"ผอ.ช่อง9" เผยเทปฟ้าหญิงจุฬาภรณฯ ประทานสัมภาษณ์รายการ "วู้ดดี้ เกิดมาคุย" กระแสตอบรับเป็นประวัติการณ์ พร้อมสนองพระราชดำรัสเพิ่มเวลาเสนอพระราชกรณียกิจ ลั่นยินดี "ตู่ จตุพร" ขอออกบ้างแต่ขอดูเจตนาก่อน
กระแสตอบรับล้นหลามเลยทีเดียวสำหรับเทปการออกอากาศของรายการ "วู้ดี้ เกิดมาคุย" ภายหลังจากสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ทรงประทานพระวโรกาสพิเศษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 และ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา
เกี่ยวกับเรื่องนี้ทางด้านของ “นายธนวัฒน์ วันสม” กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อสมท. จำกัด เผยในงานเปิดสถาบัน “MCOT ACADEMY” เปิดเผยว่า...
“กระแสตอบรับจากรายการดีมากที่สุด เรียกว่าถล่มทลายมากที่สุด ต้องขอชมเชยไปยังพิธีกรก็คือคุณวู้ดดี้ และก็เป็นพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านด้วย ที่ท่านประทานให้สัมภาษณ์มา ถือเป็นเรื่องที่ประชาชนคนไทยให้ความสำคัญอยากจะได้ฟังจากปากของพระองค์ท่าน
"ในส่วนของรายการที่พระองค์ท่านอยากจะให้มีรายการที่นำเสนอพระราชกรณียกิจของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ผ่านมาสถานีเราทำกันอยู่แล้วอย่างต่อเนื่อง ทุกวันเสาร์ตอนเย็นหลังข่าวภาคค่ำ ซึ่งมีต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว เป็นรายการที่สนองพระราชดำริเพื่อส่งเสริมงานในมูลนิธิของพระองค์ท่าน และปีนี้พิเศษที่เราเองก็เพิ่มเวลาให้อีกวันนึงในวันอาทิตย์”
“เราเองเล็งเห็นว่าการส่งเสริมสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นสิ่งที่สำคัญ ยิ่งโดยเฉพาะปัจจุบันองค์กรสื่ออย่าง อสมท.เราให้ความสำคัญอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง ภายในองค์กรเราน้อมนำคำสอนเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียงมาขับเคลื่อน ในการบริหารจัดการภายใน เรามีการส่งพนักงานเราไปฝึกอบรมเรียนรู้ทฤษฎีต่างๆ ของพระองค์ท่าน"
"เรามีการเชิญชวนผู้จัดรายการมาจัดกิจกรรมพิเศษ ทั้งยังร่วมเชิญผู้ถือหุ้น เชิญแฟนๆ รายการเข้าร่วมโครงการต่างๆ ที่ทางสถานีได้จัดขึ้น เช่น รายการตามรอยพ่อที่ทำกับข่าวข้นคนข่าว หรือจะเป็นรายการที่ส่งเสริมตั้งแต่เด็กและเยาวชนอย่างกบนอกกะลาก็มีโครงการ กบจูเนียร์ตามรอยพ่อ เพื่อเป็นการปลุกฝังแนวความคิด ทฤษฎีต่างๆ ของพระองค์ท่าน”
“ผมเองมองว่าที่ผ่านมารายการประเภทนี้ยังมีน้อยไป เราเองก็พยายามคิดสร้างสรรค์อย่างต่อเนื่อง เราพยายามคิดคอนเซ็ปต์ต่างๆ สอดแทรกเข้าไปในเนื้อหาของทุกรายการ เราพยายามคิดหาวิธีการนำเสนอแบบใหม่ที่แตกต่างไปจากเดิม บางทีอาจจะได้เห็นในรูปแบบรายการเรียลริตี้บ้างก็เป็นได้ครับ”
ส่วนกรณีที่ "ตู่ จตุพร พรหมพันธุ์" ได้ปราศรัยเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมา โดยระบุว่าอยากออกรายการ "วู้ดดี้เกิดมาคุย" บ้างจนเจ้าตัวโดนวิพากษ์วิจารณ์ไปทั่ว กับเรื่องนี้บอสโมเดิร์นไนน์เผยว่าทางอสมท.นั้นไม่ปิดกั้น แต่ต้องห้ามใช้เป็นเวทีพูดถึงประเด็นการเมืองในมุมของตัวเอง
“ส่วนที่อีกด้านนึงอย่างคุณจตุพรที่อยากจะมาออกรายการวู้ดดี้เกิดมาคุยด้วยนั้น เรียนตามตรงว่าเราเป็นสื่อที่วางตัวเป็นกลางอยู่แล้วในด้านนี้ ถ้าจะมาเพราะประเด็นทางการเมืองในด้านใดด้านหนึ่งอาจจะไม่เหมาะสมนัก แต่ถ้าจะมาเพราะอยากเสนอแนวคิดที่มีความหลากหลายตรงนี้เราไม่ปิดกั้นครับ”
“สำนักข่าวไทยเรามีมาตรฐานในการนำเสนอข่าวให้ครอบคลุมทุกมุม ยืนยันว่าข้อมูลที่เรานำเสนอก็คงไม่มีการเซ็นเซอร์ตัดออกใดๆ ตัวผมไม่เคยไปสั่งห้ามลูกน้องห้ามคนนั้นคนนี้มาออก หรือปรับตรงนั้นตรงนี้ผมยืนยันได้เราไม่ปิดกั้นแน่นอน แต่ขอดูที่เจตนาและเนื้อหาแนวคิดที่ต้องการจะนำเสนอมากกว่าครับ”
พร้อมกันนี้เจ้าตัวยังเผย ถึงที่มาของโครงการเปิดสถาบัน “MCOT ACADEMY” โดยมีเป้าหมายเพื่อพัฒนาบุคลากรในวิชาชีพ ชูจุดแข็งได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริงกับบุคลากรชื่อดังในแวดวงสื่อสารมวลชน อีกทั้งยังมีความพร้อมด้วยช่องทางรองรับสามารถปฏิบัติงานผลงานจริงได้ทุกรูปแบบจากทางสถานี
“จากประสบการณ์การทำงานทางด้านสื่อที่เราทำมาเกือบ 60 ปี เราได้สร้างบุคคลากรที่สำคัญให้เกิดขึ้นในวงการนี้มากมาย โครงการนี้จึงเหมือนเป็นการต่อยอดโดยเราร่วมกับทางสถาบันการศึกษา คือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ที่มีหลักสูตรในการอบรมด้านสื่อสารมวลชนที่เป็นรูปธรรม"
"ผนวกกับทางเราเองที่มีช่องทางสื่อมากมาย โดยคอนเซ็ปต์เราอยากจะวางไว้ให้มีความแตกต่าง คือนิสิต นักศึกษาที่มาเรียนจะได้เรียนรู้จากบุคลากรที่ทำงานจริง ขั้นต้นเราร่วมมือกับทางบริษัททีวีบูรพาให้เกียรติมาเป็นอาจารย์ในการสอน ก็เรียกได้ว่าผู้เรียนสามารถเข้ามาเรียนรู้กับผู้ที่ทำงานจริงกับสถาบันการ ศึกษาที่ได้รับการยอมรับและมีหลักสูตรเป็นรูปธรรม ทั้งยังมีองค์กรสื่อคอยสนับสนุน เราคาดหวังว่าจากโครงการนี้จะทำให้เกิดเพชรใหม่ๆ ขึ้นมาประดับวงการ”
“อาจด้วยปัจจุบันเองความต้องการของตลาดในด้านโทรทัศน์ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีอัตราการเติบโตค่อนข้างสูง ไม่นับรวมธุรกิจเคเบิ้ลดาวเทียมที่โตชนิดที่เรียกว่าโตเกือบจะเท่าตัว โดยหลักสูตรของเราจะแตกต่างหลอมรวมผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทางมาเป็นอาจารย์ในการสอน"
"ควบคู่ไปกับหลักสูตรที่เป็นรูปธรรมของสถาบันการศึกษาชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ อีกทั้งยังมีภาคให้ผู้เรียนได้ปฏิบัติจริง โดยผ่านช่องทางการนำเสนอต่างๆ ของทางเรา เรามีสื่ออยู่ในมือทุกรูปแบบ ตรงนี้แหละครับที่เรามองว่าโรงเรียนไหนก็คงไม่ สามารถให้ตรงนี้กับผู้เรียนได้”
“ค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องการเรียนของเราไม่สูงเลยครับ มีตั้งแต่ไม่กี่พันบาทขึ้นไปทั้งนี้ขึ้นอยู่กับรายละเอียดของหลักสูตร จุดประสงค์เราต้องการเผยแพร่ความรู้จริงๆ ไม่ประสงค์ที่จะค้ากำไรทางด้านนี้ แต่เราคิดว่าเรามีศักยภาพในการผลักดัน เรื่องนี้ให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรม"
"และเชื่อว่าจากสถาบันนี้น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของบุคลากรสำคัญทางด้านสื่อต่อ ไปในอนาคต โดยเรามองว่าการเริ่มต้นจากหลักสูตรสารคดีเป็นเหมือนพื้นฐานการผลิตรายการโทรทัศน์ประเภทนึง ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบแต่วันนี้เราเลือกโฟกัสแค่เพียงแขนงเดียวคือสารคดี เกี่ยวกับชีวิตคนที่ทางทีวีบูรพามีความชำนาญเป็นพิเศษ”
“ทักษะที่ได้เรียนรู้จากการปฏิบัติสารคดีแนวนี้สามารถนำประยุกต์ใช้ในการ ผลิตรายการสารคดีประเภทอื่นๆ ได้ คิดว่าความรู้จากตรงนี้สามารถก้าวไปผลิตรายการประเภทอื่นๆ ได้ โดยผู้เรียนเองไม่จำเป็นต้องมีพื้นฐานมาก่อนก็ได้ ขอเพียงคุณมีความสนใจที่อยากจะเรียนรู้ หลักสูตรของเราก็มีหลากหลายทั้งสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นไปจนถึงหลักสูตร ระดับแอดวานซ์สำหรับผู้ที่มีความชำนาญเฉพาะทางเป็นกรณีพิเศษ”
“แน่นอนที่สุดว่าการที่มาเรียนกับเรา ผู้เรียนจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่แท้จริงของคนในแวดวงสื่อสารมวลชน รู้ทั้งเบื้องหน้าสัมผัสถึงเบื้องหลัง สิ่งเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นหลักสูตรที่หาไม่ได้จากที่ไหนทั่วไป ใครที่มีผลงานดีเด่นย่อมเป็นไปได้สูงจะได้รับโอกาสเข้ามาปฏิบัติงานจริงกับเรา ซึ่งในแง่ของเรื่องรายได้เราไม่ได้หวังจะค้ากำไรเลย"
"แต่ตรงนี้มันก็มีค่าใช้จ่าย หลักๆ ที่เราเก็บก็เหมือนเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อเอาไปหล่อเลี้ยงและส่งเสริมสถาบันให้อยู่ได้ด้วยตัวมันเองก็เท่านั้น”
โว หลังปรับผังรายการใหม่ภายใต้คอนเซ็ปต์ “9 togeter” ผลประกอบการเรตติ้งพุ่งกระฉูดถึงขั้นต้องคืนเงินให้เอเจนซี่หลายสิบล้าน เพราะไม่มีเวลาลงโฆษณาให้
“ปรับผังใหม่ที่ผ่านมาถือว่าดีครับ หลายๆ รายการเรตติ้งเพิ่มสูงกว่าเดิม บางรายการมากกว่าเท่าตัว ยกตัวอย่างเช่น รายการพิเศษที่เราจัดคือรายการคุยโขมงยามเช้า ในเวลา 05.30 น. เป็นรายการที่เรตติ้งเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัวจากเรตติ้งเดิม ในส่วนของโฆษณานี่เต็ม และก็ยังมีอีกหลายรายการของเราที่มีช่วงเวลาโฆษณาที่เต็ม หรือแม้กระทั้งรายการที่เป็นรายการเดิม แต่มีการปรับปรุงสีสันให้น่าสนใจขึ้น อย่างเช่น รายการเดอะสตาร์ บอกเลยครับว่าปีนี้ได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ทั้งในแง่ผู้ชมทั้งรายได้”
“ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมานี้ ช่วงโฆษณาเราต้องคืนเงินให้กับทางเอเจนซี่เพราะว่าเราไม่มีเวลาโฆษณาให้ ไม่ใช่เฉพาะช่วงเวลาไพร์มไทม์นะครับ แต่เป็นทั้งหมด เดิมที่ช่วงไพร์มไทม์ก็ล้นอยู่แล้ว แต่ทุกวันนี้เฉลี่ยแล้วมันเกินความต้องการ ก็เกินมาค่อนข้างเยอะเหมือนกัน รวมๆ เป็นหลักหลายสิบล้าน"
"ผลรวมอาจมาจากผู้ที่มีเงินโฆษณาก็ยังสนใจลงโฆษณาในสื่อโทรทัศน์เป็นหลัก ทุกวันนี้สถานีเราได้รับการยอมรับที่ชัดเจนจากเอเจนซี่มากขึ้นกว่าเดิม เรามีความมั่นใจในรูปแบบคอนเซ็ปต์การนำเสนอของทางสถานีทำให้ยอดขายของเราเพิ่มสูงขึ้น”