xs
xsm
sm
md
lg

“แหม่ม” ซึ้ง "นก" บวชช่วยพ่อป่วยอัมพฤกษ์ ยันโนรีเทิร์น หวั่นเจอปัญหาซ้ำรอยเดิม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


“แหม่ม” สุดปลื้ม “นก” บวชอนุโมทนาบุญให้พ่อที่ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ รับผลบุญส่งทำให้พ่อหน้าตาสดใสขึ้น แต่ยันไม่คิดรีเทิร์นอดีตแฟน เพราะหวั่นมีปัญหาซ้ำรอยเดิม

ถึงกับน้ำตาปริ่มเลยทีเดียว สำหรับดาราสาว “แหม่ม วิชุดา พินดัม” ที่เปิดใจถึงผู้กำกับละครซิทคอม “เป็นต่อ” อย่าง “นก จิระศักดิ์ โย้จิ้ว” อดีตแฟนหนุ่ม ที่ยอมบวชเป็นครั้งที่สองเพื่ออนุโมทนาบุญให้กับคุณพ่อของเธอที่ล้มป่วยเป็นโรคอัมพฤกษ์ โดย "แหม่ม" เผยว่าอดีตแฟนเพิ่งสึกออกมาหมาดๆ หลังบวชได้ 11 วัน และผลบุญในครั้งนี้ได้ส่งผลทำให้พ่อมีหน้าตาสดใสขึ้นทันตาเห็น

“ตอนนี้พี่นกสึกเรียบร้อยแล้ว บวชทั้งหมด 11 วัน จากตอนแรกจะแค่ 9 แต่ ณ ตอนนั้นท่านบอกว่าอีกนิดนึงซึ่งฤกษ์ดีกว่า และคุณพ่อก็จะดีขึ้นจะได้เยอะขึ้นอีก ซึ่งที่พี่นกบวชครั้งนี้ก็คืออนุโมทนาบุญส่วนนึงให้พ่อแหม่ม พี่นกช่วยโดยที่ไม่ใช่ลูกไม่ใช่หลานด้วย ตอนที่พี่นกมาบอกว่าจะบวชเราก็งงนะ คิดว่าพูดจริงหรือพูดเล่น เพราะพี่นกเป็นคนที่รักงานมาก 80% ของชีวิตคือการทำงาน และไม่ทิ้งงาน แต่นี่เขายอมปล่อยงาน 11 วัน ตอนนี้คุณพ่อแหม่มก็สดชื่นมาก ทำไมสดชื่นอย่างนี้ ท่านหน้าใสกว่าเราอีก ขาดอย่างเดียวเดินไม่ได้ ท่านอายุ 68 ป่วยเป็นอัมพฤกษ์ข้างนึง”

“ความรู้สึกแหม่มที่พี่นกบวชมันบอกไม่ถูก ถ้าแหม่มเป็นลูกผู้ชายก็คงบวชไปแล้ว เหมือนอย่างที่พี่บอย ถกลเกียรติบวชให้คุณพ่อ ซึ่งท่านก็ดีขึ้นมาก คือเรารักษาพ่อมาทุกวิธี หาทุกหมอเปลี่ยนมาไม่รู้เท่าไหร่ หมดสมองเสียค่าโง่ เสียค่าอะไรทุกสิ่งทุกอย่าง แต่แหม่มไม่ได้มองว่ามันเลวร้ายนะ เพราะถึงพ่อจะเดินไม่ได้ แต่พ่อไม่มีโรคแทรกซ้อนแหม่มถือว่าดี แต่มันอาจจะยังไม่ถึงที่สุดที่จะปกติ ถ้าเรามองในแง่ดีก็คือดีแล้ว”

“สิ่งที่เราทำทั้งหมดนี่พ่อได้หมดเลย แต่เราอยากให้ท่านอยู่กับเรานานกว่านี้อีก และอย่ามีโรคแทรกซ้อนเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นไปได้ขยับอะไรได้บ้างก็ดี เลยมาคิดว่าถ้าเป็นผู้ชายก็อยากจะบวช เพราะวิธีนี้เป็นอีกวิธีนึงที่น่าจะช่วย มันเหมือนโรคเวรโรคกรรม ซึ่งพอพี่นกทราบก็เลยบอกโอเค เขาเคยบวชให้พ่อให้แม่ของเขาไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขาจะบวชให้คุณพ่อของแหม่ม และจะไปศึกษาธรรมะด้วย”

เปรยครอบครัวไม่มีใครเชียร์ให้รีเทิร์นรัก "นก" บอกถ้าคบเป็นแฟนแล้วมีปัญหามาก ก็ขอเป็นเพื่อนกันอย่างนี้ตลอดไป

“ท่านเชียร์ให้กลับมาคืนดีกันมั้ย พ่อไม่พูดเลย พูดน้อยมากเพราะพ่อขี้เกียจพูด ส่วนคุณแม่ก็เป็นคนพูดเยอะ แต่ไม่พูดเรื่องนี้เลย(หัวเราะ) เหมือนคนที่ใกล้ชิดกันมากที่สุดจะไม่ค่อยถามเรื่องนี้ แต่คุณแม่จะขอบคุณพี่นกมาก คุณพ่อก็ร้องไห้ซึ้งใจมาก”

“ส่วนตัวแหม่มเองรู้สึกว่า บางทีคนเราถ้าอยู่ด้วยกันแบบแฟน แล้วมันอยู่ด้วยกันได้น้อยกว่า ความสุขมันน้อยกว่า มันก็ไม่จำเป็นต้องคบกันเป็นแฟน ถ้าที่ผ่านมาเราเป็นแฟน และมองว่ามันยังไม่พอ หรือมันยังมีอะไรก็แล้วแต่รบกวนเรามากเกินไป แต่เราเป็นแบบนี้กันแล้วเรื่องรบกวนมันน้อยลง เราคบกันแบบนี้ไปก็ได้ เพราะตัวแหม่มเองก็ยังไม่ได้อยากมีแฟน และแหม่มก็ไม่ได้มองว่าการตอบแทนบุญคุณของพี่นกในครั้งนี้ จะเป็นการกลับไปคืนดีกันแล้วมันจะเป็นการตอบแทน ซึ่งมันอาจจะเป็นการทำบาปก็ได้ เพราะกลับไปคืนดีกัน อาจจะมีเรื่องวุ่นวายปวดหัวอีกก็ได้ ฉะนั้นเราต้องค่อยๆ มอง ค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไป”

“คนเราบางทีคบกันอาจจะเป็นเพื่อนอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต และวันสุดท้ายวันนั้นเราอาจจะหันไปมองว่า จริงๆ แล้วเราเป็นแฟนกันมาตลอดเวลาเลย เพียงแต่เราไม่ได้บอกว่าเป็นแฟนกัน ตกลงคำว่าแฟนคืออะไรก็ไม่รู้ ก็เลยคิดว่าคนเป็นแฟนกัน ก็คือคนที่อยู่ด้วยกันแบบเพื่อน ไปไหนมาไหนกัน เหมือนพ่อแม่เราที่อยู่ด้วยกัน”

เผยเหตุการณ์เมื่อครั้งทะเลาะกับ "ปราย ธนาอัมพุช" พิธีกรรายการ "แจ๋ว" เป็นข่าวแรงที่สุดในชีวิต ลั่นจะจำไว้เป็นบทเรียน ทำให้ชีวิตตอนนี้ไม่คาดหวังอะไร และอยากทำเพื่อคนอื่นมากขึ้น

“ตอนนี้มีความรู้สึกว่าอยากทำเพื่อคนอื่น ไม่อยากมองว่าชีวิตฉันไม่มีความสุขเลย ฉันอยากมีแฟน อยากไปดูหนัง ฟังเพลง กินข้าว ให้เขาซื้อนั่นซื้อนี่ให้ฉัน คือไม่อยากนึกถึงอะไรที่ตัวเองอยากได้ อยากจะรู้สึกว่าวันนี้ว่างทำอะไรให้คนอื่นได้บ้าง อันนี้ไม่ได้ดัดจริตพูดนะ แต่คิดอย่างนั้นจริงๆ รู้สึกว่าเวลามันเหลือน้อยลงเรื่อยๆ เวลาเราคิดเพื่อตัวเองทีไรแล้วจะไปคาดหวัง ซึ่งมันจะทำให้เรามีปัญหากับคนอื่น เพราะเวลาที่เขาทำอะไรไม่ได้ดั่งใจเรา หรือทำอะไรให้เรารู้สึกเสียใจ เราจะทะเลาะกับเขา แต่ถ้าเราไม่คาดหวัง เราก็จะไม่ทะเลาะกับเขา แล้วเราก็จะไม่มีปากเสียง”

“ที่ผ่านมาเหมือนแหม่มไปคาดหวังว่าเราดีกับเขา เขาต้องดีกับเรา แต่พอเขาทำร้ายเรา อ้าวเฮ้ยดีด้วยแล้วทำไมไม่ดีกลับล่ะ มันเลยกลายเป็นการขัดแย้ง กลายเป็นศัตรูกันไป ถ้าตอนนั้นแหม่มมองว่า เราดีกับเขาถึงที่สุดแล้ว และเขาทำร้ายเรากลับมาหรือไม่ดีกับเรา เราก็มองว่ามันคงเป็นเรื่องของกรรม แทนที่เขาจะเลิกทำไปเอง และไม่ต้องทะเลาะกันก็จบกันไป แหม่มก็เลยมองว่าต่อไปนี้มันเป็นเรื่องของกรรมแล้วกัน ใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ อย่าไปตอบโต้ดีกว่า มันผิดที่เราเองแหละที่เราไปเซ้นซิทีฟกับมัน”

“บางสิ่งบางอย่างที่เขาเอาของๆเราไปแล้วไม่คืน ก็ถือซะว่าชาติที่แล้วเราเอาของเขามา ก็ไม่ต้องทวง เพราะทวงไปมันก็เป็นเรื่อง เรื่อง เราไปคาดหวังให้เป็นอย่างที่เราต้องการ ก็เลยรู้สึกว่าถ้าต่อไปนี้เราหวังอยากทำอะไรดีๆ ให้คนอื่น มันคงไม่เป็นเรื่องแล้วล่ะ ในชีวิตแหม่มมีเรื่องแรงสุดก็เรื่องนี้แหละ แหม่มมองว่าเราผิดเองที่ไปคาดหวังเขาว่าจะต้องเป็นอย่างที่เราต้องการ”






เกาะติดข่าวบันเทิงและร่วมวงเมาท์ดารากับ “ซ้อ7” ก่อนใคร ผ่าน SMS โทรศัพท์มือถือทุกเครือข่าย
ระบบ dtac - เข้าเมนู write Message พิมพ์ R แล้วส่งไปที่หมายเลข 1951540
ระบบ AIS - กด *468200311 แล้วโทร.ออก
ระบบ True Move และ Hutch - เข้าเมนู write Message พิมพ์ ENT แล้วส่งไปที่หมายเลข 4682000
*ค่าบริการเพียง 29 บาท ต่อเดือน ทดลองใช้ฟรี 15 วัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่ คลิก

ขอบคุณภาพจากสยามดารา




กำลังโหลดความคิดเห็น