“เอ ศุภชัย” เผย "ป๋อ" มีแนวโน้มเป็นนักแสดงอิสระ พร้อมโต้ข่าวเป็นนกสองหัวเข้าได้ทั้งช่อง 3 ช่อง 7

“เอ” ลั่นไม่ใช่นกสองหัวที่เข้าได้กับทั้งช่อง 3 และช่อง 7 เผยทำมาหากินได้ทุกที่ ยันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจะย้ายหรือไม่ย้ายช่องของ “ป๋อ” แต่ถ้าย้ายจริงก็จะตามไปดูแลเหมือนเดิม โต้ข่าวบาดหมาง “สุรางค์ เปรมปรีดิ์” เจ้าแม่ช่อง 7

กำลังเป็นเรื่องที่ถูกจับตามองเป็นอย่างมาก สำหรับเรื่องที่พระเอกลูกหม้ออย่าง “ป๋อ ณัฐวุฒิ สะกิดใจ” มีข่าวว่าเตรียมย้ายสังกัดจากช่อง 7 ไปอยู่ช่อง 3 ซึ่งป๋อก็ได้ออกมาเปิดใจแล้วว่า กำลังอยู่ในช่วงตัดสินใจว่าเซ็นสัญญากับช่อง 7 ต่อหรือไม่ ทางด้าน “เอ ศุภชัย ศรีวิจิตร” ผู้จัดการส่วนตัวของป๋อที่โดนหางเลขว่าเป็นคนดึงป๋อไปอยู่ช่อง 3 ก็รีบออกมาปฏิเสธทันควันเช่นกันว่า ทุกอย่างอยู่ที่กันตัดสินใจของป๋อไม่เกี่ยวกับตนเอง

“เรื่องป๋ออันนี้คือเป็นการตัดสินใจของป๋อเองนะครับ ก็ต้องเรียนตามตรงเลยว่าเอไม่ได้เข้าไปดูแลในส่วนละครของป๋อ แต่จากการพูดคุยกันก็เหมือนที่ป๋อพูดว่าสัญญาตอนนี้ยังเหลือกับช่อง 7 อีกประมาณครึ่งปี ซึ่งป๋อขอเวลาตัดสินใจ แต่จากการที่ได้พูดคุยกันบ้าง คือเราก็เข้าไปคุยกับเขา คือเอเข้าไปอยู่ในชีวิตของป๋อแค่ป๋อเป็นนักแสดง ไม่ได้อยู่ตลอดชีวิตของเขา ฉะนั้นเอก็บอกป๋อว่าเป็นการตัดสินใจและการเลือกของป๋อว่า ป๋อจะเอายังไงกับชีวิตต่อ”

“คือถ้าเราเข้าไปตัดสินใจหรือเกี่ยวข้อง ถ้าเป็นการตัดสินใจถูกมันก็ดีไป แต่ถ้าเป็นการตัดสินใจที่ผิด แล้วอีกหนึ่งชีวิตของเขาทั้งชีวิตล่ะ ซึ่งเราก็ไม่ได้อยู่กับเขาไปตลอดทั้งชีวิต เอก็เลยให้เขาเป็นคนเลือก แต่จากการที่ได้เข้าไปพูดคุยกันบ้าง รู้สึกว่าเขาก็โตขึ้น แล้วก็อยู่รับใช้ช่อง 7 มาแล้วเป็นจำนวนสิบปี เขาก็มีความรู้สึกว่าเขาอยากได้สิ่งอะไรใหม่ๆ ขึ้นมาบ้าง แต่เขายังไม่ได้ตัดสินใจว่าสิ่งใหม่ๆ ที่เขาพูดถึงหมายถึงอะไร ซึ่งอยากให้ทุกคนติดตามกันต่อไปว่าป๋อจะตัดสินใจยังไง”

“แต่ผู้ใหญ่ทางช่อง 3 ยังไม่มีใครติดต่อผ่านเอมานะครับ ก็บอกทุกคนเลยว่าจริงๆ แล้วละครทางช่อง 7 จะเป็นคนดูแล เอจะเป็นคนดูแลเรื่องโฆษณา เพราะฉะนั้นถ้าละครทุกอย่างพูดได้อย่างเต็มตัวว่า ตอนนี้ป๋อยังเป็นเด็กสังกัดช่อง 7 เพราะฉะนั้นถ้าใครจะติดต่อเรื่องละคร คนที่จะตอบได้ดีที่สุดก็คือป๋อ”

เผยว่าแนวโน้มที่จะไปอาจจะเป็นไปได้สูงก็ต่อเมื่อ “ป๋อ” กลายเป็นนักแสดงอิสระหรือหมดสัญญากับช่อง 7 ไปแล้วมากกว่า และบอกว่าพระเอกหนุ่มไม่ได้เครียดกับเรื่องนี้ แต่แค่ขอเวลาตัดสินใจเท่านั้น
“เราก็ไม่สามารถจะตอบได้นะว่ามีแนมโน้มหรือเปล่า เพราะว่าอันนี้มันเหมือนเส้นด้าย คือถ้าตอบผิดปุ๊บเส้นด้ายก็ขาด เพราะฉะนั้นคำถามนี้เอไม่สามารถจะตอบได้ อยู่ที่การตัดสินใจของป๋อ แต่โอกาสที่จะเป็นไปได้ คือโอกาสที่จะเป็นอิสระมีโอกาสเป็นไปได้สูง อันนี้คือในความรู้สึกเอนะ แต่ในความรู้สึกป๋อเอไม่ทราบ เพราะเอไม่สามารถไปบังคับให้ป๋อเลือกอะไรได้ เพราะว่าเอกับเขาคุยกันแล้วว่า เหมือนกับเกิดเราตายก่อนป๋อขึ้นมาล่ะ แล้วป๋อไม่แช่งเราเหรอถ้าเราตัดสินใจผิดแทนป๋อ เพราะฉะนั้นเอเลยบอกว่าทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับป๋อเป็นคนตัดสินใจ”

“ป๋อเขาก็ไม่เครียดเลยครับ ช่วงนี้ก็ทำงาน จะเครียดก็ที่ว่าป๋อจะคุยกับนักข่าวเหมือนพี่น้องมากที่สุด และบางครั้งบางคำถามยังตอบไม่ได้แบบชัดเจน ยังคลุมเครืออยู่ก็อาจจะเครียดเรื่องนั้นมากกว่า แต่อาจจะให้เวลาที่เหลืออยู่กับช่อง 7 เป็นเวลาที่ทำให้เขาได้ตัดสินใจครับ”

เผยถึงกระแสข่าวที่ว่าทะเลาะและมีปัญหากับ “คุณแดง สุรางค์ เปรมปรีดิ์” นั้นไม่เป็นความจริง เพราะเพิ่งพานางเอกสาวน้องใหม่ “ฉัตร ปริยฉัตร ลิ้มธรรมมหิศร” เข้าไปสวัสดี และเซ็นสัญญายาว 7 ปี กลายเป็นเด็กใหม่ของช่องเป็นที่เรียบร้อย
“เรื่องที่ว่าคุณแดงไม่พอใจ อันนี้ขอปฏิเสธเลยนะครับ เพราะว่าเพิ่งไปเจอคุณแดงมา คุณแดงท่านเมตตามาก ก็คือเอาน้องฉัตรนางเอกใหม่ของเอไปสวัสดีคุณแดง แล้วคุณแดงก็บอกว่าเอพี่เห็นแล้วพี่ชอบ พี่ขอเซ็นสัญญา 7 ปีได้มั้ย เอก็บอกยกให้เลยค่ะคุณแม่ ก็เลยเลือกน้องฉัตรให้คุณแดงไปเป็นเด็กในสังกัดช่อง 7 แล้วตอนนี้ เพิ่งเซ็นไปสดๆ ร้อนๆ นี่เลย”

“ไม่มีบาดหมางกันเลยครับ เมื่อกี้ก่อนมาก็เพิ่งเข้าไปคุยกับคุณแดงว่า ถ้าจะทำละคร แล้วก็ลักษณะละครต่างๆ นานาจะเอาแบบไหนดีที่เข้ากับช่อง 7 เพราะช่วงเวลาที่เอหายไป ก็พูดตรงๆ ว่าไปทำละครที่เกาหลี ละคร ใต้ฟ้า...ตะวันเดียว เลยทำให้รู้สึกว่าความโดดเด่นในการเป็นผู้จัดการดาราของเราน้อยลง แต่ตอนนี้เอกลับมาแล้ว ก็ขึ้นไปช่อง 7 เลย บุกเลย เพราะทุกคนก็บอกว่าคุณแดงโกรธเราต่างๆ นานา ก็ทำให้ทุกคนเห็นเลยว่านี่หรือครับโกรธ แต่ก็ต้องขอขอบคุณความเมตตาคุณแดงที่ยังเอื้อกรุณาเราอยู่ตลอด คือเราพาใครไปสวัสดี คนอื่นเขาอาจจะเหนื่อยกว่าจะได้เป็นนางเอก แต่สำหรับเอคุณแดงเขาก็บอกว่ารับขอ 7 ปีนะเอ”

“ก็ได้คุยเรื่องป๋อเหมือนกับที่คุยกับน้องๆ นักข่าวทุกคน ก็คุยกับคุณแดงว่ามันเป็นการตัดสินใจของป๋อ เอไม่มีสิทธิเข้าไปมีส่วนร่วม และคุณแดงท่านก็ทราบว่าเอจะดูแลป๋อตอนห้าปีแรกในเรื่องละคร และหลังจากนั้นช่อง 7 จะเป็นคนดูแล คุณแดงก็เข้าใจตรงจุดนี้ว่าคนที่ตัดสินใจก็คือป๋อ แต่คุณแดงก็อยากทำงานที่มันต่อเนื่อง คือทุกอย่างคุณแดงแกก็ต้องตัดสินใจ เพราะว่าแกก็ถือว่าเป็นแม่ทัพของช่อง 7”

ยอมรับว่าหลายช่องชวนให้ตนไปเป็นผู้จัดละครให้ แต่ตนยังไม่พร้อมและไม่อยากไปทับเส้นคนอื่น ขอทำหน้าที่ส่วนที่อยู่กับช่อง 9 ให้ดีที่สุดก่อน
“เรื่องถ้าเอาจะเป็นผู้จัดละคร ถ้าพูดจริงๆ โอกาสมันก็วิ่งเข้ามาหลายทางนะครับ ทั้งช่อง 3, 5, 7, 9 ทุกอย่าง แต่เอต้องขอยืนยันตรงนี้ก่อนว่าตอนนี้ขอทำช่อง 9 ให้ดีที่สุดก่อน แต่วันหนึ่งอนาคตอันไกลเราก็ไม่รู้ เหมือนกับว่าทุกคนก็อยากให้เราทำ ทุกคนต้องการน้องๆ ในสังกัดเราไปเป็นเด็กในสังกัด ก็เหมือนกับที่ทุกคนต้องการฝีมือ บางทีเราก็ว่าลายเส้นที่เราวาดมันยังไม่สวยงามพอที่จะวาดขึ้นแผ่นป้ายที่ขึ้นว่า 7 กับ 3 แต่ไม่ใช่ว่าช่อง 9 ที่เราวาดไม่สวยนะ แต่มันอาจจะไม่เหมาะกับบางที่ ก็เลยอยากทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ตอนนี้ก็ยังเป็นผู้ช่วยน้องกึ้ง(เฉลิมชัย มหากิจศิริ) อยู่กับช่อง 9 ที่เดียวเท่านั้น ยังไม่ทำให้กับที่ไหนครับ”

“แต่ไม่เคยคุยเรื่องจะทำละครกับคุณแดงเลยครับ เพราะเรารู้สึกว่าเราเหมือนอยู่ช่อง 7 ในความรู้สึกคุณแดงเป็นเหมือนเจ้านายใหญ่ แล้วเราเป็นลูกน้องคนเล็กๆ ถ้าเรารู้สึกว่าเราริอ่านที่จะไปทำละคร แล้วพื้นที่ของคนอื่นล่ะ พื้นที่ของพี่หลุยส์(สยาม สังวริบุตร) พื้นที่ของพี่ลอร์ด(สยม สังวริบุตร) พื้นที่ของทุกๆ คนที่อยู่ในช่อง 7 มันก็โดนแบ่งโดยเรา โดยที่เรารู้สึกว่าตัวเราเองมีวิถีทางทำมาหากินได้หลายอย่าง นอกจากการเป็นผู้ช่วยแล้ว เรายังทำมาหากินโดยการเป็นผู้จัดการดารา เดินแฟชั่นโชว์บ้าง ก็เลยอยากจะบอกว่าจุดนั้นคงยังไม่ใช่จุดที่เอจะเข้าไปขอคุณแดงครับ หน้าที่ของเราคือเป็นผู้จัดการดาราที่ดีที่สุดในช่อง 7 แล้วเอก็จะทำให้คุณแดงเห็นว่าเอก็ทำได้เหมือนเดิม”

พร้อมโต้ว่าตนไม่ใช่นกสองหัวแน่นอน เพราะตนต้องทำงานหาเงินมาเลี้ยงเด็กๆ ในสังกัดอีกหลายคน แต่ยังไง “คุณแดง” ถือว่าเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดสำหรับตนอยู่เสมอ
“ถ้าจะบอกว่าเราเป็นนกสองหัว ไปได้ทั้งช่อง 3 ช่อง 7 อันนี้ต้องพูดเรียนตามตรงว่า ย้อนไปถึงอดีตเราเป็นผู้จัดการ 2 คน ถ้าจำ “แองจี้ เฮสติ้ง” ได้ จริงๆ แล้วแองจี้มาก่อน ป๋อ ณัฐวุฒิอีก เอพาแองจี้ไปเล่นเรื่องยอดชีวัน กับคุณดา หทัยรัตน์ และหลังจากนั้นจึงเอาป๋อมาเซ็นช่อง 7 แต่ภาพของแองจี้มันไม่ชัดเจนเท่ากับภาพที่เราเป็นผู้จัดการดาราช่อง 7 เพราะฉะนั้นจะมาพูดว่าเป็นนกสองหัวไม่ได้ เพราะว่านี่คือการทำมาหากิน”

“ซึ่งเราก็อธิบายกับทางคุณแดงว่า ตอนนี้ที่บ้านเอมีน้องๆ ที่มาอยู่ด้วยประมาณ 18 คน วันๆ เราออกมาข้างนอกเพื่อจะทำมาหากิน เพื่อจะไปเลี้ยงเด็กเหล่านั้น เพื่อจะให้เป็นบุคลากรและเพื่อให้มีอะไรใหม่ๆ กับวงการบันเทิง เราก็ต้องทำมาหากินหลายแขนง เพื่อจะไปเลี้ยงชีพเด็กเหล่านั้น ซึ่งคุณแดงท่านก็เข้าใจนะครับ แต่มีอะไรก็ต้องพูดคุยและให้เกียรติซึ่งกันและกันครับ”

“ก็อยากอธิบายครับว่าไม่ได้เป็นนกสองหัว เพราะว่าอาชีพของเอไม่ได้กินเงินเดือนประจำ แต่ความสำคัญทุกอย่างที่ทำให้มีเอ ศุภชัยวันนี้ก็คือ สุรางค์ เปรมปรีดิ์ เพราะฉะนั้น สุรางค์ เปรมปรีดิ์ก็คือบุคคลที่เราต้องให้ความสำคัญที่สุด แต่ทุกวันนี้ถ้าให้เปรียบเทียบง่ายๆ เลยก็คือเปรียบเทียบกับดิน เมล็ดข้าวบางเม็ดก็เหมาะกับดินบางที่ ถ้าดินบางที่เอาไปหว่านที่ช่อง 7 แล้วคุณแดงไม่เอา ก็เหมือนกับงาที่เราปลูกในดินแบบนี้แล้วไม่ดี เราก็ต้องเอาไปหย่อนที่ดินอีกแบบหนึ่งและมันอาจจะขึ้นก็ได้ ซึ่งเปรียบเทียบได้แบบนี้มากกว่า ถ้าเราคิดว่าเราดันทุรังว่าคุณแดงต้องเอา แต่ถ้าไม่เอาเด็กเราก็ไม่ได้ทางที่จะไป เพราะฉะนั้นงานของเราคือต้องดันเด็กที่เราเอามาดูแลให้ถึงจุดมุ่งหมายให้ได้มากที่สุดครับ”

“หรืออย่างมาริโอ้ที่เซ็นกับช่อง 3 จริงๆ แล้วช่อง 3 เขาติดต่อกันมาก่อนที่โอ้จะมาให้เอเป็นที่ปรึกษาซะอีก ตอนนี้ก็ยังขอยืนยันว่าเป็นแค่ที่ปรึกษานะครับ ไม่ใช่ผู้จัดการ เพราะโอ้เขาก็รู้จักกับพี่แดง ธัญญา พี่อ๊อฟ พงษ์พัฒน์ พี่จิ๋ม มยุรฉัตร คือเขารู้จักกันอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าวันที่เอพามาริโอ้เข้าไป แล้วพาป๋อไปด้วยมันไม่ใช่เลยครับ”

เผยว่าถ้าสมมติหนุ่ม “ป๋อ” จะย้ายไปจริงๆ ตนก็พร้อมตามไปดูแล และโต้ว่าเงิน 12 ล้านที่มีข่าวว่าช่อง 3 ทุ่มซื้อตัว “ป๋อ” นั่นไม่เป็นความจริงเลย
“สมมติถ้าป๋อไปช่อง 3 จริงๆ เราก็ยังต้องดูแลครับ เพราะเอกับป๋อเป็นสัญญาใจ ทุกคนก็เหมือนกันเป็นสัญญาใจหมด ไม่ได้เป็นสัญญากระดาษ ฉะนั้นการที่เขาจะทำอะไร เขาจะเป็นยังไงก็แล้วแต่ เราก็จะอยู่เคียงข้างเขา แต่จริงๆ มันก็เป็นจุดลำบากใจสำหรับตัวเอง สำหรับคำตอบ สำหรับอะไรทุกๆ อย่างที่ไม่สามารถให้ความกระจ่างกับน้องๆ นักข่าวได้ เพราะที่ผ่านมามีอะไรก็จะพูดได้หมด แต่บางครั้งวันนี้เราไม่สามารถตอบได้หมด เพราะว่าตัวเราไม่ใช่คนที่จะตัดสินใจ”

“ส่วนเรื่องเงิน 12 ล้านบาทที่ว่าช่อง 3 ซื้อตัวนั้นคือเก่าแล้วนะครับ เพราะล่าสุดที่ได้ยินมีข่าวว่า 80 ล้าน(หัวเราะ) คือต้องบอกความจริงเลยว่า ถ้าป๋อได้รับการติดต่อเรื่องจำนวนเงินมาป๋อน่าจะคุยกับเอบ้างนะ แต่นี่ป๋อไม่เคยคุยถึงเรื่องเงินเลยแม้แต่บาทเดียว ไม่เคยคิดเลย และไม่เคยพูดถึงเรื่องการที่จะกับช่อง 3 หรืออะไรเลย อันนี้ก็ต้องบอกตามความจริงว่าเรื่อง 12 ล้านไม่จริงครับ จากที่รู้ไม่จริงร้อยเปอร์เซ็นต์”