xs
xsm
sm
md
lg

เอเชียรามา: ตำนานอีกบทหนังเกรด III “โอมเนื้อหนังมังผี”

เผยแพร่:   โดย: ฟ้าธานี

โอมเนื้อหนังมังผี  - Erotic Ghost Story
หนังเกรด 3 อีโรติกอย่าง Sex and Zen กำลังกลับมาสร้างกระแสฮือฮาในโลกภาพยนตร์อีกครั้ง แต่ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 20 ปีก่อน มีหนังอีกชุดที่เรียกได้ว่า “ตีคู่” เบียดกันมาอย่างสูสี เป็นหนังที่มีชื่อซึ่งหลายคนยังจดจำได้ว่า “โอมเนื้อหนังมังผี” นั่นเอง

เมื่อปี 1987 หรือ ก่อนหน้าที่ Sex and Zen ( “อาบรักกระบี่คม”) จะเข้าฉายถึง 4 ปี ผู้กำกับดัง “หลันไนไฉ” ได้ซุ่มเงียบเพื่อทำภาพยนตร์เรื่อง “โอมเนื้อหนังมังผี” หนังแนวอีโรติกขายเนื้อหนังมังสา เพื่อรอกฎหมายเรตติ้งซึ่งกำลังอยู่ในขั้นตอนการร่างเตรียมนำเสนอสภาฮ่องกงในขณะนั้น ซึ่งเมื่อหนังเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก่อนกฎหมาย เขาจึงต้องนำหนังออกฉายตามงานเทศกาลภาพยนตร์ในต่างประเทศชิมลางไปก่อนแทน



จนกระทั่งการกำเนิดของระบบ “หนังเกรด 3” ในปี 1989 โอมเนื้อหนังมังผี จึงได้โอกาสเปิดฉายสร้างความฮือฮาในปีต่อมาเรียกว่าฉายก่อนหน้า Sex and Zen อยู่ 1 ปี และสามารถทำเงินไปได้ 11 ล้านเหรียญฮ่องกง เรียกว่าไม่น้อยเลยกับหนังที่อนุญาตให้ผู้ชมอายุ 18 ปีเท่านั้นที่สามารถเข้าชมได้ ถือว่าเป็นการเปิดหน้าประวัติศาสตร์หนังเกรด 3 อย่างเป็นทางการก็ว่าได้

ข้อแตกต่างที่สำคัญที่สุดระหว่าง “อาบรักกระบี่คม” และ “โอมเนื้อหนังมังผี” ก็คือเรื่องของอารมณ์ขัน ขณะที่เรื่องแรกมีความทะลึ่งตึงตัง และมุขตลกสัปดนเป็นจุดขายสำคัญ โอมเนื้อหนังมังผี ดูจะเป็นหนังที่เคร่งขรึมกว่า หนังเน้นไปที่เทคนิคพิเศษ, การกำกับศิลป์ กับการเล่าเรื่องราวแนวปรัมปราพื้นบ้าน ประเภทผีสางนางไม้ ที่เห็นได้ชัดเจนว่า ได้รับอิทธิพลมาจากหนังดังในยุคนั้นอย่าง “โปเยโปโลเย” นั่นเอง

“โอมเนื้อหนังมังผี” เล่าเรื่องการชิงไหวชิงพริบของ ภูติสาวสามพี่น้อง (เอมี่ ยิป, หมั่นซิ่ว และดาราสาวชาวญี่ปุ่น คุโด ฮิโตมิ) กับ “เทพแห่งตัณหาราคะ” ที่แฝงกายมาในคราบบัณฑิตตกยาก ว่าใครจะพลาดถูกล่อลวงด้วยความยั่วยวนทางเพศของฝ่ายตรงข้ามก่อนกัน เป็นเนื้อเรื่องที่ดัดแปลงมาจากหนังฮอลลีวูด The Witches of Eastwick นั่นเอง

ด้วยสูตรสำเร็จต่าง ๆ ทั้งงานสร้างออกแบบฉากอันประณีต, เครื่องแต่งกายที่สวยงาม, เทคนิคพิเศษเจ๋ง ๆ, อารมณ์ในแบบหนังสยองขวัญ, นักแสดงมีระดับ (ทั้งหน้าตาและการแสดง) และเนื้อเรื่องชวนติดตาม หนังเรื่องนี้สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างง่ายดาย อย่างไรก็ตามเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่น (ที่ถือว่าเป็นคู่แข่งกันไปในตัวด้วย) อย่าง Sex and Zen แล้วก็ต้องยอมรับว่า “โอมเนื้อหนังมังผี” มี “ลูกบ้าลูกห่าม” ที่น้อยกว่าหลายเท่าตัว หนังจึงไม่ได้โด่งดังในฐานะ “หนังคัลท์” ของฝรั่งตาน้ำข้าวอย่างที่ Sex and Zen ทำได้



