“ทอม แชเรค” ประธานของสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ ต้องออกมาปกป้องการตัดสินใจของสถาบันฯ เป็นการใหญ่ หลังมีการประกาศมอบออสการ์เกียรติยศให้กับ “โอปราห์ วินฟรีย์” ผู้ยิ่งใหญ่แห่งวงการโทรทัศน์ของสหรัฐฯ จนถูกติติงจากหลายฝ่าย ว่าคนทีวีอย่างเธอ ไม่น่าจะเหมาะสมกับรางวัลทางภาพยนตร์
“เธอคือนักแสดงผู้ใจบุญสุนทานที่สุดคนหนึ่งในโลก” ทอม แชเรค กล่าวยืนยันว่าโอปราห์เหมาะสมทุกประการสำหรับ “รางวัล จีน เฮอร์เชลต์” ที่มอบให้กับคนในแวดวงภาพยนตร์ ผู้มีความโดดเด่นด้านการทำงานมนุษยธรรมในแต่ละปี
โดยสถาบันเพิ่งประกาศรายชื่อผู้ที่จะได้รับรางวัลออสการ์เกียรติยศประจำปีที่ 84 เมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งนอกจาก โอปราห์ แล้วยังรวมไปถึงนักแสดงอาวุโส เจมส์ เอิร์ล โจนส์ และช่างแต่งหน้าชื่อดัง ดิ๊ก สมิธ ด้วย
หลังมีการเปิดรายชื่อดังกล่าวออกมา เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ดังขึ้นทันที ทั้งจากประชาชนทั่วไป รวมถึงนักเขียนและผู้สันทัดกรณีในวงการภาพยนตร์อย่าง “แพทริค โกลด์สไตน์” แห่ง Los Angeles Times ที่เรียกการตัดสินใจของสถานบันฯ ครั้งนี้ว่าเป็น “ความเบาปัญญา”
“วินฟรีย์ ทำอะไรดี ๆ ให้กับโลกนี้ไม่น้อย แต่ไม่ก็ไม่น่าจะเพียงพอสำหรับการถูกยกย่องจากออสการ์” โกลด์สไตน์ ให้ความเห็น ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันผู้คนอีกมากมาย
รางวัลดังกล่าวถูกตั้งขึ้นหลังการเสียชีวิตของ “จีน เฮอร์เชลต์” ในปี 1956 ซึ่ง เฮอร์เชลต์ คือนักแสดงในยุคหนังขาวดำ ที่ทำหน้าที่เป็นประธานของ กองทุนการกุศลวงการภาพยนตร์ ถึง 18 ปีเต็ม และยังทำหน้าที่เป็นประธานของสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์อยู่ 4 ปีด้วย
ที่ผ่านมาเคยมีคนดังในวงการภาพยนตร์ที่คว้ารางวัลดังกล่าวมาแล้ว เช่น บ๊อบ โฮป, แฟรง ซิเนตรา, พอล นิวแมน, อลิซาเบ็ธ เทย์เลอร์, ควินซีย์ โจนส์ และเจอร์รี ลิวอิส
ซึ่งในมุมมองของ โกลด์สไตน์ และ นิคกี้ ฟิงก์ แห่ง Deadline.com เชื่อว่า โอปราห์ ไม่เหมาะสมกับรางวัลดังกล่าวเพราะเธอคือ “คนของวงการโทรทัศน์” มากกว่าจะเป็น “คนในวงการภาพยนตร์” แม้พิธีกรคนดังจะเคยได้รับการเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลออสการ์จาก The Color Purple เมื่อปี 1985 สร้างหนังเรื่อง Beloved (1998) และ Precious (2009) ที่ได้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงออสการ์มาแล้วก็ตาม
โดยนักวิจารณ์สังกัดเว็บไซต์ Deadline.com ถามกลับไปที่คณะกรรมการของสถาบันว่า “ไม่มีคนใหญ่คนโตที่ใจบุญสุนทานในวงการภาพยนตร์แท้ ๆ ที่จะเหมาะสมกับรางวัลนี้มากกว่าเธออีกแล้วหรือ? หรือนี้จะเป็นอีกครั้งที่จะปล่อยให้คนรวยและทรงอำนาจมาวางก้าม ซื้อรางวัลเพื่อสนองความหลงตัวเองไปอีกครั้ง”
ส่วน โกลด์สไตน์ ยิ่งมองลึกไปกว่านั้น ว่าสีผิวของ โอปราห์ คือหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เธอคือตัวเลือกกับการได้รับรางวัลครั้งนี้ หลังมีเสียงวิจารณ์จากปีก่อน ว่าออสการ์มีทีท่าเหยียดผิว เนื่องจากไม่มีคนผิวดำคว้ารางวัลสำคัญใด ๆ ได้เลยในบางปี “นี่คือเครื่องการันตีว่าจะมีคนผิวสีได้รางวัลออสการ์กลับบ้าน แม้จะไม่ใช่ในงานแจกรางวัลโดยตรงก็เถอะ”
