"ฟร้อนท์" โอด ไม่มีเงินเลี้ยงลูก รองานบันเทิงมา 6 ปี ไม่มีงานเลย จนต้องกลับไปขายของตลาดนัด บางวันไม่ได้กระทั่งค่าที่ เงินเริ่มร่อยหรอ เจ้าตัวเผย เตรียมหอบลูกไปอยู่เมืองนอก ส่วนตัวเองก็จะไปรับจ้างล้างจาน หรือไม่ก็เป็นเด็กเสิร์ฟ รับ หวั่นหากต้องไปเริ่มชีวิตใหม่ตอนอายุขนาดนี้ แต่ต้องทำเพราะไม่อยากทนเห็นลูกอดอยาก
อดีตนางแบบสาวชื่อดัง "ฟร้อนท์ มอนโกเมอรี่" หลังเจอมรสุมชีวิต ต้องเลิกรากับอดีตสามี "กริช หิรัญพฤกษ์" ชีวิตของเธอก็ต้องเจอกับความพลิกผันสุดขีด ต้องปากกัดตีนถีบเลี้ยงดูลูกสาว "น้องลีโอน่า" วัยน่ารักมาเพียงลำพัง เคยตกยากชนิดที่ไม่มีเงินพาลูกไปหาหมอมาแล้ว ล่าสุดเจ้าตัวก็ออกมาเผยว่า เตรียมจะหอบลูกสาวไปทำมาหากินที่เมืองนอก หลังดิ้นรนที่เมืองไทยจนไม่ไหวแล้ว
"จะไปเมืองนอกจริงค่ะ ก็คาดว่าอย่างนั้นค่ะ คิดว่าเร็วๆ นี้ แต่ยังไม่ขอบอกเวลา ก็เอาน้องไปด้วยค่ะ แม่ไปไหนลูกไปด้วย ตัวเขาอยากไป แต่ตัวเราก็กลัวกับการที่อายุเท่านี้แล้ว เราต้องไปเริ่มต้นใหม่ที่นู่นอีก แต่มันเป็นอนาคตของลูก ก็จะให้เขาไปเรียน ซัมเมอร์ก็อาจจะกลับมา หรือไม่ก็อาจจะอยู่เลย ก็ต้องดูก่อนว่าอะไรยังไง แต่ก็คงจะไปอยู่เลยไม่ได้ ต้องไปๆ กลับๆ บ้านฟร้อนท์อยู่ที่นี่ คุณพ่อของลูกก็อยู่ที่นี่"
"อย่างที่บอกลูกต้องกลับมาหาพ่อเขาอยู่แล้ว หรือพ่อเขาจะบินไปหาก็ไม่ว่าค่ะ ให้ลูกไปเรียนที่นั่น ก็จะได้ภาษาได้อะไรด้วย ก็เลยคิดว่าน่าจะเป็นการดีด้วย ถ้าไปอยู่จริงๆ ก็ทำงานที่เขาทำกัน ล้างจาน หรือเด็กเสิร์ฟ ก็แล้วแต่ เพราะว่ายังไงก็คิดว่าน่าจะดีกว่าอยู่ที่นี้ และคือว่าพอดีพี่สาวมีบ้านอยู่ที่โน่น จะไปอยู่กับพี่สาว และดูความคืบหน้าจากตรงนั้นไป"
"ถ้าถามเรื่องงานในวงการ คือเอาจริงๆ ตอนนี้มันไม่ได้มีอะไรค้างไว้แล้วไงค่ะ มีละครเรื่อง ฟ้าจรดทราย เรื่องเดียว ก็หมดแล้ว และจริงๆ งานในวงการบันเทิงมันเหมือนขายวิญญาณ เราไม่มีความเป็นส่วนตัวอีกต่อไป ฉะนั้นเรายังคงเป็นคนของประชาชน ถ้ากลับมาคนยังจำเราได้ก็ดีไป ถามว่ากลับมาจะมีงานมั้ย คิดว่าคงไม่มี เพราะขนาดเราอยู่รองาน 5 - 6 ปี มันก็ไม่ได้มีงาน"
"ตรงนี้เราไม่มีอะไรจะห่วงแล้ว อนาคตเป็นของลูก ไม่ใช่ของเรา ตอนนี้ไม่ได้ห่วงตัวเองห่วงลูกมากกว่า ก็ไม่อยากจะต้องมาทนดูให้เขาอดอยากไงคะ ก็คงต้องหางทางเพื่อหาเงินทุกวันนี้ก็ทำอะไรได้เงินก็ทำหมด"
รับ ท้อต้องขายของในตลาด บางวันก็ขายไม่ได้ ทำให้เงินร่อยหรอลงไปทุกวัน
"ซึ่งไอ้เรื่องท้อนะ มันก็ไม่ได้ท้อแท้อะไรมากมาย คืออย่างปีนี้ต้องกลับมาขายของที่ตลาดอีกแล้ว ท้อตรงนี้แหละ ถ้าเรายิ่งอยู่ เงินมันยิ่งหมด เราถือคติว่าเงินต้องเข้าทุกวัน ถ้าไม่เข้า มันก็จะหาย แล้วการที่เราไปขายของที่ตลาดบางวันเราไม่ได้เงิน บางวันเราเสียเงินค่าที่ ค่ากิน ฉะนั้นเราไม่อยู่ดีกว่า เพราะว่าเงินมันหมดลงทุกวัน ไหนจะค่าอยู่ค่ากิน ไอ้ตัวเราไม่เท่าไหร่ สงสารก็แต่ลูก ก็ต้องหาทางทำกินกันไปคะ"