xs
xsm
sm
md
lg

ก้าวที่เพิ่งเริ่มของ "เดอะ ริชแมน ทอย"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ในยุคที่คนฟังเพลงสามารถหาของฟรีได้แค่เพียงปลายนิ้วกดคลิคคำว่า "ดาวน์โหลด" และในยุคที่วงการเพลงบ้านเรามีนักร้องเกิดขึ้นแทบจะเรียกว่าทุกวัน คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนักกับการที่นักร้องสักคน-วงดนตรีสักวงจะสร้างชื่อตนเองให้เป็นที่ "อยากจดจำ" ของนักฟังเพลงส่วนใหญ่

เฉพาะอย่างยิ่งกับศิลปินที่สังกัดกับค่ายเพลงเล็กๆ ที่ไม่มีเงินถุงเงินถังและมีสื่อฯ อยู่ในมือจนสามารถที่จะยัดเยียดงานของศิลปินตัวเองชนิดเช้าถึงเย็นถึงได้

ดังนั้น "เงื่อนไข" อันนำมาซึ่ง "โอกาส" ที่จะทำให้ศิลปินเหล่านี้ได้แจ้งเกิดจึงมีเพียงอย่างเดียว นั่นคือการมี "ผลงาน" ที่มี "คุณภาพ" เป็นที่ "ยอมรับ"

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็เป็นเรื่องที่น่าดีใจและภูมิใจที่บ้านเรายังคงมีศิลปินที่มีคุณสมบัติที่ว่าออกมาอย่างต่อเนื่อง และหนึ่งในนั้นคงจะต้องยกให้กับคือ 4 หนุ่มจากค่ายสมอลล์รูม นาม "The Richman Toy" ซึ่ง ณ วันนี้ต้องบอกว่าชื่อนี้ วงนี้ มาแรงจริงๆ

"เป็นวงแถวหน้าหรือยัง จริงๆ เราก็อยากจะรู้นะว่าเราขึ้นไปอยู่ในระดับไหนแล้ว คือมันรู้ในระดับหนึ่งเหมือนกับว่าเราสอบแล้วเราผ่านน่ะ แต่เราไม่รู้ว่าเราได้เกรดสี่หรือว่าเกรดอะไรหรือเปล่า ที่สำคัญคือเราเพิ่งมีอัลบั้มอออกมาแค่ 2 อัลบั้ม ซึ่งถ้าเป็นอัลบั้ม 4-5-6 แล้วกระแสเป็นแบบนี้ ก็อาจจะบอกได้ว่าเราอยู่หน้าๆ ได้"

"ตอนนี้เรามองว่ามันคือก้าวแรกนะ ถามว่าพอใจมั้ย พอใจมาก เพราะว่าสิ่งที่เราทำลงไปนั้นมีคนชอบ..." สมาชิกทั้ง 4 ณ ปัจจุบันของ "The Richman Toy" ที่ประกอบไปด้วย แจ๊ป วีรณัฐ (กีตาร์, ร้องนำ), กรณ์ พงศ์พิพัฒน์ (กีตาร์), เช่ อัคราวิชญ์ (เบส) และ เอี่ยว ปุรวิชญ์ (กลอง) บอกเล่าถึงความรู้สึกต่อกระแสเสียงตอบรับในการทำงานที่เข้ามาทั้งในรูปของเพลงฮิตและรางวัลจากเวทีต่างๆ

เดอะ ริชแมน ทอย เริ่มเปิดตัวให้สาธารณชนรู้จัก จากเพลง "สาวรำวง" และ "ดาวเด่น" ในอัลบั้ม Showroom สังกัด จีนี่ เรคคอร์ดส ก่อนจะปล่อยอัลบั้มเต็มออกมา 2 ชุด ทั้ง แดนสวรรค์คอยอยู่ (พ.ศ. 2550) และ ลำนำสะดิ้งเลิฟยู (พ.ศ. 2552) ในสังกัดสมอลล์รูม โดยมีเพลงฮิตติดหูวัยรุ่นบ้านเรามากมาย อาทิ กระเป๋าแบนแฟนยิ้ม, ลำนำสะดิ้งเลิฟยู, อ๊อด อ๊อด ฯ

หากฟังผลงานที่ผ่านมาของเดอะ ริชแมน ทอย ก็คงจะสัมผัสได้ทันทีในความแปลกไม่เหมือนใคร ทั้งด้วยเสียงร้องของนำร้องนำเอง รวมไปถึงภาคดนตรี หรือแม้กระทั่งเนื้อเพลงซึ่งรับหน้าที่โดย แจ๊ป กับ เชาว์ (เชาวเลข สร่างทุกข์-ผู้บริหารสมอลรูม) กระทั่งมีการขนานนามให้วงดนตรีวงนี้ว่าเป็นวงแนว "ร็อกโจ๊ะ"

"แนวเพลงโดยรวมจะเป็นร็อกด์แอนด์โรลนะ แต่จะมีการปรับความเป็นการาจ(Garage rock)ให้มันน้อยลง ทว่าซาวนด์มันก็อยู่ในเทือกๆ นั้นอยู่ คือถ้าเทียบกับวงอื่นๆ ในยุคสมัยนี้ก็คงจะเป็นวงอย่าง Arctic Monkey หรือว่า Franz Ferdinand แต่ถ้าเกิดในยุคก่อนๆ วงเก่าๆ ก็คงจะเป็นพวก เดอะ บีทเทิลส์ แต่ว่าเราจะมีการใส่ความเป็นไทยเข้าไปด้วย มีความเป็นสามช่า มีความเป็นลูกทุ่ง"

"คือเท่าที่เราฟังเพลงมาทั้งหมด คำเก่าๆ พวกคำประเภทเพลงสุนทราภรณ์ คำร้องแบบพวกวงชาตรีอะไรพวกนี้มันเป็นคำที่ตรง ง่ายๆ แล้วดนตรีที่เล่นกันเราก็มาคิดว่าที่จะเข้าถึงคนไทยได้ง่ายได้มากฟังติดหูก็คือสามช่าหรือลูกทุ่ง เพราะฉะนั้นเราเลยมาคิดว่าถ้าเราเอาดนตรีที่มันแตกต่างกันเอาดนตรีที่มันมีความเป็นสากลเข้ามาปนกับพื้นบ้านไทยมันจะเป็นอย่างไร ซึ่งมันออกมาลงตัวพอดี"

ไอ้คำแปลกๆ เช่น อ๊อด อ๊อด พวกนี้เอามาจากไหน? หรือมันมาได้อย่างไร?
"คือที่บ้านก็คือแจ๊ปก็ฟังเพลงเก่าๆ อยู่แล้ว ซึ่งเพลงเก่าๆ มันจะได้อะไรแปลกๆ อย่างเพลงชาตรีมันจะมีประมาณว่าผมถูกล็อตเตอรี่แฟนจ๋ารู้มั้ย ซึ่งตรงนี้เราจะได้แก๊กเอามาเขียนเป็นเพลงได้เลย ชื่อว่าผมถูกล็อตเตอรี่ เป็นแก๊กที่อาจจะเฉิ่มๆ ตรงๆ แต่ผมว่าคำพวกนี้แหละที่ทุกคนอยากจะได้ยิน อยากจะได้ฟังอะไรที่มันตรงๆ"

"ผมว่าความรู้สึกพื้นฐานของคนมันจะมีอยู่แค่รูปแบบเดียว คือปล่อยมุกมาแล้วทุกคนจะตลกแน่ๆ ถ้ามันตลกๆ จริง มันก็เหมือนกับมีประโยคอะไรบางอย่างที่พูดแล้วมันจริง มันกินใจ ผมว่าคนก็จะกินใจหมด หมายถึงทั้งโลกเลยนะ อย่างเพลงหลายๆ เพลง อย่างทะเลใจของคาราบาวเนี่ย มันมีบางอย่างที่มันกินใจทุกคน ร้อยทั้งร้อยก็ชอบเพราะมันข้าไปจับข้างในใจจริงๆ"

"แล้วบางครั้งมันก็เกิดจากภาวะอยากรู้ว่าคนฟังแล้วเขาจะทำอะไรหรือรู้สึกอะไรมั้งครับ คือส่วนใหญ่ที่เขาฟังเพลงเนื้อหาที่มีกันอยู่ในตลาดเนี่ยก็ว่ากันไป แต่ว่าผมมีความรู้สึกว่าถ้ามันมีคำอะไรพวกนี้ คำแปลกๆ คำเก่าๆ ตรงๆ มันจะมีผลอย่างไรกับคนฟัง คนฟังจะอยากฟังแบบนี้หรือเปล่า เหมือนอีกมุมนึงก็อยากแกล้งคน อยากรู้"

"อย่างผมเขียนคำว่า อ๊อด อ๊อด ก็เพราะว่าผมอยากให้ทุกคนมร้องคำว่าอ๊อดๆ ในคอนเสิร์ต หรือยกตัวอย่างคำว่าจิ้งหรีด แต่งออกมาเพราะอยากเห็นเขาร้องคำนี้ อยากเห็นปฏิกิริยาจากคำว่าจิ้งหรีด หรือย่างคำ เอ่อ ซาโกดาเก นี่คือเราคิดมัน เราก็อาจจะเอาไปลิ้งค์ว่าวันนี้ไปทำไอ้โน่นไอ้นี่มา ก็คือซาโกดาเก หรือคำนี้แสดงว่าเป็นหวัดแล้วกัน วันนี้เดินอารมณ์ดีแต่ตกท่อ ก็ ซาโกดาเก หรือวันนี้ตื่นมาอยากจะแปรงฟัน แปรงสีฟันหาย ก็ ซาโกดาเก ก็คืออะไรประมาณนี้"

