xs
xsm
sm
md
lg

BEFORE – AFTER “ตั๊ก บงกช” กับชีวิตที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็น.......

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“ตั๊ก บงกช” เปิดหมดใจถึงชีวิตสุดแสบในอดีต เล่นเลิฟซีนแก้ผ้าตั้งแต่เด็ก มีแฟนตั้งแต่อายุ 14 จ๊วบกับผู้ชายจนเป็นข่าว หนีเที่ยวทะเลาะกับแม่ รับเป็นความสุขในอดีตที่คิดว่าชีวิตเป็นของเราไม่สนใจคำห้ามของแม่ กับชีวิตใหม่บนเส้นทางธรรมที่ทำให้ชีวิตได้พบคำตอบมีสติกับความตาย

ถ้าเอ่ยถึง “ตั๊ก บงกช คงมาลัย” ก็คงจะนึกถึงภาพสาวอกโตที่เล่นเลิฟซีนตั้งแต่อายุ 14 ถ่ายแบบเซ็กซี่มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และบ่อยครั้งที่มักจะเห็นตั๊กแก้ผ้าในหนังเรื่องต่างๆ เพราะความทุ่มเทให้สมบทบาทแม้จะได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย ประกอบกับข่าวคราวต่างๆ ของตั๊กที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องผู้ชาย ภาพหลุดจ๊วบกับแฟน ทะเลาะกับแม่ และการพูดจาที่ตรงโผงผางจนได้รับฉายา “อึ๋มผ่าซาก” ก็ส่งผลให้ตั๊กกลายเป็นดาราเซ็กซี่ที่ทั้งโด่งดังและฉาวที่สุดควบคู่กันไปด้วย

แต่ตั๊กในวันนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หลังจากที่ “ธนาภา ชีพนุรักษ์” แม่ของตั๊กได้ล้มป่วยลง ผู้หญิงที่ได้ชื่อว่า เซ็กซ์และแสบแบบตั๊กก็เริ่มหันหน้าเข้าหาธรรมะ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจและหวังว่ากุศลจะทำให้แม่หายป่วย การปฏิบัติธรรมมาตลอดระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมาทำให้ตั๊กในวันนี้ดูเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว

เป็นข่าวฉาวทำตัวแรงบันเทิงผู้จัดการออนไลน์ก็เกาะติดกระแสความแรงของตั๊กมาโดยตลอด ในวันนี้ที่ตั๊กเปลี่ยนไป เราจึงไม่พลาดที่จะนำเสนอเรื่องดีๆ เช่นกัน

“ที่ผ่านมาตั๊กไม่ได้หายไปไหนแต่ไปดูแลแม่ ก็มีงานติดต่อเข้ามาแต่ตั๊กรับไม่ได้เพราะไม่มีเวลาเลย ก็เป็นช่วงที่เราไม่ได้ทำงานแต่ว่าตั๊กก็มีเงินเก็บส่วนหนึ่ง เราไม่ได้ทำงานแต่ตั๊กก็ไม่ได้ใช้จ่ายอะไรนอกจากค่าใช้จ่ายเรื่องพยาบาล ก็หายไปประมาณ 1 ปี สำหรับนักแสดงที่หายไปขนาดนี้ก็เสียรายได้ไปเยอะเหมือนกัน แต่มันก็เป็นสิ่งที่เราจะต้องเสียสละ”

“แต่พอดีมันมีงานเก่าที่เราทำไว้และมันมาออกช่วงที่เราไม่มีงานพอดี อย่างหนังเรื่องป็อบสตาร์ , ปายอินเลิฟ ซึ่งตั๊กไปกำกับไว้ พอมันออกมาตั๊กก็ได้เงินส่วนแบ่งและก็ได้เงินจากการออกอีเว้นท์ของหนังด้วย เราก็เอามาใช้จ่าย ชีวิตคนเรามันไม่แน่ไม่นอนเลยจริงๆ ตั๊กไม่คิดเลยว่า แม่จะเป็นขนาดนี้เพราะก่อนหน้านี้เขาก็แข็งแรง อาจจะมีอาการหน้ามืดบ้าง หายใจไม่ออกบ้าง แต่ก็ไม่คิดว่าจะเป็นหนักถึงขั้นผ่าตัด”

“แม่ป่วยเป็นโรคหัวใจตีบ ยิ่งตอนแรกๆ ที่ผ่าตัดมาเขาช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย ตั๊กจะต้องเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวให้เขา ต้องดูแลเขาหมดทุกอย่าง มันทำให้ตั๊กต้องหยุดทุกอย่างเพื่อดูแลเขา ซึ่งตั๊กก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองวิเศษกว่าคนอื่น เพราะตั๊กเป็นลูกแม่ป่วยก็ต้องดูแล ลูกคนอื่นๆ ก็ต้องดูแลแม่เหมือนที่ตั๊กดูแลเหมือนกัน”

“จำได้ว่า วันที่เขาจะต้องเข้าห้องผ่าตัดมันหวิวๆ รู้สึกว่า เนี่ยมันเรื่องใหญ่นะเนี่ย รู้สึกว่าชีวิตเราอาจจะเปลี่ยนก็ได้ มันอาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า แม่จะจากเราไปหรือเปล่า ความกลัวมันใกล้เข้ามา ตั๊กไม่เคยคิดว่า แม่จะตาย ไม่เคยคิดว่าแม่จะไปไหน แม่ต้องอยู่กับเรา แต่มันก็หนักขึ้นมากเรื่อยๆ”

“พอแม่ผ่าตัดเสร็จคราวนี้เบาหวานก็มาขึ้นตา หมอก็บอกว่าแม่ต้องผ่าตานะ ตั๊กก็เลยไม่สบายใจอยากจะทำอะไรที่ทำให้เราสบายใจ พอดีมีคนมาแนะนำว่าไปถือศีลสิดีนะ ไปถือศีลเพื่อเอากุศลให้แม่จะได้สบายใจ แม่จะได้หายไวๆ แม่ก็สนับสนุนเขาเห็นดีด้วย”

