“ติ๊ก” ออกโรงยัน ไม่ได้เจตนาบุกรุกป่า “ภูคิ้ง” เพื่อถ่ายรายการ แจง ขออนุญาตแล้ว เจ้าตัวย้ำ ทีเซอร์รายการที่เห็น เป็นการถ่ายภาพมุมกว้างจากภายนอก แต่ไม่ได้เข้าไปในพื้นที่หวงห้าม เผย ได้ส่งเทปรายการไปให้กรมอุทยานดูแล้ว ถึงกับยิ้มออก หลังผู้ใหญ่ไฟเขียวให้ออกอากาศได้แต่ต้องแก้ไขบางส่วน ส่วนคดีก็แล้วแต่ดุลยพินิจของตำรวจ
หลังจากพระเอกชื่อดัง “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี” ตกเป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับ กรณีถูกอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สั่งแจ้งความดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า “ภูคิ้ง” ในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ซึ่งเป็นเขตหวงห้ามเนื่องจากเป็นพื้นที่เปราะบาง เพื่อถ่ายทำรายการ “เนวิเกเตอร์” ออกอากาศทางช่อง 3 ถึงกับมีคำสั่งระงับไม่ให้รายการออกอากาศในวันที่ 12 ก.ค.ที่จะถึงนี้
ล่าสุด “ติ๊ก เจษฎาภรณ์” ได้โฟนอินให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์” ทางช่อง3 โดยมี “สรยุทธ สุทัศนะจินดา” และ “ไก่ ภาษิต อภิญญาวาท” เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งพระเอกคนดังยืนยันว่าได้ขออนุญาตตามกฎระเบียบของกรมอุทยานทุกอย่าง ส่วนพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามอย่าง “ภูคิ้ง” เจ้าตัวยืนยันไม่ได้เหยียบเข้าไปในพื้นที่ แต่ภาพที่เห็นในทีเซอร์เป็นเพียงการถ่ายภาพมุมกว้างจากภายนอกเท่านั้น ส่วนเทปรายการล่าสุดได้นำไปให้ผู้ใหญ่ในกรมอุทยานตรวจสอบแล้ว ซึ่งถูกสั่งให้แก้ไขบางส่วน และสามารถออกอากาศได้เหมือนเดิมแล้ว
“ที่ผ่านมาเราได้ทำเรื่องขออนุญาตจากกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ซึ่งเราก็ได้รับอนุญาตแล้ว โดยในสคริปต์มีน้ำตกตาดคล้อ มีทุ่งกระมัง มีภูคิ้ง ซึ่งในตอนที่ทำเรื่องขออนุญาตก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะว่าภูคิ้งไม่ได้อยู่ในประวัติใดๆ ที่ห้ามขึ้นเลย จากที่เราได้ข้อมูลมา จากการเซิร์ทในกูเกิ้ลหรือในเว็บไซต์ต่างๆ ที่เกี่ยวกับเรื่องของการท่องเที่ยว แล้วภูคิ้งก็เป็นสถานที่ท่องเที่ยวมานานแล้ว ใครๆ ก็ขึ้นไป ไม่ใช่เป็นเขตหวงห้ามนะครับ”
“ในกรณีที่หัวหน้าเขต(ดร.กาญจนา นิตยะ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ) บอกว่าเป็นพื้นที่เปราะบางเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่านั้น คือบริเวณของสำนักงานเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพราะบริเวณนั้นมีสัตว์ป่าอยู่ชุกชม เนื่องจากว่าภูมิประเทศเอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยของสัตว์ป่า เพราะมีทุ่งหญ้า มีแอ่งน้ำจืด แต่บริเวณของภูคิ้งเป็นเพียงแค่พื้นที่บนภูเขา ที่บริเวณตีนเขาเป็นพื้นที่เกษตรกรรมของชาวบ้าน แล้วยามว่างชาวบ้านแถวนั้นก็จะเดินขึ้นเขา หาของป่าเก็บสมุนไพรเก็บหน่อไม้”
“และไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ท่องเที่ยวหรือเว็บไซต์ของชัยภูมิเอง ก็มีหลายๆ รายการที่เคยขึ้นไปถ่ายบนภูคิ้ง ซึ่งพื้นที่ภูคิ้งเป็นที่พื้นที่เป็นภูเขาลาดชันข้างบนเป็นทุ่งหญ้าซึ่งเป็นหญ้าสูง แหล่งน้ำจืดไม่มี สัตว์ป่าก็มีแต่ว่าเป็นแค่เส้นทางเดินผ่าน แล้วมุมมองที่เราเดินขึ้นไปก็เป็นอีกเส้นทางนึงที่นอกเหนือจากทางที่หัวหน้าเขตบอก ผมไม่ได้ไปผ่านแหลหินจ้อง ไม่ได้ไปผ่านภูคิ้งแต่อย่างใด แต่เพียงแต่ว่าโอเคเรามีพรรคพวกเพื่อนฝูงพอจะมีใครพาเดินขึ้น ผมเพียงต้องการพูดบทสรุปของเนวิเกเตอร์ในทุกๆ ครั้งในมุมสวยๆ มองเห็นผืนป่ากว้างๆ ที่จะทำให้ทุกๆ คนได้เห็นอีกมุมมองนึงของธรรมชาติ ผมรู้สึกว่าเป็นอีกมุมนึงที่น้อยคนจะมีโอกาสเห็น เด็กหรือผู้สูงอายุเขาจะได้เห็นว่าผืนป่าของบ้านเราเป็นยังไง”
เจ้าตัวยืนยัน จุดที่เจ้าหน้าที่หวงห้ามกับพื้นที่ที่ไปถ่ายรายการคนละที่กัน ที่สำคัญจุดที่ถ่ายรายการออกมาก็ไม่ใช่จุดที่ห้ามถ่ายเช่นกัน
“ผมคิดว่าเป็นคนละที่กัน ผมอธิบายแบบนี้นะครับ คือพื้นที่ภูคิ้งบนภูเขามันกว้างใหญ่ไพศาลมาก เราจะขึ้นมุมไหนมันก็เรียกว่าเป็นภูคิ้งได้หมด เหมือนเขาใหญ่ เราอยู่ทางฝั่งปราจีนเราขึ้นทางฝั่งเขาอีโต้ก็เป็นเขาใหญ่ หรือเราอยู่โบนันซ่าก็เรียกว่าเขาใหญ่ ผมเพียงแต่ขึ้นไปอยู่ในมุมมองมุมเปิดกว้างๆ พื้นที่ที่ผมไปไม่ได้เป็นพื้นที่ห้ามแน่นอน แต่โอเคเป็นเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า แต่ว่าเป็นเส้นทางเดินเท้าของชาวบ้านที่เขาใช้ประจำ ชาวบ้านก็ขึ้นไปเป็นประจำ และนักท่องเที่ยวก็ขึ้นไปเป็นประจำ”
“อย่างตามเว็บไซต์ต่างๆ ลองเซิร์ทคำว่าภูคิ้งดูภาพออกมาเพียบเลยครับ มีทั้งขึ้นไปถ่ายรูปยืนบนก้อนหิน และนอนกับเจ้าหน้าที่ก็มีครับ พักบนนั้นอยู่บนนั้นกินบนนั้น แต่ที่หัวหน้าเขตอ้างว่าเป็นพื้นที่เปราะบาง เราก็รู้สึกว่าไม่ได้เปราะบางอะไรนะครับ เพราะอย่างที่บอกมันเป็นพื้นที่บนภูเขา แล้วข้างล่างก็เป็นพื้นที่เกษตรกรรมล้อมรอบหมดเลย และร่องรอยสัตว์ป่าก็แทบไม่มี มีเพียงแค่ต้นไม้ใบหญ้าพืชพันธุ์ต่างๆ”
