หากต้องเปิดวิทยุฟังในช่วงกลางคืน หนึ่งในคลื่นที่ผมมักจะต้องจูนไปหาก็คือ "เอฟเอ็ม 99 เรดิโอ : คลื่นเมืองไทยแข็งแรง" ของ "อสมท."
รายการที่ฟังส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลกีฬาโปรดครับ ทั้ง เจาะสนามบอลไทย, Football Mania, Soccer Live Report, สปอร์ตไกด์ ฯ ที่จัดโดยเหล่าดีเจที่ถ้าใครเป็นคอกีฬาก็คงจะคุ้นหูกันดี ทั้ง เอก ฮิม, เอก นพดล, เจ๋ง, ยุทธชัย จิรขวัญฉาย, โทนคุง, ชิตพล, วาว, มาร์ค สุรเดช, เฮียนอส, หมอเมา ฯ
รวมถึงรายการมวยไทย และรายการคลายเครียดอย่าง "สปอร์ต รีแลกซ์" ของพี่ป๋อง กพล ทองพลับ ที่จัดกับคุณแจ็คเล็ก+แจ็คใหญ่ รวมถึงดีเจคนอื่นๆ ที่จะสลับสับเปลี่ยนหรือไม่ก็ยกโขยงมาจัดรายการให้ฟังพร้อมๆ กันซึ่งเป็นรายการที่หลายคนฟังแล้วอาจจะคิดอยู่ในใจว่า...รายการบ้าบอคอแตกอะไรของมันวะ
ต่อท้ายด้วยความรู้สึกที่ว่า...ช่างฮาสาด
คงเป็นที่รู้ๆ กันนะครับว่า รายการประเภทบรรยาย-รายงานผลการแข่งขันฟุตบอลสดๆ รวมถึงประเภทบทวิเคราะห์ทำนายผลก่อนบอลเตะทั้งของคลื่นอสมท.เอฟเอ็ม 99 นี้ หรือแม้กระทั่งที่เป็นต้นฉบับของรายการวิทยุที่เกี่ยวกับกีฬาอย่าง "สปอร์ต เรดิโอ" ซึ่งตอนนี้ประจำการอยู่ที่คลื่นเอฟเอ็ม 96 นั้นถูกผลิตขึ้นมาก็เพื่อที่จะตอบสนองให้กับคอบอลที่รักการเดิมพันเสียเป็นส่วนใหญ่
ที่บอกเช่นนั้นก็เพราะมันคงไม่มีใครหรอกครับที่บ้าบอลถึงขนาดจะลงทุนเอสเอ็มเอสเพื่อขอให้บรรดาดีเจทำนายทายผลบอลให้
หรือมันคงไม่มีใครหรอกครับที่จะสนใจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวในวงการฟุตบอลถึงขนาดที่ตีสองตีสามยังไม่ยอมนอน ต้องโทรฯ หรือส่งเอสเอ็มเอสเข้าไปขอผลบอลลีกประเทศอย่าง มอนโดวา, กรีซ, ตุรกี, โปแลนด์ คัพ ฯ และมันก็คงจะไม่มีใครหรอกครับที่จะโทรฯ หรือส่งเอสเอ็มเอสเข้าไปสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแวดวงฟุตบอลกับดีเจผู้จัดรายการทำนองที่ว่า..."พี่ครับ คืนนี้จัดหนักสัก 3 คู่ได้มั้ยครับ"..."เมื่อคืนหงส์ทำเอาผมต้องซดมาม่าไปเลยพี่"..."ขอบคุณแมนยู วันนี้เลยมีเงินพากิ๊กไปเที่ยว"..."เสียดาย บาร์ซ่าตัวเดียวเลยพี่ ไม่งั้นโต๊ะจีน หูฉลามแน่" ฯลฯ
แต่ก็อย่างที่ทราบกันครับว่าการเล่นการพนันในบ้านเรานั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายตามหลักนิตินัย
ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้จัดรายการทั้งหลายจึงต้องเลี่ยงประโยคที่ใช้ในการจัดรายการเพื่อไม่ให้ "ตรง" ชนิดที่ฟังแล้วโจ๋งครึ่มว่าเป็นเรื่องของการพนันจนเกินไป เช่น จะไม่พูดถึงอัตราต่อรอง อาทิ ครึ่งลูก, ลูกควบลูกครึ่ง ฯ โดยตรง แต่อาจจะพูดในลักษณะที่ว่า ลูกเดียวทางโน้นพอแต่ทางนี้ไม่พอ, หูยังกระเด็นอยู่ ฯ ตลอดจนจะไม่พูดเชิญชวนให้มีการเล่นพนันด้วยการแทงทีมนั้น-ทีมนี้ แต่จะพูดในเชิงที่ว่า ฝากไว้ในคอลเลคชั่นสักทีม, ใสกิ๊ก ฯ
ต้องบอกว่านานาจิตตังนะครับว่าใครจะรู้สึกรับได้ หรือเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรกับการปากว่าตาขยิบในลักษณะเช่นนี้?