“ตั๊กก็ไปอยู่กับพระกับเจ้าไปสวดมนต์ไปเรียนรู้ธรรมะ ไปเรียนรู้การเกิดแก่เจ็บตาย เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องเสียใจมากถ้ามันจะเกิดอะไรขึ้น เรียกว่าไปเตรียมใจและก็ไปสร้างกุศลให้แม่ด้วย พอไปแล้วรู้สึกว่าดีว่ะ เหมือนเราได้ค้นหาคำตอบเจอ คือเราโตขึ้นมาก็ไปเล่นหนังผู้ใหญ่ก็ฝึกให้เป็นดาราเพราะอยากให้เรามีอนาคต เราก็ไปสนใจแต่ผู้ใหญ่ สนใจแต่งาน สนใจแต่สิ่งที่เราจะก้าวไป แต่เราลืมสนใจตัวเอง”

“แต่พอเราเข้าไปในวัดแล้วเหมือนเราได้สนใจตัวเอง แล้วมันทำให้เราเข้าใจชีวิตมากขึ้นว่า ชีวิตมันคืออะไร ชีวิตมันก็เป็นแบบนี้แหละ ชีวิตมันก็คือมนุษย์ มนุษย์ก็ต้องเกิดแก่เจ็บตาย แล้วเราจะไปไขว่คว้าอะไรมันมาก มันไม่มีความยั่งยืน ทุกข์ก็ไม่ยั่งเดี๋ยวมันก็แปลเปลี่ยนไป สุขมันก็แปล๊บเดียว เราก็เป็นแค่มนุษย์แล้วเราจะไปทุกข์ใจกับทุกๆ วันทำไม เดี๋ยวมันก็เปลี่ยน”

“พอได้ไปสัมผัสมันทำให้ตั๊กรู้สึกชอบ ชอบเรื่องธรรมะ ชอบที่จะแสวงหาไปอ่านหนังสือ ไปบวชบ่อยๆ เพื่อที่จะได้เรียนรู้ นี่ตั๊กก็ไปบวชเข้าๆ ออกๆ มาได้ปีกว่าๆ แล้ว และที่มันน่ามหัสจรรย์มากๆ ก็คือ พอตั๊กไปบวชและก็อธิษฐานว่า ขอบุญที่ทำให้แม่ไม่ต้องผ่าตัดได้ไหม พอกลับมาหมอบอกว่า เลือดหยุดออกแล้วถ้าปล่อยไว้ซักพักก็คงจะมองเห็น แม่ก็เลยไม่ต้องผ่าตัดตา ธรรมะเป็นเครื่องมือมือนำพาชีวิตให้ไปเจอแต่สิ่งดีๆ จริงๆ”

“ตั๊กไปบวชครั้งแรก 3 วันก็ไปนอนห้องเล็กๆ ในห้องไม่มีอะไรเลยนอกจากหิ้งพระ แม่ชีก็บอกอยู่ได้นะ เราก็อืม...แล้วหนูจะนอนกับใครคะ แม่ชีก็อ้าว....เธอกลัวผีเหรอ เราก็กลัวแหละแต่ไม่กล้าบอก(ยิ้ม) แม่ชีก็เลยให้คนมานอนด้วย พี่เขาเป็นอาจารย์อยู่ที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง เขากลุ้มใจเรื่องลูกศิษย์ดื้อมากจะลาออกก็ไม่อยากลาออกเพราะอยากจะดูแลเด็กให้เรียนมันจบไป เพราะเด็กมันดื้อมากติดยาสูบบุหรี่”

“เราก็เลยได้เพื่อนเรียนธรรมะ ก็ไปปฏิบัติด้วยกัน นั่งสมาธิด้วยกัน เวลาจะตื่นนอนก็ผลัดกันปลุก พอปฏิบัติทุกอย่างเสร็จ 2 ทุ่มต้องเข้านอน เราก็คุยกันพี่เขาก็ปรึกษาว่าทำไมเด็กมันดื้อจัง เราเองก็เคยเป็นคนดื้อมาก่อนก็ให้คำปรึกษาเขา เราให้คำตอบเขาได้เขาก็รู้สึกดีใจ”

“และพี่เขาก็เล่าให้เราฟังว่า เขารู้สึกยังไงกับข่าวต่างๆ ของเรา เขาบอกว่า เขาเห็นตั๊กทำงานเยอะและมีคนพูดถึงตั๊กในทางที่ไม่ดีเยอะ เขาก็คิดว่าตั๊กคงเครียดและก็บอกว่า ดีแล้วแหละที่มาบวชจะได้มีอะไรดีๆ เข้ามา ตั๊กก็บอกว่า มันเป็นแบบนี้แหละวงการมันเป็นแบบนี้แต่ตั๊กไม่เคยทำใจได้ พี่เขาก็บอกว่า จริงๆ การที่เป็นตั๊กตรงนี้ ได้อยู่ตรงนี้ ใครๆ ก็อยากมาอยู่ตรงนี้นะ แต่คนเราเวลาที่อยู่ใกล้กับอะไรมากเกินไปมักจะมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง อยากที่จะแสวงหาอะไรใหม่ๆ”

“ซึ่งพี่เขาพูดถูกที่เราเบื่อที่เราเป็นแบบนั้นทั้งที่ชีวิตเรามันดีกว่าใครหลายๆ คนเพราะเราไม่รู้จักพอ พี่เขาก็สอนเรื่องปรัชญาชีวิต ทำไมคนจนถึงอยากรวย เพราะคนจนไม่มีเงิน แต่คนรวยแล้วทำไมถึงอยากรวยอีก ทำไมถึงไม่รู้จักพอ มันก็เหมือนตั๊กพอเป็นคนของประชาชนแล้วกลับไม่สบายใจเพราะไม่เป็นส่วนตัว แล้วทำไมเราไม่ทำใจให้ได้ว่า พอเป็นดาราแล้วมันจะไม่มีความเป็นส่วนตัว”

