ส.ส.ประชาธิปัตย์แจ้งจับ “แก๊งหัวขวด” ล่าชื่อช่วยพ่อแม้ว หมิ่นศาล!

“วัชระ เพชรทอง” แจ้งจับ 3 เกลอหัวขวด ฐานดูหมิ่นศาลขัดขวางการพิจารณา ล่ารายชื่อถวายฎีกาช่วย “พ่อแม้ว” อย่างผิดกฎหมาย พร้อมนำแบบฟอร์มล่ารายชื่อถวายฎีกามาเป็นหลักฐาน ระบุ 3 เกลออ้างล่าชื่อได้ 5 ล้าน เป็นการบีบบังคับ กดดัน และไม่บังควรอย่างยิ่ง



คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายวัชระ เพชรทอง ให้สัมภาษณ์

วันนี้ (13 ส.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น. ที่ สน.ดุสิต นายวัชระ เพชรทอง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าพบ ร.ต.ต.ภานุทัต นันสะอาง พนักงานสอบสวน (สบ 1) สน.ดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ผู้ใดดูหมิ่นศาลหรือผู้พิพากษาในการพิจารณาหรือพิพากษาคดีหรือกระทำการขัดขวางการพิจารณาหรือพิพากษาของศาล หลังจากทั้ง 3 คน เป็นแกนนำในการล่าชื่อถวายฎีกาช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างผิดกฎหมาย โดยมี พ.ต.ท.ทินกร สมวันดี รอง ผกก.สส.สน.ดุสิต ร่วมทำการสอบปากคำ

นายวัชระเปิดเผยว่า วันนี้ตนเดินทางมาในฐานะ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อตัวการที่ดำเนินการล่ารายชื่อถวายฎีกาของกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตโฆษกรัฐบาล โดยในวันนี้ตนได้เขียนลงในแบบฟอร์มจากหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน ที่รัฐสภา และนำมาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.ดุสิต เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนพฤติกรรมของกลุ่มผู้กระทำผิดที่ดำเนินการกดดัน และบีบบังคับสถาบันพระมหากษัตริย์

นายวัชระกล่าวต่อว่า แบบฟอร์มในหนังสือพิมพ์ ASTV ผู้จัดการรายวัน ชี้ให้เห็นว่า แกนนำทั้ง 3 คนกับพวก มีความผิดตามมาตรา 189 และ 198 แต่ในส่วนของตนที่มาแจ้งความในวันนี้จะแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนในมาตรา 198 เท่านั้น ซึ่งมีโทษความผิดที่หนักกว่ามาตรา 189 เพราะการที่กลุ่มนี้อ้างว่าสามารถล่ารายชื่อได้ถึง 5 ล้านรายชื่อนั้น เท่ากับเป็นการบีบบังคับ กดดัน และเป็นการไม่บังควรอย่างยิ่งที่จะกระทำการดังกล่าว ตนเป็น ส.ส.มีหน้าที่ดำเนินการตามกฎหมาย และไม่อาจจะนิ่งเฉยหรือนิ่งดูดายได้ จึงขอเป็นตัวแทนพ่อแม่พี่น้องประชาชน มาแจ้งความในวันนี้

นายวัชระกล่าวด้วยว่า กลุ่มคนเสื้อแดงไปล่ารายชื่อพี่น้องประชาชนในชนบท พร้อมบอกว่า หากต้องการให้ทักษิณกลับมาให้ช่วยมาลงชื่อให้มากๆ ซึ่งตนเชื่อว่าพี่น้องประชาชนส่วนใหญ่ที่หลงเชื่อไปลงชื่อนั้น ไม่ได้อ่านรายละเอียดในฎีกาดังกล่าว และกลุ่มที่ดำเนินการก็ไม่ได้อ่านรายละเอียดของฎีกาดังกล่าวให้พี่น้องประชาชนฟัง แต่กลับเรียกร้องให้พี่น้องประชาชนมาลงชื่อให้เยอะๆ เพื่อให้ทักษิณกลับประเทศไทยในฐานะผู้บริสุทธิ์เท่านั้น

“ขอถามว่าถ้าเป็นผู้บริสุทธิ์จริง ทำไมต้องหนีศาล ผู้บริสุทธิ์ทำไมต้องหนีการพิจารณาของกระบวนการยุติธรรม ทักษิณอย่าได้ใช้อำนาจเงินมาใครในประเทศนี้อีกต่อไป ทักษิณอาจจะใช้เงินซื้อคนบางคนได้ ทักษิณอาจจะชอบคนที่ทำตัวเป็นนกเอี้ยง แต่ผมเชื่อว่าทักษิณไม่สามารถใช้เงินซื้อคนทั้งประเทศไทยได้” ส.ส.พรรประชาธิปัตย์ กล่าวทิ้งท้าย

ด้าน พ.ต.ท.ทินกร กล่าวว่า เบื้องต้นจะสอบปากคำผู้แจ้งความร้องตามความประสงค์เอาไว้ หลักจากนั้นก็จะแจ้งให้ผู้บังคับบัญชารับทราบ ส่วนเรื่องการดำเนินคดีนั้นก็ต้องว่ากันไปตามพยานหลักฐาน