ยุวดี บุญครอง ณ วันนี้ สวนกระแสหลายเรื่อง มากราวกับประเด็นสังคม ไม่ว่าจะเป็นผู้พา “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดชออกมาแถลงข่าว ยืนยันว่า “ไม่ท้อง” ตามที่ข่าวลือกันไป หรือล่าสุดที่มีรูปยุวดี บุญครองกินข้าวและชอปปิ้งกับทักษิณ ชินวัตร ความจริงเรื่องนี้ไม่ใหม่ เพราะเธอกับทักษิณคบค้ากันทางธุรกิจมานานตั้งแต่ยุวดียังทำงานเป็นฝ่ายหาโฆษณาให้หนังสือพิมพ์ไทยรัฐเมื่อนานมาแล้ว ยุวดี บุญครองคนนี้แหละที่เป็นคนพา “แม่ชีทศพร” เข้ามาแก้กรรมให้ประชาชน แม้จะมีคลิปในเรื่องความไม่เหมาะสมบางประการ แต่เธอยังคงเดินหน้าสนับสนุนต่อไป
กรณี “พิ้งกี้” และเมียน้อย !?
เรื่องราวปัญหาที่เกิดขึ้นกับ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช มาจบลงตรงที่ “ธัญญ่า” รอหย่า ขณะเดียวกัน คู่กรณีก็ได้ทำการเจาะเลือดพิสูจน์ว่าไม่ได้ท้องตามที่ข่าวลือกันไป โดยผู้ที่พา “พิ้งกี้” ออกมายืนยันในครั้งนี้คือ ยุวดี บุญครอง เจ้าของผลิตภัณฑ์ Brite Up ในนามของ บริษัท ไทย โปรดักส์ อินโนเวชั่น ซึ่งมี “พิ้งกี้” เป็นพาร์ตเนอร์ร่วมกับยุวดี บุญครอง ข่าวต่างๆ ดังกล่าว ส่งผลต่อผลิตภัณฑ์ทำให้เกิดความเสียหายในด้านภาพลักษณ์ว่า เป็นสินค้าเมียน้อย !!
การที่ผู้หญิงคนหนึ่งถูกสังคมตราหน้าว่าเป็น “เมียน้อย” หรือ “ผ่านผู้ชาย” มาแล้ว ผู้ที่จะก้าวเข้ามาเป็น “สามี” ในอนาคตจะคิดอย่างไร ตะขิดตะขวงใจไหม !? คำว่า “ เมียน้อย” จึงเป็นมรสุมลูกใหญ่ที่สุดสำหรับ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช ยุวดี บุญครองจึงถือโอกาสนี้เปลี่ยน “วิกฤต” เป็น “โอกาส” ในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ Brite Up
ลึกลงไปกว่านั้น ครั้งหนึ่ง “ยุวดี บุญครอง” เคยผ่านวิกฤต “ข่าวลือ” เรื่องเมียน้อยนี้มาเหมือนกัน เพียงแต่ในครั้งนั้น เมื่อ 22-23 ปีที่แล้วเป็นเรื่องที่ลือกันไป แต่ไม่ได้ลือขนาดเป็น “ข่าวใหญ่” อย่างทุกวันนี้ ประสบการณ์ในครั้งนั้น แม้จะไม่ใช่แผลลึก เพียงแค่รอยขีดข่วนก็น่าจะเป็นแรงบันดาลใจผลักดันให้เธอมาเป็น “กุนซือ” เพียงคนเดียวในวงการที่ยื่นมือ เสนอหน้าเข้าช่วยเหลือ “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดช
กรณี “ทักษิณ ชินวัตร”
การแพร่ภาพทักษิณกับยุวดีรับประทานอาหาร เดินชอปปิ้งเป็นเรื่องที่เธอไม่แคร์ เพราะว่าโดยส่วนตัวเธอแล้วรู้จักกับทักษิณ ชินวัตรมานาน การเดินทางไปเมืองดูไบ สาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในครั้งนี้ เป้าหมายหลักคือ การไปถ่ายทำรายการ “พาทัวร์” ซึ่งเป็นรายการที่เกี่ยวกับ “ไลฟ์สไตล์ของทักษิณ” ด้านชีวิตความเป็นอยู่ อาหารการกิน การชอปปิ้ง เพื่อออกเคเบิลทีวี h+Channel ผู้นัดหมายในครั้งนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นสามีของยุวดี บุญครอง - โฆษิต สุวินิจจิต ซึ่งเคยเป็นที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี สมศักดิ์ เทพสุทิน ในรัฐบาลของนายทักษิณ ชินวัตรเมื่อปี 2547 โดยการนัดหมายในครั้งนี้เป็นการนัดด่วน!! ส่วนเป้าหมายรองน่าจะเกี่ยวกับธุรกิจของเธอที่กำลังเล็งตลาดที่อินเดียและดูไบ แน่นอนว่า ทักษิณ ชินวัตรที่รู้จักกันมานานน่าจะเป็นที่ปรึกษาให้แก่เธอได้เป็นอย่างดี
ณ วันนี้ โฆษิต สุวินิจจิต เป็นประธานกรรมการ บริษัท สปริง คอร์ปอเรชั่น ซึ่งทำธุรกิจเคเบิลทีวี และเป็นพันธมิตรอยู่กับ Voice TV ผลงานล่าสุดคือการทำแคมเปญและรายงานข่าวรับ “เลือกตั้ง '54 วันตัดสินประเทศ” ที่เพิ่งผ่านไป
เมื่อปลายปี 2538 นายทักษิณ ชินวัตรเคยให้สัมภาษณ์แก่นิตยสาร “ผู้จัดการรายเดือน” ความสรุปว่า
“บางกระแสกล่าวว่า การสร้างสายสัมพันธ์กับป๊ะกำพลนี้ผ่านทางประยูร จินดาประดิษฐ์ แต่ทักษิณกล่าวว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก เพียงแต่เขารู้จักกับยุวดี บุญครอง ซึ่งคุมโฆษณาไทยรัฐ เมื่อทักษิณทำบัสซาวนด์ บริษัทมีเดียออฟมีเดียส์ของยุวดีก็เป็นโบรกเกอร์หาโฆษณาให้ในระยะแรก แต่มาเลิกในภายหลังเพราะทักษิณต้องการจัดระบบการทำงานใหม่ในบัสซาวนด์ เมื่อยุวดีมาอยู่ไทยรัฐแรงผลักดันที่จะดึงทักษิณเข้ามาร่วมธุรกิจจึงเกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ค่อนข้างแปลกมากสำหรับไทยรัฐ ที่รับเป็นฝ่ายตลาดให้แก่สินค้าที่ตนเองไม่คุ้นแบบนี้มาก่อน”
งานนี้เป็นเรื่องของคนคุ้นเคยไปเจอกัน แต่แว่วๆ ว่า ทักษิณ ชินวัตรได้ชอปปิ้งและมอบของที่ระลึกแก่ยุวดี บุญครองที่ไปเยี่ยมเยือนถึงที่เมืองดูไบ “ข้าวของ” ที่มอบแก่เธอนำกลับมาเมืองไทยนั้น รวมมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่าแสน
วันนี้ของยุวดี บุญครอง
