ป.ป.ส.จับแก๊งยาเสพติดรายใหญ่เครือข่าย “อาซัน” ยึดของกลางยาไอซ์หนัก 15 กิโลกรัม มูลค่า 75 ล้านบาท หลังสืบทราบมีการนัดส่งยาริมถนนพหลโยธิน จ.ปทุมธานี ก่อนวางแผนจับกุมรวบผู้ต้องหาได้ 6 ราย เผยปริมาณที่จับได้สูงที่สุดในรอบปี พร้อมยึดทรัพย์แล้วกว่า 1 ล้าน เชื่อน่ายึดทรัพย์ได้มากว่านี้เตรียมขยายผลต่อ
วันนี้ (14 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น.ที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) พล.ต.ท.กฤษณะ ผลอนันต์ เลขาฯ ป.ป.ส. พล.ต.ต.อติเทพ ปัญจมานนท์ รอง ผบช.ปส. พล.ร.ท.อภิวัฒน์ ศรีวรรธณะ ผช.ผอ.ปปส.ทร. ร่วมกันแถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดรายใหญ่ทางภาคเหนือ เครือข่ายของนายจิระศักดิ์ ฉัตรวรนิติ หรืออาซัน ทาง บช.ปส.ได้อายัดทรัพย์สินกว่า 200 ล้านบาท ไปเมื่อปี พ.ศ.2551
โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายได้ทั้งสิ้น 6 คน ประกอบด้วย นายยุทธพงษ์ รักทอง อายุ 32 ปี นายนรุตม์ เขียวไทย อายุ 24 ปี นายสนิท เขียวไทย อายุ 52 ปี นายศิริ เขียวไทย อายุ 44 ปี นายหย่งเลียง หรือ อาเหลี่ยง แซ่หวัง อายุ 43 ปี และนางนิภา ปิ่งแหลง อายุ 27 ปี พร้อมของกลางยาไอซ์น้ำหนักประมาณ 15 กิโลกรัม อาวุธปืนขนาด .38 ไม่มีทะเบียน พร้อมกระสุนจำนวน 1 กระบอก รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า พรีลูด สีขาว หมายเลขทะเบียน ฉฉ-4592 กทม. รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ หมายเลขทะเบียน ถบ-1342 กทม. และรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค สีขาว หมายเลขทะเบียน ภล-3960 กทม.
พล.ต.ท.กฤษณะ เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางสำนักงาน ป.ป.ส.กับ บช.ปส.ได้สืบสวนพฤติกรรมของนายจิระศักดิ์ ฉัตรวรนิติ หรืออาซัน จนพบว่าเครือข่ายนี้จะมีการลำเลียงยาเสพติดทั้งเฮโรอีน และยาบ้า จากพม่าไปลาว และจะกระจายให้ลูกค้าในไทย กัมพูชา มาเลเซีย เวียดนาม ไต้หวัน จนกระทั่งปี 46 นายอาซันได้หลบหนีหมายจับของทางการไทย 6 หมาย ไปตั้งฐานการค้ายาเสพติดในลาว และให้นางกวงหล้น เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวยูนานย่านห้วยขวาง เป็นคนประสานงานควบคุมการส่งยา และตัวกลางในการโอนเงินให้กับเครือข่าย แต่ทางเจ้าหน้าที่ก็สามารถจับกุมผู้ต้องหาเครือข่ายนี้ได้ถึง 17 คดี ผู้ต้องหา 49 คน เฮโรอีน 188.7 กิโลกรัม ยาบ้า 7,535,000 เม็ด ยึดทรัพย์สินได้ร่วม 200 ล้านบาท และทางการฟิลิปินส์ก็สามารถยึดยาไอซ์ น้ำหนัก 296 กิโลกรัม ของอาซันที่ถูกส่งจากพม่าไปกรุงมะนิลาได้อีกด้วย