สำหรับผมเองแล้ว แม้อาจจะไม่เห็นด้วยกับการหลีกข้อกฏหมายด้วยการใช้วิธีเลี่ยงบาลีในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะรับไม่ได้เอาเสียเลย
จนกระทั่งมาในระยะหลังที่ผมรู้สึกว่าคลื่น อสมท. เอฟเอ็ม 99 นี้ชักจะมากเกินไปแล้ว
นับตั้งแต่มากเกินไปแบบอ่อนๆ ด้วยการให้บรรดาผู้จัดตั้งตัวเป็นเซียนเปิดบริการข้อมูลวิเคราะห์การทายผลบอลผ่านระบบโทรศัพท์ โดยให้คนฟังสมัครสมาชิกด้วยอัตราเท่านั้นเท่านี้ต่อเดือน รวมถึงรายการมวยไทยที่บอกกันตรงๆ โต้งๆ ว่าคู่นี้พนันกันด้วยเงินเท่านั้นเท่านี้ ราคาต่อรองแบบยกต่อยกเป็นเช่นไรฯ กระทั่งเลยเถิดแบบหนักที่ผมรู้สึกว่ามันมากไปอย่างที่บอกนั่นคือการปล่อยให้มีสปอร์ตโฆษณาเว็บไซต็เล่นพนันชื่อดังที่เอ่ยชื่อไปหลายคนต้องรู้จัก
แม้จะมีการเลี่ยงโดยไม่ใช่คำว่าเป็นเว็บไซต์พนันโดยตรง แต่คำที่ใช้ก็ต้องถือว่าโต้งๆ มากครับ เช่น ไม่ผ่านเอเย่นต์, ปัญหาการถูกหลอกจะหมดไป ฯ
จากสปอร์ตโฆษณาที่ว่าและให้รวมไปถึงโฆษณาตัววิ่งภาษาไทยที่เชิญชวนให้คนเล่นพนันฟุตบอลที่เราพบกันอยู่บ่อยๆ ในบางสนามระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลจากประเทศอังกฤษเหล่านี้ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า ตกลงแล้วถ้าผมสมัครเดิมพันผ่านเว็บไซต์ที่ว่านี้ ผมจะไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเล่นการพนันฟุตบอลใช่หรือไม่? และถ้าผมสมัครเดิมพันกับเว็บไซต์ที่ว่านี้แล้วผมมั่นใจได้เลยใช่หรือไม่ว่าเว็บไซต์ที่ว่านี้จะไม่ถูกกระทรวงไอซีทีปิดจนทำให้สูญเงินที่ลงทุนไปเหมือนเมื่อครั้งที่ตำรวจรวมถึงกระทรวงไอวีทีไปไล่จับ-ไล่ปิดเว็บพนันบอลกระทั่งกลายเป็นข่าวใหญ่ช่วงฟุตบอลโลกที่ผ่านมา?
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นวิธีการโฆษณาหาลูกค้าของบรรดาเว็บเหล่านั้นจะใช้การเดินแจกนามบัตรหรือบอกต่อกันปากต่อปาก ไม่ได้โฆษณาโจ๋งครึ่มเสียด้วยซ้ำไป
คือถ้าสปอร์ตโฆษณาชิ้นที่ว่านี้มันไปปรากฏอยู่ตามเว็บไซต์ประเภทที่ทำธุรกิจ "สีเทา" อยู่แล้ว หรือไปอยู่ในเว็บไซต์ วิทยุ ตลอดจนหนังสือพิมพ์ที่เขาทำมาหากินกับเรื่องผลแพ้-ชนะของการแข่งขันกีฬามานานกระทั่งกลายเป็น "ขาใหญ่" ไปแล้วอันนั้นก็ว่าไปเถอะครับ
แต่มันไม่น่าจะมาถูกโฆษณาด้วยสื่ออย่าง อสมท. ซึ่งแม้จะมีคำว่า "มหาชน" ต่อท้ายทว่าโดยรวมก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลโดยรัฐบาลอยู่
ถามจริงๆ เถอะครับว่าองค์กรใหญ่โตขนาดนี้ แต่หมดปัญญาหากินแบบสุจริตชนแล้วหรือไงครับ ถึงต้องมารับเศษเงินจากธุรกิจที่อิงอยู่บนการมอมเมาเช่นนี้
หรือนี่คือการมองไปถึงอนาคตว่าอย่างไรเสียประเทศไทยเราซึ่งมีบอลลีกภายในที่คึกคักขึ้นทุกวันแบบนี้ แนวโน้มต้องเปิดให้มีการพนันอย่างถูกต้องแน่นอน
ขอเถอะครับอย่าให้มันเลยเถิดไปนักเลย
พูดถึงเรื่องความเลยเถิดของอสมท.แล้วก็ให้นึกไปถึงกรณีคลิปฯ ของ 3 สาวเต้นเปลือยอกในย่านสีลมช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมากระทั่งกลายเป็นข่าวฮือฮาอยู่ในตอนนี้โดยมีหลายต่อหลายคนอยากจะให้เรื่องนี้เงียบไปเร็วๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าสงสารเด็ก
ในความรู้สึกผมนี่ก็เป็นเรื่องของความเลยเถิดอย่างหนึ่งครับ แต่เป็นความเลยเถิดที่ไม่น่าแปลกเลยใจว่าทำไมถึงเกิดขึ้นได้หากเราลองมองย้อนกลับไปมองถึง "กิจกรรม" ในช่วงเทศกาลสงกรานต์บ้านเราที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีหลังซึ่งนับวันจะ "เข้มข้น" ขึ้นเรื่อยๆ
ประเภทที่เรียกกันว่า "ประเพณี" อาทิ เช้าเข้าวัดทำบุญตักบาตร สายสรงน้ำพระ บ่ายรดน้ำดำหัวขอพรคนเฒ่าคนแก่, การก่อทราย การสาดน้ำด้วยความละมุนละม่อม ฯ เหล่านี้นับวันแทบจะไม่มีให้เห็นกันแล้วครับนอกจากในข่าว
หรือถึงจะมีก็ไม่ใช่สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความหมายความเป็นวันสงกรานต์ตามความเข้าใจของเด็กรุ่นใหม่เท่ากับภาพสงครามน้ำที่เกิดจากบรรดารถปิคอัพ กระบะท้ายบรรทุกถังขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเหล่าสมาชิกตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโตทั้งชายและหญิง ในมือถือปืนฉีดน้ำ-ถังแป้งดินสอพองพร้อมที่จะยิงสาดใส่ไปที่เป้าหมาย มีหน่วยเคลื่อนที่เร็วเป็นกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซ้อน 2 บ้าง 3 บ้าง โดยไร้อุปกรณ์ป้องกันสมองไหล ซึ่งต่างวิ่งขวักไขว่ให้เต็มไปทั่วถนนโดยเฉพาะตามใจกลางเมืองของแต่ละจังหวัด ขณะที่สองฟากทางของถนนที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็กระหึ่มไปด้วยเสียงเพลงจากลำโพงขนาดใหญ่คราคร่ำไปด้วยสาวๆ ทั้งแท้และเทียมซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชุดที่ปกปิดเฉพาะอวัยวะช่วงล่างและบนคอยวาดลีลาลวดลายด้วยลักษณะท่วงท่าเชื้อเชิญโดยไม่แคร์ว่าจะถูกคนที่เดินผ่านไปมาโลมไล้เลียด้วยสายตา คำพูด ตลอดจนมือไม้ที่ป่ายโปะแปะไปตามร่างกาย
บรรยากาศความสนุกที่นับวันจะเพิ่มดีรีความคึกคะนองมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครซึ่งหมายรวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะพยายามออกมาทำความเข้าใจต่อลูกๆ หลานๆ อย่างจริงๆ จังๆ ว่าการเล่นเช่นไหนอย่างไรจะเหมาะสม-ไม่เหมาะสม สมควรหรือไม่สมควรแต่อย่างใด ซึ่งเหล่านี้แหละครับที่ผมว่ามีส่วนสำคัญในการที่จะบ่มเพาะให้น้องๆ ในวัยขบเผาะแถมหน้าตาก็ยังน่ารักน่าชังทั้ง 3 ในคลิปเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเสียงยุกระทั่งไม่รู้สึกหรืออาจจะลืมไปชั่วขณะว่าสิ่งที่ทำอยู่ ณ ตอนนั้นนั่นคือการปลดบาร์ออกแล้วเต้นเป็นเรื่องที่น่าอาย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร หรือเลยไปจนถึงเรื่องของข้อหาอนาจาร
เพราะสิ่งที่ได้รับตอนนั้นก็คือเสียงเชียร์ เสียงเฮ เสียงหัวเราะที่สื่อถึงความยอมรับในความกล้า เสียงแห่งความนิยมชมชอบ และเสียงแห่งความรื่นเริงสนุกสนาน
ก็ยังดีครับที่หลายคนตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องยังมีความรู้สึกว่ากรณีที่ว่านี้เป็นเรื่องเลยเถิด เป็นความสนุกที่เกินเลยจนต้องรีบออกมาจัดการกันยกใหญ่
แต่ว่าก็ว่าเถอะครับ ผมว่าถึงตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้
เพราะโดยส่วนตัวผมเชื่อว่าคงมีหลายคนทีเดียวครับที่อาจจะไม่รู้สึกว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องของความสนุกที่เลยเถิดหรือเป็นเรื่องที่ทำแล้วทั้งคนแก้-ทั้งคนเชียร์จะรู้สึกเสื่อมเสียหายหรือสมควรจะถูกตำหนิแต่อย่างไรภายใต้เงื่อนไขขอเพียงแต่ทำกันหรือเล่นกันแล้วอย่าให้มันเป็นข่าวก็พอ
ไม่เชื่อสงกรานต์ปีหน้ามาคอยดูกัน
รายการที่ฟังส่วนใหญ่ก็จะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลกีฬาโปรดครับ ทั้ง เจาะสนามบอลไทย, Football Mania, Soccer Live Report, สปอร์ตไกด์ ฯ ที่จัดโดยเหล่าดีเจที่ถ้าใครเป็นคอกีฬาก็คงจะคุ้นหูกันดี ทั้ง เอก ฮิม, เอก นพดล, เจ๋ง, ยุทธชัย จิรขวัญฉาย, โทนคุง, ชิตพล, วาว, มาร์ค สุรเดช, เฮียนอส, หมอเมา ฯ
รวมถึงรายการมวยไทย และรายการคลายเครียดอย่าง "สปอร์ต รีแลกซ์" ของพี่ป๋อง กพล ทองพลับ ที่จัดกับคุณแจ็คเล็ก+แจ็คใหญ่ รวมถึงดีเจคนอื่นๆ ที่จะสลับสับเปลี่ยนหรือไม่ก็ยกโขยงมาจัดรายการให้ฟังพร้อมๆ กันซึ่งเป็นรายการที่หลายคนฟังแล้วอาจจะคิดอยู่ในใจว่า...รายการบ้าบอคอแตกอะไรของมันวะ
ต่อท้ายด้วยความรู้สึกที่ว่า...ช่างฮาสาด
คงเป็นที่รู้ๆ กันนะครับว่า รายการประเภทบรรยาย-รายงานผลการแข่งขันฟุตบอลสดๆ รวมถึงประเภทบทวิเคราะห์ทำนายผลก่อนบอลเตะทั้งของคลื่นอสมท.เอฟเอ็ม 99 นี้ หรือแม้กระทั่งที่เป็นต้นฉบับของรายการวิทยุที่เกี่ยวกับกีฬาอย่าง "สปอร์ต เรดิโอ" ซึ่งตอนนี้ประจำการอยู่ที่คลื่นเอฟเอ็ม 96 นั้นถูกผลิตขึ้นมาก็เพื่อที่จะตอบสนองให้กับคอบอลที่รักการเดิมพันเสียเป็นส่วนใหญ่
ที่บอกเช่นนั้นก็เพราะมันคงไม่มีใครหรอกครับที่บ้าบอลถึงขนาดจะลงทุนเอสเอ็มเอสเพื่อขอให้บรรดาดีเจทำนายทายผลบอลให้
หรือมันคงไม่มีใครหรอกครับที่จะสนใจติดตามข่าวสารความเคลื่อนไหวในวงการฟุตบอลถึงขนาดที่ตีสองตีสามยังไม่ยอมนอน ต้องโทรฯ หรือส่งเอสเอ็มเอสเข้าไปขอผลบอลลีกประเทศอย่าง มอนโดวา, กรีซ, ตุรกี, โปแลนด์ คัพ ฯ และมันก็คงจะไม่มีใครหรอกครับที่จะโทรฯ หรือส่งเอสเอ็มเอสเข้าไปสนทนาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแวดวงฟุตบอลกับดีเจผู้จัดรายการทำนองที่ว่า..."พี่ครับ คืนนี้จัดหนักสัก 3 คู่ได้มั้ยครับ"..."เมื่อคืนหงส์ทำเอาผมต้องซดมาม่าไปเลยพี่"..."ขอบคุณแมนยู วันนี้เลยมีเงินพากิ๊กไปเที่ยว"..."เสียดาย บาร์ซ่าตัวเดียวเลยพี่ ไม่งั้นโต๊ะจีน หูฉลามแน่" ฯลฯ
แต่ก็อย่างที่ทราบกันครับว่าการเล่นการพนันในบ้านเรานั้นเป็นสิ่งที่ผิดกฏหมายตามหลักนิตินัย
ด้วยเหตุนี้บรรดาผู้จัดรายการทั้งหลายจึงต้องเลี่ยงประโยคที่ใช้ในการจัดรายการเพื่อไม่ให้ "ตรง" ชนิดที่ฟังแล้วโจ๋งครึ่มว่าเป็นเรื่องของการพนันจนเกินไป เช่น จะไม่พูดถึงอัตราต่อรอง อาทิ ครึ่งลูก, ลูกควบลูกครึ่ง ฯ โดยตรง แต่อาจจะพูดในลักษณะที่ว่า ลูกเดียวทางโน้นพอแต่ทางนี้ไม่พอ, หูยังกระเด็นอยู่ ฯ ตลอดจนจะไม่พูดเชิญชวนให้มีการเล่นพนันด้วยการแทงทีมนั้น-ทีมนี้ แต่จะพูดในเชิงที่ว่า ฝากไว้ในคอลเลคชั่นสักทีม, ใสกิ๊ก ฯ
ต้องบอกว่านานาจิตตังนะครับว่าใครจะรู้สึกรับได้ หรือเห็นด้วยไม่เห็นด้วยอย่างไรกับการปากว่าตาขยิบในลักษณะเช่นนี้?
สำหรับผมเองแล้ว แม้อาจจะไม่เห็นด้วยกับการหลีกข้อกฏหมายด้วยการใช้วิธีเลี่ยงบาลีในลักษณะเช่นนี้ แต่ก็ไม่ถึงขนาดที่จะรับไม่ได้เอาเสียเลย
จนกระทั่งมาในระยะหลังที่ผมรู้สึกว่าคลื่น อสมท. เอฟเอ็ม 99 นี้ชักจะมากเกินไปแล้ว
นับตั้งแต่มากเกินไปแบบอ่อนๆ ด้วยการให้บรรดาผู้จัดตั้งตัวเป็นเซียนเปิดบริการข้อมูลวิเคราะห์การทายผลบอลผ่านระบบโทรศัพท์ โดยให้คนฟังสมัครสมาชิกด้วยอัตราเท่านั้นเท่านี้ต่อเดือน รวมถึงรายการมวยไทยที่บอกกันตรงๆ โต้งๆ ว่าคู่นี้พนันกันด้วยเงินเท่านั้นเท่านี้ ราคาต่อรองแบบยกต่อยกเป็นเช่นไรฯ กระทั่งเลยเถิดแบบหนักที่ผมรู้สึกว่ามันมากไปอย่างที่บอกนั่นคือการปล่อยให้มีสปอร์ตโฆษณาเว็บไซต็เล่นพนันชื่อดังที่เอ่ยชื่อไปหลายคนต้องรู้จัก
แม้จะมีการเลี่ยงโดยไม่ใช่คำว่าเป็นเว็บไซต์พนันโดยตรง แต่คำที่ใช้ก็ต้องถือว่าโต้งๆ มากครับ เช่น ไม่ผ่านเอเย่นต์, ปัญหาการถูกหลอกจะหมดไป ฯ
จากสปอร์ตโฆษณาที่ว่าและให้รวมไปถึงโฆษณาตัววิ่งภาษาไทยที่เชิญชวนให้คนเล่นพนันฟุตบอลที่เราพบกันอยู่บ่อยๆ ในบางสนามระหว่างที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลจากประเทศอังกฤษเหล่านี้ทำให้ผมเกิดความสงสัยว่า ตกลงแล้วถ้าผมสมัครเดิมพันผ่านเว็บไซต์ที่ว่านี้ ผมจะไม่ถูกดำเนินคดีในข้อหาเล่นการพนันฟุตบอลใช่หรือไม่? และถ้าผมสมัครเดิมพันกับเว็บไซต์ที่ว่านี้แล้วผมมั่นใจได้เลยใช่หรือไม่ว่าเว็บไซต์ที่ว่านี้จะไม่ถูกกระทรวงไอซีทีปิดจนทำให้สูญเงินที่ลงทุนไปเหมือนเมื่อครั้งที่ตำรวจรวมถึงกระทรวงไอวีทีไปไล่จับ-ไล่ปิดเว็บพนันบอลกระทั่งกลายเป็นข่าวใหญ่ช่วงฟุตบอลโลกที่ผ่านมา?
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นวิธีการโฆษณาหาลูกค้าของบรรดาเว็บเหล่านั้นจะใช้การเดินแจกนามบัตรหรือบอกต่อกันปากต่อปาก ไม่ได้โฆษณาโจ๋งครึ่มเสียด้วยซ้ำไป
คือถ้าสปอร์ตโฆษณาชิ้นที่ว่านี้มันไปปรากฏอยู่ตามเว็บไซต์ประเภทที่ทำธุรกิจ "สีเทา" อยู่แล้ว หรือไปอยู่ในเว็บไซต์ วิทยุ ตลอดจนหนังสือพิมพ์ที่เขาทำมาหากินกับเรื่องผลแพ้-ชนะของการแข่งขันกีฬามานานกระทั่งกลายเป็น "ขาใหญ่" ไปแล้วอันนั้นก็ว่าไปเถอะครับ
แต่มันไม่น่าจะมาถูกโฆษณาด้วยสื่ออย่าง อสมท. ซึ่งแม้จะมีคำว่า "มหาชน" ต่อท้ายทว่าโดยรวมก็ยังอยู่ภายใต้การควบคุมกำกับดูแลโดยรัฐบาลอยู่
ถามจริงๆ เถอะครับว่าองค์กรใหญ่โตขนาดนี้ แต่หมดปัญญาหากินแบบสุจริตชนแล้วหรือไงครับ ถึงต้องมารับเศษเงินจากธุรกิจที่อิงอยู่บนการมอมเมาเช่นนี้
หรือนี่คือการมองไปถึงอนาคตว่าอย่างไรเสียประเทศไทยเราซึ่งมีบอลลีกภายในที่คึกคักขึ้นทุกวันแบบนี้ แนวโน้มต้องเปิดให้มีการพนันอย่างถูกต้องแน่นอน
ขอเถอะครับอย่าให้มันเลยเถิดไปนักเลย
พูดถึงเรื่องความเลยเถิดของอสมท.แล้วก็ให้นึกไปถึงกรณีคลิปฯ ของ 3 สาวเต้นเปลือยอกในย่านสีลมช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมากระทั่งกลายเป็นข่าวฮือฮาอยู่ในตอนนี้โดยมีหลายต่อหลายคนอยากจะให้เรื่องนี้เงียบไปเร็วๆ ด้วยเหตุผลที่ว่าสงสารเด็ก
ในความรู้สึกผมนี่ก็เป็นเรื่องของความเลยเถิดอย่างหนึ่งครับ แต่เป็นความเลยเถิดที่ไม่น่าแปลกเลยใจว่าทำไมถึงเกิดขึ้นได้หากเราลองมองย้อนกลับไปมองถึง "กิจกรรม" ในช่วงเทศกาลสงกรานต์บ้านเราที่ผ่านมา โดยเฉพาะในช่วง 4-5 ปีหลังซึ่งนับวันจะ "เข้มข้น" ขึ้นเรื่อยๆ
ประเภทที่เรียกกันว่า "ประเพณี" อาทิ เช้าเข้าวัดทำบุญตักบาตร สายสรงน้ำพระ บ่ายรดน้ำดำหัวขอพรคนเฒ่าคนแก่, การก่อทราย การสาดน้ำด้วยความละมุนละม่อม ฯ เหล่านี้นับวันแทบจะไม่มีให้เห็นกันแล้วครับนอกจากในข่าว
หรือถึงจะมีก็ไม่ใช่สัญลักษณ์ที่บ่งบอกถึงความหมายความเป็นวันสงกรานต์ตามความเข้าใจของเด็กรุ่นใหม่เท่ากับภาพสงครามน้ำที่เกิดจากบรรดารถปิคอัพ กระบะท้ายบรรทุกถังขนาดใหญ่ พร้อมด้วยเหล่าสมาชิกตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงเด็กโตทั้งชายและหญิง ในมือถือปืนฉีดน้ำ-ถังแป้งดินสอพองพร้อมที่จะยิงสาดใส่ไปที่เป้าหมาย มีหน่วยเคลื่อนที่เร็วเป็นกลุ่มมอเตอร์ไซค์ซ้อน 2 บ้าง 3 บ้าง โดยไร้อุปกรณ์ป้องกันสมองไหล ซึ่งต่างวิ่งขวักไขว่ให้เต็มไปทั่วถนนโดยเฉพาะตามใจกลางเมืองของแต่ละจังหวัด ขณะที่สองฟากทางของถนนที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวก็กระหึ่มไปด้วยเสียงเพลงจากลำโพงขนาดใหญ่คราคร่ำไปด้วยสาวๆ ทั้งแท้และเทียมซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในชุดที่ปกปิดเฉพาะอวัยวะช่วงล่างและบนคอยวาดลีลาลวดลายด้วยลักษณะท่วงท่าเชื้อเชิญโดยไม่แคร์ว่าจะถูกคนที่เดินผ่านไปมาโลมไล้เลียด้วยสายตา คำพูด ตลอดจนมือไม้ที่ป่ายโปะแปะไปตามร่างกาย
บรรยากาศความสนุกที่นับวันจะเพิ่มดีรีความคึกคะนองมากขึ้นเรื่อยๆ โดยไม่มีใครซึ่งหมายรวมถึงพ่อแม่ผู้ปกครองที่จะพยายามออกมาทำความเข้าใจต่อลูกๆ หลานๆ อย่างจริงๆ จังๆ ว่าการเล่นเช่นไหนอย่างไรจะเหมาะสม-ไม่เหมาะสม สมควรหรือไม่สมควรแต่อย่างใด ซึ่งเหล่านี้แหละครับที่ผมว่ามีส่วนสำคัญในการที่จะบ่มเพาะให้น้องๆ ในวัยขบเผาะแถมหน้าตาก็ยังน่ารักน่าชังทั้ง 3 ในคลิปเกิดความสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับเสียงยุกระทั่งไม่รู้สึกหรืออาจจะลืมไปชั่วขณะว่าสิ่งที่ทำอยู่ ณ ตอนนั้นนั่นคือการปลดบาร์ออกแล้วเต้นเป็นเรื่องที่น่าอาย เป็นเรื่องที่ไม่สมควร หรือเลยไปจนถึงเรื่องของข้อหาอนาจาร
เพราะสิ่งที่ได้รับตอนนั้นก็คือเสียงเชียร์ เสียงเฮ เสียงหัวเราะที่สื่อถึงความยอมรับในความกล้า เสียงแห่งความนิยมชมชอบ และเสียงแห่งความรื่นเริงสนุกสนาน
ก็ยังดีครับที่หลายคนตลอดจนผู้ที่เกี่ยวข้องยังมีความรู้สึกว่ากรณีที่ว่านี้เป็นเรื่องเลยเถิด เป็นความสนุกที่เกินเลยจนต้องรีบออกมาจัดการกันยกใหญ่
แต่ว่าก็ว่าเถอะครับ ผมว่าถึงตอนนี้มันอาจจะสายไปแล้วก็ได้
เพราะโดยส่วนตัวผมเชื่อว่าคงมีหลายคนทีเดียวครับที่อาจจะไม่รู้สึกว่ากรณีที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องของความสนุกที่เลยเถิดหรือเป็นเรื่องที่ทำแล้วทั้งคนแก้-ทั้งคนเชียร์จะรู้สึกเสื่อมเสียหายหรือสมควรจะถูกตำหนิแต่อย่างไรภายใต้เงื่อนไขขอเพียงแต่ทำกันหรือเล่นกันแล้วอย่าให้มันเป็นข่าวก็พอ
ไม่เชื่อสงกรานต์ปีหน้ามาคอยดูกัน