อย่างไรเสียในการเข้าฉายเมื่อ 20 ปีก่อน โอมเนื้อหนังมังผี ถือว่าประสบความสำเร็จกวาดรายได้เป็นกอบเป็นกำ ตัวหนังก็ออกมาถูกอกถูกใจผู้ชมไม่น้อย ผู้สร้างจึงไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอย สร้างภาคสองเข้าฉายต่อในปี 1991 ทันที

คราวนี้หน้าที่ผู้กำกับตกเป็นของตากล้องชื่อดังระดับหัวแถวของวงการอย่าง “ปีเตอร์ หงอ” มารับหน้าที่ผู้กำกับ เป็นงานที่แสดงความทะเยอทะยานแบบผู้กำกับมือใหม่เต็มที่ จนลดภาพ “เรื่องเล่าพื้นบ้าน” ลงไปแทบจะไม่เหลือรูปรอยเดิม และใส่ความเป็นหนังอีโรติกแฟนตาซีลงไปแทน

หนังเล่าเรื่องต่อเนื่องจากภาคแรก เทพแห่งตัณหาราคะกลับมาในโลกมนุษย์อีกครั้ง พร้อมกับร่างเนื้อหนังใหม่ (หวงซิวเซิง) และได้พบรักกับมนุษย์สาวนางหนึ่ง แต่แล้วความรักครั้งนี้ก็ถูกสวรรค์ขัดขวาง คนรักของมันถูกฆ่าและบูชายัญ สร้างความโกรธแค้นให้กับเทพราคะเป็นอย่างยิ่ง

ความโกรธของเทพแห่งราคะก่อให้เกิดเภทภัยกับผู้คน ในรูปของโรคระบาด และภัยธรรมชาติ จนสร้างความเดือดร้อนไปทั่ว เหล่ามนุษย์ต้องจัดพิธีบวงสรวงจัดหาหญิงพรหมจรรย์ไปกำนัลให้มันอย่างต่อเนื่อง ... กระทั่งหญิงคนรักของเทพราคะกลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกครั้ง การต่อสู้ครั้งใหม่จึงเริ่มต้นขึ้น

นอกเหนือจากภาพวาบหวิวตามแบบของหนังเกรด 3 แล้ว โอมเนื้อหนังมังผี 2 ยังแสดงออกถึงความพยายามที่น่าชื่นชมของผู้กำกับ ที่ต้องการยกระดับงานของเขาให้ไปไกลกว่าการเป็นหนังเกรด 3 ธรรมดาเรื่องหนึ่ง ด้วยการนำเสนองานภาพอันสร้างสรรค์สวยงาม ผสมการใช้สี, ใช้แสง, เสื้อผ้า และเนื้อหนังของสาว ๆ ออกมาได้งดงามราวกับเป็นภาพวาด

ส่วนนักแสดงนอกจากสาว ๆ ที่เป็นจุดสนใจตามปกติอยู่แล้ว “หวงซิวเซิง” ผู้รับบทเทพราคะยังโดดเด่นเป็นพิเศษ, ทั้งรูปร่างกำยำล่ำสัน (แตกต่างกับตอนนี้ลิบ) ผสมกับฝีมือการแสดงที่ฉายแววออกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว และเครื่องแต่งกาย กับการแต่งหน้าสไตล์ละครคาบูกิ ออกมาเป็นตัวละครที่เรียกได้ว่าหลุดโลกจริง ๆ

ภาคสองเป็นงานที่หลายฝ่ายยกย่องว่า “ดีที่สุด” ในชุด “โอมเนื้อหนังมังผี” แต่ก็ยังมีความเห็นที่แตกต่างออกไป เมื่อผู้ชมบางท่านมองว่า หนังภาคนี้ไมได้ดีเด่นขนาดนั้น อันที่จริงแล้วเป็นหนังที่คุณภาพย่ำแย่ด้วยซ้ำไป …. นักวิจารณ์จากเว็บไซต์ lovehkfilm มองว่า หนังภาคสองใช้การถ่ายภาพและองค์ประกอบทางศิลป์ เพื่อปกปิดความบกพร่องต่าง ๆ ทั้งทุนสร้างที่จำกัด และเนื้อหาอันเลื่อนลอยจับต้องไม่ได้ ไม่เว้นกระทั่งฉากเอ็กซ์จุดขายสำคัญของเรื่อง ก็ดูวาบหวิวน้อยลงเยอะ … เป็นความเห็นสองฝ่ายที่ผู้ชมคงต้องเป็นผู้ตัดสินเอง