พล.ต.ท.กฤษณะ กล่าวต่อว่า ต่อมานายจิรศักดิ์ หรืออาซัน ถูกทางการจีนจับกุมได้เมื่อวันที่ 27 ม.ค.48 พร้อมทั้งส่งตัวกลับมาดำเนินคดีในไทย ซึ่งภายหลังเจ้าตัวถูกศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต ซึ่งขณะนี้คุมขังอยู่ในเรือนจำบางขวาง แดน 10 แต่นางกวงหล้น ลูกน้องในเครือข่ายยังดำเนินการค้ายาเสพติดอยู่อย่างต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่จึงสืบสวนตลอดมาจนกระทั่งเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่สืบทราบว่านางกวงหล้นจะนำยาไอซ์ไปจำหน่ายให้กับลูกค้าชาวต่างชาติเท่านั้น โดยเฉพาะชาวจีน ถึง 15 กิโลกรัม โดยมีการนำเงินส่วนหนึ่งไปมัดจำในการสั่งซื้อยาไอซ์ไว้ก่อนแล้ว
พล.ต.ท.กฤษณะ กล่าวต่อว่า เมื่อวานนี้ (13 ส.ค.) เจ้าหน้าที่สืบทราบว่าจะมีการนัดส่งมอบยาไอซ์จำนวนดังกล่าวที่บริเวณหน้าศูนย์เชียงกง-ฮุนได ริมถนนพหลโยธินขาออก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เจ้าหน้าที่จึงวางแผนเข้าจับกุม จนกระทั่งสามารถจับกุมนายยุทธพงษ์ได้เป็นคนแรก ขณะขับรถฮอนด้า พรีลูด มาส่งยาไอซ์ 15.066 กิโลกรัม โดยเจ้าตัวเตรียมปืนขนาด บรรจุกระสุนไว้พร้อมต่อสู้เจ้าหน้าที่ด้วย ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ก็จับกุมนายนรุตม์ กับนายสนิทและนายศิริ ผู้เป็นพ่อและอาของนายนรุตม์ ขณะขับรถกระบะโตโยต้า วีโก้ สีดำ และรถเก๋งฮอนด้าซีวิค มาช่วยดูต้นทางในการส่งมอบยาไอซ์
เลขาฯ ป.ป.ส.กล่าวต่อว่า จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ขยายผลจนสามารถจับกุมนายหย่งเลียง ที่มารอรับเงินค่ายาส่วนที่เหลือ ได้ที่ห้อง 1223 โรงแรมเจ้าพระยาปาร์ค ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขตดินแดง พร้อมทั้งจับกุมนางนิภา ซึ่งน้องสาวนางกวงหล้น ตัวการใหญ่ ได้พร้อมยาไอซ์จำนวน 2 กรัม ที่ร้านภูผาตั้ง เลขที่ 74/42-43 หมู่ 9 ต.บางกระสอ อ.เมือง จ.นนทบุรี ซึ่งเปิดเป็นร้านอาหารเพื่อบังหน้า ซึ่งขณะเข้าจับกุมนางนิภานั้น นางกวงหล้นสามารถหลบหนีไปได้ แต่ขณะนี้เจ้าหน้าที่พอทราบได้แหล่งซ่อนตัวของผู้ต้องหาแล้ว คาดว่าจะสามารถจับกุมตัวมาดำเนินคดีได้ในเร็วๆ นี้
พล.ต.ท.กฤษณะ กล่าวด้วยว่า สำหรับการจับกุมยาไอซ์ในครั้งนี้นั้น ถือว่ามีปริมาณสูงสุดในรอบปี และมีมูลค่าขายปลีกใน กทม.ถึง 75 ล้านบาท นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังสามารถยึดทรัพย์สินจากกลุ่มผู้ต้องหาได้ในเบื้องต้นเป็นมูลค่า 1 ล้านบาท และเชื่อว่าจะยึดได้มากกว่านี้ และเจ้าหน้าที่จะขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีต่อไป