ดูเหมือนที่ผ่านมาส่วนใหญ่วงจะขายเพลงสนุกๆ เพลงจังหวะโจ๊ะๆ เป็นหลักไปแล้ว?..."มันอาจจะเป็นเพราะเพลงที่ถูกปล่อยออกมาโปรโมตมั้งครับ อย่างอัลบั้มแรกเพลงม้าป่า หรือเพลงสตรอเบอร์รี่เกิร์ล ก็เป็นเพลงช้าๆ ภาษาก็ดูเหมือนจะเป็นกวีนิดๆ แต่พอมาชุดที่สองเราใส่ความสนุกใส่ความเป็นไทยโจ๊ะๆ เข้าไปแล้วมันมีอ๊อดๆ เข้ามาด้วย ส่วนชุดที่ 3 นี่ เราก็พยายามจะกลับไปเอาอัลบั้มแรกมาใส่เข้าไปด้วย เพราะฉะนั้นก็อาจจะมีความลึกซึ้งของเพลงเพิ่มเข้ามา แต่แน่นอนว่าความสนุกก็ยังคงมีอยู่เช่นกัน"

หาใช่แค่รูปแบบของเพลงเท่านั้นที่เด่นเด้งเป็นเอกลักษณ์ ในเรื่องของการแต่งกายวงดนตรีคณะนี้ก็ค่อนข้างจะเต็มไปด้วยสีสันฉูดฉาดไม่แพ้ใคร กระทั่งอาจจะเรียกได้ว่าเป็นผู้นำทางด้านแฟชั่นเสียด้วยซ้ำไป..."เอาเข้าจริงๆ นะ ผมว่าทุกวงก็น่าจะสนใจนะ ไม่ใช่แค่วงเรา ที่พวกเราทำก็เพราะเรามีความรู้สึกว่าทุกคนควรจะมาสนใจเรื่องนี้กันเถอะ อย่างยุคหินเหล็กไฟ ยุคไฮร็อก เขาก็แต่งตัวกันนะ"

"แล้วก็บังเอิญว่าทุกคนในวงชอบด้วย เรื่องนี้จริงๆ หนักนะ ทุกวันนี้ตัดเสื้อกันเองแล้วนะ เพราะเสื้อที่ใส่ทุกวันมันเริ่มที่จะหาซื้อไม่ได้ในสิ่งที่เราอยากจะใส่ ในรูปแบบที่เราต้องการ อย่างอัลบั้มนี้ ดูปกก็จะรู้ ก็คือไปเดินสำเพ็งทำเองหมด อย่างวงทั่วไปเขาไปเดินเวิ้งฯ แล้วก็หาซื้อเอฟเฟ็กต์ ซื้อกีต้าร์ แล้วก็เข้าห้องซ้อม แต่ของเรา เดอะ ริชแมน ทอย เดินเวิ้งด้วย เดินพาหุรัดด้วย เดินสำเพ็งด้วย ก็คือมันก็สนุกดี เพิ่มภาระดี"

ด้วยทางที่เดินผ่านเริ่มมีกลีบกุหลาบโปรยปรายลงมา จึงไม่แปลกหากการก้าวเดินต่อไปบนถนนสายดนตรีของพวกเขาทั้ง 4 ในช่วงระหว่างทำงานเพลงชุดที่ 3 ที่มี ซิงเกิ้ล "ซ่า ได้ อาย อด" ออกมาเรียกน้ำย่อยก่อนที่อัลบั้มเต็มจะออกมาในช่วงกลางปีนี้จะมีเรื่องของแรงกดดันเข้ามาให้แบกรับอยู่บ้าง

"กดดันมันต้องมีอยู่แล้วนะ เพราะคราวที่แล้วใครๆ ก็พูดมันย่อมอยู่บนความคาดหวัง แต่ว่าเวลาทำจริงๆ ก็ไม่ได้กดดันไม่ได้อะไรมากนะ ในห้องซ้อมเราก็ยังคงทำกันเหมือนเดิม ทำด้วยความสนุก อยู่บนพื้นฐานความสนุก จริงอยู่ที่ว่ายิ่งทำไปเรื่อยๆ ไอ้สิ่งที่เราเคยทำมามันก็ไม่ได้แล้ว มันก็ต้องมองหาช่องทางอื่นๆ ที่เราไม่เคยทำ มันก็ยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ แต่มันก็เป็นความสนุกอย่างหนึ่งนะที่มันมีปัญหาให้เราต้องมาแก้"

"ชุดใหม่นี่จะนิยามประมาณว่า พลพรรคขาบานกับเพลงโจ๊ะอลังการ์ ไม่แคบไม่รำวงแล้ว แต่ให้ทุกคนในฮอลล์โดดกันได้ทั้งหมด เป็นความสนุกแบบเฟสติวัลเลย เพลงที่แต่งแบบสนุกสนานก็คือจะนึกถึงแบบพี่เบิร์ด เพลงประเภทอย่างแฟนจ๋า หรือว่าพริกขี้หนูอะไรพวกนี้ ก็มีตรงนั้นอยู่ มีอยู่ครับแต่ยังไม่ขอเปิดเผย..."
...
ติดตามความเคลื่อนไหวของ เดอะ ริชแมน ทอย ได้ที่ www.facebook.com/therichmantoy และ @twitmantoy


กำลังโหลดความคิดเห็น