บริษัท เอเชีย เทเลวิชั่น แอนด์ มีเดีย จำกัด ซึ่งผลิตรายการทีวีและเป็นเจ้าของสถานีผ่านดาวเทียมเพื่อสุขภาพและความงาม h+Channel นั้น ยังต้องอาศัยธุรกิจตัวอื่นๆ เข้ามาช่วย ดังนั้น ยุวดี บุญครองจึงพยายามที่จะนำผลิตภัณฑ์อาหารเสริม อย่าง Brite Up ที่มีสรรพคุณในเรื่องผิวงามกระจ่างใสอมชมพูไปบุกเบิกในตลาดต่างประเทศ โดยที่อินเดียจะผ่านไปทาง “พิ้งกี้” สาวิกา ไชยเดชที่มีโอกาสไปเล่นภาพยนตร์เรื่อง Markandeyan ให้แก่ Kollywood (เป็นอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของอินเดียตอนใต้) ด้วยหวังว่าหลังจากสร้างชื่อที่อินเดียใต้แล้วจะพัฒนาไปสู่ Bollywood นอกจากตัวสินค้านี้แล้ว เธอยังจะนำเข้าหนังอินเดียมาลงที่สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม วันนี้เธอบอกว่ามีหนังหลายเรื่องที่กำลังให้เสียงภาษาไทยอยู่ ขณะเดียวกัน... ที่ผ่านมา เธอเคยทำทัวร์บุญสัญจรไปอินเดียเป็นระยะๆ ก่อนหน้านี้ ที่สำคัญกว่านั้น … เหตุที่เลือกอินเดีย เพราะเคยได้รับคำทายทักจากผู้มีฌานสมาบัติว่า เธอมี “พระสุรัสวดี” (ชายาพระพรหม องค์อุปถัมภ์ด้านความรู้และการศึกษา) คุ้มครองดูแลกายสังขารอยู่ ขณะเดียวกันการไปดูไบน่าจะมีส่วนในเรื่องสปาไทยไปนอกรวมอยู่ด้วย
ด้วยความเชื่อ ฝักใฝ่ และศรัทธาในพระศาสนาเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบริษัท บี พลัส พับลิชชิ่ง ผลิตหนังสือแนวธรรมะ ต้องไม่ลืมว่าเธอเป็นคนแรกที่พา “แม่ชีทศพร” เข้าสู่วงการ และที่สำคัญ ทุกวันนี้ … เธอยังเชื่อมั่นว่า การแก้กรรมของแม่ชีทศพรนั้นมีลักษณะพิเศษเฉพาะ คลิปทั้งหลายที่ปรากฏแก่สาธารณชนจนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์นั้น เป็นเพียงเศษเสี้ยวของความบันเทิงไม่ใช่สารธรรม อยากรู้ว่าแม่ชีทศพรเก่งกาจในการแสดงธรรมเพียงใด ต้องใช้เวลานั่งฟังถึง 2-3 ชั่วโมง นอกจากนี้เธอยังศรัทธาเรื่อง “บุญ” ของวัดพระธรรมกาย และที่สำคัญ … เธอสนับสนุนให้ผู้หญิงเข้ามามีส่วนร่วมทางสังคมและการเมือง เพราะเธอคือผู้หญิงที่บุกบั่นฝ่าฟันอุปสรรคในชีวิตมาแล้วมากมาย
ยุวดี บุญครองในชายคา “ไทยรัฐ”
เมื่อก่อนปี 2527 เธอตั้งบริษัท “มีเดีย ออฟ มีเดียส์” เพื่อรับจัดรายการ, เป็นโบรกเกอร์หาโฆษณาป้อนรายการโทรทัศน์ต่างๆ ให้ช่อง 7 สีที่เธอเป็นเจ้าของ เช่น รายการแผ่นฟิล์มวันศุกร์, ซันเดย์มูฟวี่ รวมถึงรายการประเภทวาไรตี้บางรายการ จนครั้งหนึ่งเมื่อหนังสือพิมพ์ไทยรัฐได้จัดคอนเสิร์ตช่วยทหารที่ร่มเกล้า ที่สนามกีฬากองทัพบก เธอใช้ความเชี่ยวชาญจากการเป็นโบรกเกอร์ทำหน้าที่หาเงินบริจาคและหาโฆษณาทางโทรทัศน์ ได้เงินมา 3 ล้านบาทโดยไม่รับคอมมิชชันสักบาทเดียวเพราะถือว่าเป็นการทำบุญกุศล ผู้อำนวยการ กำพล วัชรพล แห่งไทยรัฐประทับใจและชอบวิธีการทำงานจึงชักชวนให้ทำงานที่ไทยรัฐ เธอได้รับความไว้วางใจพิเศษ และด้วยบุคลิก หน้าตาและวัยที่เพิ่งจะ 30 ปีเศษๆ ที่ยังไม่ได้แต่งงาน อีกทั้งยังไม่ใช่ลูกหม้อเก่าแก่ของไทยรัฐ จึงกลายเป็นที่มาของข่าวลือสารพัด
ยุวดี บุญครอง เข้ามาสวมแทนน้องสาวของคุณหญิงประณีตศิลป์ วัชรพล (ทุมมานนท์) ซึ่งเคยดูแลฝ่ายโฆษณาซึ่งลาออกไปเปิดสำนักงานทนายความ การเข้ามาของยุวดีในครั้งนั้น ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงระบบขายโฆษณาของไทยรัฐ โดยตั้งบริษัทใหม่ชื่อ บริษัท ที.เอส.อี. แอดเวอร์ไทซิ่ง (ซึ่งแตกตัวมาจาก ที.เอส.อี. กรุ๊ป) มียุวดี บุญครองเป็นกรรมการผู้จัดการ พื้นที่การขายโฆษณาในหน้าหนังสือพิมพ์ไทยรัฐต้องผ่านบริษัทนี้แต่เพียงผู้เดียว เธอได้สร้างปรากฏการณ์เป็นครั้งแรกให้แก่ไทยรัฐในรอบ 30 ปีที่ไทยรัฐออกมาพบกับเอเยนซี และบริหารจัดการให้การทำงานในฝ่ายโฆษณาเป็นระบบมากขึ้น เพียงเวลาปีเศษๆ ส่งผลให้โฆษณาโตขึ้น 30 % ทันที ในยุคนั้น หนังสือพิมพ์ไทยรัฐมีอัตราค่าโฆษณาแพงที่สุด มียอดรายรับนับ 10 ล้านบาทต่อวัน
ส่วน ที.เอส.อี. กรุ๊ป ในยุคนั้นดูแลโดย วิเชียร สวนไทย คนเก่าแก่ของไทยรัฐและเป็นมือขวาของป๊ะกำพล ที.เอส.อี. กรุ๊ปในยุคนั้นดูแลเกี่ยวกับธุรกิจบันเทิงของไทยรัฐ เช่น ปาป้า และ เดอะพาเลซ รวมถึงการเป็นผู้จัดการคิวและโปรโมตให้แก่วงแกรนด์เอ็กซ์ที่ได้รับความนิยมในหมู่วัยรุ่นในยุคนั้น จนได้ชื่อว่าเป็น เสือนอนกิน
ต่อมา ไทยรัฐได้ตั้งบริษัท ที.เอส.อี. คอมมูนิเคชั่น โดยมีป๊ะกำพลเป็นประธาน เพื่อรับผิดชอบทำการตลาดเรื่องเอสโอเอสของนายทักษิณ ชินวัตร ในครั้งนั้น ยุวดี บุญครอง เป็นผู้ที่ดึงทักษิณเข้ามาร่วมธุรกิจกับไทยรัฐ
เมื่อข่าวลือโหมกระหน่ำเข้าหาตัวเธอ เธอกล่าวไว้ในครั้งนั้นว่า
“พี่ทำสมาธิ ทำจิตให้สงบ พี่มาที่นี่ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องชู้สาว พี่ต้องทำให้เห็นว่าพี่คือใคร มีผลงานเป็นเครื่องพิสูจน์ ระดับพี่ต้องไปเป็นเมียน้อยหรือ พี่เป็นคนทำงานมีสมอง"
...........................................
ที่มานิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 92 วันที่ 9-15 กรกฎาคม 2554