ในที่สุดก็ค้นพบ “จุดขาย” !! ด้วยการแฉ (ความดี) เป็นละครเรื่อง “บันทึกรักซูเปอร์สตาร์” ละครเรื่องนี้น่าจะมีแรงบันดาลใจมาจากละครเรื่อง “ความลับซูเปอร์สตาร์” ที่เคยประสบความสำเร็จเมื่อหลายปีก่อน ครั้งนี้จะเป็นละครในแนวอัตชีวประวัติของฟิล์ม รัฐภูมิ ซึ่งน่าจะเป็นหนึ่งในกระบวนการ “ฟอก ล้าง ขัด” ให้ชีวิตของซุป' ตาร์ได้กระจ่างใสยิ่งกว่ากิน - อาบ - ฉีด กูต้าไธโอน ขณะเดียวกัน … ถึงเวลาแล้ว ที่จะเดินหน้าสางคดีด้วยข้อพิสูจน์จากผลเลือดของ 2 โรงพยาบาล รวมถึงการนับวันไข่ตกของแอนนี่ บรู๊ค เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ไม่ใช่พ่อฑีฆายุ !!
สร้างภาพอีกแล้ว
กระบวนการสร้างภาพนั้น เริ่มตั้งแต่การโซ้ยบะหมี่สำเร็จรูปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ จากนั้น “ฟิล์ม” รัฐภูมิ” ได้บินกลับด้วยเที่ยวบิน TG 0971 ด้วยหน้าตาที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน แต่งตัวง่ายๆด้วยเสื้อกล้ามชั้นดีมาถ่ายรูปในชั้นที่นั่งปกติของสามัญชนคนธรรมดา เมื่อเสร็จภารกิจก็กลับไปนั่งยังชั้นพิเศษ … ฟิล์มจะพูดถึงความยากลำบากไปไย … ในเมื่อกระเป๋าเดินทางยี่ห้อ “หลุยส์ วิตตอง” ที่ฟิล์มใช้ขนสารพัดสิ่งนั้น ราคาจำหน่ายอยู่ที่ใบละเป็นแสน แถมน้ำหนักกระเป๋า 6 ใบที่มีน้ำหนักรวมกันมากถึง 100 กิโลกรัมนั้น (เกินกว่าพิกัดที่กำหนด) ทำให้ฟิล์มต้องจ่ายค่าปรับให้แก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรอีก 1 แสนบาท !!
ช่างเป็นคนจนที่แสนพิเศษจริงๆ ตามด้วยขบวนต้อนรับที่สนามบินสุวรรณภูมิที่ยิ่งกว่า “วีรบุรุษ - นักกีฬา” ซึ่งเคยไปประกาศเกียรติคุณให้แก่ประเทศชาติยังต่างประเทศ ตามกำหนดการ วันที่ 2 พฤษภาคม ศิลปินส่วนหนึ่งของอาร์เอสฯ อันได้แก่ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ, วงซีควินท์, แจ็ค - จารุพงศ์ และ “แก้ว” วงเฟย์ฟางแก้ว จะไปร่วมลงนามถวายพระพร เพื่อถวายความจงรักภักดีและแสดงความห่วงใยในหลวงที่โรงพยาบาลศิริราช จากนั้น “ฟิล์ม” รัฐภูมิไปเดินทางต่อเพื่อให้สัมภาษณ์กับนิตยสารแพรว … ขณะที่ฝ่ายสื่อสารและการตลาดส่งรูปที่ศิริราช โดยเน้นที่ “ฟิล์ม” รัฐภูมิเป็นพิเศษเพียงคนเดียว !!