“คือพอเราได้เข้าธรรมะแล้วมันเป็นอะไรที่เราไม่ต้องไปหาคำตอบที่เราสงสัยจากไหน ธรรมะเป็นวิชาเบื้องสูงเหมือนการค้นหาตัวเอง ซึ่งการค้นหาตัวเองเป็นเรื่องที่ยากที่สุด คนอาจจะรู้สึกว่า การได้เรียนรู้ในสิ่งรอบตัวเป็นเรื่องยาก แต่ตั๊กว่าการรู้จักตัวเองยากกว่า แล้วถ้ารู้จักตัวเองตั้งแต่เด็กๆ โดยที่ไม่ต้องเจอทุกข์แบบนี้มันก็คงจะดีกว่า แต่คนเรามันเป็นแบบนี้ มันต้องเจอทุกข์ก่อนมันถึงจะรู้สึก คือถ้าแม่ไม่ป่วยตั๊กก็ไม่มาเป็นอะไรแบบนี้”
บางระจัน ภาพยนตร์เรื่องแรกที่ ตั๊ก แสดง
ภาพยนตร์ขุนแผน กับเลิฟซีนของ ตั๊ก ที่ฮือฮา
ตั๊ก กับ แม่ ในวันที่ชื่อเสียงโด่งดังสุดขีด
ส่วนหนึ่งในภาพยนตร์ป็อบสตาร์
BEFORE “ตั๊ก บงกช” สวย เซ็กซ์ พูดจาแรง มีแฟนตั้งแต่อายุ 14 เล่นเลิฟซีนตั้งแต่เด็ก หนีเที่ยว ทะเลาะกับแม่
“พอแม่เขาไม่สบายมันทำให้เรากลับมาคิด อะไรที่เขาเคยขอตั๊กแต่ตั๊กไม่ได้ทำให้เขา ตั๊กรู้ว่าเขาอยากให้ตั๊กเป็นยังไง ตั๊กก็เลยทำให้เขาโดยที่เขาไม่ต้องเอ่ยปาก อย่างเรื่องที่ตั๊กไปถือศีล แม่เขาก็ไม่ได้บอก แต่ตั๊กเห็นเขาไม่สบายเราเห็นเขาจะต้องถูกหมอเจาะเลือด ต้องเชคร่างกายโดยวิธีการใดๆ ที่ทำให้เขาเจ็บ มันทำให้ตั๊กรู้สึกสงสารแม่ คือเขาเจ็บทางกายมันมากพอแล้ว ไม่อยากให้เขาเจ็บทางใจ ตั๊กอยากทำอะไรให้เขารู้สึกดี ทำให้เขาสบายใจ ไม่อยากทำให้เสียใจ หรือรู้อะไรแล้วผิดหวังเราจะไม่ทำ มันต่างกับสมัยก่อนที่เราจะคิดว่า มันเป็นเรื่องของตั๊กนะ ชีวิตเราน่ะ”

“เมื่อก่อนตั๊กจะค่อนข้างทะเลาะกันกับแม่ มันมีหลายๆ อย่างที่เราเห็นไม่ตรงกัน อย่างเช่น ตั๊กมีความคิดอยากจะทำงานหนัง แต่แม่บอกว่า เป็นนักแสดงดีกว่าที่จะไปเหนื่อยทำงานแบบนั้น เราก็รู้สึกไม่ดีทำไมไม่ให้ทำ เราก็แอบไปทำหนัง เขาก็รู้แค่ว่าเราไปทำงานแต่ไม่รู้ว่าเราไปทำหนังไปเป็นผู้กำกับ จนพอเขารู้ความจริง เขาก็จะบอกว่า มันเหนื่อยมากเลยนะไปทำทำไม ทำไมไม่เอาเวลาไปดูแลตัวเองให้สวยๆ และก็ไปรับงานนักแสดง ทำไมถึงต้องไปทำให้ตัวเองเหนื่อย มันก็เป็นเรื่องให้เราทะเลาะไม่ค่อยพูดกัน”

“คือตั๊กเป็นคนที่ทำงานตั้งแต่เด็ก ทำตั้งแต่อายุ 14 และอยู่ในวงการหนังมาโดยตลอด พอตั๊กเล่นหนังมาหลายๆ เรื่อง ตั๊กก็อยากทำงานเบื้องหลังเพื่อที่จะให้ได้เงินเพิ่มมากขึ้น เพราะเป็นนักแสดงมันได้ค่าตัวแต่ไม่ได้ส่วนแบ่ง(ยิ้ม) ตั๊กก็เลยมาคิดว่า ถ้าเราแสดงเองด้วยและทำหนังด้วยเราได้ส่วนแบ่งด้วยมันก็ดีนะ เราก็เลยไม่ได้คิดว่า เราเป็นดาราเราจะต้องโต จะต้องมีงานอย่างอื่นอีก คิดแต่ว่าอยากทำหนังเล่นหนังและได้เงินส่วนแบ่งด้วย”

“ตั๊กอยากเข้าไปมีส่วนในหนังเช่น การทำโปรดักชั่นดีไซน์ การเป็นผู้กำกับ 1 ผู้กำกับ 2 อย่างเรื่องป็อบสตาร์ตั๊กก็เป็นคนทำด้วย เป็นคนเอาบทไปเสนอพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว (หนังเรื่องนี้ค่อนข้างหวือหวาตั๊กต้องเปลือยกายหน้ากระจก เราเป็นหนึ่งในทีมงานมีส่วนคิดหรือเสนอไอเดียตรงนี้หรือเปล่า) มันเป็นเรื่องของบทฉากนี้มันมีความสำคัญ ไม่ใช่อยู่ดีๆ มาแก้ผ้า ตั๊กเล่นเป็นแม่เลี้ยงของเจ(เจ มณฑล จิรา) และเคยเป็นแฟนเก่ากับเจด้วย เราต้องอยู่บ้านเดียวกัน ฉากนั้นมันมีผลของซีนของหนัง มีผลกับจุดจบ มีผลกับความรู้สึกของนักแสดง”

