paulheng_2000@yahoo.com
''ผมพยายามที่จะทำเพลงเพลงแบบร็อกแอนด์โรลในยุคสมัยของฮิพฮอพ''
ข้างต้นเป็นบางถ้อยคำในการให้สัมภาษณ์สื่อของ ฮิวโก-จุลจักร จักรพงษ์ ซึ่งเป็นนักร้อง-นักเขียนเพลง (Singer+Songwriter) คนแรกของไทยที่มีอัลบั้มเพลงออกในตลาดอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดเพลงโลกไปในตัว
ถึงจุดนี้ก็นับได้ว่า มาไกลเหลือเกินจากมาตรฐานของวงการเพลงไทยร่วมสมัย ตั้งแต่อุตสาหกรรมและธุรกิจดนตรีเกิดขึ้นมา ใครจะเชื่อว่า เด็กหนุ่มซึ่งมีหน่อเนื้อเชื้อราชนิกูลและเป็นลูกครึ่ง ซึ่งทำวงดนตรีร๊อคแอนด์โรลที่เล่นเพลงในแบบพ๊อพร๊อคกลิ่นอายดนตรีเซาเธิร์นร๊อคยุคทศวรรษที่ 70 ของตะวันตก จะพาตัวเองทะลุเพดานมาไกลถึงเพียงนี้ ทั้งที่ไม่ใช่นักร้องหรือวงดนตรีที่อยู่ในขั้นพ๊อพสตาร์หรือโดดเด้งในฐานะซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย
วงสิบล้อ เป็นวงดนตรีที่เป็นภูมิหลังของเขาในเมืองไทย และบทเพลง ‘ความลับในใจ’ น่าจะ
เป็นบทเพลงฮิตที่สุดในตลาดเพลงกระแสหลักของเมืองไทย เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางการเมือง วงดนตรีที่ขึ้นเวทีร้องเพลงประท้วงทางการเมืองบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในยุคของการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2548 หลังจากออกอัลบั้มชุดที่ 4 ‘เงินๆ ทองๆ’ ในนามวงสิบล้อ เขาก็ออกเดินทางไปหาแรงท้าทายของดนตรีที่อังกฤษ
คงไม่ต้องเท้าความกันมาถึงตัวตนของฮิวโกในฐานะคนดนตรีในเมืองไทย แต่มามองกันที่ตัวงานในอัลบั้มชุดแรกของเขาในฐานะโซโล่ อาร์ติสท์ หรือศิลปินเดี่ยวในชื่อสั้นๆ ว่า ฮิวโก (Hugo) กับงานชุด ‘Old Tyme Religion’
[1] ‘สายลม’ บทเพลงเหงาอ้างว้างทรงพลัง
‘สายลมพาเดินทาง แต่หัวใจฉันอยู่ที่เดิม
ใจมันร้องเวลามันนานนาน เมื่อไหร่สายลมจะเปลี่ยนทาง’
การกลั่นน้ำเสียงที่เค้นออกมาจากความรู้สึกอ้างว้างเหงารันทดอยู่ภายใน ถูกสื่อสารออกมาในท่อนฮุควนหมุนเวียนที่ดำเนินต่อเนื่องในบทเพลงนี้ ตอกย้ำลงไปด้วยการกรีดเสียงของเปียโนที่เล่นโดยคีย์บอร์ด ช่องว่างระหว่างโน้ตที่ก้องกังวานแปร่งหวานเศร้าในอณูดนตรี ช่วยตรึงให้อารมณ์ดำดิ่งลงไปอีกโสตหนึ่ง
บทเพลงนี้เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องภาษาไทยเพลงเดียวในอัลบั้ม และใส่เฉพาะอัลบั้มที่วางจำหน่ายในเมืองไทยเท่านั้น เพราะเข้าไปดูรายชื่อบทเพลงทั้งหมดของอัลบั้มที่จำหน่ายในต่างประเทศ ไม่มีบทเพลง ‘สายลม’ (Sai Lom) บรรจุอยู่
เมื่อมาดูถึงเนื้อร้องของ ‘สายลม’ ที่ฮิวโก เขียนเนื้อร้องออกมา สะท้อนถึงความเรียบง่ายทว่าลุ่มลึกของการเขียนภาษาที่ธรรมดาแต่แฝงสื่อนัยยะอารมณ์ความรู้สึก และความหมายจากก้นบึ้งจิตสำนึกของตัวเองออกมาค่อนข้างมาก
‘เหมือนแมลงบินไล่หลอดไฟ
ร้องยังไงก็เข้าไม่ถึง
เกิดเป็นคนนอกอยากเป็นคนใน
ทุกก้าวที่เดินยิ่งไกลยิ่งห่าง
สายลมพาเดินทาง
แต่หัวใจฉันอยู่ที่เดิม
ใจมันร้องเวลามันนานนาน
เมื่อไหร่สายลมจะเปลี่ยนทาง
เคยคิดบ้างไหมว่าฉันไม่เต็ม
แต่ร้อยเปอร์เซ็นต์คือฉันรักเธอ
พออยู่ห่างไกลจะมองไม่เห็น
จะหนาวจะเย็นกับความเงียบเหงา
สายลมพาเดินทาง
แต่หัวใจฉันอยู่ที่เดิม
ใจมันร้องเวลามันนานนาน
เมื่อไหร่สายลมจะเปลี่ยนทาง...’
ความโดดเด่นของบทเพลงนี้ก็คือ นำดนตรีในแนวบัลลาดร๊อคกลิ่นอายไพรัชหรือเอ็กโซติคที่มีความประหลาดลอยฟุ้งผ่านเสียงสังเคราะห์อยู่ในบรรยากาศ เป็นพาหะได้สอดคล้องกลมกลืนกับเนื้อร้องภาษาไทยที่มีสุนทรียภาพด้านโวหารที่เรียกว่า อุปมาอุปไมยหรือเปรียบเทียบในลักษณะที่ซื่อตรงง่ายๆ แต่กินความหมายได้ลึกซึ้งดำดิ่งลึกเข้าไปในอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างยอดเยี่ยม ฟังแล้วสามารถกำซาบความรู้สึกร่วมเหงาอ้างว้างอย่างที่รู้สึกได้ กำจายออกมาในตัวเพลงทั้งเนื้อร้องและดนตรี
แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางดนตรีและการเขียนเนื้อร้องที่เป็นเอกภาพและรุดหน้าไปอย่างเด่นชัด เมื่อเปรียบเทียบกับงานเพลงจากในนามวงสิบล้อ ความนวลเนียนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวทั้งเนื้อร้อง ดนตรี และอารมณ์ความรู้สึกที่สื่อสารออกมาผ่านเสียงร้องนั้น ฮิวโกกำลังจับจิตวิญญาณของดนตรีร๊อคในแบบตะวันตกอยู่มือและสื่อสารความเป็นตะวันออกร่วมสมัย (ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ตะวันออกหรือไทยประเพณีแบบเทรดิชัน) โดยเฉพาะความรู้สึกของคนเมืองที่เคว้งคว้างล่องลอยอยู่ในที่แปลกถิ่นไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ที่จุดใด เป็นภาวะความย้อนแย้งภายในที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างแยบคายลึกซึ้งในความรู้สึก ผ่านเรื่องราวที่ง่ายๆ และสัมผัสได้ไม่ยากเย็นในการส่งสารออกมาและกระทบความรู้สึกทันที
[2] จุดจบคือจุดเริ่มต้น