เมื่อมุมมองไม่ตรงกันแบบนี้ ทางออกที่ดีที่สุดคือต้องให้กฎหมายเป็นตัวพิสูจน์หรือเปล่า? พระเอกคนดังก็ตอบว่า…
“ผมมองว่าจุดประสงค์เราคือเจตนาดี เนื่องจากว่าเราทำสคริปต์แบบนี้เราได้รับอนุญาตแล้ว ทีนี้ในการเข้าพื้นที่หัวหน้าเขตไม่อยู่ ผมไม่เจอเลยซักวันนึง แล้วก็ช่วงที่ใกล้ๆ จะหมดวันผมได้ขอหัวหน้าเขตว่าจะขอขึ้นภูคิ้ง ซึ่งโดยปกติแล้วผมจะให้ตั้น(พิเชษฐ์ไชย)น้องชายผมเป็นคนประสานงาน แต่ว่าตัวหัวหน้าเองไม่รับโทรศัพท์ ปิดเครื่อง ซึ่งด้วยตัวผมเองพยายามจะอธิบายว่า เราขึ้นไปในฐานะที่ไปเก็บภาพธรรมดา ไม่ได้มีอาวุธอะไรขึ้นไป อาวุธของเราคือกล้องถ่ายภาพ เราไม่ได้ไปล่าสัตว์ไม่ได้ไปเผาป่า ผมต้องการจะอธิบายกับหัวหน้าอย่างนี้ ถ้าเกิดหัวหน้าไม่สบายใจก็ส่งเจ้าพนักงาน ส่งเจ้าหน้าที่หรือขึ้นไปด้วยกันก็ได้”
“ผมแค่ต้องการให้คนไทยได้เห็นทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่ ที่เขาควรจะรู้ และส่งเสริมให้เขาอนุรักษ์ธรรมชาติ ให้เขาได้รู้สึกว่าเขามีส่วนเป็นเจ้าของเหมือนกัน เพียงแต่ว่าการเป็นเจ้าของเขาเอาไปไม่ได้ ซึ่งในรายการผมก็พูดว่าพื้นที่ที่นี่ไม่ใช่พื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เป็นแหล่งเรียนรู้ ถ้าใครจะเข้ามาต้องขออนุญาตจากกรมอุทยานก่อน ผมไม่ได้มีการสนับสนุนการท่องเที่ยวแต่อย่างใด เพราะตัวผมเองทำรายการตรงนี้มา 7 ปี และเราก็ทราบดีว่ากฎระเบียบเป็นยังไง และในการนำเสนอเราก็เข้าใจดี และที่ผ่านๆ มาก็ไม่เคยมีปัญหากับท่านใดเลย”
ย้ำชัด ตอนประสานงานไม่ได้ทะเลาะกับหัวหน้าเขตฯจนเป็นสาเหตุของการขัดแย้ง
“ไม่มีเลยครับ ผมไม่เคยคุยกับหัวหน้าเขตเลยครับ อยากจะคุยแต่ท่านปิดการสื่อสาร ปิดโทรศัพท์ครับ ตั้นมีโอกาสคุยเพราะเขาประสานงานกันอยู่ตลอด ณ ตอนนี้หลังจากวันที่ 18 กรกฎาคม ซึ่งเป็นวันหยุดชดเชยช่วงวันเข้าพรรษา ทางหัวหน้าเขตก็ได้แจ้งมาในเรื่องของการระงับการออกอากาศ ซึ่งตรงนั้นมันก็รู้สึกสะเทือนใจ เพราะว่าสิ่งที่เราตั้งใจทำมามันคือประโยชน์ของพี่น้องคนไทยทุกๆ คน เพราะผมก็สอนทุกคนๆ สอนเยาวชนให้รู้จักรักธรรมชาติ และเห็นคุณค่าตรงนี้ พาไปเห็นในมุมมองที่ไม่มีใครเคยเห็น”
“ผมก็เลยได้นำรายการตอนนี้ไปให้ผู้ใหญ่ทางกรมอุทยานดู อยากจะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของตัวเอง ผมก็เอางานเข้าไปชี้แจง ท่านก็เห็นชอบด้วย ท่านก็บอกว่าเป็นมุมบวกของกรมอุทยานมาก เทปก็ผ่านแล้วครับ แต่ต้องแก้ 2 จุด คือจะเป็นจุดที่ผมหยิบต้นไม้ใบหญ้าอะไรขึ้นมา แล้วผมก็บอกว่านี่คือกระชายเล็ก ตรงนี้คือให้เอาออก และมีตัววิ่งนิดนึงว่า ภูคิ้งไม่มีนโยบายให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ถ้าเกิดจะเข้ามาต้องขออนุญาตจากกรมอุทยานก่อน”
“ซึ่งผมก็ทำเรียบร้อยและส่งเทปกลับไป และผู้ใหญ่ทางกรมอุทยานแห่งชาติได้ดูหมดแล้ว รวมถึงท่านอธิบดีกรมอุทยานด้วย แต่คุณกาญจนา(หัวหน้าเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าฯ)ผมไม่ทราบ แต่คิดว่าน่าจะได้มีโอกาสเข้าไปดูด้วยแล้วเพราะทุกคนคงต้องเข้าไปอธิบายชี้แจงข้อเท็จจริง ตอนนี้คือผ่านแล้ว แล้วท่านอธิบดีกรมอุทยานก็ออกหนังสือให้แล้วว่าอนุญาตให้ออกอากาศได้ เพียงแต่ต้องแก้ตามที่เรียนไปครับ”
“ในส่วนของคดีผมมองว่าก็ต้องแล้วแต่ดุลยพินิจของตำรวจว่าจะพิจารณาอย่างไร แต่ในส่วนที่เราเข้าไปในพื้นที่เรายอมรับผิด แต่เราไม่ได้มีเจตนาประสงค์ร้ายกับผืนป่าแต่อย่างใด เพราะผมเองก็รักและหวงแหนผืนป่าเหมือนกัน”
ขณะที่ทางฝ่ายของ “ดร.กาญจนา นิตยะ” หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) อ.คอนสาร จ.ชัยภูมิ ก็ได้ออกมาชี้แจงถึงเหตุผลในการสั่งระงับอีกครั้ง โดยยืนยันว่าจุดที่พระเอกคนดังเข้าไปถ่ายเป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไปอย่างแน่นอน พร้อมกับอธิบายว่า ที่ผ่านมามีความพยายามจากหลายฝ่ายที่จะให้ภูคิ้งเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่เนื่องจากเป็นเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่า ซึ่งมีวัตถุประสงค์ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ป่า เนื่องจากป่าภูเขียวเป็นพื้นที่ที่อุดมสมบูรณ์มีทุ่งหญ้ากว้างๆ เป็นแหล่งอาหารตามธรรมชาติของสัตว์ทางภาคอีสาน ไม่เหมาะที่จะเป็นแหล่งท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นจึงจำเป็นต้องเข้มงวด
ฉะนั้นจึงเกรงว่าถ้ารายการออกออกอากาศไป กลัวว่าคนจะแห่กันมาเที่ยว ซึ่งเจ้าหน้าที่จะรับมือไม่ไหว และที่ต้องแจ้งความก็เพราะภาพตัวอย่างของรายการ และชื่อตอนระบุชัดเจนว่าไปภูคิ้ง ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปถ่ายทำ ส่วนที่ทางรายการชี้แจงว่าไม่ได้เข้าไป แค่ถ่ายภาพอีกจุดนึงนั้นก็ต้องไปว่ากันตามข้อเท็จจริงกับตำรวจ เพื่อไปพิสูจน์ต่อไป แต่เท่าที่ดูภาพตัวอย่างมีภาพที่มีเต้นท์ที่ถูกลมพัด ก็น่าจะเป็นจุดที่เป็นพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป