"แอ๊ด" แถลงขอโทษทุ่มกีต้าร์เวทีสีสันฯ แจง ฉุนลูกน้องไม่ได้ดั่งใจสอนไม่รู้จักจำ พร้อมรับดื่มแต่ไม่เมา บอก เป็นอารมณ์ศิลปิน ออกปากสัญญาจะทำตัวให้ดีขึ้น วอนอย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง ก่อนถือโอกาสโปรโมตคอนเสิร์ต 30 ปี จนถูกเม้าท์สร้างกระแสหรือเปล่า?
ทำเอานักร้อง นักดนตรี รวมถึงสื่อมวลชนที่ไปร่วมงานการประกาศผลรางวัลสีสันอวร์ดสครั้งที่ 23 เมื่อวันวาน (23) ณ ห้องศรีวรา แกรนด์ บอลล์รูม โรงแรมทาวน์อินทาวน์ ต้องตกตะลึงทีเดียวในส่วนของนักร้องชื่อดัง "ยืนยง โอภากุล" หรือ “แอ๊ด คาราบาว” หลังเจ้าตัวเกิดอาการน็อตหลุดแบบไม่ทราบสาเหตุ ถอดกีตาร์ทุ่มลงกับพื้นเวทีขณะเตรียมตัวที่จะเล่นเพลงที่สองตามคำขอของพิธีกรในงาน
ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ทำให้หลายต่อหลายคนต่างพากันคาดเดาถึงสาเหตุที่ทำให้นักร้องดังเกิดอาการของขึ้นขึ้นมา บ้างก็ว่าเป็นเพราะเจ้าตัวนั้นมีอารมณ์ขุ่นมัวอยู่ก่อนแล้ว จากการทะเลาะกับเพื่อนสมาชิกในวง “เล็ก ปรีชา ชนะภัย” ในการเลือกเพลงขึ้นแสดง โดยที่บางส่วนก็ว่าเป็นเพราะนักร้องดังเกิดอาการไม่พอใจที่ถูกผู้ที่มาร่วมงานด้านล่างเวทีตะโกนแซว ในทำนองว่า ไม่อยากฟังเพลงแล้ว แต่อยากจะฟังการประกาศผลรางวัลมากกว่า ทำให้เจ้าตัวซึ่งจริงๆ คิวการแสดงเสร็จสิ้นไปแล้วเกิดอารมณ์
ล่าสุดในช่วงค่ำที่ผ่านมา(24 มีนาคม) ทางด้านของ “แอ๊ด คาราบาว” ก็ได้จัดให้มีการแถลงข่าวเพื่อชี้แจงถึงรายละเอียดของเรื่องที่เกิดขึ้น ณ ห้องซ้อมเฟรซแอร์ อาร์ซีเอ โดยมี วินิจ เลิศรัตนชัย บอสใหญ่เฟรชแอร์ฯ ผู้จัดคอนเสิร์ต มหกรรมคอนเสิร์ต 30 ปี คาราบาว และ ทิวา สาระจูฑะ หัวหอกในการจัดงานสีสันอวอร์ด ร่วมแถลงด้วย โดยเจ้าตัวได้เผยว่า สาเหตุที่ทำให้ฉุนขาดจนต้องทุ่มกีต้าร์ลงกับพื้นนั้น เป็นเพราะไม่พอใจการทำงานของทีมงานตนเองที่ไม่มีความเป็นมืออาชีพ และไม่มีความพร้อม ไม่เกี่ยวกับเรื่องอื่นไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลาะกับสมาชิกของวง หรือเสียงแซวแต่อย่างใด
“ขอบคุณครับที่วันนี้มาร่วมทำข่าว คืนนั้นผมเองต้องยอมรับว่าทำตัวไม่ดี หลังจากคอนเสิร์ตที่ผ่านมาผมทำงานหนัก และรบกับลูกน้องมา ทีมงานของผมถึงแม้จะฝึกมาดีทั้งๆ ที่ก็เคยทำงานใหญ่ๆ มา ผมก็สั่งสอนแต่ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ วันนั้นก็เลยระเบิดอารมณ์ใส่ แอมป์กีต้าร์ผมไม่ดัง ไมโครโฟนผมไม่ดัง แล้วผมตะโกนเรียกแล้วเขาก็ไม่สนใจ แล้วก็เลยทุ่มกีต้าร์ทิ้ง”
“พอหลังจากนั้นก็รู้สึกเสียใจ กลับไปบ้านก็พยายามโทรหาพี่ทิวา สาระจูฑะ(เจ้าของงานสีสันอวอร์ด) ซึ่งผมก็มีความรู้สึกว่าต้องขอโทษทุกคนที่ต้องเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ด้วย แต่มันก็เป็นอารมณ์ศิลปิน ถ้าเป็นสมัยแต่ก่อนผมคงชกไปแล้ว แต่สิ่งที่อยากจะบอกคืออยากจะขอโทษทางผู้จัด ที่ทำให้งานสีสันต้องด่างพร้อย ก็คิดว่ามีแค่นี้ไม่มีอะไร ผมคิดว่าจะพยายามทำตัวให้ดีกว่านี้ ถ้าพ่อผมยังอยู่ก็คงต้องรับสายโทรศัพท์หลายสายแน่นอน แต่พอดีว่าท่านได้จากไปแล้ว ต่อไปนี้ผมก็คงมีหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ที่ต้องทำตัวให้ดี”
ส่วนที่มีข่าวว่าแอ๊ดได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เข้าไปด้วยนั้น เจ้าตัวก็ยอมรับว่าได้ดื่มจริง แต่ไม่ได้เมา พร้อมกับชี้แจงต่อว่า….
“วันนั้นคนมันไม่ได้นอน ทั้งเหนื่อย ทั้งเล่นคอนเสิร์ตหนักมันก็เลยค้าง เราก็อุตส่าห์เตรียมซ้อมกันมาดี จริงๆ ไม่อยากมาเสียด้วยซ้ำ แต่เป็นเพราะทิวาชวนก็เลยมา แล้วลูกน้องมันแย่ยิ่งกว่าผมอีก พอผมเล่นเสร็จมันก็พักเลย ไม่มีความเตรียมพร้อมใดๆ ทั้งสิ้น เหมือนพวกคุณเคยทะเลาะกับคนในออฟฟิศมั้ย แต่บังเอิญออฟฟิศผมมันอยู่หน้าเวที คนก็เลยเห็นหมด”
“แต่หลังจากเกิดเรื่องผมก็ได้เคลียร์และคุยกับลูกน้องแล้ว ก็เรียกมาคุยว่าถ้ายังอยากทำงานอยู่กับผมต้องสนใจมากกว่านี้ ซึ่งมันไม่ใช่แค่เหตุการณ์นั้นแค่ครั้งเดียว ตอนที่คอนเสิร์ตเวโลโดมก็เป็นแบบนี้ (ยังโกรธอยู่เหรอ?) ไม่รู้จะโกรธทำไม ลูกน้องผมมันไม่ดีเองมั้ง สอนแล้วมันไม่จำ เรื่องทะเลาะกับเล็ก(เล็ก ปรีชา ชนะภัย)ก็ไม่มีไม่ได้ทะเลาะ อย่างที่บอกว่าคืนนั้นมันหนักมากกับสิ่งที่สตาฟฟ์ทำ แล้วที่มีคนบอกว่าผมไม่พอใจที่มีคนตะโกนด่า ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องนั้น มีแต่คนตะโกนขอเพลงผม เราอยากเล่นจะตาย แต่วงของผมมันไม่พร้อม”
พูดมาถึงตรงนี้ “วินิจ” บอสใหญ่เฟรชแอร์ฯ ผู้จัดคอนเสิร์ต มหกรรมคอนเสิร์ต 30 ปี คาราบาว ก็ได้พูดแทรกขึ้นมาว่า…”ตั้งแต่ทำคอนเสิร์ตมาก็ไม่เคยเห็นวงไหนซ้อมหนักขนาดนี้ เสร็จจากคอนเสิร์ตใหญ่ก็ไม่ได้พัก และความจริงวันนี้ก็ต้องซ้อมกันอีก เราจะเห็นความตั้งอกตั้งใจ แต่ก็จะมีความผิดพลาดในตรงนี้”
พร้อมกันนี้เจ้าตัวได้ขอโทษแฟนเพลงทั่วประเทศอีกครั้ง พร้อมขู่ อาจจะโมโหร้ายกว่านี้ถ้ายังมีลูกน้องแย่ๆ แบบนี้อยู่
“ก็ต้องกราบขอโทษ ไปยังแฟนๆ ทางบ้านด้วยที่เป็นห่วงเป็นใย โดยเฉพาะพี่สรยุทธ(สรยุทธ สุทัศนะจินดา) ที่อุตส่าห์เสนอข่าวแต่เช้า แต่ผมไม่ได้รับโทรศัพท์เพราะเครียดกับลูกน้องก็เลยนอนยาวเพิ่งได้ตื่น ต้องขอโทษด้วยนะครับ”
“ต่อไปก็อาจจะมีแรงกว่านี้ก็ได้ ก็ไม่รู้สิ ก็ในเมื่อคุณมีลูกน้องแย่ๆ คุณจะทำยังไง ผมอยากจะไล่มันออกจะตายแต่สงสารลูกเมียมัน มันมีครอบครัวกัน ผมไม่เคยไล่ใครออกสักคน อยากให้มีเงินเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง เราแบกรับคนเดียวมันก็ไม่ไหว มันเป็นปัญหาธรรมดาทุกวงก็คงเจอ”
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า คาราบาวอยู่มา 30 ปีเคยน็อตหลุดขนาดนี้หรือไม่ เจ้าตัวก็ตอกกลับตามแบบฉบับ แอ๊ด คาราบาว ว่า…”คุณไม่เคยเห็นผมเตะคนดูเหรอ คนดูผมก็เคยเตะมา สงสัยจะเกิดไม่ทันนะเนี่ย…”
ทั้งนี้แอ๊ดได้ฝากถึงแฟนเพลงทุกคนที่ยกให้ตนเป็นไอดอลว่า อย่าเอาพฤติกรรมนี้เป็นเยี่ยงอย่าง
“นี่แหละคือสิ่งที่ผมอยากจะพูดที่สุด ว่าผมเสียใจ ขอโทษ อย่าเอาเป็นเยี่ยงอย่าง เราเองก็เป็นคนสาธารณะ มันก็อาจถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์ แต่ผมก็ไม่ได้ทำร้ายใครนอกจากเสียดายกีต้าร์ แล้วก็ได้ด่าลูกน้องสมใจ แต่ก็ไม่รู้ด่าไปมันจะเปลี่ยนแปลงหรือเปล่า กีต้าร์ตัวนั้นเป็นของขวัญวันเกิดของผม เพื่อนผมชื่อทศพร หงษ์สนัน เป็นคนซื้อให้ แต่พอตอนเช้าดูแล้วยังซ่อมได้อยู่ก็สบายใจไป”
ก่อนจะทำเอาวงแตกอีกรอบ เมื่อผู้สื่อข่าวยิงคำถามถึงกรณีที่แอ๊ดไปขึ้นเวทีงานระดมทุนของพรรคประชาธิปัตย์ จนถูกมองว่าแปลพรรคนั้น ซึ่งทันทีที่สิ้นสุดคำถาม ก็ทำเอาแอ๊ดสูดลมหายใจเข้าซืดใหญ่ก่อนจะตอบแบบมีอารมณ์ว่า…“ผมคิดว่าสื่อมวลชนที่อยู่ในที่นี้คงไม่เอ็นจอยกับคำถามนี้ ขอโทษครับ ผมขอไม่ตอบ…”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังแถลงข่าวเรื่องดังกล่าวเสร็จสิ้นลง ทางด้านของ แอ๊ด คาราบาว ก็ได้ถือโอกาสนี้โปรโมตถึงคอนเสิร์ตที่วงคาราบาวจะเดินสายเล่นคอนเสิร์ต 30 ปี ทั่วประเทศ ซึ่งจะมีขึ้นครั้งแรกในวันที่ 1 เมษายน นี้ โดยเริ่มจากจังหวัดบ้านเกิดสุพรรณบุรีเป็นจังหวัดแรกต่อทันที ทำเอาบางส่วนถึงกับตั้งข้อสงสัยว่าหรือทั้งหมดจะเป็นการสร้างกระแสเพื่อประเด็นนี้กันแน่?