“ชูศรี” ไม่รู้คืบหน้าคดี “นก เชิญยิ้ม” โยนให้เป็นหน้าที่ทนายจัดการ เชื่อคงไม่ร้ายแรงถึงขั้นโดนประหารชีวิต เพราะไม่ได้ซื้อยาไอซ์มาขาย เห็นด้วยอดีตภรรยาจะไปบวชชี แต่ไล่ให้ไปบำบัดอาการติดยาก่อน หวั่นทำศาสนาเสื่อม วอนสังคมให้โอกาสอย่าซ้ำเติม ลั่นสงสารลูกโดนด่าไปด้วย ตั้งใจรับมาอยู่ด้วยกัน แนะให้ปลอบแม่หวั่นคิดสั้น บอกถ้าทำอีกเป็นครั้งที่ 3 ลูกสาวอาจทำประชดติดยากว่าหรือไม่ก็ฆ่าตัวตาย
หลังหาเงินมาช่วยประกันตัวอดีตภรรยา “นก วนิดา แสงสุข” หรือ “นก เชิญยิ้ม” ที่ถูกจับเกี่ยวกับเรื่องยาเสพติดเป็นครั้งที่ 2 และต้องไปนอนในคุกอยู่ 2 คืนไม่ได้ แต่ตลกติดยายังโชคดีที่ได้รุ่นน้องตลกอย่าง “กระรอก เชิญยิ้ม” ช่วยนำเงิน 1 ล้านบาทมาประกันตัว จากนั้นเจ้าตัวได้ประกาศจะหันหน้าพึ่งธรรมะไปบวชชีแทน ซึ่งความคืบหน้าในเรื่องของคดี อดีตสามีอย่าง “ชูศรี เชิญยิ้ม” เผยว่าไม่ทราบเรื่องอะไรเลย เนื่องจากไม่ค่อยได้พูดคุยกับอดีตภรรยา บอกสาเหตุที่ครั้งนี้ไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือมาก เพราะหมดปัญญา ทำได้แค่ช่วยหาทนาย และปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย
“ความคืบหน้าเรื่องคดีของคุณนก ไม่ทราบเลยครับว่าเป็นอย่างไรเพราะไม่ได้ติดต่อ เราเองก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขามากมาย เขาแค่บอกว่าขออยู่กับลูก ครั้งนี้ไม่ค่อยได้ยื่นมือไปช่วยเหลือเขาเหมือนครั้งก่อน ถ้าเขามาขอความช่วยเหลือ เราจะไปช่วยอะไรเขาได้ เราไม่ใช่เทวดา"
"แต่ถ้าเป็นเรื่องเงินเรื่องทองเราก็พอให้ยืมกันได้พันสองพัน แล้วแต่เวรกรรมใครทำอะไรก็ได้อย่างนั้น แต่ลูกก็ยังอยากให้ผมช่วยอดีตภรรยา บอกตรงๆว่าคงต้องปล่อยให้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมาย เพราะเราเป็นคนไทยต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย แล้วแต่ศาลท่านพิจารณาแล้วกัน แล้วแต่วิบากรรมของเขา ช่วยอะไรไม่ได้มาก”
“เราช่วยได้ทางเดียวคือจัดหาทนายให้ อย่างอื่นก็ช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ถือว่าเขาเป็นแม่ของลูกที่ช่วยได้ก็แค่เรื่องนี้จริงๆ เพราะเรารู้จักทนายที่เป็นรุ่นน้อง ก็บอกให้ช่วยนกมันหน่อย แล้วก็ให้เขาโทรคุยกันเอง สรุปเรื่องความคืบหน้าเรื่องคดีเราไม่รู้เลย ใครประกันอะไรยังไงก็ไม่รู้ ให้ทนายเป็นคนจัดการ เบื้องต้นเห็นทางทนายบอกว่าให้ขึ้นอยู่กับศาล"
"ตั้งแต่เกิดเรื่องเราก็ไม่ได้ไปเยี่ยมอะไร ไม่ได้เจอกันเลย เขาคงไม่กล้าเจอผม ซึ่งแนวโน้มเรื่องคดีถ้าหากเป็นคดีนำเข้ามันร้ายแรงมาก ถึงขั้นประหาร แต่ทีนี้นกไม่ได้ค้าขาย อีกอย่างมารู้ทีหลังว่าเขาโดนจับฝั่งไทย และยาเขาไม่ได้ซื้อที่เขมร ผมว่าเขาคงไม่ได้หาซื้อจากเขมรหรอก ไม่งั้นหนักกว่านี้แน่”
เห็นด้วยอดีตภรรยาจะไปบวชชี แต่แนะควรไปบำบัดรักษาอาการติดยาก่อน หวั่นทำศาสนาเสื่อม พร้อมเปรยเข้าใจ “เอ็กแซ็กท์” ที่ตัดหาง “นก” วอนสังคมให้โอกาสและให้อภัยอีกฝ่าย
“เรื่องไปบวชชีอันนี้ผมไม่รู้เหมือนกัน แต่อยากจะบอกคุณนกว่า อย่าเพิ่งไปบวชเลยครับไปอดยาก่อน ไปรับการบำบัดก่อนดีกว่า ไม่ใช่ไม่เห็นด้วยนะ ผมเห็นด้วย แต่ผมว่าเขาต้องไปรักษาตัวเองก่อนที่จะไปบวช คือเราก็ไม่รู้ว่าเขาติดมากหรือน้อย แต่คิดว่าน่าจะติด พูดไปก็สงสารลูกมากกว่ากลัวทำร้ายจิตใจลูก คือผมเคยให้สัมภาษณ์ไปแล้วแต่ก็ติดตลกๆไปว่า ไปบำบัดก่อนดีกว่า เดี๋ยวชีก็ติดกันทั้งวัด ซึ่งมันติดตลกเท่านั้น"
"ความจริงมันต้องไปอดก่อนให้มันหาย จิตใจเราจะได้สะอาด ไม่ใช่ระหว่างที่เราติดแล้วไปบวช มันทำให้ฟุ้งซ่าน บางครั้งพระเสพยาบ้าในวัดทำศาสนาเสื่อม ผมกลัวว่าเขายังไม่เลิก ยังทำใจไม่ได้ เดี๋ยวเกิดมีเด็กวัดมาขายอีก เดี๋ยวจะพากันไปใหญ่คราวนี้หนักเลยพาศาสนาเขาเสื่อม ถามว่านกมีความตั้งใจจะเลิกไหม ผมว่านกคงน่าจะเลิกนะ เพราะถึงขั้นนี้แล้ว”
“ส่วนเรื่องงานกับทางเอ็กแซ็กท์อันนี้ผมเข้าใจ เขาก็ต้องตัดหางเป็นเรื่องธรรมดา ก็แล้วแต่คนทั้งประเทศทั้งสังคม มันความรู้สึกเดียวกันว่าจะให้โอกาสเขาไหม คือของแบบนี้มันไม่ต้องพูดอะไรกันมาก เพราะโตๆกันแล้ว เข้าใจกันอยู่ทั้งประเทศว่ามันเป็นยังไง มันเป็นไปตามอัตโนมัติ ต้องบอกเลยว่าอันนี้แล้วแต่สังคมเลยครับ แล้วแต่คนไทยทั้งประเทศจะให้ยังไงหรือคิดยังไง"
"และก็ไม่ได้เกี่ยวกับนกคนเดียว คนที่ติดยามากกว่านกร้ายแรงกว่านกอาจจะมีก็ได้ แต่ในเมื่อเขาพลาดไปแล้วก็ให้อภัยเขาเถอะครับ อย่าไปย่ำยีเขาเลย อย่าไปซ้ำเติมเขา สำหรับผมถ้าเขาออกมาจากการบวชชี ก็คงจะติดต่อทางนายกสมาคมตลกคือพี่ถั่วแระ เห็นเขามีร้านก๋วยเตี๋ยว เดี๋ยวให้ไปล้างจานก็ได้มั้ง(หัวเราะ) ก็แล้วแต่วาสนา ไม่รู้จะรับปากยังไง เราก็ไม่กล้ารับปาก รับปากไปถ้าเขาทำอีกก็เสียเราอีก”
เผยไม่รู้สึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ห่วงลูกสาวมากที่สุด หวั่นโดนกระแสสังคมรังเกียจไปด้วย ตั้งใจหาก “นก เชิญยิ้ม” ต้องติดคุกจริงๆ จะไปรับลูกสาว “น้องบูม” มาอยู่ด้วยกัน
“ความจริงผมเองก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมากมาย แต่ผมสงสารลูกเพราะลูกกำลังเริ่มจะเป็นสาว กลัวเขาจะเตลิดเปิดเปิง เราเองก็พยายามคุยกับลูก ติดต่อลูกทุกวัน เขาอยู่กับยายเขา แต่เสาร์อาทิตย์จะมาอยู่กับผมและภรรยาใหม่ของผม ถ้านกต้องคดีขึ้นมาจริงๆผมก็ต้องรับเลี้ยงส่งเสียลูกเองมันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว"
"ซึ่งทางครอบครัวใหม่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เขาเป็นคนดี แต่บางครั้งเราจะออกหน้าออกตามากกว่านี้ เราเองก็แคร์ความรู้สึกเขานะ ไม่รู้ว่าในใจเขาจะคิดอะไรบ้างเราก็เดาไม่ออก แต่ในความรู้สึกแฟนผมคนนี้เป็นคนดี รักน้องบูมลูกสาวผมมาก เขาก็สงสารนกนะและก็สงสารแม่ของนกด้วย อยากให้ทั้งบูมและยายมาอยู่ด้วยกัน”
“แต่จะให้มาอยู่ที่บ้านโรงเรียนมันก็ไกลมาก รอให้เรียนจบม.6 ก่อน จะรับมาอยู่ใกล้ๆ ผมเองก็พยายามปลอบลูกสาวว่าอย่าไปเครียด คนไทยให้อภัยน้องบูมอยู่แล้ว คนไหนทำผิดทำเวรทำกรรม คนละร่างคนละวิญญาณเขาอาจจะไม่ได้ซ้ำเติมบูมก็ได้ ไม่ต้องเครียดไม่ต้องไปอะไร ปล่อยไปตามเวรตามวิบากกรรมของแม่เขา"
"คือเขารู้ว่ามีคนว่าเขาว่าแม่จากในอินเทอร์เน็ต เขาพูดกับผมว่า พ่อมีแต่คนด่ากันมากเลย เราก็บอกว่ามันธรรมดายังไงแม่ก็ต้องโดนอยู่แล้ว เพราะมันเป็นครั้งที่สอง อย่าไปคิดไปเครียดอย่าไปสนใจ คนไทยไม่ใช่คนใจดำเดี๋ยวเขาก็ลืมแล้ว คือเขาอาจจะรักแม่มากสงสารแม่ครั้งที่แล้ว และแม่ไปทำครั้งที่สองอีก เขาก็อาจจะมีโมโหนิดหน่อย แต่คนไทยไม่ใจดำหรอก”
“ผมก็พยายามคุยกับลูกว่า ให้คุยกับแม่มากๆ อย่าไปว่าอะไรแม่มากมาย ให้กำลังใจแม่เยอะๆ เพราะเราก็กลัวเขาคิดสั้นเหมือนกัน แต่คิดว่าเขาคงไม่ทำหรอก คนเราทำผิดก็กลับตัวใหม่อีกสักครั้งคงไม่เป็นไรหรอก คิดว่าทำเพื่อลูก อย่าไปคิดฆ่าตัวตายเลย รู้ว่าพลาดก็สู้ใหม่ รู้ว่าแพ้ก็พยายามสู้อีก ชีวิตคนเรามันไม่แน่นอน อาจจะดีกว่าเก่า หรืออาจจะเลวร้ายกว่าเก่า คิดว่าครั้งหน้าก็คงจะดีนะ”
ตลกชื่อดังกล่าวต่อว่า อดีตภรรยาลั่นวาจาไม่ขอสาบานอีกเป็นครั้งที่ 2 บอกถ้ามีอีกเป็นครั้งที่ 3 ลูกสาวอาจประชดด้วยการติดยาหรือฆ่าตัวตาย
“พอเกิดเรื่องนี้ขึ้นนกก็บอกเองว่า ครั้งต่อไปหนูไม่ขอสาบานนะพี่ หนูขอพูดกับพี่แค่นี้แหละ เขาก็น่าจะพอแล้ว ถ้าหากมีครั้งที่ 3 อีก ลูกคงตายแน่ มันฆ่าตัวตายแน่ หรือไม่อาจจะหนักด้วย เพราะลูกเคยพูดไว้แล้ว บอกถ้าแม่เป็นอีก มันจะติดให้หนักกว่าแม่อีก แต่ผมว่าลูกพูดประชดมากกว่า เขาไม่มีนิสัยอย่างนั้นหรอก เขาเป็นเด็กดี”