ย้อนกลับไปน่าจะราวๆ 4 ปีที่แล้ว มีหนังต่างประเทศเรื่องหนึ่งที่ตั้งชื่อภาษาไทยได้สะใจผมมากๆ
ชื่อนั้นคือ "ยิงแม่งเลย!!"
เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Shoot Em' Up นำแสดงโดยไคลฟ์ โอเวน, พอล เกียแมตตี และโมนิกา เบลลัคซี กำกับโดยไมเคิล เดวิส
จริงหรือไม่จริงไม่ทราบนะครับ แต่มีคนเล่าว่าคนตั้งชื่อภาษาไทยนี้ขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเจ้าของค่ายสหมงคลฟิล์มฯ อย่าง "เสี่ยเจียง" นั่นเอง
ถ้าไม่จริงก็ต้องขออภัย พร้อมกับอยากจะบอกไปยังใครก็ตามที่ตั้งชื่อนี้ขึ้นมา ว่า...แม่งสะใจจริงๆ
ข้าน้อยขอคาราวะ
เป็นเรื่องปกติครับกับการตั้งชื่อภาษาไทยให้กับหนังต่างประเทศโดยที่หลายชื่อนั้นไม่ได้มีความหมายใกล้เคียงกับชื่อต้นฉบับเดิมของเขาเอาเสียเลย ขณะที่อีกหลายชื่อก็ต้องบอกว่าขึ้นแท่นคลาสสิกไปแล้ว โดยเฉพาะหนังจากฮ่องกงไม่ว่าจะเป็น ตระกูลใหญ่ ตระกูลฟัด ตระกูลเล็ก ซึ่งสร้างสรรค์โดย ผศ.ดร.ชวนะ ภวกานันท์ จากคณะวารสารฯ ธรรมศาสตร์ หรือจะเป็นตระกูลอึด ก่อนที่เกาหลีจะส่งตระกูลตัวร้าย ตระกูลเจี๋ยมเจี้ยม ตามมา
บางทีหลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นจะยากเลยกับไอ้การตั้งชื่อหนังแค่นี้ ทว่าในความเป็นจริงนั้นก็ไม่ถือว่าง่ายนะครับ เพราะนอกจากจะต้องเลือกสรรใช้คำที่สามารถบอกเล่าภาพรวมของหนังในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคำที่ดึงดูดความน่าสนใจให้ได้ตามหลักจิตวิทยาทางวิทยาศาสตร์แล้ว บางค่ายยังมีเรื่องของไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องเข้าให้อีก เช่นต้องตั้งชื่อไม่ให้เกินกี่ตัวอักษร ห้ามมีตัวอักษรนั้น อักษรนี้ อีกต่างหาก
เรื่องนี้ถ้าไม่เชื่อก็ต้องหาคำตอบ เพราะผมเองจำได้คลับคล้ายคลับคราว่าอาจารย์ชวนะนี่แหละที่เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่าตนได้มีการจดบันทึกสถิติชื่อหนังที่มีการตั้งขึ้นมา ปรากฏว่าหากหนังเรื่องไหนมีคำว่า "ลุย" เมื่อไหร่ หนังเรื่องนั้นเป็นเจ๊งแทบจะทุกเรื่อง
อย่างไรก็ตาม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังไทยของเราเองก็มีการตั้งชื่อได้ไม่น้อยหน้าหนังต่างประเทศแต่อย่างไร ที่สำคัญหลายชื่อนั้นถ้าครูภาษาไทยที่สอนเรียงความระดับชั้นประถมหลายคนได้ยินแล้วคงจะต้องส่ายหัว
อันดับหนึ่งไม่ต้องคิดมากเลยครับผมขอยกให้กับ "ชิป/หาย" (The Microchip) หนังกำกับโดยคุณกฤษณพงศ์ ราชธา ส่วนดาราที่แสดงก็มี โจ๊ก อัครินทร์, แจ๊ส ชวนชื่น และสาวหมวยสวยเอ็กซ์ขวัญใจคนใหม่ของผม ลี่เล้ง พรวิภา
แม้จะเข้าใจได้ไม่ยากว่ามันคือการเล่นคำล้อเสียงให้เหมือนกับคำว่า "ฉิบหาย" (บางคนออกเสียงชิบหาย) คำวิเศษณ์ ที่มีความหมายไปในทำนองคำด่า คำสาปแช่ง รวมถึงเป็นคำขยายทำให้คำนำหน้าฟังแล้วมีน้ำหนักได้อารมณ์มากยิ่งขึ้นระหว่างคำว่า "โมโครชิป" กับคำว่า "หาย" ทว่าแวบแรกที่ได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้อัตราความมัน ความสะใจในอารมณ์นั้นต้องบอกว่าไม่น้อยไปกว่าการได้ออกปากพูดถึงหนังเรื่อง ยิ่งแม่งเลย
คะแนนความสรัางสรรค์ในการตั้งอาจจะน้อย แต่คะแนนความระห่ำนั้นเอาไปเลยเต็มสิบ ไม่เชื่อลองพูดชื่อหนังเรื่องนี้สิครับ ชิปหายๆๆๆๆๆๆๆๆ
อันดับที่สองจี้กันมาติดๆ ในเรื่องความระห่ำในการตั้งนั่นคือ "อีเห็ดสด เผด็จศึก"
เรื่องนี้เป็นหนังที่มีกำหนดเข้าฉายเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว กำกับโดยคุณเฉลิม วงศ์พิมพ์ ส่วนนักแสดงก็มีทั้ง อ่ำ อัมรินทร์, โบวี่ อัฐมา, ติ๊ก ชิโร่, มัม ลาโคนิค ฯ ว่าด้วยเรื่องของหน่วยทหารกลุ่มหนึ่งที่ต้องปลอมตัวเป็นกะเทยเพื่อเข้าไปทำลายแก็งค์กะเทยที่จะมายึดครองประเทศ
อีเห็ดสด คำนี้เป็นคำด่าเสียดสีที่ใช้กันในวงการสาวประเภทสองโดยอยู่ในเซตของ...อีหน้าหนอน อีบ่อนไก่ อีไข่ปลาทู อีงูเหลือมเน่า อีขี้เถ้าเสม็ด อีเห็ดสด อีมดคันไฟ อีไฝดำ ฯลฯ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาคำอื่นๆ มาตั้งเป็นชื่อหนังอีกหรือไม่?
ถัดมาเป็นหนังเรื่อง "ชิงหมาเถิด" ผลงานของคุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ซึ่งมีดาราดังทั้ง มาริโอ้ เมาเร่อ, บอย ปกรณ์, โก๊ะตี๋ ฯ สำหรับชื่อ "ชิงหมาเถิด" นี้นอกจากจะได้ความแรงจากเสียงที่คล้ายกับคำว่า "ชิงหมาเกิด" แล้ว การตั้งชื่อหนังด้วยคำดังกล่าวยังถือได้ว่าเป็นการสร้างความน่าสนใจที่กระตุ้นความสงสัยของคนที่ได้ยินในครั้งแรกได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว
เรียกว่าได้ทั้งความสะใจโดยที่ไม่ต้องหยาบ คำที่ใช้น่าสนใจมีแรงดึงดูดให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นทว่าในขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาของภาพยนตร์โดยรวม เพราะฉะนั้นชื่อนี้ขอปรบมือให้กับคนตั้งครับ
"สุดเขต เสลดเป็ด" หนังเรื่องนี้นอกจากจะพอเข้าใจในฉับพลันว่าเป็นหนังตลกแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆ ต้องบอกว่ามึนตึ้บเกินที่จะคาดเดากับผลงานชิ้นที่ 6 ของผู้กำกับห้าร้อยล้านบาท "ยอร์ช ฤกษ์ชัย" (พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า, แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า, โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า, โหดหน้าเหี่ยว 966, 32 ธันวา) ที่ได้คู่พระ-นาง เป้ อารักษ์ กับน้องยิปโซ พร้อม 2 ดาวตลก โก๊ะตี๋-ดุ๊กกี้ มาร่วมสร้างความครื้นเครง
เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ฟังชื่อหนังเรื่องนี้ครั้งแรกคงจะคิดในใจเหมือนๆ กับผมที่ว่า (ชื่อ)หนังเห่าอะไรวะ
แต่พอรู้ถึงที่มา นั่นคือจากชื่อของตัวพระเอก "สุดเขต" ผสมกับคาแรกเตอร์ของเขาเองที่เอาดีไม่ได้สักอย่างชนิดที่เปรียบกับ "เป็ด" ที่เราใช้เป็นคำเปรียบเปรยถึงคนที่รู้หลายเรื่องแต่เอาดีสักเรื่องไม่ได้ยังไม่ได้ เป็นได้แค่เพียงเสลดของเป็ดเท่านั้นก็ต้องชื่นชมคนตั้งด้วยสำนวนฮิตของวัยรุ่นยุคดิสโก้ครับว่า ไอเดียนั้นช่างบรรเจิดสุดสวิงริงโก้อีโต้บั๊มจริงๆ
อีกคนที่ระยะหลังๆ นั้นขึ้นชื่อมากในการตั้งชื่อหนังของตัวเองซึ่งแต่ละชื่อนั้นเริ่ดหรูสะแมนแตนเอามากๆ นั่นก็คือผู้กำกับ "พจน์ อานนท์" ไม่ว่าจะเป็นหนังเก่าๆ อย่าง "GO SIX โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล" หรือจะเป็นหนังชื่อสุดแมนแต่เนื้อหาสยิวกิ้ว "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ" รวมถึงแนวกวนๆ อย่าง "เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ" และแนวน่ารักอย่าง "เการัก ที่เกาหลี" (sorry ซารังเฮโย)
แต่ที่เด็ดสุดๆ ก็คงจะเป็น "หอแต๋วแตก แหวกชิมิ" หนังภาคต่อของหอแต๋วแตก
ในความหมายของ "ชิมิ" ที่บรรดานักท่องเน็ตใช้กันนั้นคือคำถามว่า ใช่ไหม? แต่การนำคำนี้มาใส่ในชื่อหนังของคุณพจน์นั้นผมว่าเจตนาแกคงจะไม่ได้หมายความตามนั้นอย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นชื่อหนังของแกก็จะเป็นประมาณว่า หอแต๋วแตก แหวกใช่ไหม ซึ่งฟังแล้วไม่มีความหมายเอาเสียเลย
อย่าหาว่าทะลึ่งทะเล้นหรือลามกอะไรเลยครับ ชิมิในความหมายของหนังเรื่องนี้ถ้าจะแปลก็แปลได้อย่างเดียวว่ามันคงจะมีความหมายถึงชิโมะ ชิปิ๊ อะไรทำนองนี้แน่ๆ...ชิมิ ชิมิ
ที่ผ่านมาหนังไทยมีการตั้งชื่อหนังโดยใช้คำกิริยาโดดๆ มาแล้ว อาทิ สยิว สยึ๋มกึ๋ย ปลื้ม และนั่นก็รวมถึงหนังเรื่องล่าสุดภายใต้การกำกับของคุณจตุรงค์ มกจ๊ก อย่าง "กระดึ๊บ" ที่ได้นักแสดง(ปาก)เจ่อเซ็กซี่ พีค ภัทรศยา มาประชันกับสองตลกดัง จิ้ม ชวนชื่น และตัวผู้กำกับเอง
ชื่อ กระดึ๊บ นี้ผู้กำกับก็คงจะเอามาจากกริยาของเจ้าตัวประหลาดในหนังนั่นเองซึ่งต้องบอกว่าน่ารักดีครับ ทว่าความเร้าใจ การกระตุ้นให้คนอยากรวมถึงการสื่อความหมายนั้นค่อนข้างจะน้อยไปหน่อย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่าถึงทำให้หนังเรื่องนี้รายได้ไม่เข้าเป้ามากนัก
มากันที่ "8e88 แฟนลั้ลลา" เรียนกันตามตรงครับว่าผมเองใช้เวลานานกว่า 5 วินาทีทีเดียวจึงจะเข้าใจว่า 8e88 นั้นออกเสียงว่า เอ้กอีเอ้กเอ้ก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของสองผู้กำกับ วิโรจน์ ทองชิว และ ปานสิริ ทองชิว มีนักแสดงที่ผมแอบหลงรักอีกหนึ่งคนอย่างน้องโบวี่ อัฐมา ร่วมแสดงนำอยู่ด้วย
ไอเดียในการตั้งนั้นบรรเจิดครับ แต่จะเกิดประโยชน์หรือไม่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น ขณะที่ตัวหนังนั้นต้องถือว่าใช้ได้ทีเดียวโดยเฉพาะการแสดงของคุณจาตุรงค์ ส่วนคำว่า 8e88 นั้นก็เอามาจากชื่อแดนคุกที่ตัวพระเอกถูกส่งไปนั่นเอง
นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีหนังไทยอีกหลายเรื่องทั้งที่ฉายไปแล้วและกำลังจะเข้าฉายซึ่งมีชื่อแปลกๆ อาทิ "ตายทั้งกลม" เรื่องนี้ฟังดูเหมือนหนังผีตลก แต่จริงๆ ไม่ตลกเลย หรือจะเป็นหนังชื่อน่ารักๆ อย่าง "บางคนแคร์ แคร์บางคน" หนังรักโรแมนติก "โด๋ นัท รักนี้ จุดจุดจุด" ซึ่งเอาชื่อของพระ-นางในเรื่องมาตั้ง(ดีพระเอก-นางเอกชื่อไม่แปลกกว่านี้) รวมไปถึง "ฮาศาสตร์" ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นคงต้องยกความดีไปให้กับความ "ยิ่งใหญ่" และความ "หลากหลาย" ของภาษาไทยของเรา
มีบางคนอดเป็นห่วงไม่ได้ครับว่าคำแสลง ศัพท์แปลกๆ ที่วัยรุ่นยุคนี้นิยมใช้กันโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใช้พิมพ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต มือถือ ทั้งการเล่นเอ็มเอสเอ็ม แชต ทวิตเตอร์ ฯ เหล่านี้จะทำให้ภาษาไทยของเราวิบัติ ยกตัวอย่างจากกรณีที่มีนักการเมืองคนหนึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์ชื่อหนัง หอแต๋วแตกแหวกชิมิ ของคุณพจน์ อานนท์
เป็นความห่วงใยที่ถือว่ามีเหตุผลครับ แต่ผมกลับมองตรงกันข้ามว่า ยิ่งมีคำศัพท์แปลกๆ เยอะเท่าไหร่มันหาใช่ความตายของภาษาไทยเราเสียเมื่อไหร่
หากแต่มันคือ "การเกิด" ของภาษาต่างหาก
ผมเองไม่กลัวเลยครับว่าภาษาไทยเราจะล่มสลาย ภาษาจะวิบัติ เพราะต่อให้มีการกลายพันธุ์-เปลี่ยนแปลง ทว่าอะไรมันก็ไม่สำคัญเท่ากับความรู้ความเข้าใจที่ว่า คำใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นความหมายที่แท้จริงมันคืออะไร? มีที่มาที่ไปอย่างไร? เกิดขึ้นในช่วงไหน? เพราะอะไร?
และที่สำคัญมากๆ ก็คือสมควรที่จะเอาคำเหล่านั้นไปใช้ใน "กาละ" และ "เทศะ" เช่นไร? ต่างหาก
ตัวอย่างง่ายๆ เคยสงสัยกันหรือว่า ทำไมเราถึงเขียนคำว่า คน ด้วยตัว "ค." ทั้งที่เรามีตัว "ฅ." อยู่? (คำตอบมีหลากหลายลองเสิร์ช Google หาอ่านกันได้ครับ)
เหนืออื่นใด ผู้ใหญ่บางคน นักวิชาการบางคน นักการเมืองบางคน ไม่ต้องมาห่วงหรอกครับว่าภาษาไทยจะวิบัติด้วยคำอย่าง ชิมิ
เพราะผมเชื่อว่ากว่าจะถึงวันนั้น ประเทศชาติเราคงจะวิบัติฉิบหายไปเรียบร้อยแล้วด้วยน้ำมือของผู้ใหญ่ชั่วๆ นักวิชาการชั่วๆ นักการเมืองชั่วๆ ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป
ชื่อนั้นคือ "ยิงแม่งเลย!!"
เรื่องนี้มีชื่อภาษาอังกฤษว่า Shoot Em' Up นำแสดงโดยไคลฟ์ โอเวน, พอล เกียแมตตี และโมนิกา เบลลัคซี กำกับโดยไมเคิล เดวิส
จริงหรือไม่จริงไม่ทราบนะครับ แต่มีคนเล่าว่าคนตั้งชื่อภาษาไทยนี้ขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหน หากแต่เป็นเจ้าของค่ายสหมงคลฟิล์มฯ อย่าง "เสี่ยเจียง" นั่นเอง
ถ้าไม่จริงก็ต้องขออภัย พร้อมกับอยากจะบอกไปยังใครก็ตามที่ตั้งชื่อนี้ขึ้นมา ว่า...แม่งสะใจจริงๆ
ข้าน้อยขอคาราวะ
เป็นเรื่องปกติครับกับการตั้งชื่อภาษาไทยให้กับหนังต่างประเทศโดยที่หลายชื่อนั้นไม่ได้มีความหมายใกล้เคียงกับชื่อต้นฉบับเดิมของเขาเอาเสียเลย ขณะที่อีกหลายชื่อก็ต้องบอกว่าขึ้นแท่นคลาสสิกไปแล้ว โดยเฉพาะหนังจากฮ่องกงไม่ว่าจะเป็น ตระกูลใหญ่ ตระกูลฟัด ตระกูลเล็ก ซึ่งสร้างสรรค์โดย ผศ.ดร.ชวนะ ภวกานันท์ จากคณะวารสารฯ ธรรมศาสตร์ หรือจะเป็นตระกูลอึด ก่อนที่เกาหลีจะส่งตระกูลตัวร้าย ตระกูลเจี๋ยมเจี้ยม ตามมา
บางทีหลายคนอาจจะรู้สึกว่าไม่เห็นจะยากเลยกับไอ้การตั้งชื่อหนังแค่นี้ ทว่าในความเป็นจริงนั้นก็ไม่ถือว่าง่ายนะครับ เพราะนอกจากจะต้องเลือกสรรใช้คำที่สามารถบอกเล่าภาพรวมของหนังในขณะเดียวกันก็ต้องเป็นคำที่ดึงดูดความน่าสนใจให้ได้ตามหลักจิตวิทยาทางวิทยาศาสตร์แล้ว บางค่ายยังมีเรื่องของไสยศาสตร์เข้ามาเกี่ยวข้องเข้าให้อีก เช่นต้องตั้งชื่อไม่ให้เกินกี่ตัวอักษร ห้ามมีตัวอักษรนั้น อักษรนี้ อีกต่างหาก
เรื่องนี้ถ้าไม่เชื่อก็ต้องหาคำตอบ เพราะผมเองจำได้คลับคล้ายคลับคราว่าอาจารย์ชวนะนี่แหละที่เคยให้สัมภาษณ์ในทำนองที่ว่าตนได้มีการจดบันทึกสถิติชื่อหนังที่มีการตั้งขึ้นมา ปรากฏว่าหากหนังเรื่องไหนมีคำว่า "ลุย" เมื่อไหร่ หนังเรื่องนั้นเป็นเจ๊งแทบจะทุกเรื่อง
อย่างไรก็ตาม ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่าหนังไทยของเราเองก็มีการตั้งชื่อได้ไม่น้อยหน้าหนังต่างประเทศแต่อย่างไร ที่สำคัญหลายชื่อนั้นถ้าครูภาษาไทยที่สอนเรียงความระดับชั้นประถมหลายคนได้ยินแล้วคงจะต้องส่ายหัว
อันดับหนึ่งไม่ต้องคิดมากเลยครับผมขอยกให้กับ "ชิป/หาย" (The Microchip) หนังกำกับโดยคุณกฤษณพงศ์ ราชธา ส่วนดาราที่แสดงก็มี โจ๊ก อัครินทร์, แจ๊ส ชวนชื่น และสาวหมวยสวยเอ็กซ์ขวัญใจคนใหม่ของผม ลี่เล้ง พรวิภา
แม้จะเข้าใจได้ไม่ยากว่ามันคือการเล่นคำล้อเสียงให้เหมือนกับคำว่า "ฉิบหาย" (บางคนออกเสียงชิบหาย) คำวิเศษณ์ ที่มีความหมายไปในทำนองคำด่า คำสาปแช่ง รวมถึงเป็นคำขยายทำให้คำนำหน้าฟังแล้วมีน้ำหนักได้อารมณ์มากยิ่งขึ้นระหว่างคำว่า "โมโครชิป" กับคำว่า "หาย" ทว่าแวบแรกที่ได้ยินชื่อหนังเรื่องนี้อัตราความมัน ความสะใจในอารมณ์นั้นต้องบอกว่าไม่น้อยไปกว่าการได้ออกปากพูดถึงหนังเรื่อง ยิ่งแม่งเลย
คะแนนความสรัางสรรค์ในการตั้งอาจจะน้อย แต่คะแนนความระห่ำนั้นเอาไปเลยเต็มสิบ ไม่เชื่อลองพูดชื่อหนังเรื่องนี้สิครับ ชิปหายๆๆๆๆๆๆๆๆ
อันดับที่สองจี้กันมาติดๆ ในเรื่องความระห่ำในการตั้งนั่นคือ "อีเห็ดสด เผด็จศึก"
เรื่องนี้เป็นหนังที่มีกำหนดเข้าฉายเมื่อช่วงกลางเดือนตุลาคมของปีที่แล้ว กำกับโดยคุณเฉลิม วงศ์พิมพ์ ส่วนนักแสดงก็มีทั้ง อ่ำ อัมรินทร์, โบวี่ อัฐมา, ติ๊ก ชิโร่, มัม ลาโคนิค ฯ ว่าด้วยเรื่องของหน่วยทหารกลุ่มหนึ่งที่ต้องปลอมตัวเป็นกะเทยเพื่อเข้าไปทำลายแก็งค์กะเทยที่จะมายึดครองประเทศ
อีเห็ดสด คำนี้เป็นคำด่าเสียดสีที่ใช้กันในวงการสาวประเภทสองโดยอยู่ในเซตของ...อีหน้าหนอน อีบ่อนไก่ อีไข่ปลาทู อีงูเหลือมเน่า อีขี้เถ้าเสม็ด อีเห็ดสด อีมดคันไฟ อีไฝดำ ฯลฯ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะมีใครเอาคำอื่นๆ มาตั้งเป็นชื่อหนังอีกหรือไม่?
ถัดมาเป็นหนังเรื่อง "ชิงหมาเถิด" ผลงานของคุณอ๊อฟ พงษ์พัฒน์ ซึ่งมีดาราดังทั้ง มาริโอ้ เมาเร่อ, บอย ปกรณ์, โก๊ะตี๋ ฯ สำหรับชื่อ "ชิงหมาเถิด" นี้นอกจากจะได้ความแรงจากเสียงที่คล้ายกับคำว่า "ชิงหมาเกิด" แล้ว การตั้งชื่อหนังด้วยคำดังกล่าวยังถือได้ว่าเป็นการสร้างความน่าสนใจที่กระตุ้นความสงสัยของคนที่ได้ยินในครั้งแรกได้ดีระดับนึงเลยทีเดียว
เรียกว่าได้ทั้งความสะใจโดยที่ไม่ต้องหยาบ คำที่ใช้น่าสนใจมีแรงดึงดูดให้เกิดความอยากรู้อยากเห็นทว่าในขณะเดียวกันก็มีความสัมพันธ์กับเนื้อหาของภาพยนตร์โดยรวม เพราะฉะนั้นชื่อนี้ขอปรบมือให้กับคนตั้งครับ
"สุดเขต เสลดเป็ด" หนังเรื่องนี้นอกจากจะพอเข้าใจในฉับพลันว่าเป็นหนังตลกแล้ว ส่วนประกอบอื่นๆ ต้องบอกว่ามึนตึ้บเกินที่จะคาดเดากับผลงานชิ้นที่ 6 ของผู้กำกับห้าร้อยล้านบาท "ยอร์ช ฤกษ์ชัย" (พยัคฆ์ร้ายส่ายหน้า, แสบสนิท ศิษย์ส่ายหน้า, โปงลางสะดิ้ง ลำซิ่งส่ายหน้า, โหดหน้าเหี่ยว 966, 32 ธันวา) ที่ได้คู่พระ-นาง เป้ อารักษ์ กับน้องยิปโซ พร้อม 2 ดาวตลก โก๊ะตี๋-ดุ๊กกี้ มาร่วมสร้างความครื้นเครง
เชื่อว่าใครก็ตามที่ได้ฟังชื่อหนังเรื่องนี้ครั้งแรกคงจะคิดในใจเหมือนๆ กับผมที่ว่า (ชื่อ)หนังเห่าอะไรวะ
แต่พอรู้ถึงที่มา นั่นคือจากชื่อของตัวพระเอก "สุดเขต" ผสมกับคาแรกเตอร์ของเขาเองที่เอาดีไม่ได้สักอย่างชนิดที่เปรียบกับ "เป็ด" ที่เราใช้เป็นคำเปรียบเปรยถึงคนที่รู้หลายเรื่องแต่เอาดีสักเรื่องไม่ได้ยังไม่ได้ เป็นได้แค่เพียงเสลดของเป็ดเท่านั้นก็ต้องชื่นชมคนตั้งด้วยสำนวนฮิตของวัยรุ่นยุคดิสโก้ครับว่า ไอเดียนั้นช่างบรรเจิดสุดสวิงริงโก้อีโต้บั๊มจริงๆ
อีกคนที่ระยะหลังๆ นั้นขึ้นชื่อมากในการตั้งชื่อหนังของตัวเองซึ่งแต่ละชื่อนั้นเริ่ดหรูสะแมนแตนเอามากๆ นั่นก็คือผู้กำกับ "พจน์ อานนท์" ไม่ว่าจะเป็นหนังเก่าๆ อย่าง "GO SIX โกหก ปลิ้นปล้อน กะล่อน ตอแหล" หรือจะเป็นหนังชื่อสุดแมนแต่เนื้อหาสยิวกิ้ว "เพื่อน...กูรักมึงว่ะ" รวมถึงแนวกวนๆ อย่าง "เหยิน เป๋ เหล่ เซมากูเตะ" และแนวน่ารักอย่าง "เการัก ที่เกาหลี" (sorry ซารังเฮโย)
แต่ที่เด็ดสุดๆ ก็คงจะเป็น "หอแต๋วแตก แหวกชิมิ" หนังภาคต่อของหอแต๋วแตก
ในความหมายของ "ชิมิ" ที่บรรดานักท่องเน็ตใช้กันนั้นคือคำถามว่า ใช่ไหม? แต่การนำคำนี้มาใส่ในชื่อหนังของคุณพจน์นั้นผมว่าเจตนาแกคงจะไม่ได้หมายความตามนั้นอย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นชื่อหนังของแกก็จะเป็นประมาณว่า หอแต๋วแตก แหวกใช่ไหม ซึ่งฟังแล้วไม่มีความหมายเอาเสียเลย
อย่าหาว่าทะลึ่งทะเล้นหรือลามกอะไรเลยครับ ชิมิในความหมายของหนังเรื่องนี้ถ้าจะแปลก็แปลได้อย่างเดียวว่ามันคงจะมีความหมายถึงชิโมะ ชิปิ๊ อะไรทำนองนี้แน่ๆ...ชิมิ ชิมิ
ที่ผ่านมาหนังไทยมีการตั้งชื่อหนังโดยใช้คำกิริยาโดดๆ มาแล้ว อาทิ สยิว สยึ๋มกึ๋ย ปลื้ม และนั่นก็รวมถึงหนังเรื่องล่าสุดภายใต้การกำกับของคุณจตุรงค์ มกจ๊ก อย่าง "กระดึ๊บ" ที่ได้นักแสดง(ปาก)เจ่อเซ็กซี่ พีค ภัทรศยา มาประชันกับสองตลกดัง จิ้ม ชวนชื่น และตัวผู้กำกับเอง
ชื่อ กระดึ๊บ นี้ผู้กำกับก็คงจะเอามาจากกริยาของเจ้าตัวประหลาดในหนังนั่นเองซึ่งต้องบอกว่าน่ารักดีครับ ทว่าความเร้าใจ การกระตุ้นให้คนอยากรวมถึงการสื่อความหมายนั้นค่อนข้างจะน้อยไปหน่อย แล้วก็ไม่รู้ว่าจะเป็นเพราะเหตุนี้หรือเปล่าถึงทำให้หนังเรื่องนี้รายได้ไม่เข้าเป้ามากนัก
มากันที่ "8e88 แฟนลั้ลลา" เรียนกันตามตรงครับว่าผมเองใช้เวลานานกว่า 5 วินาทีทีเดียวจึงจะเข้าใจว่า 8e88 นั้นออกเสียงว่า เอ้กอีเอ้กเอ้ก โดยภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นผลงานของสองผู้กำกับ วิโรจน์ ทองชิว และ ปานสิริ ทองชิว มีนักแสดงที่ผมแอบหลงรักอีกหนึ่งคนอย่างน้องโบวี่ อัฐมา ร่วมแสดงนำอยู่ด้วย
ไอเดียในการตั้งนั้นบรรเจิดครับ แต่จะเกิดประโยชน์หรือไม่ไม่ขอแสดงความคิดเห็น ขณะที่ตัวหนังนั้นต้องถือว่าใช้ได้ทีเดียวโดยเฉพาะการแสดงของคุณจาตุรงค์ ส่วนคำว่า 8e88 นั้นก็เอามาจากชื่อแดนคุกที่ตัวพระเอกถูกส่งไปนั่นเอง
นอกจากที่กล่าวมาแล้วก็ยังมีหนังไทยอีกหลายเรื่องทั้งที่ฉายไปแล้วและกำลังจะเข้าฉายซึ่งมีชื่อแปลกๆ อาทิ "ตายทั้งกลม" เรื่องนี้ฟังดูเหมือนหนังผีตลก แต่จริงๆ ไม่ตลกเลย หรือจะเป็นหนังชื่อน่ารักๆ อย่าง "บางคนแคร์ แคร์บางคน" หนังรักโรแมนติก "โด๋ นัท รักนี้ จุดจุดจุด" ซึ่งเอาชื่อของพระ-นางในเรื่องมาตั้ง(ดีพระเอก-นางเอกชื่อไม่แปลกกว่านี้) รวมไปถึง "ฮาศาสตร์" ซึ่งทั้งหลายทั้งปวงนั้นคงต้องยกความดีไปให้กับความ "ยิ่งใหญ่" และความ "หลากหลาย" ของภาษาไทยของเรา
มีบางคนอดเป็นห่วงไม่ได้ครับว่าคำแสลง ศัพท์แปลกๆ ที่วัยรุ่นยุคนี้นิยมใช้กันโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ใช้พิมพ์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต มือถือ ทั้งการเล่นเอ็มเอสเอ็ม แชต ทวิตเตอร์ ฯ เหล่านี้จะทำให้ภาษาไทยของเราวิบัติ ยกตัวอย่างจากกรณีที่มีนักการเมืองคนหนึ่งออกมาวิพากษ์วิจารณ์ชื่อหนัง หอแต๋วแตกแหวกชิมิ ของคุณพจน์ อานนท์
เป็นความห่วงใยที่ถือว่ามีเหตุผลครับ แต่ผมกลับมองตรงกันข้ามว่า ยิ่งมีคำศัพท์แปลกๆ เยอะเท่าไหร่มันหาใช่ความตายของภาษาไทยเราเสียเมื่อไหร่
หากแต่มันคือ "การเกิด" ของภาษาต่างหาก
ผมเองไม่กลัวเลยครับว่าภาษาไทยเราจะล่มสลาย ภาษาจะวิบัติ เพราะต่อให้มีการกลายพันธุ์-เปลี่ยนแปลง ทว่าอะไรมันก็ไม่สำคัญเท่ากับความรู้ความเข้าใจที่ว่า คำใหม่ที่เกิดขึ้นนั้นความหมายที่แท้จริงมันคืออะไร? มีที่มาที่ไปอย่างไร? เกิดขึ้นในช่วงไหน? เพราะอะไร?
และที่สำคัญมากๆ ก็คือสมควรที่จะเอาคำเหล่านั้นไปใช้ใน "กาละ" และ "เทศะ" เช่นไร? ต่างหาก
ตัวอย่างง่ายๆ เคยสงสัยกันหรือว่า ทำไมเราถึงเขียนคำว่า คน ด้วยตัว "ค." ทั้งที่เรามีตัว "ฅ." อยู่? (คำตอบมีหลากหลายลองเสิร์ช Google หาอ่านกันได้ครับ)
เหนืออื่นใด ผู้ใหญ่บางคน นักวิชาการบางคน นักการเมืองบางคน ไม่ต้องมาห่วงหรอกครับว่าภาษาไทยจะวิบัติด้วยคำอย่าง ชิมิ
เพราะผมเชื่อว่ากว่าจะถึงวันนั้น ประเทศชาติเราคงจะวิบัติฉิบหายไปเรียบร้อยแล้วด้วยน้ำมือของผู้ใหญ่ชั่วๆ นักวิชาการชั่วๆ นักการเมืองชั่วๆ ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไป