“เข็ม” ประกาศไม่ไปงานแต่ง “หนุ่ม-เมย์” เพราะไม่อยากให้เป็นประเด็น และก็ไม่คิดจะแต่งงานอีกแล้ว ถ้าพอใจก็อยู่ด้วยกันเลย จวกหนุ่มที่เล่นโฆษณาล้อเลียน ฉะไร้สามัญสำนึกทั้งทีมงานและคนแสดง เผยก่อนรับงานหนุ่มโทรมาบอกห้ามไม่ให้เล่นก็ไม่ฟัง แต่วันนี้จะมาขอโทษผ่านสื่อ ซัดถ้าไม่โดนด่าจะขอโทษไหม บอกคราวนี้ไม่ฟ้อง แต่ถ้ามีอีกต่อไปไม่แน่
หลังจากเปิดศึกกันเมื่อหลายปีก่อนจนกลายเป็นรักสามเส้าระหว่าง เมย์ เฟื่องอารมณ์ , หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย และ เข็ม กฤตธีรา อินพรวิจิตร จนโด่งดังไปทั่วประเทศ ล่าสุดหนุ่มก็ดันจุดชนวนความบาดหมางขึ้นมาอีกโดยการรับเป็นพรีเซ็นเตอร์สียี่ห้อหนึ่ง เล่นโฆษณาล้อเลียนรักสามเส้าดังกล่าว ซ้ำเข็มเองก็ยังพูดทีเล่นทีจริงทำนองที่ว่า จะแต่งงานวันเดียวกับหนุ่ม-เมย์ ทำเอาหนุ่มออกมาแซวกลับว่า “มีเจ้าบ่าวจริงหรือเปล่า” ศึกน้ำลายก็เลยระอุอีกครั้ง โดยเข็มได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าวในงาน ZEN JEWELRY OF LOVE 2010 ที่ห้างสรรพสินค้าเซนว่า....
“อันนี้ต้องอธิบายกันยาวเลยนะคะ เรื่องที่เข็มพูดเรื่องแต่งงาน จริงๆ แล้ววันนั้นเข็มไปงาน แล้วน้องคริส หอวัง เขามาเป็นตัวแทนของรายการราตรี สโมสรมาสัมภาษณ์นอกสถานที่ ซึ่งเข็มอยู่ในงานนั้น ทีนี้ทีมงานเขาก็จะบรีฟน้องคริสว่า ให้แซวพิธีกรหน่อย แล้วทีนี้เข็มบอกไม่ต้องๆ เข็มพูดเอง เพราะเดี๋ยวฟังแล้วมันจะดูไม่ดีก็เลยแซวเรื่องแต่งงานขึ้นมา คือมันเป็นคำที่คุณหนุ่มเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่าจะบอกวันที่ 14 จะแต่งงานก็เลยแซวไป แต่ปรากฏว่าเข็มคิดว่าทางสตูฯเขาคงอัดคนละเวลาแล้วโยนข้ามน่ะค่ะ เวลาที่เข็มแซวกลับไป ปรากฏว่าเขาเข้าไปรับ เขาก็เหมือนกับงงๆ มันเลยไปกันใหญ่ ถ้าสมมติว่าเขาได้ดูเทปแล้วเขารับกลับ จะรู้ว่าเข็มน่ะแซวคุณหนุ่ม ไม่เกี่ยวกับเข็มเลย เข็มไม่แต่ง(หัวเราะ)”
“เรื่องแต่งงานไม่มีวี่แววหรอกค่ะ แต่ถึงมีก็ไม่แต่งแล้ว หนีตามเลยค่ะไม่แต่งแล้ว เบื่อแล้วอยู่ด้วยกันเลยค่ะ ถ้าเกิดว่าฝ่ายผู้ใหญ่โอเค พ่อแม่โอเค หรือว่าผู้ชายโอเคเข็มว่าเข็มไม่แต่งแล้ว ตอนนี้ก็เรื่อยๆ ค่ะ แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ ไม่รู้จะมีงานแต่งในชีวิตอีกหรือเปล่านะ แต่ถ้าเกิดมีก็คงเงียบๆ แบบว่าพอเพียงไง ก็อาจจะมีนิดๆ หน่อยๆ ทำพอเป็นพิธี แต่ว่าตอนนี้ยังไม่มีจริงๆ ค่ะ ต้องตอบเลยว่ายังไม่มี โสดค่ะ โสดๆ ๆ(เสียงสูง) แล้วก็ถ้าคุณหนุ่มจะเชิญไปงานแต่ง คำถามนี้สุดท้ายว่าจะไม่ตอบแล้ว เข็มไม่ไปค่ะ คงไม่ไป พูดจริงๆ เพราะว่าหนึ่งเลยมันจะกลายเป็นประเด็นอีก ขนาดเราแซวเขายังเป็นประเด็นเลย”
พร้อมเผยว่าโกรธฝ่ายชายมากที่ตัดสินใจโฆษณาสินค้าชิ้นนั้น เพราะเรื่องจบไปนานแล้ว และทุกฝ่ายก็สมานฉันท์กันนานแล้ว แต่ก็ยังเอาเรื่องนี้มารื้อฟื้น
“แล้วก็เรื่องโฆษณาที่คุณหนุ่มเขากลัวเข็มจะโกรธนะคะ ไม่ต้องกลัวเลยค่ะ เพราะโกรธค่ะ แล้วก็จะบอกว่าสินค้าอื่นมีซื้อสินค้าอื่นเถอะค่ะ เพราะเข็มมีความรู้สึกว่าคนที่ทำงานนี้ทั้งหมดบกพร่องทางจิตสำนึกนะ เรื่องมันจบไปแล้ว และเข็มมีความรู้สึกว่า ตอนอัดรายการด้วยกันมันสมานฉันท์กันไปแล้ว เอากลับมาอีกทำไม แล้วทำให้เข็มรู้สึกว่ามันไม่เหมาะ คือมันเหมือนกับจบไปแล้ว แล้วมันกลายเป็นเรื่องจากคนสามคนกลายเป็นคนสองคนไปแล้ว แล้วเราก็หลุดมาแล้วก็อยากให้มันจบ มันเหมือนกลับไปดึงเรื่องอะไรมาเล่นอีกก็ไม่รู้ เข็มว่ามันน่าเบื่อ”
“แต่ตอนจะถ่ายเขาโทรมาหาเข็มนะคะ เข็มก็แสดงความไม่ค่อยพอใจว่าจะไปรื้อฟื้นทำไม แต่ว่าตอนถ่ายไปแล้วกลับไม่กล้าโทรมาขอโทษ เขาไม่เคยขออนุญาตค่ะ คือโทรมาบอก เราก็ติติงไปว่ามันจะดีเหรอจะทำทำไม แต่ก็ยังทำอยู่ ก็ไม่ต้องขอโทษค่ะ เอาเป็นว่าต่างคนต่างอยู่เหมือนกัน แต่ที่เขาฝากขอโทษมานี่เพราะเขาโดนว่าไง ถ้าไม่โดนว่าก็จะไม่ขอโทษ ฝากขอโทษผ่านสื่อมันดูดีไง แต่จริงๆ เขารู้อยู่แล้วว่าเข็มต้องไม่พอใจ”
“แต่ช่วงที่เขาโทรมาบอกเข็มตอนแรกน่ะ เป็นช่วงที่เพิ่งอัดรายการด้วยกันไป ก็โทรมาคุยว่าเขาจะมีรายการ จะมีโน่นมีนี่ แล้วเขาก็บอกว่าจะมีถ่ายโฆษณาตัวนี้ ก็โมโหไปแล้วนะตอนนั้นบอกว่าทำทำไม แล้วก็ไม่มีรายละเอียดอะไรให้รู้เลย เขาไม่ได้บอกว่าเป็นขนาดนี้ด้วย ขนาดตอนที่เขาบอกตอนแรกเข็มยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจ ยิ่งพอมันออกมามันดู อุ๊ย แรงนะ”
บอกอยากให้โฆษณาชิ้นนี้เป็นชิ้นสุดท้ายที่จะต้องเกี่ยวเนื่องกันอีก เพราะคนรอบข้างส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครชอบโฆษณาชิ้นนี้ พร้อมบอกว่าครั้งนี้ตนจะไม่ฟ้อง แต่ถ้ามีครั้งหน้าไม่แน่
“ถ้าจะให้ขอก็ขอให้โฆษณาตัวนี้เป็นตัวสุดท้าย หรือจะต้องเป็นเรื่องสุดท้ายที่จะต้องออกจากปากคนใดคนหนึ่ง พอเหอะ จบไปแล้วและมันสมานฉันท์ไปแล้ว มันเสียความรู้สึกน่ะค่ะ แต่ถ้ามีอีกเข็มก็คงต้องดูไปเป็นเรื่องๆ ค่ะ แต่เข็มว่ามันต้องใช้จิตสำนึกนิดนึงนะว่าควรไม่ควร”
“คนรอบข้างเขาไม่มีมาแซวเข็มนะ แต่เขาจะมีอารมณ์ร่วม ส่วนใหญ่เลยนะคะที่ได้ดู สมมติ 10 คน 90% จะแสดงความไม่ค่อยพอใจ ไม่ใช่ว่าเขาขอโทษแล้วเราไม่ให้อภัยนะ มันไม่เกี่ยว เอาเป็นว่าขอเป็นเรื่องสุดท้ายที่จะต้องมาพูดพาดพิงถึง พูดตรงๆ ไอ้เรื่องมินิเนี่ยมัน 3-4 ปีแล้ว มันผ่านการให้อภัยกันไปหลายรอบแล้ว ขี้เกียจมานั่งโกรธแล้ว แก่แล้วเนี่ย(หัวเราะ)”
“ส่วนของผลิตภัณฑ์ตัวนี้ ก็คือการโฆษณามันคือการครีเอทีฟ เข็มว่ามันอยู่ที่เจ้าของผลิตภัณฑ์ด้วยที่เขาจะมองเรื่องเล่านี้เป็นเรื่องตลก แต่ว่าจริงๆ แล้วมันไม่ตลก คือมันเป็นเรื่องของคนๆ หนึ่งที่ถูกทำร้าย และมันเป็นเรื่องของจิตใจ มันเป็นเรื่องของสิทธิมนุษยชน แล้วมันก็เหมือนกับเอาเรื่องของเขามาล้อเลียนอีก คือการล้อเลียนมันต้องมีศิลปะในการล้อเลียน การล้อเลียนคือการล้อ แต่อย่าเอาสิ่งที่ตัวเองกระทำต่อคนอื่นมาล้ออีก ยังไงมันก็ผิด”