“ตั๊กว่ามันเป็นเรื่องการทำงาน ตั๊กไม่อยากบอกว่า ตั๊กชอบอะไรที่มันโป๊หรอกนะ แต่เวลาตั๊กเรียนแอ็คติ้งมาครูเขาสอนให้ตั๊กแยกแยะระหว่างคำว่า โป๊ กับ อนาจาร ระหว่าง สวยงาม กับ โป๊ คืออะไรที่มันทำแล้วมันดูได้ไม่รู้สึกว่า อุบาทว์ ตั๊กก็รู้สึกว่าอะไรที่มันใช่ตั๊กก็เล่นน่ะ อะไรที่มันไม่ใช่ตั๊กก็ไม่เล่น มันต้องมีเหตุมีผลไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็มาแก้ผ้า”

“แม่เขาก็ว่าภาพแรงนะ แต่เขาก็รู้ว่ามันเป็นงาน เขารู้มาโดยตลอด รู้ว่าตั๊กชอบหนังและงานของตั๊กมันมีเรื่องเซ็กซี่มาตั้งแต่เรื่องแรกแล้วคือบางระจัน ก็มีฉากเมกเลิฟกับพระเอก ซึ่งตอนนั้นตั๊กอายุ 14 เขาก็เข้าใจว่ามันเป็นงาน แต่มันเป็นเรื่องของสังคมไทย แม่ตั๊กก็มีเพื่อน มีญาติพี่น้อง เขาก็ไม่เข้าใจหรอกว่า ทำไมตั๊กต้องทำแบบนี้ เขารู้แค่ว่าตั๊กเป็นนักแสดงเป็นดารามันไม่มีความจำเป็นต้องไปทำแบบนั้น”

“ไม่รู้สิ....จริงๆ แล้วตั๊กจะบอกว่า มันเป็นเรื่องส่วนตัวในแง่คิดในการตัดสินใจในการทำงานของตั๊กก็ได้ แม่ก็เข้าใจว่าเป็นงานแต่แม่เขาห่วงว่า ภาพมันจะแรงเกินไปกลัวคนดูจะคิดว่าเราจะเป็นแบบนั้น และส่งผลให้มีข่าวไม่ดีต่างๆ ออกมา ซึ่งตั๊กก็บอกแม่เลยว่า ถ้าเราทำให้คนดูหนังเขาเชื่อและเขาสนุก เขาก็คงแยกแยะได้ว่า ระหว่างตั๊กในหนังกับตัวตั๊กจริงๆ มันเป็นยังไง”

“เรื่องความรักก็เป็นอะไรที่ทำให้ตั๊กมีปัญหากับแม่มาตลอด ตอนนั้นเราเป็นเด็กเราก็อยากจะชอบคนที่เราจะชอบมากกว่า แต่มันไม่สมควรเพราะมันมีภาพหลุดออกมาเยอะ และเราเองก็ไม่ได้ระวังตัว มันก็ทำให้แม่ห่วงเข้าไปอีก ก็เลยทำให้แม่ไม่ไว้วางใจในการเลือกแฟน(แม่ไม่อยากให้มีแฟน ?) คือจะมีได้แต่กูต้องเลือกไม่ใช่มึง”(หัวเราะ)

“เขาไม่ค่อยไว้ใจให้ตั๊กเลือกแฟน เพราะแฟนแต่ละคนที่ตั๊กเลือกมันดูสนุกเกินไปหรือเปล่า(ยิ้ม) แต่จริงๆ แล้วเขาก็มีหัวใจเห็นเป็นแบบนั้นเขาก็จริงจังกับชีวิตนะ เพียงแต่ไม่ผ่านในสายตาผู้ใหญ่รูปร่างลักษณะลุคต่างๆ มันอาจจะดูไม่เหมาะสม แต่ในความคิดของตั๊กก็คือ เราไม่เห็นจะต้องมาเถียงกันเรื่องความเหมาะสมไม่เหมาะสม จริงๆ แล้วมันน่าจะอยู่ที่เรารู้สึกยังไงมากกว่า ตั๊กก็อธิบายให้แม่ฟัง แต่เขาก็อาจจะรู้สึกว่ายังไม่ควรจะมีแฟน ก็กลายเป็นมีปัญหาเรื่องนี้อีก”

“ตั๊กเปิดตัวว่ามีแฟนตั้งแต่อายุ 14 ตอนนั้นคบกับพี่เปิ้ล(นาคร ศิลาชัย)ตั๊กยังเด็กมากพี่เปิ้ลมีสิทธิ์โดนจับอ่ะ(หัวเราะ) แม่เขาก็รู้สึกว่ามันคนละวัยเราอายุห่างกันมาก แต่ด้วยความที่ตั๊กทำงานตั้งแต่เด็ก ตั้กมีความเป็นผู้ใหญ่และก็ไม่ได้มองโลกในด้านที่เคยผ่านชีวิตมาก่อน แต่มองแบบอยากมีความสุขทุกวัน อะไรที่มันทำแล้วไม่ผิดก็อยากทำ ซึ่งมันก็ไม่ผิดหรอกแต่แนวทางของผู้ปกครองตั๊ก เขาไม่อยากให้เราเป็นอย่างนั้น”

