ปีที่ผ่านมา มีภาพยนตร์ไทยในกระแสอยู่ 2 เรื่องที่ดูเหมือนจะถูกพูดถึงมากพอสมควรทีเดียวสำหรับคนที่ได้มีโอกาสไปชมกันมาในฐานะหนังโรแมนติกคอมเมดี้ที่สนุก-น่าดู
หนึ่งคือ "กวน มึน โฮ" จากค่ายจีทีเอช ผลงานการกำกับของคุณโต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่กวาดรายได้ไปกว่า 135 ล้านบาท
เรื่องที่สองคือ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" ของค่ายสหมงคลฟิล์มฯ+เวิร์คพอยท์ฯ ฝีมือการกำกับของคุณวศิน ปกป้อง และคุณพุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ทำรายได้ไปไม่น้อยเช่นกันกว่า 78 ล้านบาท
เล่าให้ฟังคร่าวๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ชม..."กวน มึน โฮ" นั้นว่าด้วยเรื่องของหนุ่มไทยจอมกวนคนหนึ่ง (เต๋อ” ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ที่ซื้อทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีเพราะแอบหวังว่าจะได้เจอกับแฟนที่ทิ้งเขาไปเนื่องจากเขาไม่พร้อมที่จะแต่งงานด้วย ก่อนที่เขาจะได้พบกับหญิงไทยคนหนึ่ง(หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ) ที่โกหกแฟนในการมาที่เกาหลีก่อนอีกฝ่ายจะจับได้และบอกเลิกเธอข้ามประเทศกระทั่งได้ก่อเกิดเป็นความผูกพันอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยที่ทั้งสองต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีชื่อเสียงเรียงนามจริงๆ ว่าอะไร
ในขณะที่ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" นั้นพูดถึง "น้ำ" (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เด็กสาวม.ต้นซึ่งซุกซ่อนความน่ารักไว้ในหน้าตาที่แสนขี้เหร่ที่หลงใหลรุ่นพี่ม.ปลายสุดเพอร์เฟ็กต์ "โชน" (มาริโอ้ เมาเร่อ) และพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พระเอกของเราหันมามอง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็แอบปลื้มเธออยู่แต่ไม่สามารถแสดงออกได้กระทั่งถึงวันที่ทั้งสองต้องแยกย้ายไปทำตามเส้นทางของตัวเอง
ด้วยความเป็นภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน หลังหนังทั้งสองเข้าฉายจึงทำให้มีบางส่วนอดไม่ได้ที่จะเอากวน มึน โฮ กับ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก มาเปรียบเทียบกันทำนองที่ว่าเรื่องไหนสนุกกว่า เรื่องไหนตลกกว่า เรื่องไหนชวนประทับใจ เรื่องไหนน่าดูกว่ากัน
รวมไปถึงที่ว่านางเอกระหว่างหนูนา ใบเฟิร์น ใครน่ารักกว่า ใครแสดงได้ดีกว่า
จากบทสรุปจากคนรอบข้างที่ว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้สนุก น่าดู และนางเอกน่ารักนี่เองที่ทำให้ผมต้องเก็บเอาหนังทั้งสองเรื่องมาดูในคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมาเพื่อเป็นการฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2553 ต้อนรับปีใหม่ 2554
ผลที่ออกมาก็คือเป็นการฉลองที่น่าประทับใจ และมีความสุขดีทีเดียวครับ
โดยรวมผมชอบทั้งสองเรื่องครับ และต้องบอกว่าสนุกกันไปคนละแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด มุมมองเกี่ยวกับความรัก ตลอดจนภาษาที่ใช้ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะตัวละครนั้นอยู่กันคนละวัย อยู่กันคนละสังคม อย่าง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ก็เป็นเรื่องความรักของเด็กมัธยมต่างจังหวัด ดูใสซื่อๆ จริงใจ ขณะที่ กวน มึน โฮ ก็เป็นเรื่องของวัยรุ่นในเมือง เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างจะมีฐานะ เรียนปริญญา อยู่ในยุคทองของเกาหลีฟีเวอร์ ชีวิตส่วนหนึ่งผูกอยู่กับข้อมูลข่าวสารทางโลกไซเบอร์
อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนต่างจังหวัดก็ได้ครับที่ทำให้ผมค่อนข้างจะดู สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก แล้วมีอารมณ์ร่วม มีความสุขแบบอิ่มๆ มากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของบรรยากาศความเป็นต่างจังหวัดที่เห็นแล้วก็ชื่นใจไปกับความสวยงามแบบสงบ เรียบง่าย
แต่ถ้าถามถึงความเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดึงเอาอารมณ์ให้ต้องคิดและรู้สึกตาม ตัวละครมีการพัฒนาการในเรื่องของความคิด อารมณ์ ดูแล้วรู้สึกได้ถึงความผูกพัน ผมว่า กวน มึน โฮ สามารถทำและสื่อตรงนี้ออกมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากพระเอกของเราจุ๊บนางเอก
นอกจากนี้หนังยังทำให้เห็นด้วยว่าเด็กรุ่นใหม่ในบางสังคมมีพฤติกรรมความคิดอย่างไร เช่น กล้าพูด กล้าแสดงออกมากขึ้น ตลอดจนคำว่าไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ได้กลายเป็นคำสร้อยปกติของการพูดไปแล้ว ในขณะที่เมื่อ "ถึงเวลา" ที่จะต้อง "ตัดสินใจ" อะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าอารมณ์ความรู้สึกในห้วงเวลานั้นของพวกเขาและเธอจะมีอิทธิพลอยู่เยอะทีเดียว
มุกตลก เรื่องหนึ่งขำแบบฮาๆ ตามประสาเด็กๆ อีกเรื่องค่อนข้างจะออกแนวขำแบบกวนตีนๆ ใช้การแซว ประชดแดกดัน ซึ่งผมว่าคนที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจและตลกไปกับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก มากกว่า กวน มึน โฮ อันนี้วัดเอาจากปฏิกิริยาของแม่ผมนะครับ เพราะเห็นแกยิ้ม หัวเราะไปกับสิ่งเล็กๆ ได้ตลอดเรื่อง ทว่ากับเรื่อง กวน มึน โฮ แกกลับดูไม่จบ (ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก นั้นมีคุณตุ๊กกี้แสดงก็เป็นไปได้)
ตอนจบทั้งสองเรื่องใช้วิธีเล่นกับ "เวลาที่ผ่านไป" เหมือนกัน แต่โดยรวมผมว่า กวน มึน โฮ จบได้ค่อนข้างมีอะไรชวนให้น่าประทับใจและน่าคิดมากกว่า สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ซึ่งดูจะน้ำเน่าไปนิด
อย่างไรก็ตามประเด็นที่ผมถือว่าสำคัญไม่น้อยจากหนังทั้งสองเรื่องนี้ที่ชวนให้น่าชื่นใจก็คือการได้เห็นบุคลากรในแวดวงภาพยนตร์ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของคุณเต๋อ ที่นอกจากจะแสดงได้เป็นธรรมชาติแล้วเจ้าตัวยังยืนอยู่เบื้องหลังในฐานะของคนเขียนบทอีกต่างหาก
เช่นเดียวกับผู้กำกับมือใหม่แต่หน้าเก่าอย่างพี่เพชร พุฒิพงษ์ หรือ "เสนาเพชร" ที่หลายคนคุ้นหน้ากันดีจากรายการยุทธการขับเหงือก โดยจากผลงานชิ้นแรกที่ออกมาต้องบอกว่าสอบผ่านอย่างสวยงาม ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าพี่เพชรนี่แหละครับที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อีกคนหนึ่งของบ้านเราที่ในอนาคตคนดูหนังสามารถจะฝากความหวังและไว้วางใจได้ในเรื่องคุณภาพของงานที่จะออกมา
ยกตัวอย่างจากหนังสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก กับการวางบทให้กับคุณตุ๊กกี้ แสดงที่ต้องบอกว่าพอเหมาะ พอดี เด่นแต่ไม่โดดเด้ง เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่จับยัดเธอเข้ามาเพราะเธอกำลังดัง แล้วก็ปล่อยให้เธอทำตลกไปเรื่อยเปื่อย เลอะเทอะ เหมือนกับภาพยนตร์ตลกประเภทตีหัวเข้าบ้านหลายต่อหลายเรื่องที่เอาตลกมาเล่นมักจะทำกัน
ส่วนเรื่องของนางเอก ทั้งน้องหนูนา กับน้องใบเฟิร์น ผมว่าน่ารัก สดใส และแสดงได้อย่างสมวัยทั้งคู่
ซึ่งถ้าจะให้ตัดสิน ผมก็คงจะต้องร้องเพลงของคุณชาคริต แย้มนาม ที่ว่า...ไม่รู้จะเลือกใคร...ต่อด้วยเพลงของคุณทาทา ยัง ว่า...อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน...นั่นแหละครับ
เฮ้อ...เห็นผู้หญิงน่ารักๆ แล้วก็เศร้า ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งปี อย่างไรปีใหม่ปีนี้ก็ขอสักคนเถอะเจ้าประคุณ...
หนึ่งคือ "กวน มึน โฮ" จากค่ายจีทีเอช ผลงานการกำกับของคุณโต้ง บรรจง ปิสัญธนะกูล ที่กวาดรายได้ไปกว่า 135 ล้านบาท
เรื่องที่สองคือ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" ของค่ายสหมงคลฟิล์มฯ+เวิร์คพอยท์ฯ ฝีมือการกำกับของคุณวศิน ปกป้อง และคุณพุฒิพงศ์ พรหมสาขา ณ สกลนคร ซึ่งหนังเรื่องนี้ก็ทำรายได้ไปไม่น้อยเช่นกันกว่า 78 ล้านบาท
เล่าให้ฟังคร่าวๆ สำหรับใครที่ยังไม่ได้ชม..."กวน มึน โฮ" นั้นว่าด้วยเรื่องของหนุ่มไทยจอมกวนคนหนึ่ง (เต๋อ” ฉันทวิชช์ ธนะเสวี) ที่ซื้อทัวร์ไปเที่ยวเกาหลีเพราะแอบหวังว่าจะได้เจอกับแฟนที่ทิ้งเขาไปเนื่องจากเขาไม่พร้อมที่จะแต่งงานด้วย ก่อนที่เขาจะได้พบกับหญิงไทยคนหนึ่ง(หนูนา หนึ่งธิดา โสภณ) ที่โกหกแฟนในการมาที่เกาหลีก่อนอีกฝ่ายจะจับได้และบอกเลิกเธอข้ามประเทศกระทั่งได้ก่อเกิดเป็นความผูกพันอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยที่ทั้งสองต่างก็ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีชื่อเสียงเรียงนามจริงๆ ว่าอะไร
ในขณะที่ "สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก" นั้นพูดถึง "น้ำ" (ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์) เด็กสาวม.ต้นซึ่งซุกซ่อนความน่ารักไว้ในหน้าตาที่แสนขี้เหร่ที่หลงใหลรุ่นพี่ม.ปลายสุดเพอร์เฟ็กต์ "โชน" (มาริโอ้ เมาเร่อ) และพยายามที่จะทำทุกอย่างเพื่อให้พระเอกของเราหันมามอง โดยที่เธอไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายก็แอบปลื้มเธออยู่แต่ไม่สามารถแสดงออกได้กระทั่งถึงวันที่ทั้งสองต้องแยกย้ายไปทำตามเส้นทางของตัวเอง
ด้วยความเป็นภาพยนตร์ในแนวเดียวกัน หลังหนังทั้งสองเข้าฉายจึงทำให้มีบางส่วนอดไม่ได้ที่จะเอากวน มึน โฮ กับ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก มาเปรียบเทียบกันทำนองที่ว่าเรื่องไหนสนุกกว่า เรื่องไหนตลกกว่า เรื่องไหนชวนประทับใจ เรื่องไหนน่าดูกว่ากัน
รวมไปถึงที่ว่านางเอกระหว่างหนูนา ใบเฟิร์น ใครน่ารักกว่า ใครแสดงได้ดีกว่า
จากบทสรุปจากคนรอบข้างที่ว่าหนังทั้งสองเรื่องนี้สนุก น่าดู และนางเอกน่ารักนี่เองที่ทำให้ผมต้องเก็บเอาหนังทั้งสองเรื่องมาดูในคืนวันที่ 31 ธันวาคมที่ผ่านมาเพื่อเป็นการฉลองเทศกาลส่งท้ายปีเก่า 2553 ต้อนรับปีใหม่ 2554
ผลที่ออกมาก็คือเป็นการฉลองที่น่าประทับใจ และมีความสุขดีทีเดียวครับ
โดยรวมผมชอบทั้งสองเรื่องครับ และต้องบอกว่าสนุกกันไปคนละแบบ ไม่ว่าจะเป็นแนวคิด มุมมองเกี่ยวกับความรัก ตลอดจนภาษาที่ใช้ ซึ่งนั่นก็อาจจะเป็นเพราะตัวละครนั้นอยู่กันคนละวัย อยู่กันคนละสังคม อย่าง สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ก็เป็นเรื่องความรักของเด็กมัธยมต่างจังหวัด ดูใสซื่อๆ จริงใจ ขณะที่ กวน มึน โฮ ก็เป็นเรื่องของวัยรุ่นในเมือง เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างจะมีฐานะ เรียนปริญญา อยู่ในยุคทองของเกาหลีฟีเวอร์ ชีวิตส่วนหนึ่งผูกอยู่กับข้อมูลข่าวสารทางโลกไซเบอร์
อาจจะเป็นเพราะผมเป็นคนต่างจังหวัดก็ได้ครับที่ทำให้ผมค่อนข้างจะดู สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก แล้วมีอารมณ์ร่วม มีความสุขแบบอิ่มๆ มากกว่า โดยเฉพาะในส่วนของบรรยากาศความเป็นต่างจังหวัดที่เห็นแล้วก็ชื่นใจไปกับความสวยงามแบบสงบ เรียบง่าย
แต่ถ้าถามถึงความเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดึงเอาอารมณ์ให้ต้องคิดและรู้สึกตาม ตัวละครมีการพัฒนาการในเรื่องของความคิด อารมณ์ ดูแล้วรู้สึกได้ถึงความผูกพัน ผมว่า กวน มึน โฮ สามารถทำและสื่อตรงนี้ออกมาได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหลังจากพระเอกของเราจุ๊บนางเอก
นอกจากนี้หนังยังทำให้เห็นด้วยว่าเด็กรุ่นใหม่ในบางสังคมมีพฤติกรรมความคิดอย่างไร เช่น กล้าพูด กล้าแสดงออกมากขึ้น ตลอดจนคำว่าไอ้เหี้ย ไอ้สัตว์ได้กลายเป็นคำสร้อยปกติของการพูดไปแล้ว ในขณะที่เมื่อ "ถึงเวลา" ที่จะต้อง "ตัดสินใจ" อะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าอารมณ์ความรู้สึกในห้วงเวลานั้นของพวกเขาและเธอจะมีอิทธิพลอยู่เยอะทีเดียว
มุกตลก เรื่องหนึ่งขำแบบฮาๆ ตามประสาเด็กๆ อีกเรื่องค่อนข้างจะออกแนวขำแบบกวนตีนๆ ใช้การแซว ประชดแดกดัน ซึ่งผมว่าคนที่ค่อนข้างจะเป็นผู้ใหญ่น่าจะเข้าใจและตลกไปกับสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก มากกว่า กวน มึน โฮ อันนี้วัดเอาจากปฏิกิริยาของแม่ผมนะครับ เพราะเห็นแกยิ้ม หัวเราะไปกับสิ่งเล็กๆ ได้ตลอดเรื่อง ทว่ากับเรื่อง กวน มึน โฮ แกกลับดูไม่จบ (ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก นั้นมีคุณตุ๊กกี้แสดงก็เป็นไปได้)
ตอนจบทั้งสองเรื่องใช้วิธีเล่นกับ "เวลาที่ผ่านไป" เหมือนกัน แต่โดยรวมผมว่า กวน มึน โฮ จบได้ค่อนข้างมีอะไรชวนให้น่าประทับใจและน่าคิดมากกว่า สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก ซึ่งดูจะน้ำเน่าไปนิด
อย่างไรก็ตามประเด็นที่ผมถือว่าสำคัญไม่น้อยจากหนังทั้งสองเรื่องนี้ที่ชวนให้น่าชื่นใจก็คือการได้เห็นบุคลากรในแวดวงภาพยนตร์ที่น่าจับตาเป็นอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของคุณเต๋อ ที่นอกจากจะแสดงได้เป็นธรรมชาติแล้วเจ้าตัวยังยืนอยู่เบื้องหลังในฐานะของคนเขียนบทอีกต่างหาก
เช่นเดียวกับผู้กำกับมือใหม่แต่หน้าเก่าอย่างพี่เพชร พุฒิพงษ์ หรือ "เสนาเพชร" ที่หลายคนคุ้นหน้ากันดีจากรายการยุทธการขับเหงือก โดยจากผลงานชิ้นแรกที่ออกมาต้องบอกว่าสอบผ่านอย่างสวยงาม ซึ่งโดยส่วนตัวผมว่าพี่เพชรนี่แหละครับที่จะเป็นผู้กำกับภาพยนตร์อีกคนหนึ่งของบ้านเราที่ในอนาคตคนดูหนังสามารถจะฝากความหวังและไว้วางใจได้ในเรื่องคุณภาพของงานที่จะออกมา
ยกตัวอย่างจากหนังสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก กับการวางบทให้กับคุณตุ๊กกี้ แสดงที่ต้องบอกว่าพอเหมาะ พอดี เด่นแต่ไม่โดดเด้ง เปิดโอกาสให้เธอได้แสดงความสามารถอย่างแท้จริง ไม่ใช่จับยัดเธอเข้ามาเพราะเธอกำลังดัง แล้วก็ปล่อยให้เธอทำตลกไปเรื่อยเปื่อย เลอะเทอะ เหมือนกับภาพยนตร์ตลกประเภทตีหัวเข้าบ้านหลายต่อหลายเรื่องที่เอาตลกมาเล่นมักจะทำกัน
ส่วนเรื่องของนางเอก ทั้งน้องหนูนา กับน้องใบเฟิร์น ผมว่าน่ารัก สดใส และแสดงได้อย่างสมวัยทั้งคู่
ซึ่งถ้าจะให้ตัดสิน ผมก็คงจะต้องร้องเพลงของคุณชาคริต แย้มนาม ที่ว่า...ไม่รู้จะเลือกใคร...ต่อด้วยเพลงของคุณทาทา ยัง ว่า...อยากเก็บเธอไว้ทั้งสองคน...นั่นแหละครับ
เฮ้อ...เห็นผู้หญิงน่ารักๆ แล้วก็เศร้า ผ่านไปแล้วอีกหนึ่งปี อย่างไรปีใหม่ปีนี้ก็ขอสักคนเถอะเจ้าประคุณ...