‘สายลม’ เป็นบทเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ‘Old Tyme Religion’ ที่วางจำหน่ายในเมืองไทย แน่นอนอัลบั้มนี้ถูกวางขายในตลาดอเมริกาเหนือและทั่วโลก และช่วงนี้เป็นการเดินทางหรือทัวร์โปรโมทอัลบั้มชุดนี้ของฮิวโก ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูจากตารางทัวร์แล้ว ก็ถือว่าถี่และหนักหนาเอาการ เพราะการจะพิสูจน์ฝีมือกันในตลาดเพลงอเมริกา นอกจากมีสตูดิโออัลบั้มแล้ว การทัวร์เพื่อเข้าถึงคนฟังนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างพลาดไม่ได้ เรียกว่าต้องโชว์ความสามารถในเชิงประจักษ์ให้เห็น ไม่ใช่ใช้แต่วิธีการโปรโมทตามกลไกตลาดเพียงอย่างเดียว ยิ่งเป็นนักร้องหรือวงดนตรีหน้าใหม่ไร้ชื่อก็ต้องยิ่งทำงานในเชิงรุกอย่างเข้มข้นและเคี่ยวกรำ
เมื่อมาย้อนดูอดีตบนเส้นทางดนตรีของฮิวโก เขาเริ่มต้นในฐานะแกนนำวงสิบล้อที่ออกอัลบั้มกันมาตั้งแต่ปี 2544 ใช้เวลา 4 ปี ในการออกอัลบั้มมา 4 อัลบั้ม เฉลี่ยแล้วปีละอัลบั้ม ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มากพอสมควรสำหรับวงดนตรีร๊อควงหนึ่ง หลังจากยุบวงในปี 2548 การเดินทางหาแรงท้าทายใหม่ๆ ทางดนตรีในระดับนานาชาติของโลกดนตรีร่วมสมัยตะวันตกก็เริ่มขึ้น
แม้ว่าในเมืองไทยต้นทุนทางสังคมในฐานะคนมีชื่อเสียงที่ผ่านทางสกุลและเงินทองช่วยให้เส้นทางต่างๆ เปิดกว้างอยู่พอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่ฮิวโกพิสูจน์ให้เห็นคือ พัฒนาการทางด้านเสียงร้องของเขาและความคิดทางดนตรีและการเขียนเนื้อร้องที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหาสไตล์ของตัวเองเจอ การเลือกทางลงโดยเดินออกจากวงสิบล้อและมุ่งสู่อังกฤษจึงเป็นจุดจบเส้นทางดนตรีในเมืองไทย สู่อุโมงค์ที่มืดมิดของเส้นทางดนตรีในอังกฤษ
ยกแรกกับความล้มเหลวในอังกฤษ แม้จะพอมีเครดิตทางด้านดนตรีจากเมืองไทยไป แต่ก็เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์ การเขียนเพลงของเขาสามารถเป็นใบเบิกทางด้วยความสามารถสู่เครือข่ายหรือคอนเนกชันในการทำงานเพลง ซึ่งแน่นอนเขาสามารถเชื่อมโยงสู่การติดต่อกับ อแมนดา โกสท์ (Amanda Ghost) คนที่ร่วมเขียนเพลงระดับเมกะฮิตที่ชื่อ ‘You're Beautiful’ ของ เจมส์ บลันต์ (James Blunt) ได้ และเริ่มทำงานเพื่อออกอัลบั้ม แต่เหตุการณ์ก็พลิกผัน การถูกยกเลิกสัญญาในการเป็นนักร้องในการออกอัลบั้มกับสังกัดเมเจอร์ของโลก ทำให้ดูเหมือนจบสิ้นเส้นทางดนตรีในระดับอินเตอร์ฯ
แต่ในปี 2550 ชื่อของฮิวโก ปรากฏร่วมในฐานะนักเขียนเพลงในบทเพลง ‘Disappear’ ซึ่งโด่งดังเป็นเพลงฮิต และบรรจุในอัลบั้ม ‘I am…Sasha Fierce’ ของซูเปอร์สตาร์ บียอนเซ่ (Beyonce Knowles) และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของฮิวโกบนเส้นทางดนตรี
ไม่ใช่แค่นี้ การมีส่วนร่วมในทีมเขียนเพลง อแมนดา โกสท์ ทำให้เขาได้รับการจับตามมอง โดยเฉพาะการเป็นคนไทยที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถทำงานได้ถึงระดับนี้ ในปี 2552 อแมนดา โกสท์ ได้นั่งในตำแหน่งประธานของอีพิค เรคคอร์ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทเพลงใหญ่ของโซนี่
จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มก้อนของคนทำเพลงหรือคอนเนกชันก็เป็นเรื่องที่สำคัญในการก้าวเข้าสู่ตลาดเพลงระดับโลกของอเมริกาหรืออังกฤษ ซึ่งขั้นแรกต้องแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ในเรื่องการเขียนเพลงหรือดนตรีเสียก่อน หรือพูดง่ายๆ ว่ามีกึ๋นทางดนตรีและมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง และพร้อมที่จะหลอมละลายไปกับเส้นทางของธุรกิจเพลงด้วย ทีมโปรดักชันดนตรีหรือทีมทำเพลงมีอิทธิพลมากๆ ในการจะกำหนดชะตากรรมของคนดนตรีที่เข้ามาสู่เส้นทางนี้ และฮิวโกก็อยู่ในขอบข่ายนี้เช่นกัน
เมื่อหัวขบวน อแมนดา มีตำแหน่งใหญ่ในค่ายเพลงที่ทรงอิทธิพล การนำเสนออะไรก็ง่ายขึ้น เมื่อมาผนวกกับความสามารถซึ่งเป็นที่ยอมรับจากการร่วมเขียนเพลงที่บียอนเซ่นำไปร้องในอัลบั้ม การเซ็นสัญญาเป็นนักร้องเพื่อทำงานออกอัลบั้มในค่าย Roc Nation ของ เจย์-ซี (Jay-Z) ซึ่งเป็นค่ายเพลงอิสระในเครือข่ายของโซนี่ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เรียกว่า พลังทางความคิดหรือกึ๋นทางดนตรีของฮิวโก ที่ เจย์-ซี หรือมีชื่อเต็มว่า ฌอน คอร์ลีย์ คาร์เตอร์ (Shawn Corey Carter) ซึ่งปัจจุบันเป็นศิลปินฮิพฮอพเบอร์หนึ่งของอเมริกาและเป็นบุคคลในวงการดนตรีที่ทำเงินสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว และมีภรรยาเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องในสายเอร์เบิ้น แบล๊ค มิวสิค คือ บียอนเซ่ ตอบรับเขา
เพราะฉะนั้น เมื่อคนดนตรีและอีกหนึ่งภาคในฐานะนักธุรกิจในอุตสาหกรรมเพลง ยอมรับถึงความแปลกใหม่โดดเด่นของฮิวโก และเชิญให้มาทำงานด้วยในสังกัดของตัวเองที่มีบุคลิกพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ก็ย่อมที่จะแสดงให้เห็นได้อย่างมีน้ำหนักที่แน่นหนาว่า ฮิวโก มีศักยภาพทางดนตรีที่โดดเด่นและสามารถสร้างจุดขายได้ไม่เหมือนใคร ซึ่งในอัลบั้ม Old Tyme Religion’ ของเขาจะเป็นคำตอบว่าเป็นอย่างไร?
ก่อนอื่นมาดูกลไกทางการตลาดที่ Roc Nation ค่ายเพลงปูพรมส่งฮิวโกออกสู่ตลาดเพลงในอเมริกาอย่างช้าๆ เน้นๆ ด้วยการนำบทเพลง ‘Disappear’ มาแสดงสดในเวอร์ชันอะคูสติกแบบฮิวโก และนำงานเพลงสุดฮิตของเจย์-ซี คือ ‘99 Problems’ มาคอฟเวอร์ตีความใหม่ในแนวทางดนตรีบลูส์กลาสส์-โฟล์คร๊อค ซึ่งฉีกออกไปจากเพลงดั้งเดิมและโดดเด่นแปลกหูแสดงถึงเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาอย่างน่าพิศวง แต่ไม่ใช่ความแปลกใหม่ในแนวทางดนตรีที่ยังธรรมดาอยู่ในสายคันทรีซึ่งมีกันดาษดื่นอยู่แล้วในตลาดเพลงอเมริกัน และการเสริมอีกแรงด้วยซิงเกิล ‘Bread & Butter’ ที่ยังคงสไตล์ของดนตรีโฟล์คร๊อคกลิ่นอายบลูส์อยู่อบอวล
จุดที่น่าสังเกตที่ดีจุดหนึ่งของกระบวนการทางการตลาดของธุรกิจเพลงในอเมริกาก็คือ การนำบทเพลงของศิลปินที่เรียกว่า มวยสร้าง ส่งโปรโมทในช่องทางที่เรียกว่า แมสหรือในวงกว้างคนฟังทั่วไป ที่ไม่ใช่ตลาดเพลงโดยตรงได้อย่างกลมกลืน ก็คือการส่งสองซิงเกิลดังกล่าว พ่วงไปกับแคมเปญชุดว่ายน้ำของ Victoria’s Secret รวมถึงบทเพลงที่ถูกนำไปเปิดในร้านเชนสโตร์ระดับยักษ์ใหญ่ อย่าง American Eagle Outfitters ที่มีกว่า 900 สาขาทั่วอเมริกา และแม็คโดนัลด์ที่มีกว่า 800 สาขา นอกจากนี้ยังมีพลังต่อรองที่สามารถนำเข้าไปเป็นเพลงประกอบซีรีส์และหนังฮอลลีวู้ดได้ด้วย อาทิ ‘Entourage’, ‘90210’ และ ‘Castle’
แม้ปัจจุบัน อัลบั้มเต็มของฮิวโกจะวางจำหน่ายไปแล้ว แต่ยังเห็นกระบวนการทางการตลาดที่เดินหน้าต่อไปในการสร้างศิลปินหน้าใหมไร้ชื่อจากเอเชียให้โดดเด้งขึ้นมาอย่างเป็นระบบ แสดงให้เห็นถึงความอดทนและจิตใจที่ต้องยืนระยะฝ่าข้ามไปให้ได้ ซึ่งไม่ใช่จำเพราะกึ๋น ทักษะทางดนตรี และความคิดที่แสดงออกมาในตัวเพลงเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจัยหลายอย่างก็ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกันในท่ามกลางนักร้องและวงดนตรีมากมายทั้งในอเมริกา อังกฤษ และทั่วโลกที่อยากจะขึ้นมายืนสูดอากาศตรงจุดนี้
ฮิวโก-จุลจักร จักรพงษ์ กำลังเริ่มต้นเดินทางสู่ระดับโลก อัลบั้ม ‘Old Tyme Religion’ ที่มีเพลงภาษาอังกฤษอีก 12 บทเพลงบรรจุอยู่มีดีอย่างไร ตอนหน้ามาวิเคราะห์ลงลึกกัน....
>>>>>>>>>>
……….
รายชื่อเพลงในอัลบั้ม Old Tyme Religion ของ ฮิวโก จุลจักร จักรพงษ์
1.‘Old Tyme Religion’
2.‘99 Problems’
3.‘Bread & Butter’
4.‘Rock n’ Roll Delight’
5.‘Hopelessly Stoned’
6.‘Hurt Makes It Beautiful’
7.‘Born’
8.‘Mekong River Delta’
9.‘Sweetest Cure’
10.‘Defferent Lives’
11.‘Just A Shred’
12.‘Sweetest Cure’
13.‘Wake Alone’
14.สายลม’
>>>>>>>>>>>
………
ฟังมาแล้ว
‘Awesome As F**k’ / Green Day
รับรสได้ทางโสตและจักษุของดนตรีพังค์พ๊อพที่พยายามแทรกกลิ่นของอารมณ์โอเปร่าร๊อคเข้าไปในบทเพลงของพวกเขา กับสองอัลบั้มใน 4 ปีหลังสุด และการออกทัวร์ถูกคัดเลือกมาเป็นอัลบั้มการแสดงสด โดยเฉพาะบทเพลงจากอัลบั้ม ‘21st Century Breakdown’
อัลบั้มชุดนี้มีทั้งซีดีที่รวมบทเพลงจากการแสดงสดในคอนเสิร์ตที่ต่างๆ ไว้ ไมว่าจะเป็นที่ อเมริกา, อังกฤษ, สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์, ออสเตรีย, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, แคนาดา รวมถึง 17 บทเพลง และดีวีดีการแสดงสดที่ ไซตามมะ ซูเปอร์ อรีน่า ญี่ปุ่น
กรีนเดย์แสดงให้เห็นถึงพลังทางดนตรีของพวกเขาอย่างยอดเยี่ยม มีการบันทึกเสียงที่ดีการแสดงสดที่สนุกและอัดแน่นด้วยบทเพลงอย่างเปี่ยมคุณภาพผ่านการกลั่นกรองในการเรียงร้อยตัวเพลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ซึ่งคอเพลงคนไทยเคยได้สัมผัสบรรยากาศการแสดงสดจริงๆ ของพวกเขาแบบเต็มที่สุดมันเมื่อกลางปีที่แล้วมาเรียบร้อยแล้ว ยอดเยี่ยมเช่นไรก็บอกกล่าวถึงงานชุดนี้ได้เป็นอย่างดี
The Lady Killer / Cee Lo Green
งานเพลงชุดที่ 3 ของแร๊พเปอร์ที่มีเนื้อเสียงที่ร้องเพลงในสไตล์นีโอ-โซลได้เหนือกว่าใครๆ ในยุคนี้ พลังทางเสียงร้องของเขาโดดเด่นอย่างมาก เมื่อมากอปรรวมกับวิธีการเขียนเพลงที่ดีวางแนวความคิดเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มธีมหนังสายลับไว้ ทำให้ความเป็นเอกภาพของงานชุดนี้ยิ่งควบแน่นอย่างเต็มเปี่ยม
รวมถึงการเลือกทีมทำเพลงและคนมาฟีเจอริ่งหรือร่วมร้องและแบ่งปันไอเดียทางดนตรีได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ผสมผสานหลอมรวมระหว่างอารมณ์ดนตรีโซลเก่าก่อนกับความเป็นโมเดิร์น ฮิพฮอพ และคอนเทมโพรารี่ อาร์แอนด์บี สู่ทิศทางใหม่ของดนตรีแอฟริกัน-อเมริกันร่วมสมัยที่ถูกหูตลาดเพลงพ๊อพกระแสหลักได้อย่างยอดเยี่ยม
14 บทเพลง รวมโบนัสแทร๊ค แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของคนเสียงดีมีสมองแต่ด้อยด้านรูปลักษณ์หน้าตาว่า พรสวรรค์ของคนดนตรีไม่ว่าอย่างไรก็ฉายแสงออกมาวันยังค่ำ งานชุดนี้ทำให้เขาก้าวสู่ระดับโลกตัวจริง
Voice of Angels / รวมเพลง
เสียงของมนุษย์คือความมหัศจรรย์พันลึกที่ไม่แพ้เครื่องดนตรีชนิดใดในโลก งานรวมเพลงในอัลบั้มชุดนี้ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี บทเพลงสไตล์คอร์สโอเวอร์ คลาสสิก, โวคอล พ๊อพ, นิวเอจ, เซลติค จากนักร้องและวงประสานเสียงรวม 32 บทเพลง บรรจุในซีดี 2 แผ่น สามารถนำความสุขผ่านคลื่นเสียงและพลังทางการขับร้องที่ตีความบทเพลงและดนตรีสู่ความสุขรื่นรมย์ในการฟังเพลงอย่างดีเยี่ยม
โดดเด่นด้วยเสียงร้องอันไพเราะเสนาะโสตจากนักร้องชั้นนำมากมาย อาทิ Il Divo, Sarah Brightman, Katherine Jenkins, Celtic Woman, Paul Potts, Charlotte Church, Libera, The Ten Tenors ฯลฯ คอเพลงที่ชอบบทเพลงเสียงร้องเต็มอรรถรสด้วยคุณภาพเพื่อผ่อนคลายด้วยความสุขในการฟังเพลง รับรองไม่ผิดหวัง
SuckSeed ห่วยขั้นเทพ / เพลงประกอบภาพยนตร์
หนังประสบความสำเร็จในตลาดคนดูหนังวัยรุ่นด้วยยอดกว่า 80 ล้านบาท ทำให้อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ถูกกล่าวขานตามไปด้วย จากการที่เป็นหนังที่เกี่ยวกับดนตรีและความฝันของวัยรุ่น โดยจับกระแสดนตรีร๊อคยุคเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ช่วงโมเดิร์นร๊อคและอัลเทอร์เนทีฟ ร๊อคเบ่งบานมาเป็นเพลงเดินเรื่อง
บทเพลงในอัลบั้มนี้จึงเป็นการนำเอาเพลงร๊อคในยุคนั้นมารวมไว้ (ที่อยู่ในเครือแกรมมี่) โดยมีเพลง ‘บุษบา’ ของวงโมเดิร์นด๊อกแทรกมาเป็นยาดำ บทเพลงธีมหลักใช้บริการการทำเพลงจากหัวลำโพงริดดิม และมีเพลงใหม่จากสกุลร๊อคแมงโกทีมและพาราด๊อกซ์มาช่วยเสริมแรง
สรุปแล้ว ฟังเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างเดียวก็บอกได้คำเดียวว่า เลือกรวมเพลงได้เหมือนชื่อหนังเลยทีเดียว
.........
ชีพจรดนตรี
‘Sonic Attack’
ชาวหูเหล็กทั้งหลาย เตรียมพบกับความมันส์ในระดับเปิดกระโหลกรับโสตประสาทเสียงสวรรค์กับ 3 สุดยอดซุปเปอร์กรุ๊ปวงเมทัลระดับเทพ ที่เตรียมเดินทางมาเปิดการแสดงในประเทศไทยภายใต้ชื่องาน ‘Sonic Attack’
ประกอบด้วย ANTHRAX วงแธรชเมทัลสายพันธ์ดุ ที่การันตีด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งตั้งวงในปี1981 ที่นิวยอร์ก โดยมือกีตาร์ Scott Ian และ Dan Lilker (ภายหลังไปอยู่วง Nuclear Assault) เปลี่ยนแปลงตัวสมาชิกหลายครั้ง จนมาลงตัวกับ line up ยุครุ่งเรือง ประกอบด้วย Scott (กีตาร์) Joey Belladonna (ร้องนำ) Dan Spitz (กีตาร์) Frank Bello (เบส) และ Charlie Benante (กลอง) ทำผลงานชั้นเยี่ยมออกมามากมาย เริ่มจาก Fistful of Metal (1984) Spreading the Disease (’85) State of Euphoria (’88) Persistence of Time (’90) แล้วเปลี่ยนนักร้องนำเป็น John Bush ในช่วงยุค90s และปี2009-10 รวมทั้งได้ Rob Caggiano มาเล่นกีตาร์แทน Mark ในยุค2000
สไตล์ดนตรีของ Anthrax เน้น Thrash Metal ผสมกับสำเนียงแร็พที่นิยมกันอย่างมากในอเมริกา จึงประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้ออกทัวร์กับวง Thrash ที่ยิ่งใหญ่อย่าง Metallica, Slayer และ Megadeth จนที่มาของสมญา Big 4 อันหมายถึงวง Thrash ระดับตำนาน 4 วงที่ยังคงมีผลงานอยู่จนถึงทุกวันนี้
ผลงานของพวกเขาตั้งแต่เปลี่ยนนักร้องเป็น John Bush มาจนถึงปัจจุบันได้แฟนกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น พร้อมกับทำดนตรี Thrash ลูกผสมที่มี Groove มากขึ้น อีกทั้งเป็นวงที่เล่นการเล่นไลฟ์เป็นหลัก พวกเขาจึงต้องออกตระเวนทัวร์อย่างหนักเพราะดนตรีสไตล์นี้ตัดสินความสามารถกันที่การเล่นไลฟ์อย่างแท้จริง และก็ไม่เคยทำให้แฟนเพลงของพวกเขาผิดหวัง
วงที่ 2 DEATH ANGEL ตอนที่ออกอัลบัมแรกพวกเขาเป็นวงเด็กหนุ่มลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อเมริกันที่อายุเฉลี่ย 17-18 ปีเท่านั้น แต่สามารถสร้างสรรค์ผลงานสะเทือนวงการ Bay Area Thrash ของอเมริกาได้อย่างจัง กับอัลบัมแรก The Ultra Violence ในปี1987 ตามด้วย Frolic Through the Park (1988) ก่อนที่จะถูกกระแสดนตรีแนวอื่นแซงหน้าในช่วงที่ออกอัลบัมที่ 3 Act III (1989) และยุบวงในปี1991 เงียบหายไประยะหนึ่ง ก่อนที่สมาชิก 4 คนจะไปตั้งวง The Organization ที่ไม่ประสบความสำเร็จในยุค90s กับอัลบัม 2 ชุด
พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกในปี2001 เพื่อร่วมทัวร์ในชื่อ Thrash of the Titans ที่หารายได้ให้ Chuck Billy นักร้องนำวง Testament ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทางวงตระหนักว่าแฟนเพลงยังให้การสนับสนุนอยู่ จึงออกแสดงคอนเสิร์ตต่อไป พร้อมทั้งกับอัลบัมไปด้วย งานล่าสุดชื่อ Relentless Retribution ออกในปี 2010 ที่มีซาวน์ดทันสมัย เป็น Modern Thrash ตามสมัยนิยม ด้วยฝีมือการโปรดิวซ์ของ Jason Suecof ที่โปรดิวซ์งานของ Trivium, The Black Dahlia Murder, All That Remains มาแล้ว
และปิดท้ายด้วย HELLYEAH สุดยอดวงเมทัลแห่งยุคที่เกิดจากการรวมตัวของเสือสิงห์ในวงการ ประกอบด้วย Chad Gray นักร้องนำ และ Greg Tribbet มือกีตาร์วง Mudvayne ทั้งคู่ Tom Maxwell มือกีตาร์วง Nothingface Bob Zilla มือเบสวง Damageplan และ Vinnie Paul มือกลองอดีตวง Pantera, Rebel Meets Rebel และ Damageplan ไอเดียการตั้งวงเริ่มจากทัวร์ Tattoo the Earth ในปี2001 แต่เพราะงานเต็มมือ กว่าไอเดียจะเป็นจริงก็ช่วงกลางปี 2006 พร้อมออกอัลบัมแรกชื่อเดียวกับวงในปี 2007 ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 9 ในชาร์ตอัลบัมของนิตยสาร Billboard ของอเมริกา ขายได้กว่า 45,000 แผ่น ส่วนอัลบัมล่าสุดชื่อ Stampade ออกปี2010
สไตล์ของ Hellyeah เป็นเมทัลที่ทันสมัยแบบที่เรียกกันว่า Groove Metal ซึ่งเป็นสไตล์ที่คนฟังเพลงรุ่นใหม่ชื่นชอบกันอย่างกว้างขวาง อีกทั้งให้อารมณ์เมามันยามเล่นไลฟ์ด้วย เป็นผลงานที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
มาระเบิดความมันส์ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 นี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป บริเวณลานจอดรถเอเชียพาร์ค ศูนย์การค้าเอสพละนาด ถนนรัชดาภิเษก กทม.
บัตรราคา 2,500 บาท และ 1,500 บาท ขาร็อคตัวจริงหาเป็นเจ้าของได้แล้วที่ เคาท์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทั่วประเทศ สร้างสรรค์ความมันส์แบบจัดหนักโดย บริษัทร็อค แอนด์ โรลล่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด สอบถาม โทร.02-262-3456
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>
''ผมพยายามที่จะทำเพลงเพลงแบบร็อกแอนด์โรลในยุคสมัยของฮิพฮอพ''
ข้างต้นเป็นบางถ้อยคำในการให้สัมภาษณ์สื่อของ ฮิวโก-จุลจักร จักรพงษ์ ซึ่งเป็นนักร้อง-นักเขียนเพลง (Singer+Songwriter) คนแรกของไทยที่มีอัลบั้มเพลงออกในตลาดอเมริกา ซึ่งถือเป็นตลาดเพลงโลกไปในตัว
ถึงจุดนี้ก็นับได้ว่า มาไกลเหลือเกินจากมาตรฐานของวงการเพลงไทยร่วมสมัย ตั้งแต่อุตสาหกรรมและธุรกิจดนตรีเกิดขึ้นมา ใครจะเชื่อว่า เด็กหนุ่มซึ่งมีหน่อเนื้อเชื้อราชนิกูลและเป็นลูกครึ่ง ซึ่งทำวงดนตรีร๊อคแอนด์โรลที่เล่นเพลงในแบบพ๊อพร๊อคกลิ่นอายดนตรีเซาเธิร์นร๊อคยุคทศวรรษที่ 70 ของตะวันตก จะพาตัวเองทะลุเพดานมาไกลถึงเพียงนี้ ทั้งที่ไม่ใช่นักร้องหรือวงดนตรีที่อยู่ในขั้นพ๊อพสตาร์หรือโดดเด้งในฐานะซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย
วงสิบล้อ เป็นวงดนตรีที่เป็นภูมิหลังของเขาในเมืองไทย และบทเพลง ‘ความลับในใจ’ น่าจะ
เป็นบทเพลงฮิตที่สุดในตลาดเพลงกระแสหลักของเมืองไทย เขาเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์ทางการเมือง วงดนตรีที่ขึ้นเวทีร้องเพลงประท้วงทางการเมืองบนเวทีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในยุคของการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อปี 2548 หลังจากออกอัลบั้มชุดที่ 4 ‘เงินๆ ทองๆ’ ในนามวงสิบล้อ เขาก็ออกเดินทางไปหาแรงท้าทายของดนตรีที่อังกฤษ
คงไม่ต้องเท้าความกันมาถึงตัวตนของฮิวโกในฐานะคนดนตรีในเมืองไทย แต่มามองกันที่ตัวงานในอัลบั้มชุดแรกของเขาในฐานะโซโล่ อาร์ติสท์ หรือศิลปินเดี่ยวในชื่อสั้นๆ ว่า ฮิวโก (Hugo) กับงานชุด ‘Old Tyme Religion’
[1] ‘สายลม’ บทเพลงเหงาอ้างว้างทรงพลัง
‘สายลมพาเดินทาง แต่หัวใจฉันอยู่ที่เดิม
ใจมันร้องเวลามันนานนาน เมื่อไหร่สายลมจะเปลี่ยนทาง’
การกลั่นน้ำเสียงที่เค้นออกมาจากความรู้สึกอ้างว้างเหงารันทดอยู่ภายใน ถูกสื่อสารออกมาในท่อนฮุควนหมุนเวียนที่ดำเนินต่อเนื่องในบทเพลงนี้ ตอกย้ำลงไปด้วยการกรีดเสียงของเปียโนที่เล่นโดยคีย์บอร์ด ช่องว่างระหว่างโน้ตที่ก้องกังวานแปร่งหวานเศร้าในอณูดนตรี ช่วยตรึงให้อารมณ์ดำดิ่งลงไปอีกโสตหนึ่ง
บทเพลงนี้เป็นเพลงที่มีเนื้อร้องภาษาไทยเพลงเดียวในอัลบั้ม และใส่เฉพาะอัลบั้มที่วางจำหน่ายในเมืองไทยเท่านั้น เพราะเข้าไปดูรายชื่อบทเพลงทั้งหมดของอัลบั้มที่จำหน่ายในต่างประเทศ ไม่มีบทเพลง ‘สายลม’ (Sai Lom) บรรจุอยู่
เมื่อมาดูถึงเนื้อร้องของ ‘สายลม’ ที่ฮิวโก เขียนเนื้อร้องออกมา สะท้อนถึงความเรียบง่ายทว่าลุ่มลึกของการเขียนภาษาที่ธรรมดาแต่แฝงสื่อนัยยะอารมณ์ความรู้สึก และความหมายจากก้นบึ้งจิตสำนึกของตัวเองออกมาค่อนข้างมาก
‘เหมือนแมลงบินไล่หลอดไฟ
ร้องยังไงก็เข้าไม่ถึง
เกิดเป็นคนนอกอยากเป็นคนใน
ทุกก้าวที่เดินยิ่งไกลยิ่งห่าง
สายลมพาเดินทาง
แต่หัวใจฉันอยู่ที่เดิม
ใจมันร้องเวลามันนานนาน
เมื่อไหร่สายลมจะเปลี่ยนทาง
เคยคิดบ้างไหมว่าฉันไม่เต็ม
แต่ร้อยเปอร์เซ็นต์คือฉันรักเธอ
พออยู่ห่างไกลจะมองไม่เห็น
จะหนาวจะเย็นกับความเงียบเหงา
สายลมพาเดินทาง
แต่หัวใจฉันอยู่ที่เดิม
ใจมันร้องเวลามันนานนาน
เมื่อไหร่สายลมจะเปลี่ยนทาง...’
ความโดดเด่นของบทเพลงนี้ก็คือ นำดนตรีในแนวบัลลาดร๊อคกลิ่นอายไพรัชหรือเอ็กโซติคที่มีความประหลาดลอยฟุ้งผ่านเสียงสังเคราะห์อยู่ในบรรยากาศ เป็นพาหะได้สอดคล้องกลมกลืนกับเนื้อร้องภาษาไทยที่มีสุนทรียภาพด้านโวหารที่เรียกว่า อุปมาอุปไมยหรือเปรียบเทียบในลักษณะที่ซื่อตรงง่ายๆ แต่กินความหมายได้ลึกซึ้งดำดิ่งลึกเข้าไปในอารมณ์ความรู้สึกได้อย่างยอดเยี่ยม ฟังแล้วสามารถกำซาบความรู้สึกร่วมเหงาอ้างว้างอย่างที่รู้สึกได้ กำจายออกมาในตัวเพลงทั้งเนื้อร้องและดนตรี
แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการทางดนตรีและการเขียนเนื้อร้องที่เป็นเอกภาพและรุดหน้าไปอย่างเด่นชัด เมื่อเปรียบเทียบกับงานเพลงจากในนามวงสิบล้อ ความนวลเนียนกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวทั้งเนื้อร้อง ดนตรี และอารมณ์ความรู้สึกที่สื่อสารออกมาผ่านเสียงร้องนั้น ฮิวโกกำลังจับจิตวิญญาณของดนตรีร๊อคในแบบตะวันตกอยู่มือและสื่อสารความเป็นตะวันออกร่วมสมัย (ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง ตะวันออกหรือไทยประเพณีแบบเทรดิชัน) โดยเฉพาะความรู้สึกของคนเมืองที่เคว้งคว้างล่องลอยอยู่ในที่แปลกถิ่นไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่ที่จุดใด เป็นภาวะความย้อนแย้งภายในที่ถ่ายทอดออกมาได้อย่างแยบคายลึกซึ้งในความรู้สึก ผ่านเรื่องราวที่ง่ายๆ และสัมผัสได้ไม่ยากเย็นในการส่งสารออกมาและกระทบความรู้สึกทันที
[2] จุดจบคือจุดเริ่มต้น
‘สายลม’ เป็นบทเพลงสุดท้ายของอัลบั้ม ‘Old Tyme Religion’ ที่วางจำหน่ายในเมืองไทย แน่นอนอัลบั้มนี้ถูกวางขายในตลาดอเมริกาเหนือและทั่วโลก และช่วงนี้เป็นการเดินทางหรือทัวร์โปรโมทอัลบั้มชุดนี้ของฮิวโก ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งดูจากตารางทัวร์แล้ว ก็ถือว่าถี่และหนักหนาเอาการ เพราะการจะพิสูจน์ฝีมือกันในตลาดเพลงอเมริกา นอกจากมีสตูดิโออัลบั้มแล้ว การทัวร์เพื่อเข้าถึงคนฟังนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างพลาดไม่ได้ เรียกว่าต้องโชว์ความสามารถในเชิงประจักษ์ให้เห็น ไม่ใช่ใช้แต่วิธีการโปรโมทตามกลไกตลาดเพียงอย่างเดียว ยิ่งเป็นนักร้องหรือวงดนตรีหน้าใหม่ไร้ชื่อก็ต้องยิ่งทำงานในเชิงรุกอย่างเข้มข้นและเคี่ยวกรำ
เมื่อมาย้อนดูอดีตบนเส้นทางดนตรีของฮิวโก เขาเริ่มต้นในฐานะแกนนำวงสิบล้อที่ออกอัลบั้มกันมาตั้งแต่ปี 2544 ใช้เวลา 4 ปี ในการออกอัลบั้มมา 4 อัลบั้ม เฉลี่ยแล้วปีละอัลบั้ม ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่มากพอสมควรสำหรับวงดนตรีร๊อควงหนึ่ง หลังจากยุบวงในปี 2548 การเดินทางหาแรงท้าทายใหม่ๆ ทางดนตรีในระดับนานาชาติของโลกดนตรีร่วมสมัยตะวันตกก็เริ่มขึ้น
แม้ว่าในเมืองไทยต้นทุนทางสังคมในฐานะคนมีชื่อเสียงที่ผ่านทางสกุลและเงินทองช่วยให้เส้นทางต่างๆ เปิดกว้างอยู่พอสมควร แต่สิ่งหนึ่งที่ฮิวโกพิสูจน์ให้เห็นคือ พัฒนาการทางด้านเสียงร้องของเขาและความคิดทางดนตรีและการเขียนเนื้อร้องที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหาสไตล์ของตัวเองเจอ การเลือกทางลงโดยเดินออกจากวงสิบล้อและมุ่งสู่อังกฤษจึงเป็นจุดจบเส้นทางดนตรีในเมืองไทย สู่อุโมงค์ที่มืดมิดของเส้นทางดนตรีในอังกฤษ
ยกแรกกับความล้มเหลวในอังกฤษ แม้จะพอมีเครดิตทางด้านดนตรีจากเมืองไทยไป แต่ก็เหมือนเริ่มต้นจากศูนย์ การเขียนเพลงของเขาสามารถเป็นใบเบิกทางด้วยความสามารถสู่เครือข่ายหรือคอนเนกชันในการทำงานเพลง ซึ่งแน่นอนเขาสามารถเชื่อมโยงสู่การติดต่อกับ อแมนดา โกสท์ (Amanda Ghost) คนที่ร่วมเขียนเพลงระดับเมกะฮิตที่ชื่อ ‘You're Beautiful’ ของ เจมส์ บลันต์ (James Blunt) ได้ และเริ่มทำงานเพื่อออกอัลบั้ม แต่เหตุการณ์ก็พลิกผัน การถูกยกเลิกสัญญาในการเป็นนักร้องในการออกอัลบั้มกับสังกัดเมเจอร์ของโลก ทำให้ดูเหมือนจบสิ้นเส้นทางดนตรีในระดับอินเตอร์ฯ
แต่ในปี 2550 ชื่อของฮิวโก ปรากฏร่วมในฐานะนักเขียนเพลงในบทเพลง ‘Disappear’ ซึ่งโด่งดังเป็นเพลงฮิต และบรรจุในอัลบั้ม ‘I am…Sasha Fierce’ ของซูเปอร์สตาร์ บียอนเซ่ (Beyonce Knowles) และนี่คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่สุดของฮิวโกบนเส้นทางดนตรี
ไม่ใช่แค่นี้ การมีส่วนร่วมในทีมเขียนเพลง อแมนดา โกสท์ ทำให้เขาได้รับการจับตามมอง โดยเฉพาะการเป็นคนไทยที่มาจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่สามารถทำงานได้ถึงระดับนี้ ในปี 2552 อแมนดา โกสท์ ได้นั่งในตำแหน่งประธานของอีพิค เรคคอร์ดส์ ซึ่งเป็นบริษัทเพลงใหญ่ของโซนี่
จากจุดนี้แสดงให้เห็นว่า กลุ่มก้อนของคนทำเพลงหรือคอนเนกชันก็เป็นเรื่องที่สำคัญในการก้าวเข้าสู่ตลาดเพลงระดับโลกของอเมริกาหรืออังกฤษ ซึ่งขั้นแรกต้องแสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ในเรื่องการเขียนเพลงหรือดนตรีเสียก่อน หรือพูดง่ายๆ ว่ามีกึ๋นทางดนตรีและมีอัตลักษณ์เป็นของตัวเอง และพร้อมที่จะหลอมละลายไปกับเส้นทางของธุรกิจเพลงด้วย ทีมโปรดักชันดนตรีหรือทีมทำเพลงมีอิทธิพลมากๆ ในการจะกำหนดชะตากรรมของคนดนตรีที่เข้ามาสู่เส้นทางนี้ และฮิวโกก็อยู่ในขอบข่ายนี้เช่นกัน
เมื่อหัวขบวน อแมนดา มีตำแหน่งใหญ่ในค่ายเพลงที่ทรงอิทธิพล การนำเสนออะไรก็ง่ายขึ้น เมื่อมาผนวกกับความสามารถซึ่งเป็นที่ยอมรับจากการร่วมเขียนเพลงที่บียอนเซ่นำไปร้องในอัลบั้ม การเซ็นสัญญาเป็นนักร้องเพื่อทำงานออกอัลบั้มในค่าย Roc Nation ของ เจย์-ซี (Jay-Z) ซึ่งเป็นค่ายเพลงอิสระในเครือข่ายของโซนี่ แสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เรียกว่า พลังทางความคิดหรือกึ๋นทางดนตรีของฮิวโก ที่ เจย์-ซี หรือมีชื่อเต็มว่า ฌอน คอร์ลีย์ คาร์เตอร์ (Shawn Corey Carter) ซึ่งปัจจุบันเป็นศิลปินฮิพฮอพเบอร์หนึ่งของอเมริกาและเป็นบุคคลในวงการดนตรีที่ทำเงินสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว และมีภรรยาเป็นซูเปอร์สตาร์นักร้องในสายเอร์เบิ้น แบล๊ค มิวสิค คือ บียอนเซ่ ตอบรับเขา
เพราะฉะนั้น เมื่อคนดนตรีและอีกหนึ่งภาคในฐานะนักธุรกิจในอุตสาหกรรมเพลง ยอมรับถึงความแปลกใหม่โดดเด่นของฮิวโก และเชิญให้มาทำงานด้วยในสังกัดของตัวเองที่มีบุคลิกพิเศษที่ไม่เหมือนใคร ก็ย่อมที่จะแสดงให้เห็นได้อย่างมีน้ำหนักที่แน่นหนาว่า ฮิวโก มีศักยภาพทางดนตรีที่โดดเด่นและสามารถสร้างจุดขายได้ไม่เหมือนใคร ซึ่งในอัลบั้ม Old Tyme Religion’ ของเขาจะเป็นคำตอบว่าเป็นอย่างไร?
ก่อนอื่นมาดูกลไกทางการตลาดที่ Roc Nation ค่ายเพลงปูพรมส่งฮิวโกออกสู่ตลาดเพลงในอเมริกาอย่างช้าๆ เน้นๆ ด้วยการนำบทเพลง ‘Disappear’ มาแสดงสดในเวอร์ชันอะคูสติกแบบฮิวโก และนำงานเพลงสุดฮิตของเจย์-ซี คือ ‘99 Problems’ มาคอฟเวอร์ตีความใหม่ในแนวทางดนตรีบลูส์กลาสส์-โฟล์คร๊อค ซึ่งฉีกออกไปจากเพลงดั้งเดิมและโดดเด่นแปลกหูแสดงถึงเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาอย่างน่าพิศวง แต่ไม่ใช่ความแปลกใหม่ในแนวทางดนตรีที่ยังธรรมดาอยู่ในสายคันทรีซึ่งมีกันดาษดื่นอยู่แล้วในตลาดเพลงอเมริกัน และการเสริมอีกแรงด้วยซิงเกิล ‘Bread & Butter’ ที่ยังคงสไตล์ของดนตรีโฟล์คร๊อคกลิ่นอายบลูส์อยู่อบอวล
จุดที่น่าสังเกตที่ดีจุดหนึ่งของกระบวนการทางการตลาดของธุรกิจเพลงในอเมริกาก็คือ การนำบทเพลงของศิลปินที่เรียกว่า มวยสร้าง ส่งโปรโมทในช่องทางที่เรียกว่า แมสหรือในวงกว้างคนฟังทั่วไป ที่ไม่ใช่ตลาดเพลงโดยตรงได้อย่างกลมกลืน ก็คือการส่งสองซิงเกิลดังกล่าว พ่วงไปกับแคมเปญชุดว่ายน้ำของ Victoria’s Secret รวมถึงบทเพลงที่ถูกนำไปเปิดในร้านเชนสโตร์ระดับยักษ์ใหญ่ อย่าง American Eagle Outfitters ที่มีกว่า 900 สาขาทั่วอเมริกา และแม็คโดนัลด์ที่มีกว่า 800 สาขา นอกจากนี้ยังมีพลังต่อรองที่สามารถนำเข้าไปเป็นเพลงประกอบซีรีส์และหนังฮอลลีวู้ดได้ด้วย อาทิ ‘Entourage’, ‘90210’ และ ‘Castle’
แม้ปัจจุบัน อัลบั้มเต็มของฮิวโกจะวางจำหน่ายไปแล้ว แต่ยังเห็นกระบวนการทางการตลาดที่เดินหน้าต่อไปในการสร้างศิลปินหน้าใหมไร้ชื่อจากเอเชียให้โดดเด้งขึ้นมาอย่างเป็นระบบ แสดงให้เห็นถึงความอดทนและจิตใจที่ต้องยืนระยะฝ่าข้ามไปให้ได้ ซึ่งไม่ใช่จำเพราะกึ๋น ทักษะทางดนตรี และความคิดที่แสดงออกมาในตัวเพลงเพียงอย่างเดียว แต่ปัจจัยหลายอย่างก็ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกันในท่ามกลางนักร้องและวงดนตรีมากมายทั้งในอเมริกา อังกฤษ และทั่วโลกที่อยากจะขึ้นมายืนสูดอากาศตรงจุดนี้
ฮิวโก-จุลจักร จักรพงษ์ กำลังเริ่มต้นเดินทางสู่ระดับโลก อัลบั้ม ‘Old Tyme Religion’ ที่มีเพลงภาษาอังกฤษอีก 12 บทเพลงบรรจุอยู่มีดีอย่างไร ตอนหน้ามาวิเคราะห์ลงลึกกัน....
>>>>>>>>>>
……….
รายชื่อเพลงในอัลบั้ม Old Tyme Religion ของ ฮิวโก จุลจักร จักรพงษ์
1.‘Old Tyme Religion’
2.‘99 Problems’
3.‘Bread & Butter’
4.‘Rock n’ Roll Delight’
5.‘Hopelessly Stoned’
6.‘Hurt Makes It Beautiful’
7.‘Born’
8.‘Mekong River Delta’
9.‘Sweetest Cure’
10.‘Defferent Lives’
11.‘Just A Shred’
12.‘Sweetest Cure’
13.‘Wake Alone’
14.สายลม’
>>>>>>>>>>>
………
ฟังมาแล้ว
‘Awesome As F**k’ / Green Day
รับรสได้ทางโสตและจักษุของดนตรีพังค์พ๊อพที่พยายามแทรกกลิ่นของอารมณ์โอเปร่าร๊อคเข้าไปในบทเพลงของพวกเขา กับสองอัลบั้มใน 4 ปีหลังสุด และการออกทัวร์ถูกคัดเลือกมาเป็นอัลบั้มการแสดงสด โดยเฉพาะบทเพลงจากอัลบั้ม ‘21st Century Breakdown’
อัลบั้มชุดนี้มีทั้งซีดีที่รวมบทเพลงจากการแสดงสดในคอนเสิร์ตที่ต่างๆ ไว้ ไมว่าจะเป็นที่ อเมริกา, อังกฤษ, สกอตแลนด์, ไอร์แลนด์, ออสเตรีย, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, เยอรมนี, แคนาดา รวมถึง 17 บทเพลง และดีวีดีการแสดงสดที่ ไซตามมะ ซูเปอร์ อรีน่า ญี่ปุ่น
กรีนเดย์แสดงให้เห็นถึงพลังทางดนตรีของพวกเขาอย่างยอดเยี่ยม มีการบันทึกเสียงที่ดีการแสดงสดที่สนุกและอัดแน่นด้วยบทเพลงอย่างเปี่ยมคุณภาพผ่านการกลั่นกรองในการเรียงร้อยตัวเพลงอย่างสมบูรณ์แบบ
ซึ่งคอเพลงคนไทยเคยได้สัมผัสบรรยากาศการแสดงสดจริงๆ ของพวกเขาแบบเต็มที่สุดมันเมื่อกลางปีที่แล้วมาเรียบร้อยแล้ว ยอดเยี่ยมเช่นไรก็บอกกล่าวถึงงานชุดนี้ได้เป็นอย่างดี
The Lady Killer / Cee Lo Green
งานเพลงชุดที่ 3 ของแร๊พเปอร์ที่มีเนื้อเสียงที่ร้องเพลงในสไตล์นีโอ-โซลได้เหนือกว่าใครๆ ในยุคนี้ พลังทางเสียงร้องของเขาโดดเด่นอย่างมาก เมื่อมากอปรรวมกับวิธีการเขียนเพลงที่ดีวางแนวความคิดเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มธีมหนังสายลับไว้ ทำให้ความเป็นเอกภาพของงานชุดนี้ยิ่งควบแน่นอย่างเต็มเปี่ยม
รวมถึงการเลือกทีมทำเพลงและคนมาฟีเจอริ่งหรือร่วมร้องและแบ่งปันไอเดียทางดนตรีได้อย่างชาญฉลาด ทำให้ผสมผสานหลอมรวมระหว่างอารมณ์ดนตรีโซลเก่าก่อนกับความเป็นโมเดิร์น ฮิพฮอพ และคอนเทมโพรารี่ อาร์แอนด์บี สู่ทิศทางใหม่ของดนตรีแอฟริกัน-อเมริกันร่วมสมัยที่ถูกหูตลาดเพลงพ๊อพกระแสหลักได้อย่างยอดเยี่ยม
14 บทเพลง รวมโบนัสแทร๊ค แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการของคนเสียงดีมีสมองแต่ด้อยด้านรูปลักษณ์หน้าตาว่า พรสวรรค์ของคนดนตรีไม่ว่าอย่างไรก็ฉายแสงออกมาวันยังค่ำ งานชุดนี้ทำให้เขาก้าวสู่ระดับโลกตัวจริง
Voice of Angels / รวมเพลง
เสียงของมนุษย์คือความมหัศจรรย์พันลึกที่ไม่แพ้เครื่องดนตรีชนิดใดในโลก งานรวมเพลงในอัลบั้มชุดนี้ย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ได้ดี บทเพลงสไตล์คอร์สโอเวอร์ คลาสสิก, โวคอล พ๊อพ, นิวเอจ, เซลติค จากนักร้องและวงประสานเสียงรวม 32 บทเพลง บรรจุในซีดี 2 แผ่น สามารถนำความสุขผ่านคลื่นเสียงและพลังทางการขับร้องที่ตีความบทเพลงและดนตรีสู่ความสุขรื่นรมย์ในการฟังเพลงอย่างดีเยี่ยม
โดดเด่นด้วยเสียงร้องอันไพเราะเสนาะโสตจากนักร้องชั้นนำมากมาย อาทิ Il Divo, Sarah Brightman, Katherine Jenkins, Celtic Woman, Paul Potts, Charlotte Church, Libera, The Ten Tenors ฯลฯ คอเพลงที่ชอบบทเพลงเสียงร้องเต็มอรรถรสด้วยคุณภาพเพื่อผ่อนคลายด้วยความสุขในการฟังเพลง รับรองไม่ผิดหวัง
SuckSeed ห่วยขั้นเทพ / เพลงประกอบภาพยนตร์
หนังประสบความสำเร็จในตลาดคนดูหนังวัยรุ่นด้วยยอดกว่า 80 ล้านบาท ทำให้อัลบั้มเพลงประกอบภาพยนตร์ถูกกล่าวขานตามไปด้วย จากการที่เป็นหนังที่เกี่ยวกับดนตรีและความฝันของวัยรุ่น โดยจับกระแสดนตรีร๊อคยุคเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้ว ช่วงโมเดิร์นร๊อคและอัลเทอร์เนทีฟ ร๊อคเบ่งบานมาเป็นเพลงเดินเรื่อง
บทเพลงในอัลบั้มนี้จึงเป็นการนำเอาเพลงร๊อคในยุคนั้นมารวมไว้ (ที่อยู่ในเครือแกรมมี่) โดยมีเพลง ‘บุษบา’ ของวงโมเดิร์นด๊อกแทรกมาเป็นยาดำ บทเพลงธีมหลักใช้บริการการทำเพลงจากหัวลำโพงริดดิม และมีเพลงใหม่จากสกุลร๊อคแมงโกทีมและพาราด๊อกซ์มาช่วยเสริมแรง
สรุปแล้ว ฟังเพลงประกอบภาพยนตร์อย่างเดียวก็บอกได้คำเดียวว่า เลือกรวมเพลงได้เหมือนชื่อหนังเลยทีเดียว
.........
ชีพจรดนตรี
‘Sonic Attack’
ชาวหูเหล็กทั้งหลาย เตรียมพบกับความมันส์ในระดับเปิดกระโหลกรับโสตประสาทเสียงสวรรค์กับ 3 สุดยอดซุปเปอร์กรุ๊ปวงเมทัลระดับเทพ ที่เตรียมเดินทางมาเปิดการแสดงในประเทศไทยภายใต้ชื่องาน ‘Sonic Attack’
ประกอบด้วย ANTHRAX วงแธรชเมทัลสายพันธ์ดุ ที่การันตีด้วยยอดขายกว่า 10 ล้านชุดทั่วโลก ซึ่งตั้งวงในปี1981 ที่นิวยอร์ก โดยมือกีตาร์ Scott Ian และ Dan Lilker (ภายหลังไปอยู่วง Nuclear Assault) เปลี่ยนแปลงตัวสมาชิกหลายครั้ง จนมาลงตัวกับ line up ยุครุ่งเรือง ประกอบด้วย Scott (กีตาร์) Joey Belladonna (ร้องนำ) Dan Spitz (กีตาร์) Frank Bello (เบส) และ Charlie Benante (กลอง) ทำผลงานชั้นเยี่ยมออกมามากมาย เริ่มจาก Fistful of Metal (1984) Spreading the Disease (’85) State of Euphoria (’88) Persistence of Time (’90) แล้วเปลี่ยนนักร้องนำเป็น John Bush ในช่วงยุค90s และปี2009-10 รวมทั้งได้ Rob Caggiano มาเล่นกีตาร์แทน Mark ในยุค2000
สไตล์ดนตรีของ Anthrax เน้น Thrash Metal ผสมกับสำเนียงแร็พที่นิยมกันอย่างมากในอเมริกา จึงประสบความสำเร็จอย่างมากจนได้ออกทัวร์กับวง Thrash ที่ยิ่งใหญ่อย่าง Metallica, Slayer และ Megadeth จนที่มาของสมญา Big 4 อันหมายถึงวง Thrash ระดับตำนาน 4 วงที่ยังคงมีผลงานอยู่จนถึงทุกวันนี้
ผลงานของพวกเขาตั้งแต่เปลี่ยนนักร้องเป็น John Bush มาจนถึงปัจจุบันได้แฟนกลุ่มวัยรุ่นมากขึ้น พร้อมกับทำดนตรี Thrash ลูกผสมที่มี Groove มากขึ้น อีกทั้งเป็นวงที่เล่นการเล่นไลฟ์เป็นหลัก พวกเขาจึงต้องออกตระเวนทัวร์อย่างหนักเพราะดนตรีสไตล์นี้ตัดสินความสามารถกันที่การเล่นไลฟ์อย่างแท้จริง และก็ไม่เคยทำให้แฟนเพลงของพวกเขาผิดหวัง
วงที่ 2 DEATH ANGEL ตอนที่ออกอัลบัมแรกพวกเขาเป็นวงเด็กหนุ่มลูกครึ่งฟิลิปปินส์-อเมริกันที่อายุเฉลี่ย 17-18 ปีเท่านั้น แต่สามารถสร้างสรรค์ผลงานสะเทือนวงการ Bay Area Thrash ของอเมริกาได้อย่างจัง กับอัลบัมแรก The Ultra Violence ในปี1987 ตามด้วย Frolic Through the Park (1988) ก่อนที่จะถูกกระแสดนตรีแนวอื่นแซงหน้าในช่วงที่ออกอัลบัมที่ 3 Act III (1989) และยุบวงในปี1991 เงียบหายไประยะหนึ่ง ก่อนที่สมาชิก 4 คนจะไปตั้งวง The Organization ที่ไม่ประสบความสำเร็จในยุค90s กับอัลบัม 2 ชุด
พวกเขากลับมารวมตัวกันอีกในปี2001 เพื่อร่วมทัวร์ในชื่อ Thrash of the Titans ที่หารายได้ให้ Chuck Billy นักร้องนำวง Testament ที่ป่วยเป็นมะเร็ง ทางวงตระหนักว่าแฟนเพลงยังให้การสนับสนุนอยู่ จึงออกแสดงคอนเสิร์ตต่อไป พร้อมทั้งกับอัลบัมไปด้วย งานล่าสุดชื่อ Relentless Retribution ออกในปี 2010 ที่มีซาวน์ดทันสมัย เป็น Modern Thrash ตามสมัยนิยม ด้วยฝีมือการโปรดิวซ์ของ Jason Suecof ที่โปรดิวซ์งานของ Trivium, The Black Dahlia Murder, All That Remains มาแล้ว
และปิดท้ายด้วย HELLYEAH สุดยอดวงเมทัลแห่งยุคที่เกิดจากการรวมตัวของเสือสิงห์ในวงการ ประกอบด้วย Chad Gray นักร้องนำ และ Greg Tribbet มือกีตาร์วง Mudvayne ทั้งคู่ Tom Maxwell มือกีตาร์วง Nothingface Bob Zilla มือเบสวง Damageplan และ Vinnie Paul มือกลองอดีตวง Pantera, Rebel Meets Rebel และ Damageplan ไอเดียการตั้งวงเริ่มจากทัวร์ Tattoo the Earth ในปี2001 แต่เพราะงานเต็มมือ กว่าไอเดียจะเป็นจริงก็ช่วงกลางปี 2006 พร้อมออกอัลบัมแรกชื่อเดียวกับวงในปี 2007 ซึ่งขึ้นถึงอันดับ 9 ในชาร์ตอัลบัมของนิตยสาร Billboard ของอเมริกา ขายได้กว่า 45,000 แผ่น ส่วนอัลบัมล่าสุดชื่อ Stampade ออกปี2010
สไตล์ของ Hellyeah เป็นเมทัลที่ทันสมัยแบบที่เรียกกันว่า Groove Metal ซึ่งเป็นสไตล์ที่คนฟังเพลงรุ่นใหม่ชื่นชอบกันอย่างกว้างขวาง อีกทั้งให้อารมณ์เมามันยามเล่นไลฟ์ด้วย เป็นผลงานที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
มาระเบิดความมันส์ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2554 นี้ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. เป็นต้นไป บริเวณลานจอดรถเอเชียพาร์ค ศูนย์การค้าเอสพละนาด ถนนรัชดาภิเษก กทม.
บัตรราคา 2,500 บาท และ 1,500 บาท ขาร็อคตัวจริงหาเป็นเจ้าของได้แล้วที่ เคาท์เตอร์ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทั่วประเทศ สร้างสรรค์ความมันส์แบบจัดหนักโดย บริษัทร็อค แอนด์ โรลล่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด สอบถาม โทร.02-262-3456
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>