“แต่แม่เขามองว่าตั๊กยังเด็กและตอนนั้นกำลังมีชื่อเสียง เขาก็กลัวว่าเป็นเด็กแล้วเปิดตัวแฟนมันอาจจะไปเร็ว แต่ตั๊กก็รู้สึกว่า ก็มีแฟน ก็แค่มีแฟน แม่ก็จะบอกว่า ตั๊กเป็นคนของประชาชนนะ ตั๊กจะต้องเลือกแฟนที่เหมาะสม เราก็ไม่รู้หรอกนะว่า เราคนชอบที่แปลกหรือยังไง เพราะเขาก็เป็นคนดี แต่คงเป็นเพราะเราอายุห่างกันเยอะมาก 20 ปี แม่เลยว่าไม่เหมาะสม แต่เขาก็ทำตัวไม่แก่เลยนะ”(หัวเราะ)

“เรื่องเที่ยวก็เหมือนกัน เมื่อก่อนตั๊กจะรู้สึกว่า ตั๊กก็อยู่กับแม่รักแม่ ทำไมแม่จะต้องห้ามให้ตั๊กไปเที่ยว อย่างตั๊กทำงานมาเหนื่อยมาก ทำงาน 4 - 5 วันไม่ได้หยุดเลย พอวันหนึ่งเพื่อนชวนออกไปข้างนอกกันไหมมาเจอเพื่อนไหม ตั๊กก็อยากออกไป แม่ก็บอกไปไม่ได้มันจะเป็นข่าว ตั๊กก็เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำงาน เราก็เหนื่อยกับการทำงานเต็มที่แล้วนะ แต่ทำไมไม่ให้เราไปเที่ยวบ้าง ไม่ให้เราไปพักผ่อนบ้าง ทำไมไม่ให้เรามีชีวิตวัยรุ่นบ้าง บางครั้งเราก็ไม่ฟัง พอเขาบอกไม่ให้ไปเราก็ไปนะแล้วก็ไปเลย”(หัวเราะ)

“มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ตั๊กจะไปคอนเสิร์ตแต่แม่ไม่อยากให้ไป คือก่อนจะเป็นนักแสดงตั๊กเป็นดีเจอยู่ที่เชสเตอร์กริลล์ที่สยามก็ต้องไปสัมภาษณ์ตามงานคอนเสิร์ต พอดังปุ๊บแม่ก็ไม่อยากให้ไป เขาก็เลยวางยานอนหลับก็หลับไปเลย ตื่นขึ้นมาเราก็งงๆ แต่ก็ไม่โวยกลัวเขาด่า”
ขณะเล่นเรื่องไฉไล
แม่ ป่วยเข้าโรงพยาบาลจุดเปลี่ยนชีวิต ตั๊ก
อำมหิตพิศวาท ภาพยนตร์ฆาตกรรม
ตั๊กจัดได้ว่า เป็นดาราที่เป็นตัวของตัวเองสูง มั่นใจ กล้าที่จะตอบคำถามแบบตรงไปตรงมา ที่ดาราบางคนมักจะเลี่ยงหรือปฏิเสธ แต่เรามักจะได้ยินตั๊กพูดว่า ใช่ค่ะ , จริงค่ะ กับเรื่องบางเรื่องที่ทุกคนอยากจะปกปิด จนทำให้หลายคนมองว่า ตั๊กเป็นคนแรง แรงทั้งการพูดการจา แรงทั้งข่าวฉาว แรงจากภาพเซ็กซี่ แรงกับแม่หนีเที่ยว มีแฟนตั้งแต่อายุ 14
“ตั๊กอาจจะมองแค่งาน มองแค่ความจริง เรื่องจริงๆ มันเกิดขึ้นยังไงตั๊กก็ตอบคำถามไปตามนั้น ก็ตอบไปตรงๆ จะไปอ้อมค้อมทำไม ถามว่าแรงไหมมันก็แรง”

“การเป็นดารามันเหนื่อยนะ เราต้องเจอกับหลายอย่าง บางทีตั๊กก็แสดงออกแบบเอาแต่ใจตัวเองไปหน่อย ซึ่งแม่ไม่เข้าใจ แม่รู้ไหมว่าตั๊กต้องเจออะไรบ้าง ตั๊กจะแค่อยากให้แม่รู้ว่า ตั๊กรู้สึกเป็นยังไง แต่ไม่อยากรู้ความรู้สึกเขา ก็ยอมรับว่าค่อนข้างเอาแต่ใจ อย่างบางทีจะไปดูคอนเสิร์ตแม่บอกอยากจะไปด้วย ตั๊กก็บอกไม่ต้องไปหรอกเดี๋ยวตั๊กไปกับเพื่อน เขาก็แบบจะไปด้วย มึงไปแล้วมีข่าวทุกที ไหนกูไปมั่งดูซิจะมีข่าวอีกหรือเปล่า”(หัวเราะ)

“เมื่อก่อนตั๊กจะโดนถ่ายบ่อย(โดนแอบถ่ายปาปารัสซี่) แม่ก็จะห่วงแต่ตั๊กจะไม่ค่อยสนใจ อยากจะให้คนดูงานของตั๊กก็พอ อยากให้ดูว่าคนๆ นี้เขามีค่าแค่ไหน ผลงานเขาเป็นยังไง ตั๊กอยากให้คนดูกันที่ผลงาน ดูกันแค่ผลงาน ไม่อยากให้มาสนใจเรื่องส่วนตัว แต่พอยิ่งดังเขาก็ยิ่งสนใจเรื่องส่วนตัวเรามากขึ้น มันทำให้เรารู้สึกอึดอัดกดดัน หลายครั้งที่ตั๊กเคยวีนและเบรกแตกกับคนอื่น เพราะเราไม่อยากให้เขาว่าเราแบบนั้น แต่แทนที่เราจะไปอธิบายให้เขาฟัง แต่เรากับพูดกับเขาแรงๆ”

“ด้วยความที่เราทำงานตั้งแต่เด็ก พอเข้าวงการตั๊กก็เลิกเรียนหนังสือแล้วมันก็ทำให้ตั๊กรู้สึกว่า สังคมที่เราอยู่มันจะแบบทำงานนี้ไปแล้วก็มีชีวิตส่วนตัว มันวนเวียนอยู่แค่นี้ ไม่ได้มองว่า เราเป็นคนของประชาชนไม่ได้ยอมรับว่า เราจะต้องเสียความเป็นส่วนตัว ตอนนั้นจะแอนตี้แล้วก็ไม่ชอบ”

บางทีพอมีข่าวออกมา แม่เขาก็มาถามในฐานะที่เขาเป็นคนดูเป็นคนฟัง เราก็จะแบบนี่มันอะไรเนี่ย แม่เชื่อเหรอ นี่มันเป็นตั๊ก ตั๊กก็เป็นตั๊ก งานเราก็ทำแล้ว นอกเวลาเราก็แค่ไปเที่ยวเฉยๆ เที่ยวก็แค่ไปกับแฟน ซึ่งแฟนเนี่ยแม่ก็รับไม่ได้อยู่แล้ว แม่ก็เลยว่าไปเที่ยวกันทำไม เขาก็บ่นๆ ไป พอมันหลายๆ เรื่อง เรื่องละนิดๆ แต่มันก่อตัวขึ้น กลายเป็นว่า เราคุยกันไม่ได้ทุกเรื่อง ก็กลายเป็นห่างกันหน่อย”

AFTER “ตั๊ก บงกช” รู้ถึงบาป-บุญ เข้าใจความรู้สึกของแม่ เลิกเหวี่ยงใจเย็น
“พอมองกลับไปอดีตก็ทำให้เราคิดได้ว่า เราก็ทำให้แม่เสียใจมาเยอะเหมือนกัน ตั๊กจะชอบเถียงแม่เพราะเราไม่ค่อยเข้าใจกัน และเราก็อยู่กันแค่สองคนก็เลยมีเรื่องให้เถียงกันเยอะ บางเรื่องเรารู้ว่าเราผิดแต่เราไม่รู้สึกว่าแม่จะรู้สึกยังไง แต่พอเห็นแม่ไม่สบายแล้วเรารู้สึกสงสารเขา ก็เลยคิดว่าอะไรที่แม่สบายใจตั๊กจะทำ เพราะตั๊กอยากให้เขามีชีวิตอยู่เพื่อเห็นตั๊กมีความสุข เพื่อเห็นเราได้ดี ไม่อยากมีปัญหากับเขาอีก”

“ตั๊กก็ทำให้เขาทุกอย่าง ก็ต้องทำให้ทิ้งความฝันของตัวเองไปบ้าง คือแม่ตั๊กไม่สบายช่วงที่ตั๊กกำลังจะทำหนังอีโมชั่นเลิฟ พอตั๊กทำงานไปด้วยดูแลแม่ไปด้วยมันก็ไม่ได้เพราะเราต้องเดินทางบ่อยก็เลยยกเลิก ผู้ใหญ่เขาก็งงว่าทำไมตั๊กยกเลิก แต่แม่เขาก็รู้สึกดีที่ตั๊กมาดูแลเขา”

จากที่เคยมีความเป็นตัวของตัวเองก็เปลี่ยนใหม่ เรากลับไปคิดถึงแม่มากขึ้น ทำไมเขาถึงอยากให้เราเป็นแบบนี้ อ๋อ...เป็นเพราะเขารักเรานี่เอง เหตุผลคือเขารักเรา เช่น แม่อยากให้เราเป็นคนใจเย็น ใจเย็นเพราะอะไร เพราะไม่อยากให้เราหงุดหงิด ไม่อยากให้เราเสียใจ เพราะสุดท้ายแล้วคนที่เจ็บปวดก็คือตัวเราเอง ถ้าเราใจเย็นเราก็มีความสุข แม่คงอยากให้เรามีความสุข”

“พอเราคิดถึงตรงนี้มันคือความหวังดีกับแม่ งั้นเราก็ลองใจเย็นดูมันจะดีกับตัวเราไหม มันก็ทำให้ตั๊กรู้สึกดีขึ้น ทำอย่างที่แม่บอกมันก็ดีเหมือนเดิมตามผู้ใหญ่หมาไม่กัด ถ้าเราเดินตามแม่ตั้งแต่แรกก็คงจะดีกว่านี้”(หัวเราะ)

“ที่ผ่านมาตั๊กทำให้แม่ปวดหัวมาก เขาเป็นแม่ของดาราที่มีข่าวเยอะมาก ข่าวเยอะไป แล้วงานที่ทำก็แบบ.... หนังก็โป๊หวือหวาเยอะ เดินแบบก็โชว์ มันคืองานของตั๊กแต่มันทำให้แม่ต้องรับศึกหนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องข่าวของตั๊กหรือว่าภาพลักษณ์ ซึ่งแม่เขาเป็นคนที่ห่วงและเป็นกังวลมาก ทำให้แม่ไม่มีความสุข ตั๊กยังเคยคิดเลยว่า ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ตั๊กจะไม่เป็นนักแสดง เราจะได้ไม่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ ตั๊กไม่อยากให้แม่แคร์ใครมาก”

“ซึ่งแม่ตั๊กก็เข้มแข็งนะ และก็เข้าใจว่ามันเป็นงาน เขาค่อนข้างเข้าใจโลก แต่ตั๊กรู้ว่าด้วยความเป็นแม่ยังไงเขาก็เป็นห่วง ยังไงเขาก็กังวล แต่วันนี้พอเราเปลี่ยนไปตั๊กรู้สึกว่า แม่สบายใจมีความสุขและก็ภูมิใจในตัวตั๊ก อันนี้เขาไม่ได้บอกตั๊กหรอกแต่เขาไปบอกกับคนอื่นแล้วได้ยิน”

