xs
xsm
sm
md
lg

ชนกลุ่มน้อย กรี๊ด “แดง ละอ่อน” มาร์ค V 11 !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

มาร์คบนเวทีคอนเสิร์ตที่คาราฟัน มิวสิคฮันท์ กรุงเทพฯ
นับจากเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว หลังโบกมือลาเวที AF และเปิดใจกับรายการ “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” ดูเหมือนว่าเราจะไม่ได้ข่าวคราวของ วิทวัส ท้าวคำลือ หรือ “มาร์ค V 11” อีกเลย จากการรับรู้ของคนส่วนใหญ่รู้เพียงว่าเขากลับเชียงใหม่เพื่อไปเรียนหนังสือต่อ
ล่าสุด คุณพ่อ “จอห์น” วทัญญู ท้าวคำลือ ควักทุนสานฝันลูกชายจ้าง “ครูเป้” จักรพงศ์ เทียนวิจิตร จากสถาบันมีฟ้าของแกรมมี่ แต่งเพลงให้มาร์คร้องเป็นซิงเกิลแรก กับบทเพลง “ เรื่องเดียวที่กลัว” !!ทั้งยังมี “มินิคอนเสิร์ต”ไปแล้ว 2 ครั้งที่เชียงใหม่และกรุงเทพฯ พร้อมๆ กับคนกลุ่มหนึ่งที่เข้าไปเชลียร์ “ไอ้หนุ่มไส้อั่ว” คนนี้กันอย่างเต็มที่

หลังจากหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านแมคโนเลียของการประกวดอะคาเดมี แฟนเทเชียหรือ AF ครั้งที่ 7 วิทวัส ท้าวคำลือ หรือมาร์ค V11 ก็หายหน้าไปจากสื่อ ผิดกับความโด่งดังที่เขาเคยทิ้งไว้บนสื่อทุกแขนงเมื่อหลายเดือนก่อนหน้านี้จากการสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เข้าแข่งขัน AF คนแรกที่เดินออกจากการแข่งขันเพราะทนกระแสสังคมกดดันหลังจากที่เขาโพสต์ข้อความต่อว่านายกรัฐมนตรีและโพสต์ข้อความในลักษณะหมิ่นเบื้องสูงไว้ในเฟซบุ๊คของเขาไม่ไหว แต่น้อยคนที่รู้ว่าในช่วงเวลาที่ดูเหมือนว่านักร้อง “แดง ละอ่อน” เชียงใหม่รายนี้หายเงียบ เขาได้กลายเป็นศิลปินนักร้องที่โด่งดังในหมู่คนรักมาร์คด้วยผลงานซิงเกิลแรก และคอนเสิร์ตส่วนตัวถึงสองครั้งสองคราเลยทีเดียว

“มาร์ค” ก็ยังคงเป็นเด็กหนุ่มธรรมดาๆ ที่เรียนหนังสืออย่างมุ่งมั่นตั้งใจ และในขณะเดียวกันก็ทำตามฝัน นั่นคือการเป็นนักร้องด้วย”หนึ่งในผู้ชื่นชมมาร์ค V11 กล่าวให้ผู้จัดการสุดสัปดาห์ฟัง เธอย้ำว่าที่เชียงใหม่ยังมีกลุ่มแฟนคลับหลายคนที่พร้อมจะให้กำลังใจมาร์คและสนับสนุนสิ่งที่มาร์คกระทำไม่ต่างอะไรจากแฟนคลับของบรรดานักล่าฝันที่ผ่านเข้ารอบลึกๆ หรือต้องออกจากบ้านเพราะเสียงโหวต

ปัจจุบันมาร์คเตรียมตัวจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย ถึงแม้ว่าเขากำลังจะอายุครบ 18 ปีในวันที่ 30 มีนาคมที่ใกล้จะมาถึง แต่การที่เขาเพิ่งจะขึ้นชั้นมัธยมปีที่ 6 นั้นเป็นเพราะการไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนด้านการร้องเพลงที่ AFS หรือ โครงการนักเรียนแลกเปลี่ยนของมูลนิธิการศึกษาและวัฒนธรรมสัมพันธ์ไทย-นานาชาติ ที่สหรัฐอเมริกา ในช่วงปี ค.ศ. 2009 ทำให้ต้องเว้นการเรียนที่เมืองไทยไปนานหนึ่งปีเต็ม

หลังจากหิ้วกระเป๋าออกจากบ้านเอเอฟไป เขาก็กลับไปเรียนหนังสือโดยมีความใฝ่ฝันว่าจะศึกษาต่อคณะแพทยศาสตร์ให้ได้ โดยมีอีกหนึ่งความฝันคือการเป็นนักร้อง ซึ่งนายจอห์น วทัญญู ท้าวคำลือ ยอดคุณพ่อซึ่งเป็นฮีโร่เพียงหนึ่งเดียวของมาร์คก็ไม่ได้ทำให้ลูกชายสุดที่รักต้องผิดหวัง ควักกระเป๋าจ่ายเงินจ้างครูเป้ จักรพงศ์ เทียนวิจิตร ครูสอนร้องเพลงคู่กายของมาร์คที่สถาบันมีฟ้าให้แต่งเพลงให้แก่มาร์ค และนั่นก็เป็นที่มาของซิงเกิลแรกของหนุ่มมาร์คที่ถูกปล่อยออกมาในเวลาต่อมา

“เรื่องเดียวที่กลัว” คือชื่อของซิงเกิลแรกและซิงเกิลเดียวในขณะนี้ของมาร์ค เนื้อหาของเพลงเป็นการออดอ้อนบรรดาแฟนคลับในทำนองที่ว่า หากไม่มีความรัก การสนับสนุน จากแม่ยกพ่อยกเหล่านี้แล้ว มาร์คก็คงจะไปไม่ถึงไหน และการจืดจางหมางเมินเบื่อหน่ายของบรรดาแฟนคลับคือเรื่องเดียวที่หนุ่มมาร์คหวาดกลัว

เพลงเรื่องเดียวที่กลัว ได้รับการติดต่อจากดีเจนัตเต้ ดีเจหนุ่มแว่นจาก Radiolism ซึ่งเป็นคลื่นวิทยุทางอินเทอร์เน็ตให้ไปเปิดเผยแพร่ ทำให้แฟนคลับของมาร์คที่ส่วนใหญ่เป็นชาวเสื้อแดงซึ่งกระจายตัวอยู่ที่อื่นนอกเหนือจากจังหวัดเชียงใหม่ได้รับรู้ข่าวสารของมาร์ค และเริ่มรวมตัวกันเหนียวแน่นมากขึ้นด้วยการติดต่อพูดคุยทางเฟซบุ๊กและเว็บบอร์ดต่างๆ โดยมีเว็บไซต์หลักที่พวกเขาใช้สำหรับพูดคุยอัปเดตเรื่องราวของมาร์คชื่อ markfiber.com

หลังจากนั้น สถานะการเป็นนักร้องของมาร์คก็เริ่มเด่นชัดขึ้น พ่อจอห์นซึ่งเป็นทั้งแดงเชียงใหม่และนักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพลประจำจังหวัดได้รวบรวมกำลังเงินกำลังคนจัดคอนเสิร์ตเอาใจแฟนคลับมาร์คขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้ชื่อ “Mark Addict, Love me love my style” ที่จังหวัดเชียงใหม่ และยังถือเป็นคอนเสิร์ตเปิดตัวซิงเกิลเพลงเรื่องเดียวที่กลัวของมาร์คอีกด้วย ซึ่งงานคอนเสิร์ตเล็กๆ ในครั้งนั้นถือเป็นจุดเริ่มต้นของการรวมพลังแฟนคลับมาร์คที่แห่แหนเข้าไปชมและให้กำลังใจกันกว่า 150 คน

“ถึงคนจะไม่เยอะมาก เพราะเป็นมินิคอนเสิร์ต แต่พวกเราก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความรักที่พวกเรามีให้แก่กัน” ผู้นิยมมาร์คที่มีโอกาสได้เข้าไปชมคอนเสิร์ตในครั้งนั้นเผย

แฟนคลับมาร์ค V11 ขยายฐานออกไปจากจังหวัดเชียงใหม่ แผ่ขยายไปสู่จังหวัดอื่นๆ ในภาคเหนือและอีสาน รวมทั้งกลุ่มลูกหลานนักธุรกิจในกรุงเทพมหานคร หลายคนลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าเพลงเรื่องเดียวที่กลัว หนุ่มมาร์คร้องให้พวกเขา!!

ความเข้มแข็งที่เพิ่มขึ้นของแฟนคลับหลักร้อยต้นๆ ของหนุ่มมาร์คทำให้เกิดคอนเสิร์ตครั้งที่สองตามมาในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554 ซึ่งคราวนี้เป็นการขึ้นมาแสดงคอนเสิร์ตเอาใจแฟนๆ ที่อยู่ในกรุงเทพมหานคร

คอนเสิร์ตดังกล่าวใช้ชื่อว่า The rerun of The Memory Show Live in Bangkok จัดขึ้นที่คาราฟัน มิวสิคฮันท์ แยกเหม่งจ๋าย เป็นการแสดงที่เขากับทีมงานเรียกว่า “มินิคอนเสิร์ต” แต่แฟนเพลงหลายคนที่ได้ชมบอกว่า “ใหญ่กว่าเวทีคอนเสิร์ตตอนประกวดเอเอฟเสียอีก”

คอนเสิร์ตครั้งนี้คนรักมาร์คมารวมตัวกันอยู่ในร้านคาราโอเกะขนาดใหญ่ชนิดครบทีม ทั้งยอดคุณพ่อ ยอดคุณแม่ พี่ชาย น้องชาย ครูสอนร้องเพลง เพื่อนๆ ที่โรงเรียน และเพื่อนๆ ที่ร้องเพลงและเล่นดนตรีกับเขา บรรดาแฟนคลับก็ไม่น้อยหน้า หลายคนเดินทางมาจากจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดใกล้เคียงเพื่อมาดูมาร์คบนเวทีที่มีแสงสีเสียงครบครัน กับธีมของงานคือ การรำลึกความทรงจำที่มีต่อมาร์ค V11 ไม่ว่าจะเป็นการร้อง 2 เพลงที่เขาเคยร้องบนเวทีเอเอฟ อย่าง อุ้มหน่อยนะ กับเก็บตะวัน ตลอดจนซิงเกิลเรื่องเดียวที่กลัวของตัวเขาเอง และปิดท้ายด้วยการโชว์สเต็ปแดนซ์ของหนุ่มมาร์คที่ใครต่อใครก็รู้ว่า “เต้นไม่เป็น”

“เราเพิ่งรู้ว่าคนที่เต้นไม่เป็นเวลาเต้นมันน่ารักขนาดนี้นี่เอง” แฟนคลับคนหนึ่งกล่าวถึงมาร์คในคืนนั้นด้วยน้ำเสียงปลาบปลื้ม

หลังจากคอนเสิร์ตในครั้งนั้น มาร์คก็กลับเข้าสู่วัฏจักรชีวิตเดิมของเขา กิจวัตรประจำวันของมาร์คคือการเรียนหนังสือ ว่างเว้นจากการเรียนมาร์คจะทุ่มเวลาให้กับการเรียนร้องเพลงกับครูบุ๊ค คีตวัฒนะ ครูสอนร้องเพลงชื่อดังที่จังหวัดเชียงใหม่ในช่วงค่ำหลังเลิกเรียน และร่วมร้องเพลงกับวงดนตรีที่ชื่อ The Opposite Band ซึ่งเป็นวงดนตรี 7 ชิ้นรุ่นราวคราวเดียวกับหนุ่มมาร์คจากโรงเรียนดาราวิทยาลัย หลังจากที่วงดนตรีดั้งเดิมของเขาที่ชื่อ Fibereror ต้องยุติวงชั่วคราวเนื่องจากกำลังทุ่มเทให้กับการสอบเอนทรานซ์

พร้อมทั้งได้เข้าไปเช็กข่าวคราวพูดคุยกับแฟนคลับของตัวเองในเว็บไซต์ที่ปัจจุบันขยายขึ้นมาเป็นสามเว็บหลักอย่าง markfiber.com, markaf7.com และ fcmarkv11.com เพื่อตอบสนองแฟนคลับที่เรียกตัวเองว่า markfiber ได้อย่างทั่วถึง

ถึงตอนนี้บรรดาแฟนคลับหลักร้อยต้นๆ ของมาร์คต่างเป็นกำลังใจให้เขาเอนทรานซ์ติดคณะแพทยศาสตร์ และได้เป็นนักร้องชื่อดังในอนาคต ส่วนกำลังใจเหล่านั้นจะล้นหลามขนาดไหนไปตามดูได้ในเว็บบอร์ดของเว็บไซต์ที่มีแฟนคลับ 3-4 คนขยันขันแข็งเข้าไปโพสต์ภาพ พูดคุย และทำให้บอร์ดขยับเขยื้อนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้จะต้องแลกมาด้วยการอดหลับอดนอนก็ตาม



.........................................

ที่มา นิตยสาร ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ ฉบับที่ 76 วันที่ 19-25 มีนาคม 2554
กรี๊ด !! กับกลุ่มแฟนคลับ
กับวง Opposite
กับครูบุ๊ค คีตวัฒนะ
“มาร์ค V 11 ”  วิทวัส ท้าวคำลือ


กำลังโหลดความคิดเห็น