แม้ภาคสองจะมีทั้งคนรักและเกลียด แต่ในปี 1992 ก็ยังมี “โอมเนื้อหนังมังผี” ภาคที่ 3 ออกมาให้ชมกันอีก

คราวนี้หนังได้ผู้กำกับที่ดังน้อยหน่อยอย่าง “อีวาน ไว” มาคุมงานสร้าง ในหนังที่มีนางพญาแห่งวงการหนังเกรดสามอย่างดาราสาวผู้ล่วงลับ “เฉินเป่าเหลียน” มารับบทเด่น ถือว่าเป็นงานที่ยังอยู่ในมาตรฐาน แต่ความแปลกใหม่ แหวกแนวอาจจะน้อยไปซักหน่อย เมื่อเทียบกับภาคก่อนหน้า

เรื่องราวว่าด้วยบัณฑิตหนุ่มกับคู่หมั้นสาว ที่อยู่ระหว่างการเดินทาง จนต้องค้างแรมในวัดร้างแห่งหนึ่งที่มีหลวงจีนอัปลักษณ์คอยดูแล แต่แล้วฝ่ายของชายหนุ่มกลับไปหลงเสน่ห์ของหญิงสาวในภาพวาด ภูติสาวที่ล่อหลอกเขาด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของเหล่าภูตผีปีศาจ จนกลายเป็นเรื่องวุ่นวายในที่สุด

ถือว่า “โอมเนื้อหนังมังผี 3” เดินมาใกล้กับแนวทาง “โปเยโปโลโย” มากที่สุดแล้ว กับการเล่าเรื่องความรักของชายหนุ่ม กับผีสาว แน่นอนว่าเป็นโปเยในฉบับที่เต็มไปด้วยฉากนู้ด !!! และถ้าใครที่ชอบหนังภาคแรกมากกว่า ก็คงจะพึงพอใจกับหนังในภาคที่ 3 ที่ดูจะละทิ้งความ “โอเวอร์-ติสแตก” ของหนังภาคสองจดหมด กลับไปมีแนวทางแบบเดียวกับภาคแรกอีกครั้ง

……………..

มีข้อถกเถียงกันมากเกี่ยวกับ “หนังเกรดสาม” ซึ่งก็ต้องยืนยันตรงนี้ว่างานลักษณะนี้แม้จะมีจุดประสงค์ส่วนหนึ่งอยู่ที่การ “กระตุ้นอารมณ์เพศ” แต่ก็คงยังไม่ถึงขั้นที่จะเรียกกันว่าเป็น “หนังโป๊” อย่างที่มีคนกล่าวหา

“โอมเนื้อหนังมังผี” เป็นงานอีกชิ้นที่ผมคิดว่าสามารถเป็นตัวแทนของหนังเกรด 3 ได้อย่างชัดเจนครับ ในแง่ที่สามารถให้ความบันเทิงอันหลากหลายเป็นความบันเทิงประเภท “ครบรส” กับผู้ชม ทั้งความตลก, คิวบู๊มันส์ ๆ, ความลึกลับแบบหนังสยองขวัญ, เทคนิคพิเศษแบบหนังแฟนตาซี, ความสวยของงานสร้างแบบหนังย้อนยุค … และแน่นอนรวมถึงความบันเทิงเจริญตาเจริญใจจากความเซ็กซี่ของสาว ๆ ด้วย

เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ ""ซ้อ 7"ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

ไม่ว่าจะโชว์น้อยโชว์มากแค่ไหน เอมี่ ยิป ยังเป็นจุดขายที่สำคัญของหนังเสมอ
คุโด ฮิโตมิ
ฉากสยองจากเทคนิคพิเศษของหนัง
ฉากหวิวในน้ำดูจะกลายเป็น ท่าบังคับ ของหนังเกรด 3 ไปแล้ว
จบเรื่องด้วยการต่อสู้
โอมเนื้อหนังมังผี 2 - Erotic Ghost Story II
เอมี่ ยิป กับ หมั่นซิ่ว มารับเชิญกับบทเล็ก ๆ ในหนังภาค 2 ด้วย
มาอีกแล้วกับฉากหวิวในน้ำ
หวงซิวเซิง เกิดสุด ๆ ในบท เทพราคะ
โอมเนื้อหนังมังผี 3 - Erotic Ghost Story III
เฉินเป่าเหลียน จุดขายหลักของ โอมเนื้อหนังมังผี 3
จื่อจิงเหวิน สาวสวยอีกคนในเรื่อง
ฉากที่ นักบวช (เจิ้งกุ้ยอัน) ย่อตัวจิ๋วเพื่อเข้าไปในร่างของหญิงสาว เป็นอีกตอนหนึ่งที่หลาย ๆ คนยังจำได้
กำลังโหลดความคิดเห็น