“ตอนนี้แม่ตั๊กดีขึ้นมากแล้วแต่ยังเดินไม่ได้ด้วยตัวเอง ไปไหนก็ยังต้องใช้ไม้เท้า แต่ถือว่าดีขึ้นมากและเขาก็เริ่มไปไหนมาไหนเองโดยที่ไม่มีตั๊ก ตั๊กคิดว่าส่วนหนึ่งคงเป็นเพราะเราไปบวชแล้วเอากุศลให้กับเขา บวกกับที่เขามีความสบายใจที่เราเปลี่ยนไปเพื่อแม่ก็เลยทำให้ร่างกายดีขึ้นด้วย บางคนอาจจะไม่เชื่อเรื่องนี้เพราะเขาไม่ได้เจอแบบเรา แต่ว่า...ไม่รู้สิ แต่ตั๊กรู้สึกว่า ธรรมะมันช่วยให้ตั๊กพิจารณาเหตุผลและสามารถแก้ไขปัญหาได้”

“บางคนอาจจะบอกว่าเว่อร์เกินไปหรือเปล่า อันนี้มันต้องลอง อย่างตอนตั๊กไปบวชใหม่ๆ ใครเจอตั๊กก็จะแบบอุ้ย..มาด้วยเหรอ เพราะภาพลักษณ์เรามันไม่น่าจะมาทางนี้ แต่พอหลังๆ เขาเห็นเรามาบ่อยขึ้นก็เริ่มจะชินแล้ว ส่วนใหญ่ทุกคนจะแบบก็ดีแล้วนะที่มาบวชเพราะมีแต่ข่าวไม่ดี ต่อไปจะได้มีอะไรดีๆ เข้ามา”

“การที่เราได้เข้ามาเจอคนอื่นบ้างที่ไม่ใช่คนในวงการเราถึงได้รู้ว่า จริงๆ แล้วเขาก็ไม่ได้อะไรมากมายกับตั๊ก คนอื่นเขาก็มีเรื่องส่วนตัวที่จะต้องคิด เขาจะมาสนใจเรื่องเราทำไม เขาไม่ได้อ่านข่าวเลยด้วยซ้ำ ที่ผ่านมาเรามันคิดฟุ้งซ่านไปเอง ตอนนี้ตั๊กเลยไม่คิดมากแล้วว่าพอโดนข่าวแล้วมันจะเจ็บ เรามองอะไรที่มันกว้างขึ้น”

ธรรมะก็เซ็กซี่ได้ สิ่งสำคัญคือการมีสติ รู้หน้าที่ มีชีวิตอยู่กับความตาย
ตอนที่ “ตั๊ก บงกช” มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นพลุแตก มีหมอดูชื่อดังคนหนึ่งเคยทำนายไว้ว่า ดวงของตั๊กเป็นดวงที่มีเสน่ห์และต้องมีงานแสดงที่เกี่ยวกับความเซ็กซี่หรือเรื่องเพศถึงจะดังมีชื่อเสียง แต่ในวันนี้ที่ชีวิตตั๊กเปลี่ยนไปหันไปศึกษาธรรมะ ทำให้ชีวิตตั๊กมีความสุขขึ้น แต่ในทางโหราศาสตร์ก็อาจจะไม่ดังเหมือนเดิมก็ได้
“ที่ตั๊กศึกษาธรรมะ ตั๊กไม่ได้ทำเพื่อให้ตัวเองดีขึ้น ตั๊กทำเพราะปัญหาชีวิตของตั๊กเอง การที่ตั๊กเดินทางไปเจอธรรมะมันเป็นเรื่องบังเอิญเป็นความโชคดีของตั๊กที่ได้มาเจอ ส่วนในเรื่องงานเราต้องแยกแยะให้ออกระหว่างความเชื่อกับการกระทำ ความเชื่อคือศรัทธาของตั๊กก็คือ การทำบุญการทำกุศลทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ส่วนการกระทำ ตั๊กชอบงานหนัง การทำหนังให้ดีให้สนุกให้คนเชื่อหนังไม่ขาดทุนเราก็ต้องทำให้มันเต็มที่”

“สิ่งที่หมอดูเคยดูไว้คงเป็นเรื่องที่ผลงาน ถ้าตั๊กทำอะไรที่เกี่ยวกับเรื่องเพศเรื่องอะไรแล้วจะดัง ก็คือตั๊กเป็นผู้หญิงเล่นแล้วคนก็ต้องสนใจเป็นเรื่องธรรมดา เราต้องเป็นนักแสดงที่ดี ครูบาอาจารย์เขาสอนตั๊กว่า การแสดงให้เหมือนหรือสมจริงที่สุดเป็นเรื่องที่ดีมันเป็นงานของตั๊ก มันจะเอามาตัดสินว่า งานของตั๊กเป็นแบบนี้ ตั๊กจะนิสัยเป็นยังไงมันไม่ใช่ มันต้องแยกแยะระหว่างการทำงานกับการเหมารวมชีวิตทั้งหมด”

“เรื่องงานเซ็กซี่มันเป็นการแสดง วันนี้ตั๊กอยากเซ็กซี่ในแบบใหม่ ซึ่งบอกไม่ได้ว่าแบบไหน มันต้องเจอบทที่ถูกใจก่อน ตั๊กไม่ได้บอกว่าจะไม่เซ็กซี่แล้ว เพียงแต่ว่าตั๊กได้รับรางวัลเกี่ยวกับธรรมะและได้มาเจอธรรมะ ทำให้ตั๊กได้มีชีวิตอยู่ในสังคมได้แบบไม่ต้องทรมาน”

“คือเรารู้ว่าชีวิตมันเป็นยังไง รู้สถานะว่าตัวเองเป็นใคร ต้องทำหน้าที่อะไร คืองานมันก็คืองาน เราก็ต้องทำออกมาให้ดี แต่เรื่องส่วนตัวเราจะไม่หวือหวา ถ้าจะหวือหวาจะเป็นในหนังหรือในเรื่องงานที่ต้องทำ แต่ต่อไปนี้จะไม่มีใครเห็นภาพส่วนตัวที่หวือหวาอย่างภาพปาปารัสซี่ มันจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว”

“เชื่อไหมพอเราเปลี่ยนไป เราทำให้แม่มีความสุขเราก็มีความสุข การงานของตั๊กก็ดีขึ้น งานตอนนี้ก็มีเข้ามาเรื่อยๆ ก็มีซิทคอมแล้วก็มีแม่นาค 3 มิติที่กำลังจะออก และก็มีหนังของพี่ปื๊ด(ธนิตย์ จิตนุกูล) นอกจานั้นแล้วตั๊กกำลังจะทำหนังซึ่งมันปวดหัวมาก เพราะตั๊กกำกับเองเขียนบทเอง แต่ยังบอกไม่ได้ต้องทำให้สำเร็จก่อน”

“ตั๊กคิดว่าการปฏิบัติธรรมมันมีส่วน ตั๊กก็เคยถามแม่ชีเหมือนกันว่า ทำไมชีวิตตั๊กดีขึ้น ท่านก็บอกว่า เพราะว่าวันนี้เรากระทำในสิ่งที่ดี มันก็เลยทำให้วันต่อไปมันเป็นเรื่องที่ดีๆ คือคนเรามันอยู่ที่การกระทำ ณ วันนี้ ถ้าอยากเจออะไรที่ดีๆ ก็ทำดีตั้งแต่วันนี้และวันหน้าจะดีแน่นอน”

“คือเราไม่ต้องไปดูหมอหรอก ให้ดูใจตัวเอง ดูว่าวันนี้เราทำดีหรือยังและผลลัพท์มันจะออกมาในวันข้างหน้า อย่างสมัยก่อนตั๊กจะอยากทำให้เสร็จแล้วก็ไปเที่ยวต่อ ซึ่งการไปเที่ยวตั๊กรู้ว่าทำให้แม่ไม่สบายใจแต่ตั๊กก็ไปไม่แก้ไขปัญหานี้ มันก็เลยมีปัญหาตามมาเช่น มีข่าวว่าแม่ไม่ชอบ พอแม่ไม่ชอบก็มีปัญหาในเรื่องการไว้วางใจ เขาไม่ไว้วางใจที่จะปล่อยให้เราไปไหนมาไหน มันจะเป็นปัญหาต่อๆ ไป”

“พอเราได้เรียนรู้ธรรมะมันทำให้เราเห็นเหตุเห็นผล ทำให้เรารู้ว่า โอเคเรารู้ว่าแม่ไม่ชอบอะไร แล้วเราเป็นลูกแม่ เราก็ควรจะทำอย่างที่แม่ต้องการ พอเราทำอย่างที่แม่ต้องการแล้วเราขอแม่ในบางเรื่องที่แม่อยากได้ แม่เขาก็ให้เรานะ เช่น เรื่องแฟน แม่หนูขอมีแฟน หนูจะหาคนที่เหมาะสมกับหนู หนูจะหาคนที่ดีกับหนู หาคนที่แม่ปฏิเสธไม่ได้ ตั๊กขอแม่เรื่องนี้ไปแล้ว(ยิ้ม) แม่ก็บอกดี...ดีเลย แม่อยากให้ตั๊กหาคนที่ดูแลตั๊กได้ หาคนที่มาเติมเต็มความฝันของตั๊ก ดีเลยทำเลยถ้ามีเข้ามาก็คบไปเลย แม่เขาไว้ใจเราแล้วเพราะเราทำตัวดี”

“ทุกวันนี้ตั๊กมีชีวิตอยู่กับคำว่าตาย คือเมื่อก่อนจะไม่คิดเลยถึงได้ใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ แต่พอแม่ป่วยมันทำให้ตั๊กคิดเรื่องตาย คิดแต่ไม่กลัวนะ เพราะเรารู้ว่ามนุษย์เกิดจากอะไร และไปแบบไหน เราต้องตายหมดตั๊กไม่กลัว จริงๆ แล้วการตายมันไม่ได้ทำให้เปลี่ยนในด้านของการไปแล้วมีความสุขขึ้น”

“อย่างสมมติเราฆ่าตัวตายเพราะหนีคุก ตั๊กไม่คิดว่าตายไปแล้วจะหนีได้จะมีความสุขได้ เพราะว่าจิตวิญญาณมันทุกข์ จิตใจทุกข์ ไปอยู่ภพภูมิไหนมันก็ทุกข์ สิ่งที่ตั๊กห่วงอย่างเดียวตอนนี้ก็คือ ตั๊กไม่อยากตายก่อนแม่ ตั๊กอยากจะดูแลแม่ แต่เราก็กำหนดอะไรไม่ได้”

“พอเรารู้ตัวเรื่องความตายมันทำให้เราไม่ต้องไปห่วงผลประโยชน์อะไรเยอะแยะ ไม่ได้คิดจะไปหาโน่นหานี่ เพราะที่สุดแล้วชีวิตมันไม่มีอะไรมันว่างเปล่า เมื่อก่อนตั๊กจะมีความสุขกับการทำหนัง ตั๊กทนทุกเรื่องเพราะรักงานหนัง แต่ตอนนี้ความสุขของตั๊กก็คือ การได้อยู่ร่วมกับทุกคนอย่างมีความสุข ตั๊กไม่รู้สึกทุกข์ถ้ามีคนจะพูดถึงในแง่ไม่ดี ตั๊กเข้าใจคนอื่นมากขึ้น เข้าใจว่าทำไมเขาไม่ชอบเรา พอไม่โกรธมันก็มีความสุข”

“ต้องขอบคุณความกลัวที่ทำให้ตั๊กเข้าหาธรรมะ และก็เพราะความกลัวนี่แหละที่ทำให้ตั๊กเปลี่ยนตัวเอง และทำทุกอย่างให้ดีที่สุดในทุกๆ วัน”
ลีลาเดินแบบเซ็กซี่
ออกงานอีเว้นท์
กำลังโหลดความคิดเห็น