงมือควงแขนแฟนหนุ่มนามว่า “ต้น” รายนี้ไปตระเวนออกรายการต่างๆ เพื่อเปิดเผยเรื่องราวความรักอันทรหดถึงแปดปีเต็มของทั้งคู่ และเมื่อวันนั้นมาถึงนักร้องหนุ่มเสียงคุณภาพก็คงจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องปิดบังหลบซ่อนใช้ชีวิตแบบที่เบนเป็นได้อย่างเต็มที่แน่นอน
...................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 99 วันที่ 27 สิงหาคม - 2 กันยายน 2554
เพลง “ฟลอร์เฟื่องฟ้า + That's The Way (I Like it) และบทสนทนาของ 3 หนุ่มหัวใจเดียวกัน จาก Three Men & The Big Band Concert ลิขสิทธิ์ GMM Grammy