“เฮียฮ้อ” จัดเต็ม ส่งทั้งงานเพลง-ละคร ให้ฟิล์ม
หลังจากสูญเสียผลประโยชน์มากมายเหลือเกินกลับข่าวฉาวของฟิล์ม คราวนี้ถึงเวลาฟิล์มต้องคืนกำไรให้แก่ค่ายบ้าง ซึ่ง “เฮียฮ้อ-สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์” การกลับมาในครั้งนี้ อาร์เอสฯ ได้เตรียมงานมากมายไว้ให้แก่ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ เริ่มตั้งแต่การบวงสรวงและเริ่มถ่ายทำละครเรื่อง “บันทึกรักซูเปอร์สตาร์” ละครที่ว่ากันว่า จะเป็นหนึ่งในกระบวนการฟอกล้างเพื่อให้ฟิล์มได้หมดจด …
นางเอกที่จะมาประกบกับฟิล์มคือ “แก้ว” จริญญา ศิริมงคลสกุล ส่วนละครอีกเรื่องหนึ่งของค่ายต้นสังกัดคือ “คนึงหา” ที่จะคู่กับ “เฟย์” พรปวีณ์ นีระสิงห์ ส่วนละครของค่ายบรอดคาซท์เรื่อง “เจ้าสัวมั่วนิ่ม” เนื่องจากนางเอกที่วางไว้คือ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณถอนตัว จึงต้องหานางเอกใหม่ที่จะมาคู่กับ “ฟิล์ม” รัฐภูมิ โตคงทรัพย์
นอกจากนี้ยังมีเรียลิตีโชว์กับภารกิจชีวิตฟิล์ม 24 ชั่วโมงในรายการ “ฟิล์ม วัน แมน โชว์” ทุกรายการข้างต้นจะออกอากาศทางช่อง 8 Infinity Free TV ของค่ายอาร์เอสฯ
ถ้าทุกอย่างตามกระบวนการนี้ ผ่าน แฟนคลับยังเหนียวแน่น และอาร์เอสฯ ได้รับผลตอบรับที่น่าพอใจย่อมประเมินได้ไม่ยากว่าสินค้าชื่อ “ฟิล์ม-รัฐภูมิ” จะถูกต่อยอดเพื่อขายในระยะยาว ขณะเดียวกันในด้านอื่นๆนั้นที่เกี่ยวพันกับการฟ้องร้อง และคดีความต่างๆของฟิล์มกับแอนนี่ก็จะดำเนินกันไปตามกระบวนการที่อาร์เอสฯ และทีมทนายมีความเชื่อมั่นในเรื่อง “ข้อมูลบางตัว”
กลับมาสางความกับ “แอนนี่-ฑีฆายุ
ข้อมูลบางตัวที่ว่านี้ เกี่ยวข้องกับผลเลือดของ 2 โรงพยาบาล อันได้แก่โรงพยาบาลพระราม 9 และ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช เพื่อมาพิสูจน์ในเรื่องของดีเอ็นเอ รวมถึงการนับวัน “ไข่ตก” !! ที่อาร์เอสฯ มั่นใจว่า ฟิล์ม จะเป็นบริสุทธิ์ และไม่ใช่พ่อของฑีฆายุแน่ โดยกระบวนการนี้ ฟิล์มได้ยกหน้าที่นี้ให้แก่ “นายนพดล ลิขิตสัจจากุล” ทนายความ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง “น.ส.รุ่งนภา แก้วไทรหาญ” หรือ “แอนนี่ บรู๊ค” นักแสดงสาว ซึ่งตกเป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 และ 328
โดยคดีดังกล่าว ได้ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2553 โดยระบุว่าระหว่างวันที่ 17-28 กันยายน 2553 จำเลยนำบุตรชายไปให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ทำนองว่าโจทก์เป็นผู้ชายที่ไม่มีคุณธรรม ไม่รับผิดชอบต่อจำเลยและบุตร ซึ่งเป็นความเท็จ เพราะบุตรของจำเลยไม่ใช่บุตรของโจทก์ เนื่องจากโจทก์กับจำเลยคบหากันได้เพียงเดือนเศษ และมีความสัมพันธ์กันเพียง 3 ครั้งเท่านั้นโดยใช้วิธีคุมกำเนิด นั่นคือเรื่องราวในชั้นศาล ว่ากันง่ายๆฟิล์มไม่เชื่อว่านั่นคือลูกของตนเอง และมีสัมพันธ์กับแอนนี่เพียงแค่ 3 ครั้งและคุมกำเนิดตามวิธีธรรมชาติ ซึ่งเรื่องคดียังคงต้องติดตามต่อไป โดยฟิล์มใช้หลักฐานจาก “สมรักษ์ ณรงค์วิชัย"ผู้บริหารฝ่ายรายการของช่อง 3 กรณี “จุ๊น-กิตติคุณ” เป็นหลักฐานในทางคดีด้วย
นอกจากนี้ … เท่าที่ทราบ ยังมีหลักฐานบางอย่างจากโรงพยาบาลทั้ง 2 แห่งมาเป็นหลักฐานในทางคดี
เมื่อผู้สื่อข่าว ถามว่าอยากเจรจาหรือพูดคุยกับแอนนี่หรือไม่ ฟิล์มตอบชัดเจนว่า “ไม่รู้จะคุยไปทำไม” เรื่องดำเนินมาถึงขนาดนี้ ฟิล์มลั่นสิ่งที่ต้องการคือพิสูจน์ความจริงเรื่องน้องฑีฆายุมากกว่า แต่ใจจริงก็อยากไปหา แต่ต้องรอให้หลายอย่างเรียบร้อยและชัดเจนเสียก่อน
ส่วนแอนนี่และฑีฆายุ ในวันที่ลูกใกล้ครบขวบ ความหล่อเหลาก็ฉายแววแอนนี่ควงลูกเดินแบบมาแล้ว ถ่ายปกนิตยสารเป็นที่รักของคนในกองไม่น้อย หน้าตาผิวพรรณผุดผ่อง อนาคตจะได้เข้าวงการบันเทิงหรือไม่ เดาไม่ยาก เราอาจได้เห็น ด.ช.ฑีฆายุโลดแล่นในวงการบันเทิงอีกแน่นอน
“แฟนคลับ” กล่องดวงใจของฟิล์ม
แน่นอนว่าการกลับมาของฟิล์มครั้งนี้ ได้รับการต้อนรับจากแฟนคลับกลุ่มที่รักและสนับสนุนและพร้อมยืนเคียงข้างฟิล์มตั้งแต่ก่อนเกิดเรื่อง กระทั่งเกิดเรื่องข่าวฉาวกับฟิล์มหน้าหนึ่งตลอดหลายเดือน ครอบครัวฟิล์ม หรือที่เขาใช้ชื่อเรียกว่า “ฟิล์ม แฟมิลี่ Film Family” หลายคนยังตามให้กำลังใจฟิล์มมาตั้งแต่สมัยมีข่าวกับ “เสี่ยอูู๊ด-สิทธิกร บุญฉิม” ยืนร้องไห้เกาะรั้วโบกมือ ป้ายไฟให้ฟิล์มในวันที่ฟิล์มโดนสังคมตราหน้าในหลายๆกรณี
แต่ดาราหลายคนในแวดวงบันเทิงอยู่ได้เพราะแฟนคลับ โดยเฉพาะ ซูเปอร์สตาร์ หรือนักร้องดาราที่มาจากเวทีประกวดต่าง ๆ ถ้าไม่มีแฟนคลับสนับสนุน จะรุ่งในวงการบันเทิงนี้ค่อนข้างยาก เพราะแฟนคลับที่ว่าจะนำมาซึ่งงาน ค่าจ้าง และหมายถึงกระแสความฮอตที่ยังคงหลงเหลือ เมื่อนักร้อง - ดาราอยู่ได้เพราะแฟนคลับ ไม่ได้อยู่ได้เพราะ ความสามารถของตัวเอง แฟนคลับนี้แหละที่ทำให้ศิลปินเหล่านี้หลงลืมตัว เพราะคิดว่า ดังแล้ว !!
ฟิล์มยิ้มแก้มแทบแตก และซาบซึ้งจนมีน้ำตาเมื่อเห็นคนมารอรับเขากลับจากอังกฤษ อีกทั้งพ่อแม่ก็พานใจชื้นในการกลับมาของเขาครั้งนี้ และแน่นอนว่าการกลับมาของเขาครั้งนี้ ไม่มีใครการันตีได้ว่าเขาจะกลับมา “ดัง” หรือมา “ดับ” นอกจากแฟนคลับและคนที่รักเขา ยังจะตอบรับกับสิ่งที่เขาทำหรือไม่ เพราะว่ากันตามจริงแล้ว ฟิล์มมีความสามารถหลายด้าน แต่ยังไม่เชี่ยวชาญในด้านใดสักด้าน ทั้งเสียงร้อง การเต้น การเล่นละคร เล่นภาพยนตร์ ฟิล์มมีโอกาสทำทุกอย่างเนื่องจากมีอาร์เอสฯคอยดันสนับสนุน แต่ยังไม่ได้มีความสามารถโดดเด่นที่เขายังไม่สามารถสะกดคนได้ทั้งประเทศ เพราะยังจับทางตัวเองไม่ได้
ไม่ว่าจะเรื่องงานเรื่องเรียน ที่ออกตัวไปเรียนภาษาถึงประเทศอังกฤษ แต่จนแล้วจนรอดยังไม่มีใครได้ยินเสียงสำเนียงภาษาอังกฤษของฟิล์ม แต่ต่อไปนี้ การตลาดของฟิล์มต้องปรับปรุงแล้ว นอกจากขายหน้าตา ยังต้องขายความสามารถพ่วงด้วย คำตอบจึงไม่ใช่แค่อาร์เอสน แต่คือตัวฟิล์มเองต้องหาจุดขายอื่นๆเพิ่มเติมทั้งนี้นอกจากจะดึงกลุ่มแฟนคลับเดิมไว้ได้แล้ว ฟิล์มยังต้องหาแฟนคลับหรือแนวร่วมกลุ่มใหม่มาเสริม ทางหนึ่งคือการพิสูจน์ตัวเองจากกรณีแอนนี่ บรู๊คและลูก และแนวทางการแก้ปัญหาหลังจากคดีสิ้นสุดลง
ไม่ใช่ดีแต่หลอกตัวเอง กับอีแค่ขึ้นรถเมล์ ล้างจาน ซักเสื้อผ้าเองเป็นความยากลำบาก คนอื่นๆไม่ยิ่งกว่าเหรอ “ฟิล์ม” อย่ามองแต่ตัวเอง แฟนคลับ ทอดสายตามองไปให้ไกลๆถึง “คนอื่น” ที่ไม่ได้อยู่รอบข้างตน แล้วจะเห็นว่า โลกนี้มันกว้างและมียากลำบากกว่าที่คุณคิดเสียอีก ยืนยันตรงบรรทัดนี้ว่า ทุกเรื่องราวในอดีต ฟิล์มเป็นทั้งผู้สร้างและทำลายตัวเองมาทั้งนั้น หรือว่าไม่จริง !!
...........................................
ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 83 วันที่ 7-13 พฤษภาคม 2554