ขณะที่ฝ่ายของ แชเรค ก็ยังยืนยันว่า โอปราห์ เหมาะสมทั้งในส่วนของคุณสมบัติการเป็นบุคคลในวงการภาพยนตร์ และคุณงามความดีที่ได้ทำมา “เรามีคนจากวงการทีวีมากมายที่มาทำหนังด้วย มันไม่ใช่ประเด็นว่าพวกเขาเหล่านั้นจะมีงานด้านอื่นด้วยรึเปล่า … เธอคือคนในวงการภาพยนตร์ด้วยอย่างแน่นอน และสิ่งที่สำคัญจริง ๆ ก็คือการทุ่มเทต่องานการกุศลของเธอต่างหาก”
แชเรค อธิบายว่า รางวัล จีน เฮอร์เชลต์ มีขึ้นสำหรับบุคคลที่ ประพฤติตนเป็นตัวอย่างในการตอบแทนชุมชน, โลก และสังคม อย่างพิเศษเกินธรรมดา ซึ่งพิธีกรหญิงคนดังนั้นเข้าข่ายโดยสมบูรณ์ “โอปราห์ ให้, ให้, ให้ มาตลอด” เขายังย้ำว่าจนถึงวันนี้พิธีกรคนดังได้มอบเงินส่วนตัวจำนวนถึง 500 ล้านเหรียญฯ ให้กับการกุศล และที่สำคัญเธอยังเป็นสมาชิกของสถาบันศิลปะและวิทยาการภาพยนตร์ด้วย
“เธอเป็นสมาชิกของสถาบัน, เคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และเคยสร้างภาพยนตร์ นี่มันไม่ใช่เรื่องของบุคคลที่มีชื่อเสียง แต่เป็นเรื่องของคนที่เติบโตขึ้นมาจากจุดที่ต่ำ ไต่เต้าสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ และสุดท้ายเลือกที่จะเป็นผู้ให้บ้าง ซึ่งจะเป็นตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบที่สุด ว่ารางวัลแบบนี้มีไว้เพื่ออะไร”
โดยการมอบรางวัลพิเศษทั้ง 3 รางวัลจะมีขึ้นในงาน ที่จัดกันขึ้นเป็นพิเศษในวันที่ 12 พ.ย. ที่ห้องแกรนด์บอลรูม ในฮอลลีวูดแอนด์ไฮแลนด์ โดย “เจมส์ เอิร์ล โจนส์” และ “ดิ๊ก สมิธ” จะเป็นอีกสองคนที่ได้รับรางวัลด้วย ซึ่งคงไม่มีใครสงสัยในความเหมาะสมของรุ่นใหญ่ในวงการทั้งสองท่านอย่างแน่นอน
เจมส์ เอิร์ล โจนส์ วัย 80 ปี มีงานแสดงมาแล้ว 50 เรื่อง เป็นเจ้าของเสียงพากย์สุดยอดอมตะตลอดกาลของ “ดาร์ธ เวเดอร์” ในหนังชุด Star Wars เคยถูกเสนอชื่อชิงรางวัลออสการ์จาก The Great White Hope และยังมีเครดิตการทำงานในหนังดังอย่าง Field of Dreams, Patriot Games และ Hunt for Red October
ส่วน ดิ๊ก สมิธ เริ่มงานในฐานะเมกอัพอาร์ติสกับ NBC ในปี 1945 ได้ออสการ์จากงานใน Amadeus และถูกเสนอชื่ออีกครั้งในปี 1989 กับงานเรื่อง Dad นอกจากนั้นเขายังมีผลงานเด่น ๆ อีกมากมาย อาทิ The Godfather, The Exorcist และ Taxi Driver เป็นต้น สมิธ ยังมีบทบาทกับการปั้นเมกอัพอาร์ติสรุ่นใหม่ให้กับวงการมากมาย จนได้รับการยกย่องให้เป็น “ก็อตฟาเธอร์” สำหรับสายงานการแต่งหน้าในภาพยนตร์กันเลยทีเดียว
โดยการแจกรางวัลครั้งนี้จะไม่ได้ถูกถ่ายทอดสดทางโทรทัศน์ แต่จะมีการนำภาพบางส่วน ไปแพร่ภาพประกอบการถ่ายทอดสดงานแจกรางวัลออสการ์งานหลัก ซึ่งจะจัดกันในเดือน ก.พ. 2012 ต่อไป
เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540 ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000 *ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก |