xs
xsm
sm
md
lg

หลากหลายสไตล์พิธีกรไทย ทั้งนักอวย นักเทศน์ ฯ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คงปฏิเสธไม่ได้ว่า หนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่มีส่วนทำให้รายการบันเทิงทางทีวี ไม่ว่าจะเป็นประเภทเกมส์โชว์ ทอล์กโชว์ วาไรตี้ กลายเป็นที่จดจำและมีสีสันที่ชวนให้คนดูติดตาม ก็คือบุคคลที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกร-ผู้ดำเนินรายการทั้งหลาย

ในบรรดาผู้ที่ทำหน้าที่ดังกล่าวของบ้านเราที่จัดได้ว่า "มีชื่อเสียง" เป็นที่รู้จักในวงกว้างนั้นล้วนแล้วต่างก็มีรูปแบบการพูดด้วยน้ำเสียงตลอดจนบุคลิกในการทำหน้าที่แตกต่างกันออกไปกระทั่งกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตนที่คนส่วนใหญ่ต่างจดจำได้

วันนี้ลองมาดูกันว่า 5 พิธีกร-ผู้ดำเนินรายการชายที่คุ้นหน้าของวงการทีวีบ้านเรานั้น ใครมีรูปแบบในการทำหน้าที่เป็นเช่นไรกันบ้าง?

"ต๋อย ไตรภพ ลิมปพัทธ์" พิธีกรแขกเทวดา
หนุ่มนิติศาสตตร์จากรั้วรามคำแหงเดินเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเป็นผู้เข้าแข่งขันในรายการ "ล้มเค้า" ทางช่อง 5 และเริ่มงานเป็นพิธีกรครั้งแรกในรายการ "พลิกล็อก" ก่อนจะมามีชื่อเสียงสุดๆ จากรายการ "ฝันที่เป็นจริง" ทางช่อง 3 จากนั้นเจ้าตัวได้ตั้งบริษัทบอร์น แอนด์ แอสโซซิเอชั่น จำกัด ร่วมกับน้องชาย และโด่งดังอีกครั้งในการทำหน้าที่พิธีกรรายการ "ทไวไลท์โชว์" ซึ่งมีเวลาออกอากาศนานถึง 3 ชั่วโมง

หลังสร้างความฮือฮาจากควิซโชว์ "เกมเศรษฐี" ปี พ.ศ. 2547 ไตรภพ ขนรายการที่บริษัทตนเองผลิตไปอยู่ที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวีที่ตนนั่งเป็นผอ. ทว่ากลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก และเมื่อไอทีวี(ทีไอทีวี)ต้องสิ้นสภาพกลายเป็นทีวีไทย ชื่อของเขาก็เงียบหายไป ก่อนจะปรากฏตัวอีกครั้งในรายการ "คลับเซเว่น" ทางช่อง 7

ปัจจุบัน ต๋อย ไตรภพ ย้ายกลับมาอยู่กับช่อง 3 อีกครั้งโดยทำรายการ "ทูไนท์โชว์" และควิซโชว์ชื่อ “เอ็กซ์เกม”

สำหรับเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ใครหลายคนต่างคุ้ยเคยกันเป็นอย่างดีในการทำหน้าที่ของเขาคนนี้คงจะเป็นคาแรกเตอร์จากรายการ "ฝันที่เป็นจริง" ที่เจ้าตัวมักจะเน้นน้ำเสียง น้ำตาคลอ ปั้นสีหน้าสรรเสริญแขกรับเชิญที่มาร่วมรายการกระทั่งหลายต่อหลายครั้งเราอาจจะจะรู้สึกเผลอไผลไปว่าเธอและเขาเหล่านั้นเป็นนางฟ้าหรือเทวดาในคราบของมนุษย์เลยทีเดียว

แน่นอนว่าหลายคนเป็นคนดี-คนเก่งจริง แต่เมื่อมาออกรายการของ ต๋อย ไตรภพ มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจที่ว่าเขานั้นสามารถทำให้แขกรับเชิญของเขากลายเป็นคนดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการไปออกรายการอื่นๆ ได้อย่างเหลือเชื่อ

โดยเฉพาะกับประโยคที่ใครหลายคนอาจจะคุ้นหูเป็นอย่างดีที่ว่า..."รู้มั้ย อะไรที่ทำให้คุณประสบความสำเร็จและได้มานั่งอยู่ตรงนี้....(เว้นช่วงจังหวะ ยังไม่ทันที่แขกจะได้ตอบอะไร)...นั่นเพราะคุณเป็นคนดีนั่นเองครับ..."

อย่างไรก็ตามเกี่ยวกับเรื่องของวิธีการพูดที่ค่อนข้างจะถูกมองว่าเป็นการ "อวยแขก" นี้เมื่อสอบทางไปยังพิธีกรรุ่นใหญ่เจ้าตัวก็ได้ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ว่า..."กับกระแสที่ว่าผมชอบอวยแขกรับเชิญ อันนี้ผมก็ทราบมาบ้างนะ เขาก็พูดถูก"

"ผมเป็นอย่างนั้นเพราะว่าผมมีเมตตาผมเป็นอย่างนี้ตลอดชีวิตแล้วจะไม่มีวันเปลี่ยน ผมเห็นว่าการที่มีความเมตตากรุณาไม่เห็นจะเกี่ยวอะไรตรงไหน สำหรับผมนะ บางคนก็อาจจะคิดว่าไม่น่าจะมีความเมตตากรุณาก็แล้วแต่เขา จะถามว่าเราไม่แคร์กับคำที่เขาบอกไหม เราอย่าไปยุ่งตรงนั้นเลย ความคิดเขา แต่ผมคิดว่าการเป็นมนุษย์ต้องมีเมตตา ถ้าขำดีก็ควรบอกว่าเขาทำดี เขาทำไม่ดีควรให้อภัยและให้เขาตั้งตนใหม่"

จอมบิ้วท์ "ปัญญา นิรันดร์กุล"
"ตา ปัญญา นิรันดร์กุล" เรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก่อนจะเข้าสู่ถนนสายการบันเทิงด้วยการเป็นตัวประกอบหนังไทยเรื่อง สืบยัดไส้ ปี พ.ศ. 2521 จากนั้นขึ้นเป็นพระเอกเต็มตัวในละคร ศรีธนญชัย ทางช่อง 3 ก่อนจะมีทั้งงานภาพยนตร์และละครตามออกมาอีกหลายเรื่อง

ปีพ.ศ. 2527 เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกยุคแรกในรายการเพชฌฆาตความเครียด ทางช่อง 9 มีชื่อ "ซูโม่ตา" ก่อนจะเป็นที่รู้จักมากขึ้นในการแสดงเป็นพิธีกรรายการ ภาษาไทยคำละวัน ล้อเลียนรายการ ภาษาไทยวันละคำ จากนั้นเจ้าตัวจึงได้เริ่มงานพิธีกรอย่างเต็มตัว ในรายการ พลิกล็อก, ยุทธการขยับเหงือก, มหัศจรรย์วันเสาร์ ของเจเอสแอล

ปัญญา ลาออกจากการทำหน้าที่พิธีกรเพื่อมาตั้งบริษัทเวิร์คพอยท์ร่วมกับ จิก ประภาส ในปี 2532 ผลิตรายการหลากหลายประเภท ทั้งเกมโชว์, ควิซโชว์, ซิทคอม ฯ ที่ได้รับความนิยมและรางวัลมากมาย ทั้ง เวทีทอง, แฟนพันธุ์แท้, ชิงร้อยชิงล้าน, ระเบิดเถิดเทิง, ชิงช้าสวรรค์, คุณพระช่วย ฯ

คาแรกเตอร์ที่เป็นที่จดจำของพิธีกรคนนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นการใช้สัญลักษณ์มือ ไม่ว่าจะเป็นท่ากำมือยกนิ้วโป้งคว่ำขึ้นลงที่แสดงถึงความน้อยกว่ามากกว่าในรายการพลิคล็อค รวมไปถึงสัญลักษณ์มือของรายการแฟนพันธุ์แท้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขาจนหลายคนนำไปเลียนแบบ

โดยเฉพาะลักษณะท่าทางในการเฉลยคำตอบกับลีลาการเฉลยด้วยการทำตาเหลือกโต ขยับปากจู๋ๆ ทำท่าจะพูดแต่ก็ไม่พูด ส่งผลให้ผู้เข้าแข่งขันรวมไปถึงคนที่นั่งชมอยู่ทางบ้านซึ่งกว่าจะได้ฟังคำตอบด้วยเสียงสั้นๆ ว่า...ผิด หรือตะโกนคำว่า...ถูกต้องนะคร้าบ...ก็ต้องลุ้นกันแล้วลุ้นกันอีกจนตัวโก่ง

"วิทวัส สุนทรวิเนตร" พิธีกรคำเตือน
อีกหนึ่งพิธีกรรุ่นใหญ่ดีกรีนักเรียนนอกคนนี้ (ศิลปศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเคอร์ทิน (CURTIN UNIVERSITY OF TECHNOLOGY) รัฐออสเตรเลียตะวันตก ประเทศออสเตรเลีย) เริ่มต้นทำงานในแวดวงทีวีด้วยหน้าที่ผู้กำกับศิลป์ รายการหาคู่ (MATCH MATES) และรายการข่าวของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 ที่ซิดนีย์

เมื่อกลับมาเมืองไทย วิทวัส เริ่มงานด้วยการเป็นผู้รายงานพยากรณ์อากาศช่วงข่าวภาคค่ำช่อง 9 รวมถึงรายการ "คืนนี้ที่ช่อง 9" (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นที่นี่กรุงเทพฯ) ผลิตโดย บ.แปซิฟิก จากนั้นจึงได้ลาออกและมาทำหน้าที่พิธีกรรายการ "สี่ทุ่มแสวคร์" ทางช่อง 7 ที่ผลิตโดยบริษัท คอนสแตนท์ แอดเวอร์ไทซิ่ง จำกัด ซึ่งเขาเองนั่งเก้าอี้ในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ

แม้จะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปรายการสี่ทุ่มแสควร์ก็เริ่มจะร่วงโรย ทำให้เจ้าตัวตัดสินใจลาออกจากคอนสแตนท์ฯ ในราวๆ ปี 2540 เพื่อมาเปิดบริษัท ทเวนตี้ ทเวนตี้ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ จำกัด ผลิตรายการ "ตีสิบ" ให้กับทางช่อง 3 พร้อมรับหน้าที่พิธีกรหลักโดยมีพิธีกรร่วมทั้งชาย-หญิงสลับสับเปลี่ยนไปมาหลายต่อหลายคน

ในส่วนที่เป็นจุดเด่นของพิธีกรคนนี้ถ้าจะว่ากันถึงบุคลิกท่าทาง ตลอดจนน้ำเสียงแล้วต้องบอกว่าไม่มีอะไรที่เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นมากนัก หากแต่ที่หลายคนติดตาติดใจและจดจำเขาได้และนำมาแซวล้อเลียน ก็คงจะเป็นการที่เจ้าตัวมีหน้าตาที่ไปคล้ายกับตัวซูเปอร์แมนในการ์ตูนชื่อดังเรื่องหนึ่งของญี่ปุ่นอย่าง อาราเล่ นั่นเอง

ทั้งนี้นอกจากเรื่องดังกล่าวแล้ว ยังเป็นที่น่าสังเกตว่าในส่วนของแขกรับเชิญหรือประเด็นในการพูดคุยในรายการของพิธีกรคนนี้มักจะทำให้เกิดความสงสัยว่ารายการต้องการจะนำเสนออะไร เช่น เมียน้อยมาเล่าถึงความชอกช้ำที่ต้องมีสภาพเช่นนี้ รวมไปถึงพวกที่เห็นผีเห็นวิญญาณทั้งหลาย เพราะฉะนั้นในรายการของเจ้าตัวจึงมักจะต้องขึ้นหมายเหตุคำเตือนในทำนอง...เป็นความเชื่อเฉพาะส่วนบุคคล, โปรดใช้วิจารณญาณในการชม, เป็นความสามารถเฉพาะบุคคลห้ามเลียนแบบเพราะฉะนั้นจะเกิดอันตรายได้ ฯ อยู่เป็นประจำ

พิธีกรลอยตัว "ดู๋ สัญญา คุณากร"
เด็กหนุ่มเชื้อสายจีนคนนี้จริงๆ มีชื่อเล่นว่า อู๋ แต่เพื่อนๆ เรียก ดู๋ จึงใช้ชื่อนี้แทน โดยเจ้าตัวเป็นนิสิตคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จากจุฬาลงกรณ์ เข้าสู่วงการบันเทิงด้วยการเล่นเป็นตัวประกอบในรายการ "เพชฌฆาตความเครียด" ก่อนจะทำงานพิธีกรครั้งแรกในรายการ "เฉียบ" คู่กับตลกดัง "ดี๋ ดอกมะดัน"

ดู๋ สัญญา เริ่มฉายแววโดดเด่นในฐานะของผู้ดำเนินรายการจากการทำหน้าที่พิธีกรร่วมกับมือเก๋าอย่าง ดำรง พุฒตาล ในรายการ "เจาะใจ" ที่กินเวลายาวนานจนถึง17 ปี ซึ่งนอกจากรายการที่ว่าเจ้าตัวยังทำหน้าที่พิธีกรอีกหลายรายการด้วยกัน

ไม่ว่าจะเป็น ที่นี่หมอชิต, 07 โชว์ (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อรายการเป็น กิ๊ก ดู๋), พลิกล็อกรีเทิร์น, ดับเบิลพลิกล็อก, เกมล่ามหาสมบัติ, เกมล่ามหาสนุก, เกมล่า 2000, สัญญามหาชน, ดิ ไอคอน, ตาสว่าง นอกจากนี้เจ้าตัวยังรับหน้าที่เป็นผู้บริหาร บริษัท ดีทอล์ก จำกัด ในเครือ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ อีกด้วย

สำหรับจุดเด่นในการทำหน้าที่ของ ดู๋ สัญญา คงจะอยู่ที่รอยยิ้มที่ดูซื่อ-จริงใจ ความมีมนุษยสัมพันธ์ และการวางตัวที่เป็นกันเองแต่แฝงไว้ด้วยความมีสัมมาคาราวะต่อแขกรับเชิญ ทั้งหมดนี้เองที่ทำให้การทำหน้าที่ของเขาไม่ว่าจะเป็นรายการประเภทที่ต้องการความสนุกสนานหรือเนื้อหาสาระทั้งหมดต่างค่อนข้างจะดูลื่นไหล เป็นธรรมชาติ กระทั่งส่งผลให้เขาคว้ารางวัลจากการทำหน้าที่ตรงนี้มามากมาย ทั้ง รางวัลโทรทัศน์ทองคำ ประเภทพิธีกรชายยอดเยี่ยม (พ.ศ 2538)

รวมถึงรางวัลโทรทัศน์ทองคำผู้ดำเนินรายการชายดีเด่น จากรายการ "เจาะใจ" ปี 2540, พิธีกรและผู้ดำเนินรายการยอดเยี่ยมชาย รายการตาสว่าง (โมเดิร์นไนน์ ทีวี) จาก สตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2007และผู้ดำเนินรายการชายยอดเยี่ยม รายการ ที่นี่หมอชิต (ช่อง 7) จากสตาร์เอนเตอร์เทนเมนต์อวอร์ดส 2 ปีซ้อน (2008-2009)

อย่างไรก็ตาม ที่ดูจะเป็นเรื่องที่ชวนให้น่าหงุดหงิดนิดๆ สำหรับพิธีกรคนนี้ก็คือเรื่องที่เจ้าตัวจะพยายามไม่พาตัวเองไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่จะมีแนวโน้มจะเป็นประเด็น "การเมือง" ไม่ว่าจะกรณีใดๆ แม้กระทั่งที่เป็นมุกตลก ซึ่งชวนให้น่าสงสัยว่าการที่เขาออกตัว-ลอยตัวชนิดที่บางครั้งบางคราต้องว่าจะอะไรกันนักกันหนานั้นก็เพราะเกรงกลัวว่ามันจะส่งผลกระทบต่อผลประโยชน์ของตนมากกว่าเรื่องอื่นใช่หรือไม่?

"วู้ดดี้ มิลินทจินดา" พิธีกรอัยการ
“รายการของผมเป็นรายการที่เกสต์อยากให้คนดูเห็นว่าตัวตนเขาเป็นยังไง ถ้าวันนี้เกสต์จะมานั่งโกหกผมไม่สน แต่สุดท้ายสังคมจะสรุปเองว่าคุณเป็นแบบไหน” หนึ่งในประโยคที่พิธีกรหนุ่มที่เพิ่งจะได้รับรางวัลท็อปอวอร์ด 2010 ประเภทพิธีกรยอดเยี่ยม ซึ่งจัดโดยนิตยสารทีวีพูลเคยให้สัมภาษณ์ไว้ถึงแนวทางการทำงานของตนเอง

หากจะนับเอาหนึ่งคนในแวดวงบันเทิงที่มาแรงทั้งด้วยกระแส บุคลิก ตลอดจนความคิดในรอบ 2-3 ปีที่ผ่านมาเชื่อได้เลยว่าหนึ่งในนั้นคงจะต้องมีชื่อของพิธีกร "วู้ดดี้ มิลินทจินดา" คนนี้รวมอยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย

เมื่อมองไปถึงพื้นฐานของการเป็นลูกฑูต(เปี่ยมศักดิ์ มิลินทจินดา เอกอัครราชทูตไทยประจำอาเซียนคนแรก) รวมถึงการมีมารดาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษ (ตาบทิพย์ มิลินทจินดา อดีตอาจารย์สอนภาษาอังกฤษ โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย)จึงไม่น่าแปลกใจแต่อย่างไรหากช่วงหนึ่งของเขาคนนี้จะไปใช้ชีวิตอยู่ที่ต่างประเทศ

การได้สัมผัสกับวงการบันเทิงเมื่อครั้งอยู่ที่นิวยอร์ก ทำให้วู้ดดี้ค่อนข้างจะชื่นชอบวงการมายาเป็นอย่างมาก ซึ่งเมื่อได้รับการชักชวนจากเพื่อนให้ทำหน้าที่ดีเจจึงไม่มีเหตุผอะไรที่เขาจะต้องปฏิเสธ และนั่นเองที่เป็นก้าวแรกก่อนที่จะทำให้เขาใด้เข้าสู่การทำหน้าที่พิธีกรหลายต่อหลายรายการ ทั้ง "ไฮโซบ้านนอก", "ลักยิ้ม", "ไอ้หยา", "เดอะ วัน" รวมไปถึง "วู้ดดี้เกิดมาคุย" "เช้าดูวู้ดดี้" รายการที่ผลิตโดย บ.ดับเบิ้ลยู เน็ตเวิร์ค จำกัด ที่เขาเองเป็นผู้ตั้งขึ้นมา

หากรายการของพิธีกรรุ่นใหญ่อย่างต๋อย ไตรภพ ทำให้แขกเป็นเทวดา-นางฟ้า การทำหน้าที่ของวู้ดดี้ ก็คงจะตรงกันข้าม

ด้วยเหตุผลที่เจ้าตัวมักจะตั้งคำถามต่อแขกรับเชิญชนิดที่ค่อนข้างจะตรงไปตรงมา จนถึงขั้นที่อาจจะเรียกได้ว่าแรงในความรู้สึกของใครหลายๆ คน

มิใช่เพียงจะซักถามแขกรับเชิญจนราวกับว่าตัวเองเป็นอัยการเท่านั้น หากแต่ในบางครั้งเขายังทำตัวเปรียบเสมือนนักเทศน์ด้วยการพูดเชิงทำนองอบรมสั่งสอนแขกรับเชิญที่มาออกรายการของตัวเองอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม แม้จะมีบางส่วนที่มองว่าการแสดงออกด้วยความมั่นใจสไตล์ฝรั่งของวู้ดดี้จะรู้สึกไปถึงความน่ารำคาญในสำเนียงการพูด และอากัปกิริยาเวลาที่เขาพูดคุยกับแขกรับเชิญที่ดูโอเวอร์แอ็กติ้ง ทว่าก็มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยทีเดียวที่ชื่นชอบในความเป็นตัวของตัวเองของเขากระทั่งยกให้เป็นไอดอลคนหนึ่งของวงการบันเทิงบ้านเราไปแล้ว
กำลังโหลดความคิดเห็น